สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นแนะนำตัวก่อนเลยนะคะ ส่วนตัวดิฉันเป็นคนที่ชอบกีฬาเอ็กซ์ตรีมอยู่พอประมาณค่ะ ช่วงโควิด ได้มีโอกาสย้ายมาที่ภูเก็ต วันดีคืนดีก็ชอบออกไปหาอะไรทำ วันหนึ่งได้มีโอกาศไปลองพายเรือคายักค่ะ ครั้งแรกไปกับเพื่อนรู้สึกติดใจ เลยมีครั้งที่สองที่สามสี่ห้าตามมาแต่ครั้งลาล่าสุดนี้ได้ไปคนเดียวค่ะ คือช่วงเย็นนี้เอง อากาศตอนคือแดดจัดมากอากาศโดนรวมดีค่ะ ดิฉันดูแค่ท้องฟ้าไม่ได้เปิดแอปพลิเคชั่นเช็คสภาพอากาศให้ดีเสียก่อนแต่ก่อนไปก็ได้โทรถามพี่ที่เป็นเจ้าของแล้วว่าวันนี้เปิดให้เช่าเรือไหมหรือไม่ คือต้องโทรก่อนค่ะ เพราะว่าบางวันถ้ามีคลื่นลมแรงทางพี่เจ้าของจะปิดไม่ให้นำเรือออก และหาดที่เช่าเรือนั่นไกลจากบ้านของดิฉันมาก เลยจำเป็นต้องโทรเช็ดเพื่อจะไม่ได้ขับรถเสียเที่ยว พอดิฉันได้โทรสอบถามไปทางพี่เจ้าของแจ้งว่าเปิดค่ะ แต่วันนี้ลมแรงกว่าทุกครั้ง ซึ่งทางพี่เจ้าของก็ได้แจ้งดิฉันมาแล้ว แต่ดิฉันก็คิดว่าไม่เป็นไร คงไม่มีปัญหาอะไรมากเลยตัดสินใจไป คิดว่าจะไปคาดิโอหลังเล่นเวทสักหน่อย พอไปถึงพี่เจ้าของก็จัดเตรียมชูชีพกระเป๋าใส่ของสำคัญให้เรียบร้อย ทางพี่เจ้าของน่ารักมากค่ะ เป็นกันเอง และก็ได้เตือนดิฉันทุกครั้งว่าอย่าออกไปไกลเพราะลมแรงและอันตราย ดิฉันก็ได้รับปากเหมือนทุกครั้ง
แต่สิ่งที่สัมผัสได้เมื่อนำเรือคายัคลงทะเลรู้สึกว่าลมแรงค่ะ แต่ตอนนั้นแค่นิดหน่อย นิดหน่อยจริงๆ ดิฉันก็ยังไม่รู้สึกกลัวอะไรใดๆทั้งสิ้น (คือยังไม่สลด) พอพายออกจากฝั่งไปได้ไม่ไกลลมมันแรงขึ้น ก็เริ่มรู้สึกว่ารอบนี้ มันพายยากขึ้น คิดแค่นั้นในเวลานั้น พอพายไปถึงโขดหินก็รู้สึกเหนื่อยกว่าปกติค่ะ รู้สึกว่ามันหนืดๆ จากนั้นก็ถอดชูชีพลงว่าน้ำนิดหน่อยค่ะแปปเดียวนะคะ แปปเดียวจริงๆ ประมาณ4นาที มองไปที่ท้องฟ้าเห็นเป็นฝนตกจากอีกฝั่งหนึ่ง มืดดำเชียว (แต่ก็ยังไม่สลดค่ะ) แค่รู้สึกว่าเสียดายจังรอบนี้อุส่าเช่ามาตั้ง2ชั่วโมง ต้องพายกลับซ่ะล่ะ จากนั้นเราก็กระโดดขึ้นเรือเตรียมพายกลับค่ะ ประจวบเหมาะกับที่เจ้าของโทรมาบอกว่า ให้รีบเข้าฝั่งเพราะฝนจะตกเดี๋ยวจะแย่เอา คือโทรศัพท์ตอนนั้นมีปัญหาเรื่องโทรคุยปลายสายจะไม่ได้ยินเสียงเรา เราจะต้องใช้ หูฟังแอร์พอร์ตเท่านั้นถึงจะได้ยินเสียงกันและกันได้(ดิฉันงกค่ะยังไม่ได้ซ่อม)แต่ตอนนั้นพกแอร์พอร์ตมาด้วยค่ะ ยังเสียบคาหูเอาไว้เลยไม่มีปัญหาคุยกันได้ปกติ แต่ตอนนั้นเราก็เริ่มตระหนักขึ้นมานิดหนึ่งแล้วค่ะ เลยรีบพายกลับไป แต่ดูเหมือนสายไปแล้วค่ะ ยิ่งพายยิ่งไกลออกไปจากฝั่งค่ะ ดิฉันตาโตขึ้นมาทันที คลื่นลมพัดดิฉันไกลออกไปเรื่อยๆ ทั้งที่พยามพายจนจะหมดแรง มองไปที่ฝั่งเห็นพี่ที่เป็นเจ้าจองยืนรอด้วยความเป็นห่วง แต่เรือของดิฉันโดนพัดไกลออกไปเรื่อยๆ ตอนนั้นเริ่มตกใจ คิดเรื่องที่เมื่อเดือนธันวาปีก่อนที่มีคนหายจากการพายเรือคายัค ตอนนี้ก็ยังหาไม่เจอ ไม่มีวี่แวว แม้เเต่ศพแม้แต่เรือก็ไม่พบ 😭😭 ดิฉันคิดในใจ รายต่อไปอาจเป็นเรา ตอนนั้นตัวเกรงคิดอะไรไม่ออกค่ะ ตะคริวขาขวาก็มาค่ะ เลยเริ่มคิดเริ่มตั้งสติจิตนาการไปว่าหากเรารอให้ฝนตก ซึ่งมันกำลังจะตก คลื่นจะแรงกว่าเดิม แรงแบบที่ซัดเรือควั่มแน่นอน และเราจะไม่มีโอกาสได้มีชีวิตต่อ ในตอนนั้นดิฉันก็ยังตกใจก็ยังไม่หยิบชูชีพขึ้นมาใส่ (น่าตีมาก จริงๆควรใส่)โดนคลื่นซัดไปจนจะเลยเกาะเลยโขดหินไปแล้ว ดิฉันเลยตัดสินใจใช้แรงที่ยังพอเหลืออยู่ พายเข้าหาโขดหิน พอดิฉันคิดถึงเรื่องความตายเหมือนอะดรีนาลีนมันหลั่งค่ะ พายไปจนถึงโขดได้ไงไม่รู้ คือความจริงถ้าเราพายไปใกล้กับฝั่งหรือว่าโขดหินคลื่นมันก็จะเปลี่ยนทิศทางซัดเราเข้าหาทางฝั่งหรือโขดหินนั่นล่ะแทน แต่บุญมีกรรมบังค่ะ ดิฉันลงจากเรือโดยปราศจากชูชีพเพราะรู้สึกว่าทรงตัวได้ง่ายกว่า(แต่เพื่อนๆไม่ควรทำนะคะ ถ้าเกิดตอนนั้นดิฉันโดนคลื่นซัดออกจาดโขดหิน แล้วลงทะเลคงตายแน่นอนเพราะคลื่นแรงมากและไม่มีชูชีพ) หลังจากนั้นดิฉันพยามเกาะโขดหินที่ทั้งลื่นและมีหอยเม้น และคลื่นซัดดิฉันกระแทกอยู่แบบนั้นอยู่หลายนาที แต่ณ เวลานั้น ไม่ได้รู้สึกเจ็บหรืออะไรใดๆทั้งสิ้นค่ะ รู้สึกแค่ว่ามีอะไรมาเสียบเท้าปักขา เป็นความรู้สึกเจ็บที่ชาๆ รู้แค่ว่าต้องรอด ใจมันจดจอไปที่โขดหิน อีกมือหนึ่งก็ยังจับดึงเชือดเรือเอาไว้ (ซึ่งในความเป็นจริงแล้วถ้าเพื่อนๆตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นควรทิ้งเรื่อไปเลยก็ได้นะคะ ชีวิตเราสำคัญที่สุด) สุดท้ายความพยามเป็นผลค่ะ ดิฉันสามารถเกาะขึ้นโขดหินได้และใช้แรงที่มาจากไหนก็ไม่รู้ดึงเรือขึ้นโขดหินทั้งที่โขดหินทั้งลื่นและคลื่นก็ซัดเข้าออกแรงมาก ดึงขึ้นมาได้ทั้งตัวเองทั้งเรือ มองมาที่ขาก็เลือดออกเป็นย่อมๆ ก็ไม่รู้สึกเจ็บค่ะ รู้สึกแค่ฉันรอดแล้วจากนั้นดิฉันก็โทรขอความช่วยเหลือจากพี่เจ้าของ ทั้งที่หูฟังเหลือข้างเดียว บุญมาก มันคงหล่นตอนโดนคลื่นซัด โชคดียังเหลือข้างซ้าย🙏🏻
