บทนำ
“รพินลูกไม่สบาย หมอให้นอนโรงพยาบาล เป็นไข้หวัดน่ะ”
อรรถพลฝากข้อความหาแม่ของลูก ที่อายุห่างกันกับเขาราว 10 ปีได้ อรพินพึ่งอายุ 26 ปีเท่านั้นเอง เธอเป็นแม่ของลูกเขา เขาเลือกที่จะฝากข้อความแทนการโทรหา เพราะรู้ว่าถึงโทรไปเธอก็ไม่รับสายอยู่ดี เพราะเธอเกลียดขี้หน้าเขามาก ไม่ติดว่ามีเจ้าตัวเล็กด้วยกัน เขาคงไม่มีทางได้เจอหน้าเธออีกแน่นอนในชาตินี้
“ลูกเป็นอะไรมากมั้ยคะ เดี๋ยวรพินออกไปตอนนี้แหละ” อรพินเปิดอ่านข้อความที่พ่อของลูกส่งมา ถึงจะเกลียดเขามากแค่ไหน แต่ลูกต้องมาก่อน เด็กคือผ้าขาวไม่รู้เรื่องกับสิ่งที่ผู้ใหญ่ทำ เมื่อทราบข่าวลูกไม่สบายเธอก็ลางานกลางคัน รีบไปที่โรงพยาบาลทันที
ชมพูหรือชมพูนุชเป็นลูกสาวของพวกเขาสองคน ตอนนี้มีอายุได้เพียงสามขวบ ลูกอยู่ในความดูแลของอรพิน โดยตกลงกันว่าให้อรรถพลไปมาหาสู่ลูกได้ ไปรับมาดูแลชั่วคราวได้ในช่วงปิดเทอม หรือให้เขาไปหาลูกสาวที่บ้านของอรพินได้ แต่ต้องเป็นช่วงจังหวะที่อรพินไม่อยู่บ้านเท่านั้น
เหตุผลก็เพราะไม่อยากเจอหน้าเขานั่นเอง ช่วงนี้หน้าที่ดูแลลูกคืออรรถพล เพราะโรงเรียนปิด อรรถพลจึงไปรับลูกสาวมาอยู่ด้วย ปกติอรพินก็ไม่ได้อยู่ดูแลลูกโดยตรงเช่นกัน ฝากให้แม่กับพ่อของตนดูแลแทน เพราะเธอต้องทำงาน ไม่มีเวลาดูแลเต็มที่ ตรงนี้อรรถพลก็ไม่ขัดอะไร เธอกับเขาตกลงที่จะดูแลลูกร่วมกัน แต่ว่าไม่ขออยู่ด้วยกัน เหตุผลเพียงเพราะอรพินไม่ได้รักเขา ไม่เคยรักสักนิดเดียว ที่เป็นแบบนี้เพราะความผิดพลาดต่างหาก ทว่าสำหรับอรรถพลมันคือความรัก
“คุณแม่ขา” เสียงใส ๆ เรียกเธอนาทีแรกที่เห็นเธอเปิดประตูเข้ามา พร้อมเสียงไอออกมาสองสามครั้ง ที่หน้าผากติดเจลลดไข้ ใส่ชุดคนไข้สำหรับเด็กลายการ์ตูน มัดผมลวก ๆ ดูก็รู้ว่าอรรถพลไม่มีฝีมือในการมัดผมให้ลูกสาว เด็กน้อยนั่งอยู่บนฟูกที่นอนในห้องพิเศษ ที่มือมีสายน้ำเกลือพันด้วยผ้าสีขาวอีกรอบ อรพินเห็นแล้วนึกสงสารลูกจับใจ ถ้าหากเลือกได้เธอก็อยากเป็นแทนลูก อรรถพลก็ไม่ต่างกัน
อรพินเข้าไปใกล้ ๆ ลูกสาว อุ้มลูกเดินไปมาภายในห้องใช้มือแตะตัวและหน้าผาก ตัวยังร้อนอยู่เลย พร้อมหันไปมองอรรถพลเป็นเชิงตั้งคำถามเกี่ยวกับอาการของลูกสาว
“นอนโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ไข้พึ่งลดพี่ เอ่อ! ผมเช็ดตัวให้ลูกแล้วรอบนึง ตัวร้อนอีกแล้วเหรอ” อรรถพลรายงานอาการลูกสาวกับเธอ “ผมไม่อยากรบกวนคุณตอนดึก ๆ น่ะ อยู่คนเดียวอันตราย ถ้าจะให้คุณมาโรงพยาบาลตอนเที่ยงคืน”
