สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 29
อนาคตประเทศเรามันจบไปได้สิบปีแล้วครับ นับตั้งแต่อะไร ก็หวังว่าจะรู้ๆกันอยู่
ปกติ ประเทศกำลังพัฒนา มันต้องอาศัย FDI มาอัดช่วงเริ่มๆ แรงงานถูกๆ ผสมโรงกับการลงทุนภาพรัฐ รีบๆโต แล้วก็รีบๆสร้างตัวเอง พัฒนาตัวเองให้มีขีดความสามารถ ผ่านไป generation นึงแล้ว ต่อจากนั้นต้องยืนด้วยตัวเองได้ สู้เองพอไหว เพราะพอเศรษฐกิจมันโตมาได้ระดับนึง เสน่ห์ความน่าลงทุนมันหมดไป ค่าแรง ค่าครองชีพมันแพงขึ้น พวก FDI มันก็จะย้ายออก นี่มันไม่ได้แปลก มันเรื่องปกติ
ปัญหาของประเทศนี้ คือมัวแต่นึกว่า FDI นี่จะอยู่กับเราไปทั้งชาติ อยู่ไปตลอดจนถึงรุ่นเหลน ปี 2590 เหลนก็จะยังทำงานในโรงงานผลิตรถญี่ปุ่น
เหลนอีกคนก็จะทำงานในโรงงาน semiconductor ... เรียนจบวิศวะมาสิ จะได้ไปทำงานในโรงงานเหล่านี้
เรื่องพวกนี้มันฝันกลางวันแท้ๆ แม้แต่สิงคโปร์เอง โรงงาน Semi ก็ย้ายออกไปหมดแล้ว ประเทศต้องหาจดแข็งใหม่ๆให้กับตัวเอง ต้องรีบสร้าง
แต่อนิจจา ประเทศสวยงามแห่งนี้ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันให้กำเนิดจุดแข็งมาได้เลย มีแต่ทะเลาะกันเองไปวันๆ มัวแต่จะหาคนดี จะหาคนดี
สุดท้าย ประเทศนี้ ก็ไม่ล่มสลายไปไหนหรอกครับ ก็ยังอยู่แบบนี้แหละ แต่อยู่แบบทรงๆ เดี๋ยวท่องเที่ยวกลับมาหลังโควิท ก็พอลืมตาอ้าปากกันได้หน่อย แต่ไม่ต้องไปหวังอนาคตสวยหรู ประเทศนี้มีแต่จะทรงๆกับทรุดลงไปเรื่อยๆนั่นแหละ เพราะหาจุดแข็งใหม่ไม่เจอ รัฐบาลเปลี่ยนเร็วยังกับเปลี่ยนกางเกงใน ไม่มีอะไรต่อเนื่องสักอย่าง มันจะไปทันกินอะไรโลกเค้า ปกครองโดยทหาร นานๆเข้า คนก็บ่น เพราะทหารไม่ใช่นักบริหาร ยิ่งเรื่องการค้าขายยิ่งบราย คิดอะไรไม่ออกหรอก.... พอจัดให้เลือกตั้ง ก็บ่นกันอีกว่านักการเมือง โกงๆๆๆๆๆๆๆๆ เสียงบ่นหนาเข้า ก็ฉีกกฎ ทหารมาปกครองใหม่ วนลูบไปเรื่อยๆยังกะหนังทอมครูซ The Edge ...
