ติ ด เ ก า ะ อ ย่ า ง ลู ก ห ม า 3 ตั ว
เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา
11-17 เมษายน 2558
11 เมษายน 2558
"นุช ตอนนี้เจ๊อยู่สุราษแล้วนะ"
"..."
ตุ๊ดๆๆๆๆๆ ตุ๊ดๆๆ
"เจ๊แปบนึงนะ"
"รถไฟไม่ตั๋วนั่งเลยวะ มีแต่ตั๋วยืน ไปรถไฟฟรีมั๊ย? ไหนๆก็ยืนแล้ว"
"โอเคเจ๊ เก็บเป๋าแปบ เจอกันนนนน"
หลังการสนทนากับเจ๊ทั้งสองเสร็จ ก็เก็บกระเป๋าแล้วค่อยๆย่องออกจากบ้าน5555555
ปล.เจ๊คนแรกนามสมมติกระเต็น ผู้พาเราไปบุกเบิกเกาะพะลวยครั้งก่อน
ปล.2เจ๊คนที่สองนามสมมติศศิ เพื่อนร่วมชะตากรรมในครั้งนี้
แต่ด้วยอุปสรรคต่างๆนานา ความเอ๋อส่วนบุคคล มาสาย20นาที ...ขอโทษน้าาาาาาาาาา เจ๊ศศิ และ พี่สุภมอส นามสมมติอีกเช่นกัน
สรุปแล้วเราต้องนั่งรถไฟเสียตังค์กัน โดยได้ตั๋วนั่งมาหนึ่งใบ อีกสองใบยืน

เรานั่งรถไฟขบวน 83 กรุงเทพ - ตรัง แต่ลงสถานีสุราษฎร์ธานี ราคาตั๋ว257บาท/ใบ ไม่ว่านั่งหรือยืน

บรรยากาศบนรถไฟคนแน่นมาก ตรงทางเดินกลายเป็นทางนั่ง เราก็นั่งด้วยเช่นกัน
ตอนแรกนึกภาพตั๋วยืนนี่คือยืนไปยันสุราษ แต่นั่งกับพื้นก็สบายดี ไปอีกแบบ55555 ขอบคุณตักเจ๊ศศิ
12 เมษายน 2558 ถึงแล้วสถานีสุราษ ยังมืดๆอยู่เลย
เข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา ก็เดินไปกินโจ๊กตรงข้ามสถานี ลองแวะไปกินนะพี่ๆเค้าบอกว่าอร่อย
แต่เรากินโจ๊กไม่เป็น ไม่รู้ว่าอะไรเรียกว่าอร่อย 555555
กินโจ๊กเสร็จนั่งรถ สุราษ-พุนพิน คนละ 15 บาท ไปตลาดเกษตรอะไรสักอย่าง เพื่อไปหารถตู้ ไปท่าเรือดอนสัก

รถตู้ยังไม่มา สุภมอส เลยขอกระโดดสักหน่อย
รถตู้ 70 บาท ต่อ คน ลงดอนสักนะ ไม่ใช่ท่าเรือเฟอร์รี่ดอนสัก

เรือไปพะลวยวิ่งทุกคู่ มีรอบเดียวนะ 10.30 น. เป็นเรื่องของชาวบ้านที่มาซื้อของขึ้นเกาะ
เวลาออกเรือนี่ ตามใจคนขับนะ ว่าจะออกตอนไหน แต่เป็นกันเองมาก จะนั่งตรงไหนก็ได้ อยากขึ้นก็ขึ้นเลย
ค่าเรือประมาณ 150 มั้ง จำไม่ค่อยได้ แฮ่ๆ

นั่งเล่นรอเรือออกนานอยู่ ร้อนนะ แต่ทำไมไม่รู้อยากนั่งอยู่บนนี้ นั่ง2ชั่วโมงได้
ในที่สุดเรือก็ออกแล้ว มุ่งหน้าสู่เกาะพะลวย

นั่งๆ ร้องเพลง นอน ตื่นมา นั่ง แล้วร้องเพลงต่อ
ถึงแล้วเกาะพะลวยยยยยยยยยยยย

ลงเรือๆ

เดินไปหาร้านขายของอย่างที่เจ๊กระเต็นบอกแล้วติดต่อเรือไปอ่าวสองพี่น้อง ฟังดูง่ายดี
แต่...ไม่มีเรือ แล้วเอาไงต่อดี เรามีเต้นท์นิ นอนนี่กัน