อรพินได้ฟังเช่นนั้นโกรธเขามาก ลูกไม่สบายขนาดนี้ทำไมต้องพึ่งมาบอกกับเธอเอาตอนนี้ ถ้าลูกเป็นอะไรขึ้นมาเธอจะทำอย่างไร “ลูกไม่สบายตั้งแต่เมื่อคืน คุณพึ่งมาบอกรพินตอนนี้เหรอคะ ถ้าลูกเป็นอะไรไปรพินจะทำยังไง” เป็นการต่อว่ามากกว่าชวนทะเลาะ
“รพินผมขอโทษ ลูกก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว” เขารู้สึกผิดจริง ๆ เขาเพียงไม่อยากให้เธอออกจากคอนโดตอนดึก ๆ กรุงเทพตอนกลางคืนสวยงามก็จริง แต่มันอันตรายกว่าที่คิด เขากับเธอไม่ได้อยู่ด้วยกัน เขาห่วงเธอเกินกว่าจะให้เธอออกมาหาลูกในตอนเที่ยงคืนแน่
อรพินปล่อยลูกสาวนั่งบนฟูกที่นอนเหมือนเดิม นำกระเป๋าไปเก็บ และจะเตรียมหาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้ลูกสาว ช่วงนี้เธอรู้ดีว่าจะต้องทนอยู่ด้วยกันกับอรรถพลหลายวัน จนกว่าชมพูจะหายป่วย และยังมิวายต่อว่าเขาอีกเรื่องอาการป่วยของลูกตามประสาแม่ที่ห่วงลูก
“ป่ะป๊า คุณแม่คุยอะไรกัน” เด็กน้อยนั่งมองพ่อแม่คุยกันนานสองนาน จึงทักขึ้นตามประสาเด็ก ตอนนี้ได้รับยาจากคุณหมอเรียบร้อยแล้ว อาการพอทุเลากว่าเมื่อคืน ไม่รับไม่รู้ว่าพ่อแม่ไม่ได้รักกัน ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เด็กน้อยรู้เพียงอยู่กับตายาย เพราะพ่อแม่ต้องทำงาน
“คะลูก! คุณแม่เช็ดตัวให้นะคะ เดี๋ยวรพินเช็ดตัวให้ชมพูอีกรอบก็ได้ค่ะ” เธอเปลี่ยนอารมณ์และปรับสีหน้าท่าทางในทันที ไม่อยากให้ลูกรับรู้และซึมซับความจริงก่อนวัยอันควร
“ครับ”
อรรถพลนั่งลงบนฟูกข้าง ๆ ลูกสาว ส่วนอรพินนำชามใส่น้ำ นำผ้าชุบน้ำบิดหมาด ๆ เช็ดตัวให้ลูกสาวอีกที คืนนี้เธอต้องนอนที่นี่ และคงอีกหลายวัน ส่วนเขาจะนอนด้วยหรือกลับไปนอนที่บ้านก็อีกเรื่อง ทว่าก็ต้องนอนค้างที่นี่ด้วยอยู่แล้ว โอกาสดี ๆ แบบนี้ไม่มีมาง่าย ๆ ถ้าลูกไม่ป่วย แต่ใครกันจะอยากให้ลูกเจ็บป่วย เมื่อโอกาสมาพร้อมความโชคร้ายที่เลี่ยงไม่ได้ เขาก็ต้องคว้ามันไว้ก่อน เผื่อมีโอกาสปรับความเข้าใจกับเธอ ตอนนี้หน้าที่ดูแลลูกคือเธอ เขาแอบมองอรพินเช็ดตัวให้ลูกสาว ผู้หญิงสองคนที่เขารักมากที่สุด อรพินยังเป็นผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจ ถึงตอนนี้เธอจะไม่รักเขา อาจจะเกลียดด้วยซ้ำก็ตาม
“คุณแม่ คุณแม่งานยุ่งเหรอคะ” เด็กน้อยถามขึ้น ขณะกำลังนั่งให้ผู้เป็นแม่เช็ดตัวให้อย่างว่าง่าย ไม่งอแงเหมือนเด็กคนอื่นเวลาที่ป่วย มีเพียงสีหน้ายังซึม ๆ เป็นปกติของคนที่ป่วย “ทำไมคุณแม่ไม่กลับบ้านหาป่ะป๊ากับชมพูสักที ชมพูคิดถึงคุณแม่ ชมพูเบื่อนอนกับป่ะป๊าสองคนแล้ว “
