เคยฟังรายการทีวีสัมภาษณ์แชมป์ ศิวรักษ์ เทศสูงเนินประตูของบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ให้สัมภาษณ์ว่าตอนเด็กๆเขาถูกพ่อฝึกเพื่อที่จะเป็นผู้รักษาประตูโดยการให้เล่นในตำแหน่งต่างๆก่อนที่จะมาเล่นตำแหน่งผู้รักษาประตูโดยให้เล่นทุกตำแหน่งทั้งกองหลัง กองกลาง และศูนย์หน้า โดยไม่ใช่การสั่งให้ไปเล่นชั่วคราวทดแทนตัวที่ขาด แต่เป็นการไปเล่นตำแหน่งนั้นจริงๆจังๆ จนทำหน้าที่ได้ดีแล้วก็เวียนไปเล่นตำแหน่งอื่นจนครบแล้วค่อยมาจบที่ตำแหน่งผู้รักษาประตู
วิธีนี้ ทำให้เข้าใจความคิดของ กองหลังฝ่ายตัวเองกองงกาง และกองหน้าของฝ่ายคู่แข่ง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเข้าใจวิธีคิดของคนที่จะมายิงประตู
ฟังแล้วค่อนข้างทึ่งกับแนวความคิดนี้ นี่ขนาดเป็นแนวความคิด ที่ทำมานานแล้วเพราะตอนนี้พี่แชมป์ศิวรักษ์ก็อายุมากแล้ว แต่ถูกสอนด้วยแนวคิดนี้ตั้งแต่เด็กๆเริ่มหัดเล่นฟุตบอล ก็ต้องมากกว่า 20 ปีมาแล้ว
และเคยฟังสัมภาษณ์อดีตผู้รักษาประตูทีมชาติกัมปนาท อั้งสูงเนิน พูดถึงว่าคนที่ฝึกเขามาจนมาเป็นผู้รักษาประตูทีมชาติเป็นพ่อของแชมป์ศิวรักษ์
คุณคิดว่าแนวความคิดนี้ ถูกต้องไหมในการฝึกผู้รักษาประตู
และอยากรู้ว่าใครที่มีลูกๆกำลังเรียนใน Academy เพื่อฝึกเป็นผู้รักษาประตูหรือเคยผ่านการเรียนเพื่อเป็นผู้รักษาประตูมีการสอนแบบนี้ไหม หรือว่าถ้าเลือกแล้วจะเล่นตำแหน่งผู้รักษาประตูก็ฝึกแต่ตำแหน่งนี้เลยไม่ไปเล่นตำแหน่งอื่น
การฝึกผู้รักษาประตูโดยเริ่มต้นให้เล่นให้ครบทุกตำแหน่งในสนามก่อนค่อยมาจบที่ตำแหน่งผู้รักษาประตู คิดว่าแนวคิดนี้ถูกต้องไหม
วิธีนี้ ทำให้เข้าใจความคิดของ กองหลังฝ่ายตัวเองกองงกาง และกองหน้าของฝ่ายคู่แข่ง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเข้าใจวิธีคิดของคนที่จะมายิงประตู
ฟังแล้วค่อนข้างทึ่งกับแนวความคิดนี้ นี่ขนาดเป็นแนวความคิด ที่ทำมานานแล้วเพราะตอนนี้พี่แชมป์ศิวรักษ์ก็อายุมากแล้ว แต่ถูกสอนด้วยแนวคิดนี้ตั้งแต่เด็กๆเริ่มหัดเล่นฟุตบอล ก็ต้องมากกว่า 20 ปีมาแล้ว
และเคยฟังสัมภาษณ์อดีตผู้รักษาประตูทีมชาติกัมปนาท อั้งสูงเนิน พูดถึงว่าคนที่ฝึกเขามาจนมาเป็นผู้รักษาประตูทีมชาติเป็นพ่อของแชมป์ศิวรักษ์
คุณคิดว่าแนวความคิดนี้ ถูกต้องไหมในการฝึกผู้รักษาประตู
และอยากรู้ว่าใครที่มีลูกๆกำลังเรียนใน Academy เพื่อฝึกเป็นผู้รักษาประตูหรือเคยผ่านการเรียนเพื่อเป็นผู้รักษาประตูมีการสอนแบบนี้ไหม หรือว่าถ้าเลือกแล้วจะเล่นตำแหน่งผู้รักษาประตูก็ฝึกแต่ตำแหน่งนี้เลยไม่ไปเล่นตำแหน่งอื่น