แต่ในตอนหลังพี่เขาแนะนำว่าน้องสามารถทิ้งเรือและเดินลัดเลาะตามเกาะมาขอความช่วยเหลือได้เลยไม่ต้องเป็นห่วงเรือ ซึ่งก็จริงค่ะ ดิฉันตกใจมากไปจนลืมคิดถึงตรงนั้น ชีวิตก็จะรอด เรือก็จะเอา กระเป๋าก็ไม่ทิ้ง😭 🤣 จากนั้นพี่เจ้าของก็บอกให้รอตรงนั้นและพี่เขาก็พายเรือเข้ามาช่วยค่ะ ดิฉันดีใจมากที่รอดตาย พี่เขาบอกไม่ต้องกลัว พี่เขาบอกว่าสุดท้ายแล้วถ้าน้องไม่เกาะโขดหิด คลื่นก็พัดน้องไปถึงฝั่งใดฝั่งหนึ่งอยู่ดี แค่ไม่รู้ฝั่งไหน อห ดิฉันใจหายแว๊บบบบ แต่ตอนนั้นดูจากทิศทางที่คลื่นซัดดิฉัน มันออกไปทางกลางทะเลเลยทีเดียว เเบบใจตกไปที่ตาตุ่ม แต่พี่เจ้าของแกซัพพอร์ตความรู้สึกได้ดีมากค่ะ ขอบคุณมากจริงๆค่ะ ถ้าวันนั้นพี่เขาไม่ตัดสินใจติดต่อและมาช่วยเราในวันนั้น เราคิดว่า%น้อยมากที่เราจะรอด😭
หลังจากขึ้นฝั่งพี่เจ้าของก็ช่วยทำแผลฆ่าเชื้อและถามเราว่าโอเคไหม เราก็ยกมือไหวขอบคุณชุดใหญ่เลยค่ะ เราก็บอกไปว่ายังตื่นเต้นอยู่🤣🤣😭
หลังจากกลับมาบ้านเริ่มรู้สึกเจ็บเห็นแผลอักเสบ แผลถลอกเต็มขา ฝ่าเท้าฝ่ามือและตูด เจ็บตึงอย่างแรง แต่ลึกๆก็ดีใจค่ะ ที่เรายังมีชีวิตรอดมาได้ แต่อีกใจก็รู้สึกว่าอยู่ดีไม่ว่าดีไปหาเหาใส่หัว ขนาดพี่เจ้าของบอกว่าคลื่นแรงก็ไม่สลด แอร์พอร์ต แว่นกันแดด หายไปกับคลื่น แถมได้แผลกลับมา ก็เป็นประสบการณ์ที่สำคัญและจะไม่มีวันลืมค่ะ
คืนนี้นอนไม่หลับกลับมาอ่านข่าวที่ชายชาวโปรตุเกสและสาวไทยที่ได้พายเรือคายัคและหายตัวไปนั้น พวกเขาหายไปไหน และทำไมไม่เจอเรือ ดิฉันมั่นใจเหลือเกินค่ะ ว่าเรือมันไม่จมแน่นอน แต่นี่หายไปทั้งคนทั้งเรือ ดิฉันย้อนคิดทั้งน่าสงสารพวกเขาทั้งสองสุดๆ คงตกใจและกลัวมากๆจนทำอะไรไม่ถูก คงกลัวจนซ๊อค ความหวังก็คือฝั่ง เหมือนเอาความรู้สึกของตัวเองไปจมอยู่กับเรื่องที่เคยเกิดขึ้น ดิฉันหวังอยากจะให้พวกเขายังรอดและยังมีชีวิตอยู่ เพื่อนๆคิดว่าเป็นไปได้ไหมคะ? แล้วถ้าพวกเขาทั้งสองไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้ว แล้วเรือ หรือชูชีพ ศพ หายไปไหน(โดยเฉพาะเรือ) เศร้าใจค่ะ
ประสบการณ์ความประมาณของตัวเองกับการพายเรือคายัคที่ภูเก็ต และหนุ่มโปรตุเกส,สาวไทยที่หายตัวไป