เป็นคำพูดปกติเรียบง่าย แต่ว่าทำเอาเธอสะอึกไปชั่วครู่ กลืนน้ำลายแบบฝืด ๆ ลงคอ มวลน้ำตาเริ่มก่อตัวกันเป็นก้อนในตา พร้อมจะไหลลงมาหากเธอปล่อยให้มันไหล เธอกลั้นมันเอาไว้สุดกำลัง ไม่อยากให้ลูกเห็น ที่สำคัญไม่อยากให้อรรถพลเห็นด้วย ไม่เพียงแค่เธอ อรรถพลเองก็รู้สึกเจ็บปวดกับคำถามของลูกสาวเช่นกัน จะให้เขาทำอย่างไร เขาพร้อมเสมอหากว่าเธอต้องการจะกลับมา และยอมรับเสมอหากเธอปฏิเสธ แค่ไม่กีดกันเขากับลูกก็เพียงพอ เขามองหน้าเธอสังเกตเห็นน้ำตาที่คลอในตาของเธอด้วย
“คุณแม่งานยุ่งมากค่ะ ไว้ให้คุณแม่เสร็จงานก่อนน้อ“ เขาชิ่งตอบแทนเธอ เขารู้ว่าเธอลำบากใจที่จะตอบลูกสาว ตอนนี้ชมพูยังเด็กอยู่ จะโกหกอย่างไรก็ได้ ยังไม่ถึงเวลาที่ลูกต้องรู้ความจริง
“คุณแม่รีบทำงานให้เสร็จเร็ว ๆ นะคะ ชมพูอยากนอนกอดคุณแม่” นาทีนี้เธอกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวแล้ว อรพินวางผ้าที่กำลังเช็ดตัวให้ลูกสาวลงบนชาม รีบหันหน้าไปทางอื่น ยกมือเช็ดน้ำตาตัวเองอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวให้ชมพูหายไข้ก่อน ค่อยไปนอนกับคุณแม่ที่บ้านของคุณแม่นะคะ ส่วนคืนนี้คุณแม่ก็จะนอนกอดชมพูด้วย โอเคมั้ย”
“ถ้าชมพูหายไข้กลับบ้าน ป่ะป๊าก็ไปนอนกับเรามั้ยคะ”
“ไม่ค่ะ ป่ะป๊าต้องทำงาน”
“ ฮือชมพูไม่ยอม! ชมพูอยากนอนกอดคุณแม่และก็ป่ะป๊า ยังไงก็จะให้ป่ะป๊าไปด้วย” เด็กน้อยงอแงตามประสาเด็ก ไม่พอใจตามความคิดแบบเด็ก ๆ ร้องไห้งอแงออกมาไม่ยอมหยุด
“ชมพู! ดื้องอแงไม่ฟังอะไรแบบนี้แม่กลับดีกว่ามั้ย นอนสองคนกับป่ะป๊าเลยดีมั้ยคืนนี้” อรพินอดดุลูกสาวไม่ได้ ที่งอแงร้องไห้ไม่ฟังใคร ณ เวลานี้ นี่ขนาดป่วยยังฤทธิ์เยอะ และงอแงในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“ฮือ ๆ! ชมพูอยากให้ป่ะป๊าไปด้วย นอนด้วยอ่า ฮือ” ตามด้วยอาการไอออกมาสองครั้งและอ้วกออกมา อรรถพลต้องรีบหาผ้ามาเช็ดอ้วกออก เด็กน้อยไม่สนใจยังคงร้องไห้งอแงต่อไป อรพินสงสารลูกก็สงสารแต่จะให้เธอทำเช่นไร เธอทำในสิ่งที่ลูกสาวขอไม่ได้
“ป่ะป๊าก็อยู่นี่ไงชมพู แม่ก็อยู่นี่ อย่างอแงนะแม่ตีนะคะ”
เด็กน้อยทั้งพูดทั้งร้องไห้ แต่ก็ยังอยากจะพูดตามความคิดของตน “เวลากลับบ้านอ่าให้ป่ะป๊าไปด้วย ฮือ”