ก่อนกางเราโดดร่มสักหน่อย

เย็นนั้นลมแรงกว่าจะกางได้ขอเล่นอีก

กางเสร็จแล้ววววววว เย้ๆๆๆๆ

เล่นน้ำกัน


เราเล่นน้ำกัน แบบส่วนตัวสุด หาดที่มีแต่เราสามคน แต่เล่นแปบเดียวฟ้าก็มืด เลยไปอาบน้ำข้างบ้านพี่คนนึงเค้าให้เราอาบน้ำ แถมให้เรามอไซ ไว้ขับไปกินข้าว ค่ำนั้นเราไปกินข้าวที่ร้านขายของที่เปิดเป็นโฮมสเตย์ ถ้าใครอยากมาพักที่นี่ก็ได้นะ มองเห็นวิวทะเล ห่างจากท่าเรือนิดเดียว
คืนนั้นดาวสวยมาก แต่พอดึกๆก็น่ากลัวมากเช่นกัน แต่คิดว่าไม่มีอะไรก็คงไม่มีอะไรหรอกน่าาา แล้วมันก็ผ่านไป...
13 เมษายน 2558 วันสงกรานต์
วันนี้หลายคนคงออกไปเล่นสงกรานต์ แต่เราออกเรือไปอ่าวสองพี่น้อง โดยมีภูมิมาส่ง

พอลงจากเรือตากับยายถึงกับงงว่าเรามากันได้ยังไง วันนั้นคลื่นค่อนข้างแรง และทำไมไม่ใส่ชูชีพ (อ้าว ลืมไปเลย)
ยังไม่ทันได้เก็บกระเป๋า ก็มีพี่กลุ่มนึง กำลังออกไปโรยตัว ชวนพวกเราออกไปด้วย
วินาทีนั้น ไม่คิดอะไรเลย "ไปด้วยคะพี่"
"อ๊ะ เอากล้องใส่เป๋ากันน้ำพี่นะ กันไว้ๆ"
"โอเคๆ นุชพายกับพี่เอนะ"
"คะ"
"ถ้าเหนื่อยบอกพี่นะ"
ในใจคิด...ใครจะไปบอกกันละพี่ แกล้งใจ หนูพายสุดตัว ตัดสินใจมาแล้วนิ
เราพายผ่านมาสามอ่าวได้ก็ ถึงสักที คอม้า หอบเป็นหมาเลย





นอนหลับรอเซทเชือกโยกเยกอยู่หลายชั่วโมง พายเรือสนุกสนาน
แต่เคลื่อนเริ่มแรงขึ้น มองออกไปพายุกำลังมา เมื่อพี่สักโรยตัวลงมาก็ตกใจแล้วบอกให้เก็บอุปกรณ์
พายเรือไปผาโอบ ไปหลบคลื่นก่อน ตอนนั้นเหมือนอยู่ในหนัง
พี่สักบอกว่าถ้าเราอยู่ในนี้ไม่รอดแน่ คลื่นซัดเรากับหินแน่
ภาพมาเลยพี่ ไปผาโอบบบบบบบ ด่วน
แต่พี่ผู้หญิงยังไม่ลงมา พี่สักบอกให้ล่วงหน้าไปก่อนเลย
พอถึงผาโอบ เราเล่นน้ำกันจนเปื่อย รอคลื่นสงบ

บางคนปั้นทราย

สุดท้าย คลื่นยังคงแรงอยู่ พี่สักพยายามพายเรือไปดูพี่ผู้หญิง แต่คลื่นตอนนั้นไม่สามารถเอาเรือออกไปได้
เรือคยักลำเล็กไม่ควรออกจากฝั่ง

