อนุสาวรีย์ที่เล็กที่สุดในโลก

กระทู้คำถาม

ประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ศิลป์ หน้าต่างโลก

เมืองTomsk ของรัสเซียเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์สาธารณะที่เล็กที่สุดในโลกนั่นคือ กบสีบรอนซ์ตัวเล็ก ๆนั่งอยู่บนหินกลมเรียบ ประติมากรรมมีความสูงเพียง 44 มม. สถานที่น่าสนใจนี้มีชื่อว่า "อนุสาวรีย์กบนักเดินทาง" (the monument to the frog-traveler) ถูกนำมาตั้งในปี 2013 ใกล้ทางเข้าด้านหน้าของโรงแรมแห่งหนึ่ง สร้างโดย Oleg Kislitsky ที่ต้องการสร้างอนุสาวรีย์ที่อุทิศให้กับนักเดินทาง และตัดสินใจว่านักเดินทางกบจะเป็นตัวแทนที่เหมาะสมกับความคิดของเขา

เรื่องราวของกบนักเดินทางมีอยู่ว่า -กบบินไปทางทิศใต้กับนกกระสาที่บอกว่ามีหนองน้ำที่สวยงาม โดยอมกิ่งไม้ที่นกคาบไว้ในจะงอยปากทั้งสองด้าน
เมื่อผู้คนบนโลกเห็นสิ่งผิดปกตินี้ก็เริ่มชื่นชมว่านกฉลาดมีไหวพริบ แต่กบกลับตะโกนว่านี้เป็นความคิดของมันไม่ใช่ของนก ในทันทีที่พูดเสร็จก็หล่นตกลงไปถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในรัสเซียจากงานเขียนของ Vsevolod Garshin นักเขียนชื่อดังชาวรัสเซีย

Animation แรกของ the frog-traveler จากแรงจูงใจในเทพนิยายของ Vsevolod Garshin ชื่อ "Frog the traveller" กำกับโดย Vyacheslav Kotyonochkin , Aleksandr Trusov สหภาพโซเวียต, 1965 (Cr.https://mubi.com/films/frog-the-traveller)

ก่อนที่จะมีการเปิดเผยรูปปั้นกบ มีอนุสาวรีย์ที่เล็กที่สุดในโลกอีกแห่งหนึ่งที่เมือง St. Petersburg ในรัสเซีย มันคือรูปปั้นนกสำริดขนาดเล็กของ siskin
( chizhikในภาษารัสเซีย) ซึ่งเป็นนกที่เกี่ยวข้องกับนกฟินช์ มีความสูง 11 เซนติเมตรซึ่งคนในท้องถิ่นรู้จักกันในชื่อ Chizhik-Pyzhik ตามเพลงพื้นบ้านของรัสเซีย โดยเกาะอยู่บนหิ้งในผนังเขื่อนของแม่น้ำFontanka รูปปั้นนกตัวเล็ก ๆนี้ถูกบดบังด้วยรูปปั้นที่ยิ่งใหญ่ทั่ว St. Petersburg โดยไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวสังเกตเห็น

รูปปั้นถูกสร้างโดย Rezo Gabriadze ประติมากรชาวจอร์เจียในปี 1994 จากการริเริ่มของ Prince Pyotr Oldenburgsky (เจ้าชายปีเตอร์แห่งโอลเดนเบิร์ก) ที่ได้ก่อตั้งโรงเรียนนิติศาสตร์อิมพีเรียลโดยสวมเครื่องแบบสีเหลือง - เขียวซึ่งมีลักษณะคล้ายกับขนของนก siskin ในประเพณีท้องถิ่นเล่าว่าใครก็ตามที่สามารถโยนเหรียญตกลงไปบนหิ้งได้โดยไม่ตกลงไปในน้ำถือเป็นความโชคดี แต่จริงๆแล้วรูปปั้นนั้นไม่ได้นำมาซึ่งโชคดีอะไรและที่ผ่านมายังถูกขโมยไปอย่างน้อยถึงสามครั้ง

นี่อาจเป็นรูปปั้นที่เล็กที่สุดที่มีชื่อว่า Järnpojke หรือ Iron Boy มีความสูง 15 เซนติเมตร ตั้งอยู่ในสวนหลังบ้านของโบสถ์ฟินแลนด์ในสตอกโฮล์มประเทศสวีเดน เป็นรูปสลักของเด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่นั่งชันเข่าอยู่ในอ้อมกอด ถูกสร้างขึ้นศิลปินชาวสวีเดน Liss Eriksson ในปี 1967 และมีชื่อว่า "เด็กน้อยที่มองดูดวงจันทร์" (Little boy who looks at the moon) แต่ผู้คนเรียกมันว่า Järnpojke

Liss Eriksson มีสตูดิโอที่มองออกไปเห็นจัตุรัสของโบสถ์ที่ค่อนข้างเงียบสงบซึ่งนักท่องเที่ยวไม่ค่อยรู้จัก หลังจากใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นหลายปีเขาจึงตัดสินใจทำอะไรบางอย่างเพื่อเพิ่มสีสันให้กับมุมมองของเขา และเมื่อมี Järnpojke ผู้คนจำนวนมากทั้งในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวจะแวะมาเสมอ

เด็กเหล็กตัวนี้ได้รับของขวัญต่างๆตลอดทั้งปี บางครั้งก็เห็นเขาสวมหมวกแก๊ปหรือผ้าพันคอหรืออื่นๆตามสถานการณ์ปัจจุบันหรือสภาพอากาศ ผู้เยี่ยมชมยังทิ้งเหรียญ,ผลไม้ และซูชิไว้บนม้านั่งหินที่เขานั่ง รวมทั้งเหรียญจากประเทศต่างๆ เพราะเชื่อกันว่า Iron Boy จะมอบโชคดีให้กับผู้ที่ลูบหัวหรือให้ของขวัญเล็กน้อยแก่เขา

อนุสาวรีย์ที่เล็กที่สุดอีกแห่งในลอนดอน คือหนูสองตัวต่อสู้กันเพื่อแย่งชีส ตั้งอยู่บนชายคาสูงจากด้านข้างของอาคารที่สร้างขึ้นในปี 1861-62 เพื่อเป็นสำนักงานของพ่อค้าเครื่องเทศ ที่มุมถนน Philpot Lane ที่ Eastcheap อนุสรณ์สถานดังกล่าวมีอายุย้อนไปถึงการสร้างรูปปั้นในปี 1862

เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อคนงานก่อสร้างที่กำลังก่อสร้างอนุสาวรีย์การดับเพลิงใหญ่แห่งลอนดอนสองคนทะเลาะกัน เมื่อคนหนึ่งกล่าวหาว่าอีกคนขโมยอาหารกลางวันของเขาไป จนนำไปสู่การทะเลาะวิวาทบนนั่งร้านและเกิดเหตุสลดใจจนตกลงมาเสียชีวิต ต่อมาพบว่าเป็นหนูคือผู้ร้ายที่เอาอาหารไป กล่าวกันว่าจากนั้นคนงานที่เหลือได้ทิ้งประติมากรรมจิ๋วนี้ไว้บนอาคารเพื่อเป็นเกียรติแก่พวกเขา

คนแคระสามคนตาบอดคนหนึ่งนั่งรถเข็นและคนที่มีปัญหาในการได้ยิน - หน้าศาลาว่าการเก่าใน Wroclaw

แสดงให้เห็นภาพของ Wroclaw เป็นเมืองที่เป็นมิตรกับผู้พิการ Cr.ภาพ Piotr / Flickr

รูปปั้นคนแคระสำริดขนาดเล็กหลายร้อยชิ้นกระจายอยู่ทั่วเมือง Wroclaw ประเทศโปแลนด์ พวกมันเริ่มปรากฏตัวตามท้องถนนในปี 2005 แต่รากฐานต้องย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษที่ 1980 เป็นการเคลื่อนไหวใต้ดินต่อต้านคอมมิวนิสต์ที่เรียกว่า Orange Alternative

ในช่วงนั้น โปแลนด์ยังคงอยู่ภายใต้การปกครองของคอมมิวนิสต์ Orange Alternative ที่เริ่มต้นใน Wroclaw เพื่อเป็นหนทางในการประท้วงอย่างสันติเพื่อต่อต้านระบอบเผด็จการ กลุ่มนี้พบวิธีที่สร้างสรรค์ในการจัดเวทีประท้วงซึ่งมักมีความก้ำกึ่งกับความบ้า เช่นแต่งตัวเป็นคนแคระ และวาดภาพคนแคระบนสัญลักษณ์คอมมิวนิสต์ไปทั่วเมือง

แนวคิดคือการใช้องค์ประกอบที่ไร้สาระ เพื่อไม่ให้ผู้เข้าร่วมถูกตำรวจจับได้ การเคลื่อนไหวดังกล่าวแพร่กระจายไปยังเมืองอื่น ๆรอบ ๆโปแลนด์เช่น Warsaw, Łódź, Lublin, และ Tomaszów Mazowiecki ในที่สุดก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการสมานฉันท์ที่ใหญ่ขึ้นซึ่งนำไปสู่การล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์ในโปแลนด์

ในปี 2001 เมือง Wroclaw ได้วางรูปปั้นคนแคระตัวแรกที่เรียกว่า“ Papa Dwarf” เพื่อเป็นเกียรติแก่ Orange Alternative สี่ปีต่อมาเมืองนี้ได้มอบหมายให้ศิลปินท้องถิ่นสร้างขึ้นมาอีกห้าตัว ตั้งแต่นั้นมาก็มีคนแคระใหม่ๆโผล่ขึ้นมาทั่วเมือง แม้ว่าตัวเลขอย่างเป็นทางการจะอยู่ที่ 163 แต่มีรูปปั้นคนแคระมากกว่า 350 ตัวใน Wroclaw และขณะนี้การล่ารูปปั้นคนแคระเป็นกิจกรรมยอดนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวใน Wroclaw

"Frog the traveller" เวอร์ชั่นปี1996
ผู้กำกับ: Valentin Karavaev
เรื่องโดย: Vsevolod Garshin
ประพันธ์ดนตรีโดย: Yevgeny Krylatov
การถ่ายภาพยนตร์: Sergey Khlebnikov