อรรถพลไม่ได้สั่งให้ลูกสาวพูด ลูกสาวของเขาพูดขึ้นมาเอง และเขาก็แอบพอใจอยู่ในที เขาไม่ได้จะใช้ลูกเป็นเครื่องมือในการขอโอกาสจากเธอ แต่ถ้ามันจะทำให้เขามีโอกาสได้ใกล้ชิดเธออีกครั้ง ได้ไถ่โทษ ได้ขอโทษ และได้ขอโอกาสจากเธออีกครั้งเขาก็จะทำ
“ชมพูขา ชมพูลูกหยุดร้องนะ ๆ ป่ะป๊าไปนอนด้วย โอเค๊! หยุดร้องเร็ว” เขาเข้าไปอุ้มลูกสาวอย่างระมัดระวังด้วยความรัก จุมพิตที่ศีรษะลูกเบา ๆ เช็ดน้ำตาให้ ปลอบให้หยุดร้องไห้ เขาเกรงว่าอรพินจะดุลูกและเผลอตีลูกสาวของเขาต่างหาก เขาทนเห็นน้ำตาลูกไม่ได้ และเขาทนเห็นอรพินตีลูกไม่ได้เช่นกัน ไม่ใช่ว่าจะเลี้ยงลูกแบบพ่อแม่รังแกฉัน แต่เขาทนเห็นลูกร้องไห้ไม่ได้ เขาใจอ่อนกว่าอรพินเยอะเมื่อเห็นน้ำตาของลูกสาว
“รพินคุณมีใครหรือยัง” เขาตัดสินใจถามเธอ ตอนนี้ชมพูหลับปุ๋ยไปแล้ว เขาเก็บคำถามนี้ไว้ในใจมานาน อยากจะหาโอกาสคุยกับเธอ สงสารลูกที่งอแงหาแม่ทุกวันก่อนนอน ตั้งแต่คืนแรกที่ไปรับชมพูมาอยู่ด้วย ชมพูชอบถามหาแม่ก่อนนอนตลอด เขาก็ต้องโกหกทุกคืน ให้ลูกหลับตาลงได้เสมอ
“ทำไมคะ” รพินตอบ สีหน้าและแววตาเรียบเฉย ไม่มีความรู้สึกใด ๆ แววตาของเธอมีแต่ความว่างเปล่า ต่างจากเขาที่มีแต่ความรัก ความต้องการเธอ
“ก็ถ้าคุณยังไม่มีใคร ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันมั้ยล่ะ” เขาหยุดพูดครู่หนึ่ง เพื่อดูอาการตอบโต้ของเธอ แต่ไม่เป็นอย่างที่คิด เธอยังนิ่งคอยฟังให้เขาพูดต่อ “ทำเพื่อชมพู ผมสงสารลูกคุณไม่สงสารลูกเหรอ ถ้าคุณมีคนอื่นอยู่แล้วไม่ต้องก็ได้ เกรงใจน่ะ” พอพูดจบประโยคสุดท้ายทำไมเขาต้องเจ็บปวดแปลก ๆ
“ชมพูมันต้องการให้เรานอนด้วยกันกับมัน ไม่ได้ฟังมันพูดเหรอ” เธอรับฟังสิ่งที่เขาเสนอ เธอยังไม่มีใครอื่น ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
“บ้านผมมีหลายห้อง เราแยกกันนอนคนละห้องก็ได้ ให้ลูกนอนกับคุณ ผมเข้าไปนอนด้วยก่อน พอลูกหลับผมค่อยออกมานอนห้องผม ไม่มีอะไรหรอกผมแค่สงสารชมพูเท่านั้นเอง สงสารลูก ลูกถามหาคุณทุกวัน แล้วแต่คุณจะตัดสินใจนะครับ”
“รพินขอคิดดูก่อนแล้วกันค่ะ” แล้วเธอก็หันไปมองลูกสาวที่นอนหลับบนฟูกคนไข้ น้ำตาก็จะไหลให้ได้ แต่เธอไม่อยากอยู่ใกล้เขา ไม่อยากเจอเขา เกลียดขี้หน้าเขาที่สุด ถ้าไม่เพราะชมพูป่วยเธอไม่มีทางมาเจอกับเขาแน่นอน
“ขอบคุณนะครับที่ยอมเก็บเอาไปคิดดู ผมรอคำตอบอยู่นะ” อรรถพลพูดย้ำ แล้วก็ลุกขึ้นไปเหยียดตัวนอนบนโซฟา ปล่อยให้เธอนอนบนฟูกกับลูกสาว เขาแกล้งทำเป็นหลับจากการเพลีย เพราะเมื่อคืนไม่ได้นอนทั้งคืน ความจริงเขาแอบมองเธอกับลูกต่างหาก
จบบท...
