สรท.กังวล กำลังซื้อผู้บริโภคหดตัวฉุดส่งออกไทย
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/901099
สรท.เผย การส่งออกของไทยเดือนส.ค.มูลค่า 20,212 ล้านดอลลาร์ติดลบ 7.94% ขณะที่ส่งออก 8 เดือน ติดลบ 7.75%
นางสาว
กัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า การส่งออกเดือนส.ค. 2563 มีมูลค่า 20,212 ล้านดอลลาร์ติดลบ 7.94% การนําเข้า มีมูลค่า 15,862 ล้าน ดอลลาร์ติดลบ19.68 % ส่งผลให้ เดือนสิงหาคม 2563 ประเทศไทยเกินดุลการค้า 4,349 ล้าน ดอลลาร์ เมื่อกหักทองคํา น้ํามันและอาวุธยุทธปัจจัย การส่งออกติดลบ 14.11%
ขณะที่ ภาพรวมช่วงเดือน8 เดือนแรก (ม.ค.- ส.ค. )ปี 2563 ไทยส่งออกรวมมูลค่า 153,374 ล้านดอลลาร์ติดลบ 7.75% เมื่อเทียบกับช่วง เดียวกันของปีก่อน ขณะที่การนําเข้ามีมูลค่า 134,981 ล้านดอลลาร์ติดลบ 15.31 % ส่งผลให้ช่วงเดือน ม.ค.- ส.ค. 2563 ประเทศไทยเกินดุลการค้า 18,393 ล้าน เมื่อหักทองคําและน้ํามันน้ํามันและอาวุธ ยุทธปัจจัย เดือนม.ค. – ส.ค. การส่งออกติดลบ 9.68%
ท้ังนี้ สรท. ปรับคาดการณ์การส่งออกไทยในปี 2563 ติดลบ8-10% โดยมีปัจจัยบวกท่ีสําคัญ คือ อุปสงค์ ทั่วโลกเริ่มกลับมาฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดังจะเห็นได้จากตัวเลขดัชนีทางเศรษฐกิจในหลายส่วนเริ่มมีแนวโน้มกลับมาขยายตัวได้เล็กน้อย ยอดคําสั่งซื้อสินค้าส่งออกสินค้าทั่วโลกที่ขยายตัวเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน
อย่างไรก็ตามยังค้องจับตาปัจจัยเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคสําคัญ ได้แก่ กําลังซื้อของผู้บริโภคทั่วโลกที่ยังมีความอ่อนแอ เนื่องด้วยสภาพเศรษฐกิจท่ัวโลกที่ ตกต่ำในปัจจุบัน กระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและกําลังซื้ของผู้บริโภคหดตัว โดยจะเน้นการใช้จ่ายกับสินค้าที่จําเป็นและราคาไม่สูงมากนักและค่าเงินบาทที่ยังคงอยู่ในระดับที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง
ปธ.คณะทำงานเครือข่ายภาคีฯย้ำทางออกปท.วันนี้คือแก้รธน.
