[CR] รีวิวค่ายเยาวชนอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมครั้งที่ 2 โดยชมรมอนุรักษ์ฯ จุฬาฯ

สวัสดีน้าทุกคนนนน 

         วันนี้เราจะขอมารีวิวค่ายแรกในชีวิตเรา ที่ได้ก้าวออกจาก comfort zone ไปคนเดียวแบบไม่รู้จักใคร ไม่รู้ว่าจะได้ไปเจอกับอะไรบ้าง เพื่อค้นหาตัวตนและประสบการณ์อันมีคุณค่าที่ ค่ายอนุชนคนอนุรักษ์ ครั้งที่ 2 ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว (ทุ่งกระมัง) จังหวัดชัยภูมิ 
วันที่ 3-11 สิงหาคม 2562 ⛺
ค่ายนี้เป็นค่ายที่จัดขึ้นด้วยความตั้งใจของพี่นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่อยากจะปลูกฝังเยาวชนให้มีจิตสำนึกในเรื่องสิ่งเเวดล้อมผ่านการออกไปสัมผัสกับธรรมชาติจริงๆ
 ________________________________________________________________________________________________________

เกี่ยวกับตัวเรา
         ตอนนั้นเราเพิ่งขึ้นม.ปลาย และรู้สึกได้ว่าช่วงเวลาของม.ปลายเป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่าที่เราจะสามารถค้นหาตัวเองได้  เราเลยพยายามจะหนีออกจากบ้าน 5555555 หมายถึงออกจากครอบครัว สังคม ผู้คนที่เราคุ้นเคยมาตลอด เพื่อตามตามหาสิ่งใหม่ๆ บรรยากาศใหม่ๆ พบเจอผู้คนหลากหลาย  บางทีสิ่งเหล่านั้นอาจจะนำพาเราไปเจออะไรที่เป็นคำตอบให้กับคำถามในใจเราก็ได้ หรืออาจจะเป็นคำตอบที่เราไม่เคยตั้งคำถามและไม่นึกฝันว่าจะได้มันมา
 
         เราเขียนใบสมัครอย่างตั้งใจมาก เพราะว่าเคยกินแห้วมาจากค่ายที่แล้ว แต่สิ่งที่สำคัญคือเขียนความเป็นตัวเองลงในใบสมัครด้วย เราตั้งตารอวันประกาศผลมากเพราะว่ากลัวแห้วอีก 5555 แต่บางอย่างก็ทำให้เราได้มาค่ายนี้ ตอนแรกพ่อกับแม่ไม่ยอมให้เราไป เขาคิดว่าไปแล้วเสียเวลาเรียนเพราะเวลาจัดค่ายตรงกับเวลาที่เราต้องไปนั่งเรียนในห้องเรียนสี่เหลี่ยม เราคิดว่าการที่เราได้ไปค่ายมันจะผลักห้องกรอบสี่เหลี่ยมนั้นออกไป ให้เราได้เรียนรู้ในหลายๆอย่างที่หลักสูตรการศึกษาไม่มีสอน
 
เริ่มรีวิว มา เราขอรีวิวเป็นหัวข้อละกันน้า

การเดินทาง
         ปีเรานะ การเดินทางค่ายนี้น้องๆค่ายสามารถเลือกได้ว่าจะไปเจอพี่ค่ายก่อนที่ไหน ปีเราจะมีจุดอยู่สามที่ เราเลือกไปลงที่จุดสถานีหัวลำโพง เราก็ได้เจอพี่ค่ายแล้วก็เพื่อนๆค่ายที่มาที่จุดเดียวกัน แล้วพวกเราก็เคลื่อนพลโดยการนั่งรถไฟไปลงที่ขอนแก่น แล้วนั่งรถสองแถวคันใหญ่ต่อ ก่อนไปนัดรวมพลใหญ่กับเพื่อนที่ลงอีกสองจุดที่เหลือที่ตลาดเพื่อจับจ่ายใช้สอยของกันเพื่อเอามาเป็นเสบียงในค่าย 5555 ก่อนจะนั่งรถสองแถวคันใหญ่ต่อไปที่อุทยาน ระยะเวลาเดินทางปีเราใช้เวลาเกือบ 1 วันได้เลย แต่ละปีไปคนละสถานที่เวลาก็จะต่างกันออกไป มันได้บรรยากาศตั้งแต่นั่งรถไฟแล้ว บรรยากาศแบบฮิปสเตอร์เดินทาง ระหว่างเดินทางเราก็มีเพื่อนๆชวนคุยชวนเล่นกัน ไม่เหงาแน่ค่า
ยอมรับเลยว่าปวดก้นมาก 5555 แต่สนุกนะ