*ขอความกรุณาแนะนำการเขียนที่ถูกต้องให้ส่วนเกินด้วยนะคะ Open ค่ะ*
โซ่รัก
บทนำ
“รพินลูกไม่สบาย หมอให้นอนโรงพยาบาล เป็นไข้หวัดน่ะ”
อรรถพลฝากข้อความหาแม่ของลูก ที่อายุห่างกันกับเขาราว 10 ปีได้ อรพินพึ่งอายุ 26 ปีเท่านั้นเอง เธอเป็นแม่ของลูกเขา เขาเลือกที่จะฝากข้อความแทนการโทรหา เพราะรู้ว่าถึงโทรไปเธอก็ไม่รับสายอยู่ดี เพราะเธอเกลียดขี้หน้าเขามาก ไม่ติดว่ามีเจ้าตัวเล็กด้วยกัน เขาคงไม่มีทางได้เจอหน้าเธออีกแน่นอนในชาตินี้
“ลูกเป็นอะไรมากมั้ยคะ เดี๋ยวรพินออกไปตอนนี้แหละ” อรพินเปิดอ่านข้อความที่พ่อของลูกส่งมา ถึงจะเกลียดเขามากแค่ไหน แต่ลูกต้องมาก่อน เด็กคือผ้าขาวไม่รู้เรื่องกับสิ่งที่ผู้ใหญ่ทำ เมื่อทราบข่าวลูกไม่สบายเธอก็ลางานกลางคัน รีบไปที่โรงพยาบาลทันที
ชมพูหรือชมพูนุชเป็นลูกสาวของพวกเขาสองคน ตอนนี้มีอายุได้เพียงสามขวบ ลูกอยู่ในความดูแลของอรพิน โดยตกลงกันว่าให้อรรถพลไปมาหาสู่ลูกได้ ไปรับมาดูแลชั่วคราวได้ในช่วงปิดเทอม หรือให้เขาไปหาลูกสาวที่บ้านของอรพินได้ แต่ต้องเป็นช่วงจังหวะที่อรพินไม่อยู่บ้านเท่านั้น
เหตุผลก็เพราะไม่อยากเจอหน้าเขานั่นเอง ช่วงนี้หน้าที่ดูแลลูกคืออรรถพล เพราะโรงเรียนปิด อรรถพลจึงไปรับลูกสาวมาอยู่ด้วย ปกติอรพินก็ไม่ได้อยู่ดูแลลูกโดยตรงเช่นกัน ฝากให้แม่กับพ่อของตนดูแลแทน เพราะเธอต้องทำงาน ไม่มีเวลาดูแลเต็มที่ ตรงนี้อรรถพลก็ไม่ขัดอะไร เธอกับเขาตกลงที่จะดูแลลูกร่วมกัน แต่ว่าไม่ขออยู่ด้วยกัน เหตุผลเพียงเพราะอรพินไม่ได้รักเขา ไม่เคยรักสักนิดเดียว ที่เป็นแบบนี้เพราะความผิดพลาดต่างหาก ทว่าสำหรับอรรถพลมันคือความรัก
“คุณแม่ขา” เสียงใส ๆ เรียกเธอนาทีแรกที่เห็นเธอเปิดประตูเข้ามา พร้อมเสียงไอออกมาสองสามครั้ง ที่หน้าผากติดเจลลดไข้ ใส่ชุดคนไข้สำหรับเด็กลายการ์ตูน มัดผมลวก ๆ ดูก็รู้ว่าอรรถพลไม่มีฝีมือในการมัดผมให้ลูกสาว เด็กน้อยนั่งอยู่บนฟูกที่นอนในห้องพิเศษ ที่มือมีสายน้ำเกลือพันด้วยผ้าสีขาวอีกรอบ อรพินเห็นแล้วนึกสงสารลูกจับใจ ถ้าหากเลือกได้เธอก็อยากเป็นแทนลูก อรรถพลก็ไม่ต่างกัน
อรพินเข้าไปใกล้ ๆ ลูกสาว อุ้มลูกเดินไปมาภายในห้องใช้มือแตะตัวและหน้าผาก ตัวยังร้อนอยู่เลย พร้อมหันไปมองอรรถพลเป็นเชิงตั้งคำถามเกี่ยวกับอาการของลูกสาว
“นอนโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ไข้พึ่งลดพี่ เอ่อ! ผมเช็ดตัวให้ลูกแล้วรอบนึง ตัวร้อนอีกแล้วเหรอ” อรรถพลรายงานอาการลูกสาวกับเธอ “ผมไม่อยากรบกวนคุณตอนดึก ๆ น่ะ อยู่คนเดียวอันตราย ถ้าจะให้คุณมาโรงพยาบาลตอนเที่ยงคืน”