https://www.innnews.co.th/politics/news_789249/
นาย
อนุสรณ์ ธรรมใจ ประธานคณะ ทำงานเครือข่ายภาคีเพื่อรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย กล่าวเปิดการเสวนา
“จากหนักแผ่นดินสู่โรคชังชาติ : ชาติความเป็นไทย ประชาธิปไตยที่แปรผัน” ว่า
ขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ไม่ว่าที่ใดก็ตามล้วนเป็นพลังที่เต็มไปด้วยความปรารถนาดี อยากเห็นสังคม ที่เป็นธรรมและแบ่งปันกัน อยากเห็นเสรีภาพ อยากเห็นประชาธิปไตย ที่ปราศจากการข่มเหงรังแกและคุกคาม แต่ไม่ว่าเป็นระบอบการปกครองแบบไหนถ้าผู้นำ คิดแต่จะแสวงหาอำนาจ ทรรัฐย่อมเกิดขึ้นได้ ถ้าผู้นำประเทศบรรลุธรรม ผู้นำก็จะไม่เป็นทรราช และจะไม่สร้างทรรัฐ จะมองความชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยเป็นความสวยงาม เป็นสำนึกของประชาชนผู้ตื่นรู้ พร้อมเดินหน้าหารือเพื่อหาทางออกให้กับบ้านเมือง ในกรณีของไทยปัจจุบันนี้ทางออกคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ได้รัฐธรรมนูญของประชาชน โดยประชาชนเพื่อประชาชน อันเป็นพื้นฐานของสันติธรรมประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ภารกิจข้างหน้าของกระบวนการประชาธิปไตยก็คือ จะทำอย่างไรที่จะเอาชนะกระบวนการปรปักษ์ประชาธิปไตย โดยวิธีที่หลีกเลี่ยงความรุนแรง ความสูญเสีย และตนเห็นว่าทางออกนั้นคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้เป็นประชาธิปไตยและมีการขับเคลื่อนให้มีการปฏิรูป ประเทศครั้งใหญ่ด้วย สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
เป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่รัฐสภา ไม่ยอมรับหลักการในการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระแรก กลับใช้วิธีการตั้งคณะกรรมาธิการศึกษา ขึ้นมา ทำให้ยืดเวลาออกไปอีก 1 เดือน ซึ่งไม่รู้ว่าผลสรุปจะเป็นเช่นไร ส่วนนี้จึงทำให้ปัญหาต่างๆซับซ้อนขึ้นและเกิดการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 14 ตุลาคมนี้
ดังนั้นจึงขอฝากไปถึงสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) ให้เห็นแก่ประโยชน์ของประเทศ คิดถึงประชาชนมากกว่าตำแหน่งอำนาจและผลประโยชน์ ฉะนั้นการรณรงค์ที่มีขอบข่ายทั่วประเทศ ต้องส่งสัญญาณไปยังผู้มีอำนาจว่า หมดเวลาของรัฐบาลชุดนี้แล้ว ประชาชน ต้องการรัฐธรรมนูญของประชาชนเพื่อประชาชน พร้อมขอย้ำอีกครั้งว่า ทางออกวันนี้คือการแก้รัฐธรรมนูญ และปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ด้วยพลังประชาชน
JJNY : สรท.กังวลกำลังซื้อหดตัว/ปธ.คณะทำงานเครือข่ายภาคีฯย้ำทางออกปท./วงเสวนาเชื่อพลังคนรุ่นใหม่/วงสามัญชนไม่เล่นเพลงหงา
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/901099
นางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า การส่งออกเดือนส.ค. 2563 มีมูลค่า 20,212 ล้านดอลลาร์ติดลบ 7.94% การนําเข้า มีมูลค่า 15,862 ล้าน ดอลลาร์ติดลบ19.68 % ส่งผลให้ เดือนสิงหาคม 2563 ประเทศไทยเกินดุลการค้า 4,349 ล้าน ดอลลาร์ เมื่อกหักทองคํา น้ํามันและอาวุธยุทธปัจจัย การส่งออกติดลบ 14.11%
ขณะที่ ภาพรวมช่วงเดือน8 เดือนแรก (ม.ค.- ส.ค. )ปี 2563 ไทยส่งออกรวมมูลค่า 153,374 ล้านดอลลาร์ติดลบ 7.75% เมื่อเทียบกับช่วง เดียวกันของปีก่อน ขณะที่การนําเข้ามีมูลค่า 134,981 ล้านดอลลาร์ติดลบ 15.31 % ส่งผลให้ช่วงเดือน ม.ค.- ส.ค. 2563 ประเทศไทยเกินดุลการค้า 18,393 ล้าน เมื่อหักทองคําและน้ํามันน้ํามันและอาวุธ ยุทธปัจจัย เดือนม.ค. – ส.ค. การส่งออกติดลบ 9.68%
ท้ังนี้ สรท. ปรับคาดการณ์การส่งออกไทยในปี 2563 ติดลบ8-10% โดยมีปัจจัยบวกท่ีสําคัญ คือ อุปสงค์ ทั่วโลกเริ่มกลับมาฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดังจะเห็นได้จากตัวเลขดัชนีทางเศรษฐกิจในหลายส่วนเริ่มมีแนวโน้มกลับมาขยายตัวได้เล็กน้อย ยอดคําสั่งซื้อสินค้าส่งออกสินค้าทั่วโลกที่ขยายตัวเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน
อย่างไรก็ตามยังค้องจับตาปัจจัยเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคสําคัญ ได้แก่ กําลังซื้อของผู้บริโภคทั่วโลกที่ยังมีความอ่อนแอ เนื่องด้วยสภาพเศรษฐกิจท่ัวโลกที่ ตกต่ำในปัจจุบัน กระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและกําลังซื้ของผู้บริโภคหดตัว โดยจะเน้นการใช้จ่ายกับสินค้าที่จําเป็นและราคาไม่สูงมากนักและค่าเงินบาทที่ยังคงอยู่ในระดับที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง
ปธ.คณะทำงานเครือข่ายภาคีฯย้ำทางออกปท.วันนี้คือแก้รธน.
