😁💪🌄THE GLOVES 2020 ถุงมือเรื่องสั้น#57 Week#16, 13 - 17 ตุลาคม "ปัญญา กับ พลวัต" ถุงมือชอบสีฟ้า-ขาว🌄✌️😎

กระทู้คำถาม
อมยิ้ม50
เริ่ม ถุงมือเรื่องสั้น สัปดาห์ที่ 16 ครับ วีคนี้เริ่มช้าเพราะกรรมการยุ่งกับการเดินทางสองวัน และถุงมือกวีก็มีมากถึงสิบกระทู้ ฉะนั้นเรื่องสั้นต้องมีอย่างน้อย 5 เรื่องให้ได้อ่านกันครับ 5 เรื่องมีแน่นอน แต่เรื่องที่ 6 ยังไม่แน่ครับ กรรมการขอดูสถานการณ์อีกที ^^

เรื่องแรกนี้เป็นเหมือนนิทานปรัมปรา ผู้เขียนใช้ชื่อตัวละครบางตัวและสถานที่สำคัญคล้ายชื่อในนวนิยาย "เพชรพระอุมา" แบบแบ่งแยกไปคนละส่วน (แสดงให้เห็นว่าผู้เขียนคงชื่นชอบนวนิยายเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย)

เริ่มเรื่องมีอยู่ว่าเจ้าเมืองๆ หนึ่ง บัญชาให้พี่น้องสองคนผู้เป็นหลานชายของตัวเองแข่งกันขุดเจาะสร้างอุโมงค์ยาวมากจากคนละด้านของภูเขาให้มาบรรจบกัน ณ จุดกึ่งกลางที่กำหนดไว้ ใครสร้างเสร็จก่อนคนนั้นชนะ ที่ยากและโคตรหินคือ ทั้งสองต้องทำงานแต่เพียงลำพังไม่มีคนช่วย! คนพี่ลงทุนลงแรงสุดๆ แต่คนน้องเหมือนไม่ทำอะไรเลย เวลาผ่านไปปีก็แล้วสองปีก็แล้ว ดูไม่มีอะไรคืบหน้า...

ผู้พี่กระหยิ่มยิ้มย่อง คิดว่าตนต้องชนะน้องชายแน่นอน เพราะน้องชายทำตัวเหมือน "กระต่าย" ที่มัวนอนหลับ รอให้ "เต่า" อย่างตนไปต่อเรื่อยๆ คงถึงจุดหมายปลายทางในที่สุด

สุดท้ายใครจะชนะใคร ติดตามกันได้เลยครับ ^^ อมยิ้ม36หัวใจ

อมยิ้ม49
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว... นานมากจนเกือบจะจำไม่ได้

มีเจ้าเมืองนครผู้ยิ่งใหญ่ผู้หนึ่ง ชื่อ เจ้ารพินทร์ ครองเมืองไพรวัลย์นคร ได้มีคำสั่งให้เรียกตัวหลานชาย 2 คน คือ ปัญญา และ พลวัต มาพบ แล้วท่านเจ้าเมืองก็ได้มอบภารกิจอันยิ่งใหญ่ ให้แก่หลานชายทั้ง 2 นั่นคือ การเจาะสร้างอุโมงค์ลอดภูเขา ยาวประมาณหนึ่งพันเส้น ( 40 กิโลเมตร , 1 เส้น เท่ากับ 40 เมตร ) เพื่อทำเส้นทาง จากหมู่บ้านเล็กๆ ที่ทุรกันดาร 3-4 แห่งที่อยู่อีกฟากหนึ่งของภูเขาเต่าพิมาย เชื่อมกับตัวเมืองที่มีความเจริญแล้ว เพื่ออุทิศให้กับบ้านเมือง และใช้เป็นเส้นทางลัดที่จะทำให้ชาวบ้านที่หมู่บ้านทุรกันดารห่างไกลเหล่านั้น ได้มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จากการนำผลผลิตทางการเกษตรที่เพาะปลูกไว้มาขายในเมืองได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และเมื่อเวลามีคนเจ็บไข้ได้ป่วย ก็สามารถพามารักษาในเมืองได้ทันท่วงที โดยมีการคาดการณ์ว่า ถ้าสร้างอุโมงค์นี้สำเร็จแล้ว จะใช้เวลาเดินทางจากฟากหนึ่งไปสู่อีกฟากเพียงแค่ 2 ชั่วโมง ในขณะที่ช่วงเวลานั้นยังคงต้องใช้เส้นทางเก่า ที่ต้องเดินลัดเลาะคดเคี้ยวไปมาเพื่ออ้อมภูเขา ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่าที่จะถึงอีกฟากหนึ่ง เกือบเป็นวันเลย