พี่เอจุดไฟ และข้าวมื้อแรกของวันก็มา มาม่า5ซอง ในหม้อสนามวันนั้นมันเข้มข้นและอร่อยมาก
กินเสร็จเล่นน้ำ เล่นน้ำ และ นอน
พักนึงพี่สักบอกว่าคลื่นเริ่มเบาหน่อยแล้วเดี๋ยวเราพายกลับกับดีกว่า
นาทีต่อจากนี้ไป ลืมเรื่องภาพประกอบไปได้เลย
กล้องถูกเก็บไว้ในเป๋ากันน้ำ ของทุกอย่างแพคกันน้ำเป็นอย่างดีแล้วพร้อมที่จะพายกลับ
นุช พายกับ มอส
เจ๊ศศิ พายกับ พี่สัก
ส่วนพี่เอ๋พายคนเดียวกับข้าวของอีกมากมาย
พายออกมากจากผาโอบได้ เรือเรา รู้สึกสนุกมาก คลื่นสูงเป็นช่วงตัว พี่สักสอนให้เราพาย45องศากับคลื่น
และห้ามหันข้างให้คลื่นไม่งั้นจมแน่ๆ ดูเหมือนอะไรกำลังไปได้สวย พี่เอที่ตามมาติด หายไปไหนแล้ว
คลื่นสูงจนมองไม่เห็นเรือพี่เอ ปรากฏว่าเรือพี่เอคว่ำ ของลอยกระจัดกระจาย
พี่สักตะโกนบอกว่าให้เราพายกลับไปที่หาดใกล้ๆก่อน ไปรอที่นั่น
แล้วพี่สักกับเจ๊ศศิก็พายเข้าไปช่วยพี่เอ
กลับมาทางเราที่พายเข้ามาทางชายหาดอย่างไว ด้วยคลื่นที่ซัดเข้าหาดทำให้แปบเดียวเราไปถึงหาด
แต่...เรือเรากำลังจะชนเข้ากับโขดหิน
ตอนนั้นภาพหัวจะกระแทกหินลอยเข้ามา เรานิ่งไปเหมือนคนไม่มีสติ พี่มอสต้องเรียก พอตั้งตัวได้พวกเราช่วยกันพายดันโขดหิน
และกระโดดขึ้นฝั่ง ยังๆ ยังคงสนุกอยู่ หันกลับไปมอง เอ้าาา เรือพี่สักกับเจ๊ศศิล่ม ตอนนั้นทำยังไงไม่ได้เลย
แต่ค่อนข้างมั่นใจว่าไม่น่าเป็นไรหรอก พวกพี่เค้ามากันบ่อย คงเก่งอยู่แล้ว
สุดท้ายก็เป็นแบบที่คิดทุกคนมาถึงฝั่งอย่างปลอดภัย

เดินเล่นเจอหินสวยๆ เศษแก้วที่ถูกขัดด้วยแรงคลื่นจนสวย แต่ก็ไม่ได้เก็บมาหรอกนะ มือเปื่อยอีกแล้วTT

คราวนี้ติดเกาะกันจริงๆแล้วสินะ

แต่แล้วคลื่นลมก็ไม่ได้เล่นตลกอะไรขนาดนั้น ส่งฮีโร่มาให้เรา

ได้กลับไปกินแกงส้มแล้ว
เมื่อกลับมาถึงยายบอกว่า เก่ง พร้อมกลับมองเสื้อชูชีพสีแดงที่เราใส่อยู่ มารู้ตอนหลังว่าเป็นเสื้อชูชีพที่ฝรั่งดำน้ำแล้วตาย
ฮ้ะ! เรื่องสยอง1บรรทัด
เช้าวันต่อมาพี่ๆที่มาโรยตัวพายเรือกลับกันแล้วแต่พวกเรายังคงอยู่
กิจกรรมของเราวันนี้14 15 16
คือการเฝ้ารอเรือ มารับ
ฝากท้องไว้กับตายาย เมื่อมาม่าปลากระป๋องหมด เหมือนสิ้นใจ
ตอนนั้นน้ำฝนอร่อยมาก พายุเข้าสามวันไม่มีเรือสักลำมาทีหาด
เรากินน้ำอัดลมกันแทนน้ำเปล่า ทุกวันเราเล่นน้ำทะเล เล่นน้ำฝน เล่นกับเด็ก เช้ามาเราเข็นเรือลง เย็นมาเราเข็นเรือขึ้น
น้ำขึ้นให้รีบตักไม่มีแล้ว มีแต่น้ำขึ้นให้รีบเข็น เวลาเราเข็นแล้วไม่ไป ตาก็จะให้เราไปกินข้าวก่อนแล้วกลับมาเข็นใหม่ ฟังเพลง
อ่านหนังสือ ดูดาว ฝนตก เต้นท์รั่ว กลัวผี เปียกเป็นลูกหมา แต่ก็นอนต่อได้ เราทำอะไรแบบนี้สามวัน นึกถึงแล้วก็คิดถึง...

