ที่พัก
         ปีเราที่พักเป็นเรือนไม้ จะแบ่งเป็นกลุ่มรูมเมทกัน บางห้องก็จะมีห้องน้ำในตัว แต่บางห้องที่ไม่มีก็สามารถไปขอใช้ห้องน้ำต่อจากห้องอื่นได้เลย ตอนแรกเราคิดไปเองว่าเราเข้ากับรูมเมทไม่ได้แน่ๆ แต่พอไปๆมาๆ นอนคุยกันเกือบเที่ยงคืนเลย มิหนำซ้ำยังชวนห้องข้างๆมาคุยด้วย ก็คือพากันเฮฮาในยามวิกาล 55555

อาหารในค่าย
         จริงๆแล้วเราเป็นคนค่อนข้างกินยาก ตอนอยู่ที่บ้านก็จะเลือกกินแค่ที่ตัวเองอยากกิน ตอนไปค่ายก็แอบหวั่นว่าจะเป็นปัญหา แต่พอไปถึง อาหารฝีมือพี่ค่ายดีนะ เรากินได้แล้วกินเยอะมากด้วย กับข้าวก็ธรรมดาๆทั่วไปเลย  เช่นแบบม่าม่าผัด ยำปลากระป๋อง ผัดถั่วฝักยาวใส่พริกแกง ไข่เจียวหมูสับ ต้มจืด แต่คือพี่เขาจะให้เด็กๆมีส่วนรวมในเรื่องของการทำอาหารด้วย ในครัวค่ายก็เลยจะบันเทิงมากกกก
อีกอย่างคือขนมเยอะมากก พี่ค่ายประเคนให้น้องค่ายกินทุกๆสามชม.เลย ขนาดกลับบ้านก็ยังแจกน้องๆค่ายให้เอาไปกินที่บ้านด้วย สายขนมต้องเป็นปลื้ม ไม่มีคำว่าอดอยากแน่นอนกับค่ายนี้

พี่ค่ายที่ทุ่มเท
         พี่ค่ายคือดืออมากกกกกก ทุกคนน่ารัก เป็นมิตร สร้างบรรยากาศที่ดีในค่าย พวกพี่ทุ่มเทกับหน้าที่ของตัวเองที่ได้รับ ประสานงานกันตลอด  เรารู้สึกได้เลยว่าพี่ค่ายพยายามทำให้น้องค่ายมีความสุข  ตอนแรกเราคิดว่าพี่ที่เรียนจุฬา จะมีความขรึมๆหน่อย  แต่ไม่เลย พี่ๆใจดี พยายามทำความรู้จักน้องๆ ชวนน้องๆคุยทำให้น้องค่ายไม่รู้สึกเกร็งที่จะพูดคุยด้วย ในค่ายเราก็ได้คุยกับพวกพี่เขาในหลายๆเรื่อง ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง พี่เขาก็เหมือนกับคนธรรมดาทั่วๆไป ที่อยากทำค่ายนี้ให้กลายเป็นความทรงจำที่ดีๆให้กับน้องค่าย และเราพูดได้เลยว่าพี่ค่ายทำสำเร็จแล้วจริงๆ
ปล นี้ไปค่ายครั้งแรก ตื่นเต้นหนัก ไม่รู้ต้องทำอะไรบ้าง โทรไปถามพี่เขาเยอะมาก พี่เขาก็คอยตอบ คอยช่วยเหลือตลอดเลย พี่เขายังจำได้เลยว่าเราคือคนที่โทรไปเยอะๆ คือกลัวพี่ด่า แต่พี่เขาก็บอกว่า เข้าใจเรานะ คือซึ้งมากจ้าแม่ น้ำตาไหลท่วมอุทยานเลย 5555