โดยท่านเจ้าเมืองกำหนดให้ทั้งสองคน ทำการเจาะสร้างอุโมงค์จากปลายเส้นทางทั้งสองด้านของภูเขาแล้วมาบรรจบกันที่กึ่งกลางพอดี ( คนละครึ่งเส้นทาง คือห้าร้อยเส้น หรือ 20 กิโลเมตร ) ใครก็ตามที่ทุบเจาะสร้างอุโมงค์ถึงจุดกึ่งกลางเส้นทางที่กำหนดก่อน หรือเลยกึ่งกลางของเส้นทางมาบรรจบกับอุโมงค์ของอีกฝ่าย แล้ววัดระยะทางได้มากกว่า ท่านเจ้าเมืองรพินทร์จะให้รางวัลเป็นการสืบทอดตำแหน่งเจ้าเมืองไพรวัลย์นครแห่งนั้นเป็นคนต่อไป จะได้เกษียณอายุอย่างร่ำรวย และมีความเป็นอยู่ที่สุขสบายหรูหราตลอดชีวิตโดยทันที  แต่มีข้อกำหนดว่า หลานชายทั้ง 2 คนต้องทุบเจาะสร้างอุโมงค์กัน เพียงตามลำพังเท่านั้น

ปัญญา และ พลวัต มีอายุ 18 ปี ทั้งคู่ พวกเขาทั้งสองรู้ดีว่างานสุดหินนี้ ต้องใช้เวลานานกว่าหลายปีจึงจะทำสำเร็จ

อย่างไรก็ตาม พวกเขารู้สึกตื่นเต้นกับความท้าทายครั้งนี้มาก และรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่เจ้าเมืองมีคำสั่งนี้

พวกเขาพอรับคำสั่งเสร็จแล้ว จีงพากันออกจากห้องโถงจวนของเจ้าเมือง และพร้อมที่จะลงมือเจาะสร้างอุโมงค์โดยทันที

พลวัตเริ่มทำงานด้านปลายของเส้นทางอุโมงค์ทางทิศใต้ (ฟากตัวเมือง) ทันที  เขาค่อยๆ ใช้ค้อนอันใหญ่ทุบ ทำลาย เจาะ สกัดก้อนหิน จากภูเขา แล้วจึงแบกยกก้อนหินที่ร่วงหล่น หลุดออกมาทีละก้อนๆ เอาออกไปกองไว้ที่อื่น เขาทำงานหนักอย่างนี้ไปเรื่อยๆ อย่างมุ่งมั่น เพื่อเจาะเปิดปากทางอุโมงค์ภูเขา

ไม่กี่เดือนต่อมา ปากทางอุโมงค์ด้านทิศใต้ของพลวัต ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ผู้คนพากันมาชุมนุมดูความมุมานะในการทุบเจาะและยกย่องเขา หินเหล่านี้แข็งมากและหนักยากที่จะเคลื่อนย้ายได้โดยง่าย แต่หลังจากทำงานอย่างหนักมาเป็นเวลา 1 ปี ปากทางอุโมงค์ด้านนี้ก็มีขนาด กว้าง 2 วา ( 4 เมตร ) สูง 1 วาครึ่ง ( 3 เมตร ) และ ลึกเข้าไปในภูเขาได้ระยะ 25 เส้น ( 1 กิโลเมตร )

แต่แล้วพลวัตก็ต้องประหลาดใจ เมื่อได้ทราบว่า ปลายเส้นทางอุโมงค์ด้านทิศเหนือ ( ฟากหมู่บ้านทุรกันดาร ) ที่ควรจะมีปากทางอุโมงค์ของปัญญา กลับปกติเหมือนตอนทีแรก ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีแม้แต่กองหินสักก้อน ไม่มีการทุบทำลาย เจาะภูเขา ไม่มีร่องรอยการทำงาน ไม่มีอะไรเลย

มันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังคงเหมือนกับปีที่แล้ว เมื่อครั้งที่ท่านเจ้าเมือง มีคำสั่งมอบหมายงานให้

ด้วยความงุนงงสงสัย พลวัตจึงเดินทางไปเยี่ยมปัญญาถึงที่บ้านพักใหม่อยู่ไม่ไกลจากตำแหน่งที่จะทำการเจาะสร้างอุโมงค์ของเขาเท่าใดนัก และพบเขาอยู่ในโรงนา กำลังขะมักเขม้นทำเครื่องมือ รูปร่างหน้าตาเหมือนล้อลากยนต์ที่ส่วนบนบรรทุกซุงขนาดใหญ่ติดปลายหัวด้วยเหล็กเจียหัวแหลมคล้ายหัวลูกศรขนาดยักษ์เชื่อมติดอยู่ และส่วนล่างมีหม้อต้มน้ำ, ท่อ กับช่องเปิดเติมเชื้อเพลิง และอุปกรณ์บางอย่าง ดูคล้ายว่าเจ้าเครื่องมือนี้ทำงานด้วยระบบแรงดันไอน้ำ