ขอบคุณทุกอย่างที่เกิดขึ้น ขอบคุณทุกคนที่ได้พบเจอ เราโคตรจะมีความสุขอย่างลูกหมา
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตอนนี้ เรื่องราวของลูกหมา3ตัวยังไม่จบแค่นี้เดี๋ยวไปต่อกันที่เกาะแม่เกาะและเกาะสมุยต่อ...
มาพูดคุยกันได้ที่...
www.facebook.com/WALEEPhotographer
ติ ด เ ก า ะ อ ย่ า ง ลู ก ห ม า 3 ตั ว
11 เมษายน 2558
"นุช ตอนนี้เจ๊อยู่สุราษแล้วนะ"
"..."
ตุ๊ดๆๆๆๆๆ ตุ๊ดๆๆ
"เจ๊แปบนึงนะ"
"รถไฟไม่ตั๋วนั่งเลยวะ มีแต่ตั๋วยืน ไปรถไฟฟรีมั๊ย? ไหนๆก็ยืนแล้ว"
"โอเคเจ๊ เก็บเป๋าแปบ เจอกันนนนน"
หลังการสนทนากับเจ๊ทั้งสองเสร็จ ก็เก็บกระเป๋าแล้วค่อยๆย่องออกจากบ้าน5555555
ปล.เจ๊คนแรกนามสมมติกระเต็น ผู้พาเราไปบุกเบิกเกาะพะลวยครั้งก่อน
ปล.2เจ๊คนที่สองนามสมมติศศิ เพื่อนร่วมชะตากรรมในครั้งนี้
แต่ด้วยอุปสรรคต่างๆนานา ความเอ๋อส่วนบุคคล มาสาย20นาที ...ขอโทษน้าาาาาาาาาา เจ๊ศศิ และ พี่สุภมอส นามสมมติอีกเช่นกัน
สรุปแล้วเราต้องนั่งรถไฟเสียตังค์กัน โดยได้ตั๋วนั่งมาหนึ่งใบ อีกสองใบยืน
เรานั่งรถไฟขบวน 83 กรุงเทพ - ตรัง แต่ลงสถานีสุราษฎร์ธานี ราคาตั๋ว257บาท/ใบ ไม่ว่านั่งหรือยืน
บรรยากาศบนรถไฟคนแน่นมาก ตรงทางเดินกลายเป็นทางนั่ง เราก็นั่งด้วยเช่นกัน
ตอนแรกนึกภาพตั๋วยืนนี่คือยืนไปยันสุราษ แต่นั่งกับพื้นก็สบายดี ไปอีกแบบ55555 ขอบคุณตักเจ๊ศศิ
12 เมษายน 2558 ถึงแล้วสถานีสุราษ ยังมืดๆอยู่เลย
เข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา ก็เดินไปกินโจ๊กตรงข้ามสถานี ลองแวะไปกินนะพี่ๆเค้าบอกว่าอร่อย
แต่เรากินโจ๊กไม่เป็น ไม่รู้ว่าอะไรเรียกว่าอร่อย 555555
กินโจ๊กเสร็จนั่งรถ สุราษ-พุนพิน คนละ 15 บาท ไปตลาดเกษตรอะไรสักอย่าง เพื่อไปหารถตู้ ไปท่าเรือดอนสัก
รถตู้ยังไม่มา สุภมอส เลยขอกระโดดสักหน่อย
รถตู้ 70 บาท ต่อ คน ลงดอนสักนะ ไม่ใช่ท่าเรือเฟอร์รี่ดอนสัก
เรือไปพะลวยวิ่งทุกคู่ มีรอบเดียวนะ 10.30 น. เป็นเรื่องของชาวบ้านที่มาซื้อของขึ้นเกาะ
เวลาออกเรือนี่ ตามใจคนขับนะ ว่าจะออกตอนไหน แต่เป็นกันเองมาก จะนั่งตรงไหนก็ได้ อยากขึ้นก็ขึ้นเลย