แต่สิ่งที่สัมผัสได้เมื่อนำเรือคายัคลงทะเลรู้สึกว่าลมแรงค่ะ แต่ตอนนั้นแค่นิดหน่อย นิดหน่อยจริงๆ ดิฉันก็ยังไม่รู้สึกกลัวอะไรใดๆทั้งสิ้น (คือยังไม่สลด) พอพายออกจากฝั่งไปได้ไม่ไกลลมมันแรงขึ้น ก็เริ่มรู้สึกว่ารอบนี้ มันพายยากขึ้น คิดแค่นั้นในเวลานั้น พอพายไปถึงโขดหินก็รู้สึกเหนื่อยกว่าปกติค่ะ รู้สึกว่ามันหนืดๆ จากนั้นก็ถอดชูชีพลงว่าน้ำนิดหน่อยค่ะแปปเดียวนะคะ แปปเดียวจริงๆ ประมาณ4นาที มองไปที่ท้องฟ้าเห็นเป็นฝนตกจากอีกฝั่งหนึ่ง มืดดำเชียว (แต่ก็ยังไม่สลดค่ะ) แค่รู้สึกว่าเสียดายจังรอบนี้อุส่าเช่ามาตั้ง2ชั่วโมง ต้องพายกลับซ่ะล่ะ จากนั้นเราก็กระโดดขึ้นเรือเตรียมพายกลับค่ะ ประจวบเหมาะกับที่เจ้าของโทรมาบอกว่า ให้รีบเข้าฝั่งเพราะฝนจะตกเดี๋ยวจะแย่เอา คือโทรศัพท์ตอนนั้นมีปัญหาเรื่องโทรคุยปลายสายจะไม่ได้ยินเสียงเรา เราจะต้องใช้ หูฟังแอร์พอร์ตเท่านั้นถึงจะได้ยินเสียงกันและกันได้(ดิฉันงกค่ะยังไม่ได้ซ่อม)แต่ตอนนั้นพกแอร์พอร์ตมาด้วยค่ะ ยังเสียบคาหูเอาไว้เลยไม่มีปัญหาคุยกันได้ปกติ แต่ตอนนั้นเราก็เริ่มตระหนักขึ้นมานิดหนึ่งแล้วค่ะ เลยรีบพายกลับไป แต่ดูเหมือนสายไปแล้วค่ะ ยิ่งพายยิ่งไกลออกไปจากฝั่งค่ะ ดิฉันตาโตขึ้นมาทันที คลื่นลมพัดดิฉันไกลออกไปเรื่อยๆ ทั้งที่พยามพายจนจะหมดแรง มองไปที่ฝั่งเห็นพี่ที่เป็นเจ้าจองยืนรอด้วยความเป็นห่วง แต่เรือของดิฉันโดนพัดไกลออกไปเรื่อยๆ ตอนนั้นเริ่มตกใจ คิดเรื่องที่เมื่อเดือนธันวาปีก่อนที่มีคนหายจากการพายเรือคายัค ตอนนี้ก็ยังหาไม่เจอ ไม่มีวี่แวว แม้เเต่ศพแม้แต่เรือก็ไม่พบ 😭😭 ดิฉันคิดในใจ รายต่อไปอาจเป็นเรา ตอนนั้นตัวเกรงคิดอะไรไม่ออกค่ะ ตะคริวขาขวาก็มาค่ะ เลยเริ่มคิดเริ่มตั้งสติจิตนาการไปว่าหากเรารอให้ฝนตก ซึ่งมันกำลังจะตก คลื่นจะแรงกว่าเดิม แรงแบบที่ซัดเรือควั่มแน่นอน และเราจะไม่มีโอกาสได้มีชีวิตต่อ ในตอนนั้นดิฉันก็ยังตกใจก็ยังไม่หยิบชูชีพขึ้นมาใส่ (น่าตีมาก จริงๆควรใส่)โดนคลื่นซัดไปจนจะเลยเกาะเลยโขดหินไปแล้ว ดิฉันเลยตัดสินใจใช้แรงที่ยังพอเหลืออยู่ พายเข้าหาโขดหิน พอดิฉันคิดถึงเรื่องความตายเหมือนอะดรีนาลีนมันหลั่งค่ะ พายไปจนถึงโขดได้ไงไม่รู้ คือความจริงถ้าเราพายไปใกล้กับฝั่งหรือว่าโขดหินคลื่นมันก็จะเปลี่ยนทิศทางซัดเราเข้าหาทางฝั่งหรือโขดหินนั่นล่ะแทน แต่บุญมีกรรมบังค่ะ ดิฉันลงจากเรือโดยปราศจากชูชีพเพราะรู้สึกว่าทรงตัวได้ง่ายกว่า(แต่เพื่อนๆไม่ควรทำนะคะ ถ้าเกิดตอนนั้นดิฉันโดนคลื่นซัดออกจาดโขดหิน