พลวัตพูดขัดจังหวะขึ้นว่า “ปัญญา นี่เจ้าทำบ้าอะไรอยู่นี่ แทนที่จะทุบเจาะ สร้างอุโมงค์ให้กับเจ้าเมือง เจ้ากลับมาอยู่ในโรงนาทำเครื่องมือเพี้ยนๆ อะไรอยู่นี่หรือ”

ปัญญาอมยิ้มแล้วตอบว่า “ข้าก็กำลังสร้างอุโมงค์อยู่นี่ไง อย่ากวนใจข้าสิ”

พลวัตเย้ยหยัน “เจ้าแน่ใจรึ เจ้าไม่ได้ทุบเจาะภูเขา แบกยกก้อนหินแม้สักก้อนในหนึ่งปีที่ผ่านมาเลยนะ”

ปัญญาผู้ไม่สะทกสะท้านกลับคำครหาของพี่ชาย จึงสวนกลับไปว่า “พลวัต ความเบาปัญญาและความกระหายความมั่งคั่ง ได้บดบังวิสัยทัศน์ของเจ้าหมดแล้ว เจ้าจงเจาะสร้างอุโมงค์ตามวิธีของเจ้าไปเถอะ ส่วนข้าก็จะทำตามวิธีของข้า”

พลวัตเดินจากไป พร้อมตะโกนเสียงดังว่า ”เจ้าโง่ ท่านเจ้าเมืองต้องจับเจ้าแขวนคอทันทีแน่ที่รู้ว่า เจ้าขัดคำสั่ง”

เวลาผ่านไปอีกหนึ่งปี พลวัตได้เดินหน้าทุบเจาะภูเขาสร้างทางอุโมงค์ช่วงแรก 100 เส้น ( ประมาณหนึ่งในห้า ของครึ่งเส้นทาง หรือ 4 กิโลเมตร )ได้เป็นที่เรียบร้อย และกำลังจะทำช่วงที่ 2 ต่ออีก

แต่แล้วก็เกิดปัญหาขึ้น การทำงานของพลวัตต้องหยุดชะงักลง ผนังกำแพงภูเขาส่วนลึกเข้าไปของภูเขา มีความแข็งแกร่งกว่าช่วงแรกที่เจาะผ่านมามากยิ่งขึ้น เจาะได้ยากยิ่งนัก และเขาไม่สามารถทุบเจาะมันเข้าไปได้นักในช่วงที่ 2 ของอุโมงค์นี้ด้วยข้อจำกัดทางด้านพละกำลังร่างกายของเขา

พลวัตตระหนักถึงความอ่อนแอของเขา เขาต้องการพลังมากกว่านี้เพื่อจะทุบเจาะอุโมงค์และแบกยกเคลื่อนย้ายก้อนหินใหญ่ให้ได้ผลคืบหน้าต่อไปอีก ดังนั้น เขาจึงไปปรึกษาบัวขาว ชายผู้แข็งแกร่งที่สุดในเมืองนั้น บัวขาวคิดค่าจ้างในการฝึกพลวัตให้มีกล้ามเนื้อที่ใหญ่และแข็งแรงขึ้นอย่างมาก

ด้วยความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น พลวัตคาดหวังว่าเขาจะสามารถทุบเจาะกำแพงภูเขาส่วนลึกข้างในที่แข็งมากกว่าส่วนนอกเข้าไปได้เรื่อยๆ และแบกยกก้อนหินที่หนักๆ เหล่านั้นออกมาไว้ข้างนอก ในการเดินหน้าสร้างอุโมงค์ช่วงที่สองอย่างต่อเนื่องได้

ขณะเดียวกันปากทางอุโมงค์ด้านทิศเหนือของปัญญายังคงไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้นเหมือนเดิม พลวัตเดาว่า น้องชายเขาคงอยากถูกประหาร เพราะดูจากทั้งหมดแล้ว ปัญญากำลังขัดคำสั่งของเจ้าเมือง พลวัตจึงเลิกใส่ใจน้องชายและปากทางอุโมงค์ที่ไร้ความก้าวหน้าใดๆ ของเขา

อีกปีผ่านไป การสร้างอุโมงค์ของพลวัตช้าลงอย่างน่าใจหาย หลายครั้งที่ใช้เวลาเป็นเดือนในการเจาะกำแพงหินภูเขาได้เพียง 1 เส้น ( 40 เมตร ) การทุบเจาะผนังหินภูเขาส่วนลึกเข้าไปต้องใช้พละกำลังมหาศาล และพลวัตหมดเวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกกำลังร่างกายอยู่กับบัวขาว