https://www.innnews.co.th/politics/news_789249/
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ ประธานคณะ ทำงานเครือข่ายภาคีเพื่อรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย กล่าวเปิดการเสวนา “จากหนักแผ่นดินสู่โรคชังชาติ : ชาติความเป็นไทย ประชาธิปไตยที่แปรผัน” ว่า
ขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ไม่ว่าที่ใดก็ตามล้วนเป็นพลังที่เต็มไปด้วยความปรารถนาดี อยากเห็นสังคม ที่เป็นธรรมและแบ่งปันกัน อยากเห็นเสรีภาพ อยากเห็นประชาธิปไตย ที่ปราศจากการข่มเหงรังแกและคุกคาม แต่ไม่ว่าเป็นระบอบการปกครองแบบไหนถ้าผู้นำ คิดแต่จะแสวงหาอำนาจ ทรรัฐย่อมเกิดขึ้นได้ ถ้าผู้นำประเทศบรรลุธรรม ผู้นำก็จะไม่เป็นทรราช และจะไม่สร้างทรรัฐ จะมองความชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยเป็นความสวยงาม เป็นสำนึกของประชาชนผู้ตื่นรู้ พร้อมเดินหน้าหารือเพื่อหาทางออกให้กับบ้านเมือง ในกรณีของไทยปัจจุบันนี้ทางออกคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ได้รัฐธรรมนูญของประชาชน โดยประชาชนเพื่อประชาชน อันเป็นพื้นฐานของสันติธรรมประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ภารกิจข้างหน้าของกระบวนการประชาธิปไตยก็คือ จะทำอย่างไรที่จะเอาชนะกระบวนการปรปักษ์ประชาธิปไตย โดยวิธีที่หลีกเลี่ยงความรุนแรง ความสูญเสีย และตนเห็นว่าทางออกนั้นคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้เป็นประชาธิปไตยและมีการขับเคลื่อนให้มีการปฏิรูป ประเทศครั้งใหญ่ด้วย สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
เป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่รัฐสภา ไม่ยอมรับหลักการในการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระแรก กลับใช้วิธีการตั้งคณะกรรมาธิการศึกษา ขึ้นมา ทำให้ยืดเวลาออกไปอีก 1 เดือน ซึ่งไม่รู้ว่าผลสรุปจะเป็นเช่นไร ส่วนนี้จึงทำให้ปัญหาต่างๆซับซ้อนขึ้นและเกิดการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 14 ตุลาคมนี้
ดังนั้นจึงขอฝากไปถึงสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) ให้เห็นแก่ประโยชน์ของประเทศ คิดถึงประชาชนมากกว่าตำแหน่งอำนาจและผลประโยชน์ ฉะนั้นการรณรงค์ที่มีขอบข่ายทั่วประเทศ ต้องส่งสัญญาณไปยังผู้มีอำนาจว่า หมดเวลาของรัฐบาลชุดนี้แล้ว ประชาชน ต้องการรัฐธรรมนูญของประชาชนเพื่อประชาชน พร้อมขอย้ำอีกครั้งว่า ทางออกวันนี้คือการแก้รัฐธรรมนูญ และปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ด้วยพลังประชาชน