หนีมลพิษจากเมืองใหญ่มาสูดลมหายใจกับธรรมชาติ
         เราไม่เคยไปอุทยานเขตพันธุ์รักษาป่าเลย เเต่ที่ทุ่งกะมังคือสวยมากๆ มีความหลากหลายของประเภทป่าไม้มากๆ  เเถมที่อุทยานก็จะให้สิ่งมีชีวิตต่างๆได้อยู่ตามธรรมชาติของเขา เราได้เห็นสัตว์ป่าที่ออกมาใช้ชีวิตหลายชนิดมากๆ (เเต่เราอย่าทำเสียงดังนะ ต้องเกรงใจเจ้าบ้านเขา อิอิ)
ค่ายผ่านมาเกือบปีแล้วแต่ยังจำบรรยากาศตอนนั้นได้เลย ตอนเช้าที่ตื่นมาในเวลาหกโมงกว่าๆ น้ำค้างจะพากันเกาะตัวบนต้นไม้และยอดหญ้า สัมผัสได้ถึงไอความเย็นที่เกิดจากฝนที่ตกปรอยๆ อยู่ตลอด รู้สึกถึงธรรมชาติกำลังโอบอุ้มเราอยู่  เหมือนเรากำลังทำความรู้จักกับธรรมชาติเพื่อที่เราจะได้เป็นเพื่อนที่เข้าใจกันและกัน 

         ความสวยงามของธรรมชาติที่แท้จริงทำให้เรารู้สึกเป็นห่วง กลัวว่ามันต้องถูกพรากไปจากฝีมือมนุษย์ ที่ทุ่งกะมังเคยมีประวัติความหลังที่ถูกมนุษย์รุกรานเป็นพื้นที่ทำกิน แต่มีหลายหน่วยงานได้เข้ามาช่วยเหลือ
และตอนนี้ธรรมชาติฟื้นฟูตัวเองโดยมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้คอยดูเเลอยู่ไม่ห่าง การที่เราไปค่ายนี้เราเลยได้รู้ว่าอาชีพเจ้าหน้าที่ป่าไม้เนี่ยมีบทบาทสำคัญมากเเค่ไหน เรารู้สึกว่าเขตพันธุ์รักษาป่าภูเขียวไม่ใช่แค่สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แต่คือห้องเรียนรู้ธรรมชาติขนาดใหญ่ ที่ทำให้เราเข้าใจในวิถีชีวิตของสัตว์มากขึ้น
“มิตรภาพที่สวยงามทำให้เราได้เรียนรู้ตัวเอง”