อรพินได้ฟังเช่นนั้นโกรธเขามาก ลูกไม่สบายขนาดนี้ทำไมต้องพึ่งมาบอกกับเธอเอาตอนนี้ ถ้าลูกเป็นอะไรขึ้นมาเธอจะทำอย่างไร “ลูกไม่สบายตั้งแต่เมื่อคืน คุณพึ่งมาบอกรพินตอนนี้เหรอคะ ถ้าลูกเป็นอะไรไปรพินจะทำยังไง” เป็นการต่อว่ามากกว่าชวนทะเลาะ
“รพินผมขอโทษ ลูกก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว” เขารู้สึกผิดจริง ๆ เขาเพียงไม่อยากให้เธอออกจากคอนโดตอนดึก ๆ กรุงเทพตอนกลางคืนสวยงามก็จริง แต่มันอันตรายกว่าที่คิด เขากับเธอไม่ได้อยู่ด้วยกัน เขาห่วงเธอเกินกว่าจะให้เธอออกมาหาลูกในตอนเที่ยงคืนแน่
อรพินปล่อยลูกสาวนั่งบนฟูกที่นอนเหมือนเดิม นำกระเป๋าไปเก็บ และจะเตรียมหาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้ลูกสาว ช่วงนี้เธอรู้ดีว่าจะต้องทนอยู่ด้วยกันกับอรรถพลหลายวัน จนกว่าชมพูจะหายป่วย และยังมิวายต่อว่าเขาอีกเรื่องอาการป่วยของลูกตามประสาแม่ที่ห่วงลูก
“ป่ะป๊า คุณแม่คุยอะไรกัน” เด็กน้อยนั่งมองพ่อแม่คุยกันนานสองนาน จึงทักขึ้นตามประสาเด็ก ตอนนี้ได้รับยาจากคุณหมอเรียบร้อยแล้ว อาการพอทุเลากว่าเมื่อคืน ไม่รับไม่รู้ว่าพ่อแม่ไม่ได้รักกัน ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เด็กน้อยรู้เพียงอยู่กับตายาย เพราะพ่อแม่ต้องทำงาน
“คะลูก! คุณแม่เช็ดตัวให้นะคะ เดี๋ยวรพินเช็ดตัวให้ชมพูอีกรอบก็ได้ค่ะ” เธอเปลี่ยนอารมณ์และปรับสีหน้าท่าทางในทันที ไม่อยากให้ลูกรับรู้และซึมซับความจริงก่อนวัยอันควร
“ครับ”
อรรถพลนั่งลงบนฟูกข้าง ๆ ลูกสาว ส่วนอรพินนำชามใส่น้ำ นำผ้าชุบน้ำบิดหมาด ๆ เช็ดตัวให้ลูกสาวอีกที คืนนี้เธอต้องนอนที่นี่ และคงอีกหลายวัน ส่วนเขาจะนอนด้วยหรือกลับไปนอนที่บ้านก็อีกเรื่อง ทว่าก็ต้องนอนค้างที่นี่ด้วยอยู่แล้ว โอกาสดี ๆ แบบนี้ไม่มีมาง่าย ๆ ถ้าลูกไม่ป่วย แต่ใครกันจะอยากให้ลูกเจ็บป่วย เมื่อโอกาสมาพร้อมความโชคร้ายที่เลี่ยงไม่ได้ เขาก็ต้องคว้ามันไว้ก่อน เผื่อมีโอกาสปรับความเข้าใจกับเธอ ตอนนี้หน้าที่ดูแลลูกคือเธอ เขาแอบมองอรพินเช็ดตัวให้ลูกสาว ผู้หญิงสองคนที่เขารักมากที่สุด อรพินยังเป็นผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจ ถึงตอนนี้เธอจะไม่รักเขา อาจจะเกลียดด้วยซ้ำก็ตาม
“คุณแม่ คุณแม่งานยุ่งเหรอคะ” เด็กน้อยถามขึ้น ขณะกำลังนั่งให้ผู้เป็นแม่เช็ดตัวให้อย่างว่าง่าย ไม่งอแงเหมือนเด็กคนอื่นเวลาที่ป่วย มีเพียงสีหน้ายังซึม ๆ เป็นปกติของคนที่ป่วย “ทำไมคุณแม่ไม่กลับบ้านหาป่ะป๊ากับชมพูสักที ชมพูคิดถึงคุณแม่ ชมพูเบื่อนอนกับป่ะป๊าสองคนแล้ว “