แล้วลงทะเลคงตายแน่นอนเพราะคลื่นแรงมากและไม่มีชูชีพ) หลังจากนั้นดิฉันพยามเกาะโขดหินที่ทั้งลื่นและมีหอยเม้น และคลื่นซัดดิฉันกระแทกอยู่แบบนั้นอยู่หลายนาที แต่ณ เวลานั้น ไม่ได้รู้สึกเจ็บหรืออะไรใดๆทั้งสิ้นค่ะ รู้สึกแค่ว่ามีอะไรมาเสียบเท้าปักขา เป็นความรู้สึกเจ็บที่ชาๆ รู้แค่ว่าต้องรอด ใจมันจดจอไปที่โขดหิน อีกมือหนึ่งก็ยังจับดึงเชือดเรือเอาไว้ (ซึ่งในความเป็นจริงแล้วถ้าเพื่อนๆตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นควรทิ้งเรื่อไปเลยก็ได้นะคะ ชีวิตเราสำคัญที่สุด) สุดท้ายความพยามเป็นผลค่ะ ดิฉันสามารถเกาะขึ้นโขดหินได้และใช้แรงที่มาจากไหนก็ไม่รู้ดึงเรือขึ้นโขดหินทั้งที่โขดหินทั้งลื่นและคลื่นก็ซัดเข้าออกแรงมาก ดึงขึ้นมาได้ทั้งตัวเองทั้งเรือ มองมาที่ขาก็เลือดออกเป็นย่อมๆ ก็ไม่รู้สึกเจ็บค่ะ รู้สึกแค่ฉันรอดแล้วจากนั้นดิฉันก็โทรขอความช่วยเหลือจากพี่เจ้าของ ทั้งที่หูฟังเหลือข้างเดียว บุญมาก มันคงหล่นตอนโดนคลื่นซัด โชคดียังเหลือข้างซ้าย🙏🏻
แต่ในตอนหลังพี่เขาแนะนำว่าน้องสามารถทิ้งเรือและเดินลัดเลาะตามเกาะมาขอความช่วยเหลือได้เลยไม่ต้องเป็นห่วงเรือ ซึ่งก็จริงค่ะ ดิฉันตกใจมากไปจนลืมคิดถึงตรงนั้น ชีวิตก็จะรอด เรือก็จะเอา กระเป๋าก็ไม่ทิ้ง😭 🤣 จากนั้นพี่เจ้าของก็บอกให้รอตรงนั้นและพี่เขาก็พายเรือเข้ามาช่วยค่ะ ดิฉันดีใจมากที่รอดตาย พี่เขาบอกไม่ต้องกลัว พี่เขาบอกว่าสุดท้ายแล้วถ้าน้องไม่เกาะโขดหิด คลื่นก็พัดน้องไปถึงฝั่งใดฝั่งหนึ่งอยู่ดี แค่ไม่รู้ฝั่งไหน อห ดิฉันใจหายแว๊บบบบ แต่ตอนนั้นดูจากทิศทางที่คลื่นซัดดิฉัน มันออกไปทางกลางทะเลเลยทีเดียว เเบบใจตกไปที่ตาตุ่ม แต่พี่เจ้าของแกซัพพอร์ตความรู้สึกได้ดีมากค่ะ ขอบคุณมากจริงๆค่ะ ถ้าวันนั้นพี่เขาไม่ตัดสินใจติดต่อและมาช่วยเราในวันนั้น เราคิดว่า%น้อยมากที่เราจะรอด😭
หลังจากขึ้นฝั่งพี่เจ้าของก็ช่วยทำแผลฆ่าเชื้อและถามเราว่าโอเคไหม เราก็ยกมือไหวขอบคุณชุดใหญ่เลยค่ะ เราก็บอกไปว่ายังตื่นเต้นอยู่🤣🤣😭
หลังจากกลับมาบ้านเริ่มรู้สึกเจ็บเห็นแผลอักเสบ แผลถลอกเต็มขา ฝ่าเท้าฝ่ามือและตูด เจ็บตึงอย่างแรง แต่ลึกๆก็ดีใจค่ะ ที่เรายังมีชีวิตรอดมาได้ แต่อีกใจก็รู้สึกว่าอยู่ดีไม่ว่าดีไปหาเหาใส่หัว ขนาดพี่เจ้าของบอกว่าคลื่นแรงก็ไม่สลด แอร์พอร์ต แว่นกันแดด หายไปกับคลื่น แถมได้แผลกลับมา ก็เป็นประสบการณ์ที่สำคัญและจะไม่มีวันลืมค่ะ