         มีเหตุผลเล็กๆที่ทำให้เราอยากไปค่ายนี้คือ เรามักจะได้รับความคาดหวังจากคนรอบข้างอยู่เสมอ แต่การที่เราได้มาค่ายนี้เราไม่ต้องมาคอยกังวลว่าเขาจะมองว่าเราเป็นคนยังไง เพราะเรามีเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ การหันหน้าพูดคุยกันอย่างเปิดใจ การยอมรับฟังความคิดเห็นและความแตกต่างของผู้อื่น ยิ้มและหัวเราะอย่างจริงใจถือเป็นสิ่งสำคัญ  เรารู้สึกได้ว่าเราสามารถเป็นตัวของตัวเองได้มากๆ เพื่อนๆในค่ายเปิดใจที่จะเรียนรู้ตัวตนของผู้อื่น ตอนแรกเราไม่ชิน พยายามสร้างด้านดีๆเพื่อแสดงออกให้คนอื่นเห็น แต่สุดท้ายค่ายนี้ก็สอนให้เราได้รู้ว่าการภูมิใจในการเป็นตัวของตัวเองถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากจริงๆ  อีกอย่างคือค่ายนี้เปิดโลกเรา ในค่ายนี้เราได้เจอคนที่มีความชอบ ความสนใจเหมือนๆกับเรา หรือแตกต่างกับเรา เราก็ได้เรียนรู้ได้เจอกับคนที่มี passion ในการเดินตามความฝัน ความสุขของตนเอง มันเลยทำให้เราอยากจะค้นหาความตัวตนของตัวเอง เพื่อที่จะสามารถเดินตามฝันได้เหมือนกับเพื่อนๆ
  “การได้เจอมิตรภาพที่ดี จะทำให้เราได้เรียนรู้การเป็นตัวเอง และเราอยากจะพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นจากเมื่อวาน”
กิจกรรมในค่าย
         กิจกรรมหลากหลายมากกกกก  ส่วนมากจะเป็นกิจกรรมสอดแทรกความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติและตนเอง ยกตัวอย่างเลยคือ เราได้ไปทำดินโป่ง ดูนก เดินป่าเรียนรู้ธรรมชาติเเบบใกล้ชิดพร้อมกับเจ้าหน้าที่คอยให้ความรู้  นอกจากภาคปฏิบัติแล้วก็ยังมีภาคทฤษฎีแบบเจ้มจ้นอีกมากมายเลย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเป็นเกมสนุกๆให้ข้อคิด อีกทั้งยังสนับสนุนให้น้องค่ายรู้จักการทำกิจกรรมเป็นทีม ในค่ายจะมีการแบ่งกลุ่มเยอะมากกก มีกลุ่มทำกิจกรรม กลุ่มทำเวร กลุ่มรูมเมท คือเราก็ชอบการแบ่งกลุ่มของค่ายนี้นะ เราเคยทำกิจกรรมหรือไปค่ายมาก่อนบ้าง แต่ส่วนมากจะให้จับกลุ่มแล้วแข่งขันกัน เก็บคะแนน เก็บแต้ม บางทีมันทำให้เราห่วงพะวงแต่กับคะแนน  ผลแพ้ชนะ แต่ค่ายนี้จุดประสงค์ของการจับกลุ่มคือให้น้องๆได้มีโอกาสคุยกันมากขึ้น  เราก็เลยรู้สึกผูกพันธ์กับเพื่อนๆในกลุ่มมาก รู้สึกทำกิจกรรมได้อย่างมีความสุขและสนุกมากจริงๆ

มุมมองทางธรรมชาติกับตัวตนที่เปลี่ยนไป
         ค่ายนี้ให้อะไรกับเราเยอะมาก ช่วงเวลาเก้าวันที่อยู่ด้วยกัน ตั้งแต่นั่งคุยกันก่อนออกเดินทาง จนถึงต้องจากลากัน ทั้งการเดินทาง มิตรภาพ ความทรงจำต่างๆและอีกอย่างคือความรู้ ความรู้ที่ได้รับไม่ใช่แค่ทำให้เรารับรู้ในเรื่องราวของธรรมชาติ แต่ทำให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเอง เราไม่เคยใส่ใจสิ่งแวดล้อมขนาดนี้มาก่อนเลย ไม่คิดว่าสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องของมนุษย์ที่ต้องใส่ใจมากขนาดนั้น ไม่เคยเข้าใจถึงความเจ็บปวดถึงความสูญเสียพื้นที่ป่าหรือระบบนิเวศธรรมชาติอื่นๆ  ไม่เคยคิดว่าสัตว์ป่ามีความรู้สึกนึกคิดมากเเค่ไหน เราไม่เคยคิดว่าการกระทำของเราที่เราคิดว่ามันเล็กน้อย มันจะส่งผลกระทบกับพวกเขามากเท่าไหร่