เป็นคำพูดปกติเรียบง่าย แต่ว่าทำเอาเธอสะอึกไปชั่วครู่ กลืนน้ำลายแบบฝืด ๆ ลงคอ มวลน้ำตาเริ่มก่อตัวกันเป็นก้อนในตา พร้อมจะไหลลงมาหากเธอปล่อยให้มันไหล เธอกลั้นมันเอาไว้สุดกำลัง ไม่อยากให้ลูกเห็น ที่สำคัญไม่อยากให้อรรถพลเห็นด้วย ไม่เพียงแค่เธอ อรรถพลเองก็รู้สึกเจ็บปวดกับคำถามของลูกสาวเช่นกัน จะให้เขาทำอย่างไร เขาพร้อมเสมอหากว่าเธอต้องการจะกลับมา และยอมรับเสมอหากเธอปฏิเสธ แค่ไม่กีดกันเขากับลูกก็เพียงพอ เขามองหน้าเธอสังเกตเห็นน้ำตาที่คลอในตาของเธอด้วย
“คุณแม่งานยุ่งมากค่ะ ไว้ให้คุณแม่เสร็จงานก่อนน้อ“ เขาชิ่งตอบแทนเธอ เขารู้ว่าเธอลำบากใจที่จะตอบลูกสาว ตอนนี้ชมพูยังเด็กอยู่ จะโกหกอย่างไรก็ได้ ยังไม่ถึงเวลาที่ลูกต้องรู้ความจริง
“คุณแม่รีบทำงานให้เสร็จเร็ว ๆ นะคะ ชมพูอยากนอนกอดคุณแม่” นาทีนี้เธอกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวแล้ว อรพินวางผ้าที่กำลังเช็ดตัวให้ลูกสาวลงบนชาม รีบหันหน้าไปทางอื่น ยกมือเช็ดน้ำตาตัวเองอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวให้ชมพูหายไข้ก่อน ค่อยไปนอนกับคุณแม่ที่บ้านของคุณแม่นะคะ ส่วนคืนนี้คุณแม่ก็จะนอนกอดชมพูด้วย โอเคมั้ย”
“ถ้าชมพูหายไข้กลับบ้าน ป่ะป๊าก็ไปนอนกับเรามั้ยคะ”
“ไม่ค่ะ ป่ะป๊าต้องทำงาน”
“ ฮือชมพูไม่ยอม! ชมพูอยากนอนกอดคุณแม่และก็ป่ะป๊า ยังไงก็จะให้ป่ะป๊าไปด้วย” เด็กน้อยงอแงตามประสาเด็ก ไม่พอใจตามความคิดแบบเด็ก ๆ ร้องไห้งอแงออกมาไม่ยอมหยุด
“ชมพู! ดื้องอแงไม่ฟังอะไรแบบนี้แม่กลับดีกว่ามั้ย นอนสองคนกับป่ะป๊าเลยดีมั้ยคืนนี้” อรพินอดดุลูกสาวไม่ได้ ที่งอแงร้องไห้ไม่ฟังใคร ณ เวลานี้ นี่ขนาดป่วยยังฤทธิ์เยอะ และงอแงในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“ฮือ ๆ! ชมพูอยากให้ป่ะป๊าไปด้วย นอนด้วยอ่า ฮือ” ตามด้วยอาการไอออกมาสองครั้งและอ้วกออกมา อรรถพลต้องรีบหาผ้ามาเช็ดอ้วกออก เด็กน้อยไม่สนใจยังคงร้องไห้งอแงต่อไป อรพินสงสารลูกก็สงสารแต่จะให้เธอทำเช่นไร เธอทำในสิ่งที่ลูกสาวขอไม่ได้
“ป่ะป๊าก็อยู่นี่ไงชมพู แม่ก็อยู่นี่ อย่างอแงนะแม่ตีนะคะ”
เด็กน้อยทั้งพูดทั้งร้องไห้ แต่ก็ยังอยากจะพูดตามความคิดของตน “เวลากลับบ้านอ่าให้ป่ะป๊าไปด้วย ฮือ”
อรรถพลไม่ได้สั่งให้ลูกสาวพูด ลูกสาวของเขาพูดขึ้นมาเอง และเขาก็แอบพอใจอยู่ในที เขาไม่ได้จะใช้ลูกเป็นเครื่องมือในการขอโอกาสจากเธอ แต่ถ้ามันจะทำให้เขามีโอกาสได้ใกล้ชิดเธออีกครั้ง ได้ไถ่โทษ ได้ขอโทษ และได้ขอโอกาสจากเธออีกครั้งเขาก็จะทำ