นอกจากนี้แล้ว พลวัตยังหมดเงินมากมายของเขา ไปกับค่าที่ปรึกษาและอาหารชั้นเลิศเพื่อการฝึก พลวัตประเมินความคืบหน้าในการสร้าง และพบว่าอุโมงค์ด้านของเขาจะเสร็จในอีก 30 ปี พลวัตเยินยอตัวเองด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง

“ผ่านไป 3 ปีแล้ว ข้านำหน้าน้องชายของข้าไปมากมายนัก เขายังไม่แม้แต่จะเริ่มทุบเจาะภูเขาหรือเคลื่อนย้ายก้อนหินสักก้อน ช่างโง่จริงๆ”

---------------------------------------------------------
และแล้ววันหนึ่ง ในขณะที่กำลังหยุดพักเหนื่อยที่หน้าปากทางอุโมงค์ของเขา พลวัตก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันดังลั่นของกลุ่มคนที่มาจากจตุรัสในเมืองว่า บัดนี้ชาวเมืองและบรรดาผู้คนที่คอยเฝ้าติดตามความก้าวหน้าของพลวัตมาตลอด ต่างพากันเลิกสนใจเขาและจะไม่ถามถึงเขาอีก ด้วยความสงสัยพลวัตจึงได้เข้าไปสอบถามคนกลุ่มนั้นว่ามีเหตุเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้น

กลุ่มคนเหล่านั้นบอกกับพลวัตว่า มีคนมาจากทางฟากหมู่บ้านทุรกันดารโน้น พูดอยู่ที่ตลาดกลางเมืองให้ชาวเมืองได้รู้ว่า บัดนี้ปัญญาได้เป็นที่ดึงดูดความสนใจของชาวหมู่บ้านทุรกันดารนั้น ด้วยเหตุว่าในขณะนี้ ปัญญาได้กำลังทำการควบคุมเจ้าเครื่องจักรหน้าตาประหลาดสูงเพียงวาเศษ คล้ายลูกศรหัวเหล็กขนาดยักษ์เพื่อเจาะกระแทกอะไรสักอย่าง ขับเคลื่อนด้วยพลังไอน้ำ มีสายยางเส้นใหญ่มากมายหลายเส้นผูกรัดแน่นอยู่กับท่อนซุงใหญ่ติดกับรางเลื่อนสำหรับดึงชักกระแทกด้วย และ เกวียนยนต์ล้อยางขนาดใหญ่ขับเคลื่อนด้วยพลังไอน้ำด้วยเช่นกัน ซึ่งได้ติดตั้งเครนกับรอกพร้อมกับลวดและเชือกเส้นใหญ่มากไว้ใช้ยกก้อนหินที่มีขนาดใหญ่และหนักมากใส่ในคอกเกวียนนั้น ทั้งสองสิ่ง มุ่งหน้าสู่บริเวณตำแหน่งเป้าหมายที่จะเจาะภูเขาเพื่อสร้างเป็นอุโมงค์

ระหว่างที่ปัญญาบังคับเครื่องจักรยนต์ เคลื่อนมันไปบนถนนในหมู่บ้านทุรกันดารนั้นอย่างช้าๆ ทีละอัน ชาวบ้านที่นั่นได้รวมตัวพากันมาส่งเสียงเชียร์ปัญญาเป็นการใหญ่ตามสองข้างทาง พลวัตได้ฟังอย่างนั้นก็เกิดความกลัวขึ้น และแล้วความสงสัยของ พลวัตก็กระจ่าง เมื่อเขาเร่งรีบเดินทางมาถึงพื้นที่ด้านปากทางอุโมงค์ทางทิศเหนือของปัญญา เพื่อที่จะดูรูปร่างหน้าตาและการทำงานของเจ้าเครื่องจักรประหลาด 2 สิ่งนี้

พลวัตมาถึงทันพอดี เห็นเครื่องจักรจอดอยู่หน้าปากทางอุโมงค์ที่จะเจาะภูเขาเรียบร้อยแล้ว และตอนนี้ก็อยู่ในสภาพเตรียมพร้อมที่จะเริ่มลงมือทำการเจาะผนังภูเขาแล้ว

ในไม่กี่อึดใจ เครื่องจักรหน้าตาประหลาดของปัญญา ก็เริ่มทำงานด้วยการเจาะกระแทกผนังภูเขาอย่างแรง เกิดเสียงดังสะท้านสะเทือนกึกก้องบริเวณนั้น แล้วท่อนซุงใหญ่ปลายหัวเหล็กแหลมตันก็ถูกดึงชักกลับ แล้วพุ่งออกกระแทกกำแพงภูเขาใหม่ ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนี้

ตูมมมม ตูมมมม ตูมมมม ตูมมมม ....

(มีต่อครับ) ^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่