         มีหลายครั้งที่พี่เขาจะนำสื่อการแสดงมาให้พวกเราได้ดู บางครั้งมันก็ทำเรารู้สึกโกรธที่มนุษย์ด้วยกันเองจ้องจะหาผลประโยชน์จากพวกเขา ทั้งๆที่พวกเราก็ต่างคอยเกื้อหนุนกัน แต่มนุษย์กลับฉกฉวยชีวิตของพวกเขาทุกครั้งที่มีโอกาส เพื่อเงินตรา เพื่อความจรรโลงใจ
“ เเต่เราว่าจุดประสงค์ของค่ายนี้ไม่ได้ต้องการให้เราโกรธมนุษย์ ไม่ได้ต้องการให้เรารังเกียจคนอื่น แต่เขาอยากให้เราเข้าใจธรรมชาติไปพร้อมๆกับการเข้าใจมนุษย์อย่างเราๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่การแยกให้มนุษย์ออกจากธรรมชาติ แต่คือการเรียนรู้ว่าเราจะอยู่ร่วมกับพวกเขายังไง”

         พี่ๆเขามีกิจกรรมให้เราได้ทำและเรียนรู้เรื่องราวเหล่านี้มากมาย ตั้งแต่กลับจากค่ายเราเปลี่ยนความคิดและการกระทำของเราไปมาก เราได้มีความฝันที่อยากทำเพิ่มขึ้นมาอีกมากมาย ความฝันที่อยากจะพัฒนาตนเองและความฝันที่อยากจะดูแลธรรมชาติ ทุกสิ่งทุกอย่างในค่ายนี้มีค่ากับเด็กคนนี้มากจริงๆ  

         เรามีโอกาสได้เห็นว่าค่ายนี้กำลังจะจัดครั้งที่สาม และกำลังจะเปิดรับสมัครภายในปีนี้ เราเลยอยากมาถ่ายทอดให้ทุกคนได้รับรู้ แต่นี้แค่ 0.000001 เปอร์เซ็นต์นะ ยังมีเรื่องราวดีๆเกิดขึ้นในค่ายที่รอเยาวชนอีกหลายๆคนได้ไปสัมผัส เราไม่อยากสปอยล์เยอะ แต่รับรองว่าค่ายนี้ครบทุกรสชาติจริงๆ
ถ้ารีวิวเรายาวไป งั้นขอสรุปสั้นๆนะ “มันดี!!!ไปเถอะครับ”
 __________________________________________________________________________________________________________
         บอกเลยว่าเก้าวันที่เราเลือกที่จะไป ไม่เสียใจเลย ย้อนเวลากลับไปเลือกกี่ครั้งก็ยังยืนยัน นอนยัน นั่งยัน ว่าจะไปให้ได้ อันนี้มาเขียนริวิวแบบไม่ได้อะไรเลย ทำเพราะใจรักและคิดถึงล้วนๆ อัดอั้นอยากระบายโว้ย5555  ใครสนใจอยากลองหนีออกจากบ้าน เอ้ยยย  อยากหาประสบการณ์ใหม่ๆที่ดือ  ติดตามเพจนี้ไว้ได้เลยยย เดียวพี่ๆเขาก็คงจะเปิดรับสมัครในอีกไม่ช้า  เชื่อเราเถอะว่า
“เก้าวันที่ก้าวไป เพื่อก้าวออกจากพื้นที่เดิมๆ สู่การก้าวไปในโลกของธรรมชาติ มันดีมากจริงๆ”

CR.ไนซ์คนตาฮั
ชื่อสินค้า:   ค่ายเยาวชนอนุรักษ์ธรรมชาติครั้งที่ 2 ชมรมอนุรักษ์ฯ จุฬาฯ
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่