“ชมพูขา ชมพูลูกหยุดร้องนะ ๆ ป่ะป๊าไปนอนด้วย โอเค๊! หยุดร้องเร็ว” เขาเข้าไปอุ้มลูกสาวอย่างระมัดระวังด้วยความรัก จุมพิตที่ศีรษะลูกเบา ๆ เช็ดน้ำตาให้ ปลอบให้หยุดร้องไห้ เขาเกรงว่าอรพินจะดุลูกและเผลอตีลูกสาวของเขาต่างหาก เขาทนเห็นน้ำตาลูกไม่ได้ และเขาทนเห็นอรพินตีลูกไม่ได้เช่นกัน ไม่ใช่ว่าจะเลี้ยงลูกแบบพ่อแม่รังแกฉัน แต่เขาทนเห็นลูกร้องไห้ไม่ได้ เขาใจอ่อนกว่าอรพินเยอะเมื่อเห็นน้ำตาของลูกสาว
“รพินคุณมีใครหรือยัง” เขาตัดสินใจถามเธอ ตอนนี้ชมพูหลับปุ๋ยไปแล้ว เขาเก็บคำถามนี้ไว้ในใจมานาน อยากจะหาโอกาสคุยกับเธอ สงสารลูกที่งอแงหาแม่ทุกวันก่อนนอน ตั้งแต่คืนแรกที่ไปรับชมพูมาอยู่ด้วย ชมพูชอบถามหาแม่ก่อนนอนตลอด เขาก็ต้องโกหกทุกคืน ให้ลูกหลับตาลงได้เสมอ
“ทำไมคะ” รพินตอบ สีหน้าและแววตาเรียบเฉย ไม่มีความรู้สึกใด ๆ แววตาของเธอมีแต่ความว่างเปล่า ต่างจากเขาที่มีแต่ความรัก ความต้องการเธอ
“ก็ถ้าคุณยังไม่มีใคร ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันมั้ยล่ะ” เขาหยุดพูดครู่หนึ่ง เพื่อดูอาการตอบโต้ของเธอ แต่ไม่เป็นอย่างที่คิด เธอยังนิ่งคอยฟังให้เขาพูดต่อ “ทำเพื่อชมพู ผมสงสารลูกคุณไม่สงสารลูกเหรอ ถ้าคุณมีคนอื่นอยู่แล้วไม่ต้องก็ได้ เกรงใจน่ะ” พอพูดจบประโยคสุดท้ายทำไมเขาต้องเจ็บปวดแปลก ๆ
“ชมพูมันต้องการให้เรานอนด้วยกันกับมัน ไม่ได้ฟังมันพูดเหรอ” เธอรับฟังสิ่งที่เขาเสนอ เธอยังไม่มีใครอื่น ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
“บ้านผมมีหลายห้อง เราแยกกันนอนคนละห้องก็ได้ ให้ลูกนอนกับคุณ ผมเข้าไปนอนด้วยก่อน พอลูกหลับผมค่อยออกมานอนห้องผม ไม่มีอะไรหรอกผมแค่สงสารชมพูเท่านั้นเอง สงสารลูก ลูกถามหาคุณทุกวัน แล้วแต่คุณจะตัดสินใจนะครับ”
“รพินขอคิดดูก่อนแล้วกันค่ะ” แล้วเธอก็หันไปมองลูกสาวที่นอนหลับบนฟูกคนไข้ น้ำตาก็จะไหลให้ได้ แต่เธอไม่อยากอยู่ใกล้เขา ไม่อยากเจอเขา เกลียดขี้หน้าเขาที่สุด ถ้าไม่เพราะชมพูป่วยเธอไม่มีทางมาเจอกับเขาแน่นอน
“ขอบคุณนะครับที่ยอมเก็บเอาไปคิดดู ผมรอคำตอบอยู่นะ” อรรถพลพูดย้ำ แล้วก็ลุกขึ้นไปเหยียดตัวนอนบนโซฟา ปล่อยให้เธอนอนบนฟูกกับลูกสาว เขาแกล้งทำเป็นหลับจากการเพลีย เพราะเมื่อคืนไม่ได้นอนทั้งคืน ความจริงเขาแอบมองเธอกับลูกต่างหาก
จบบท...
*ขอความกรุณาแนะนำการเขียนที่ถูกต้องให้ส่วนเกินด้วยนะคะ Open ค่ะ*