ถ้าคุณถอยออกมาดูภาพกว้างๆนะ คุณจะรู้ว่า เมืองไทยเนี่ย พายเรือ วนอยู่ในอ่างมาหลายยุคละ ไม่ได้ก้าวหน้าไปไหนเลยจริงจริ๊ง
พอ FDI เริ่มจากไป ไทยเราก็จะเริ่มง่อยลงเรื่อยๆแล้ว น่าเสียดาย
ปกติ ประเทศกำลังพัฒนา มันต้องอาศัย FDI มาอัดช่วงเริ่มๆ แรงงานถูกๆ ผสมโรงกับการลงทุนภาพรัฐ รีบๆโต แล้วก็รีบๆสร้างตัวเอง พัฒนาตัวเองให้มีขีดความสามารถ ผ่านไป generation นึงแล้ว ต่อจากนั้นต้องยืนด้วยตัวเองได้ สู้เองพอไหว เพราะพอเศรษฐกิจมันโตมาได้ระดับนึง เสน่ห์ความน่าลงทุนมันหมดไป ค่าแรง ค่าครองชีพมันแพงขึ้น พวก FDI มันก็จะย้ายออก นี่มันไม่ได้แปลก มันเรื่องปกติ
ปัญหาของประเทศนี้ คือมัวแต่นึกว่า FDI นี่จะอยู่กับเราไปทั้งชาติ อยู่ไปตลอดจนถึงรุ่นเหลน ปี 2590 เหลนก็จะยังทำงานในโรงงานผลิตรถญี่ปุ่น
เหลนอีกคนก็จะทำงานในโรงงาน semiconductor ... เรียนจบวิศวะมาสิ จะได้ไปทำงานในโรงงานเหล่านี้
เรื่องพวกนี้มันฝันกลางวันแท้ๆ แม้แต่สิงคโปร์เอง โรงงาน Semi ก็ย้ายออกไปหมดแล้ว ประเทศต้องหาจดแข็งใหม่ๆให้กับตัวเอง ต้องรีบสร้าง
แต่อนิจจา ประเทศสวยงามแห่งนี้ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันให้กำเนิดจุดแข็งมาได้เลย มีแต่ทะเลาะกันเองไปวันๆ มัวแต่จะหาคนดี จะหาคนดี
สุดท้าย ประเทศนี้ ก็ไม่ล่มสลายไปไหนหรอกครับ ก็ยังอยู่แบบนี้แหละ แต่อยู่แบบทรงๆ เดี๋ยวท่องเที่ยวกลับมาหลังโควิท ก็พอลืมตาอ้าปากกันได้หน่อย แต่ไม่ต้องไปหวังอนาคตสวยหรู ประเทศนี้มีแต่จะทรงๆกับทรุดลงไปเรื่อยๆนั่นแหละ เพราะหาจุดแข็งใหม่ไม่เจอ รัฐบาลเปลี่ยนเร็วยังกับเปลี่ยนกางเกงใน ไม่มีอะไรต่อเนื่องสักอย่าง มันจะไปทันกินอะไรโลกเค้า ปกครองโดยทหาร นานๆเข้า คนก็บ่น เพราะทหารไม่ใช่นักบริหาร ยิ่งเรื่องการค้าขายยิ่งบราย คิดอะไรไม่ออกหรอก.... พอจัดให้เลือกตั้ง ก็บ่นกันอีกว่านักการเมือง โกงๆๆๆๆๆๆๆๆ เสียงบ่นหนาเข้า ก็ฉีกกฎ ทหารมาปกครองใหม่ วนลูบไปเรื่อยๆยังกะหนังทอมครูซ The Edge ...
ถ้าคุณถอยออกมาดูภาพกว้างๆนะ คุณจะรู้ว่า เมืองไทยเนี่ย พายเรือ วนอยู่ในอ่างมาหลายยุคละ ไม่ได้ก้าวหน้าไปไหนเลยจริงจริ๊ง
พอ FDI เริ่มจากไป ไทยเราก็จะเริ่มง่อยลงเรื่อยๆแล้ว น่าเสียดาย
แสดงความคิดเห็น
การที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนใหม่เลือกไปเวียดนาม อินโดฯก่อน แสดงว่าธุรกิจญี่ปุ่นในไทยสิ้นสุดในยุคนี้เอง
ขณะที่อีกสองประเทศข้างต้น แค่นับจำนวนประชากรก็ถือว่าเป็นตลาดใหญ่กว่ามาก