ค่าเรือประมาณ 150 มั้ง จำไม่ค่อยได้ แฮ่ๆ
นั่งเล่นรอเรือออกนานอยู่ ร้อนนะ แต่ทำไมไม่รู้อยากนั่งอยู่บนนี้ นั่ง2ชั่วโมงได้
ในที่สุดเรือก็ออกแล้ว มุ่งหน้าสู่เกาะพะลวย
นั่งๆ ร้องเพลง นอน ตื่นมา นั่ง แล้วร้องเพลงต่อ
ถึงแล้วเกาะพะลวยยยยยยยยยยยย
ลงเรือๆ
เดินไปหาร้านขายของอย่างที่เจ๊กระเต็นบอกแล้วติดต่อเรือไปอ่าวสองพี่น้อง ฟังดูง่ายดี
แต่...ไม่มีเรือ แล้วเอาไงต่อดี เรามีเต้นท์นิ นอนนี่กัน
ก่อนกางเราโดดร่มสักหน่อย
เย็นนั้นลมแรงกว่าจะกางได้ขอเล่นอีก
กางเสร็จแล้ววววววว เย้ๆๆๆๆ
เล่นน้ำกัน
เราเล่นน้ำกัน แบบส่วนตัวสุด หาดที่มีแต่เราสามคน แต่เล่นแปบเดียวฟ้าก็มืด เลยไปอาบน้ำข้างบ้านพี่คนนึงเค้าให้เราอาบน้ำ แถมให้เรามอไซ ไว้ขับไปกินข้าว ค่ำนั้นเราไปกินข้าวที่ร้านขายของที่เปิดเป็นโฮมสเตย์ ถ้าใครอยากมาพักที่นี่ก็ได้นะ มองเห็นวิวทะเล ห่างจากท่าเรือนิดเดียว
คืนนั้นดาวสวยมาก แต่พอดึกๆก็น่ากลัวมากเช่นกัน แต่คิดว่าไม่มีอะไรก็คงไม่มีอะไรหรอกน่าาา แล้วมันก็ผ่านไป...
13 เมษายน 2558 วันสงกรานต์
วันนี้หลายคนคงออกไปเล่นสงกรานต์ แต่เราออกเรือไปอ่าวสองพี่น้อง โดยมีภูมิมาส่ง
พอลงจากเรือตากับยายถึงกับงงว่าเรามากันได้ยังไง วันนั้นคลื่นค่อนข้างแรง และทำไมไม่ใส่ชูชีพ (อ้าว ลืมไปเลย)
ยังไม่ทันได้เก็บกระเป๋า ก็มีพี่กลุ่มนึง กำลังออกไปโรยตัว ชวนพวกเราออกไปด้วย
วินาทีนั้น ไม่คิดอะไรเลย "ไปด้วยคะพี่"
"อ๊ะ เอากล้องใส่เป๋ากันน้ำพี่นะ กันไว้ๆ"
"โอเคๆ นุชพายกับพี่เอนะ"
"คะ"
"ถ้าเหนื่อยบอกพี่นะ"
ในใจคิด...ใครจะไปบอกกันละพี่ แกล้งใจ หนูพายสุดตัว ตัดสินใจมาแล้วนิ
เราพายผ่านมาสามอ่าวได้ก็ ถึงสักที คอม้า หอบเป็นหมาเลย
นอนหลับรอเซทเชือกโยกเยกอยู่หลายชั่วโมง พายเรือสนุกสนาน
แต่เคลื่อนเริ่มแรงขึ้น มองออกไปพายุกำลังมา เมื่อพี่สักโรยตัวลงมาก็ตกใจแล้วบอกให้เก็บอุปกรณ์
พายเรือไปผาโอบ ไปหลบคลื่นก่อน ตอนนั้นเหมือนอยู่ในหนัง
พี่สักบอกว่าถ้าเราอยู่ในนี้ไม่รอดแน่ คลื่นซัดเรากับหินแน่
ภาพมาเลยพี่ ไปผาโอบบบบบบบ ด่วน
แต่พี่ผู้หญิงยังไม่ลงมา พี่สักบอกให้ล่วงหน้าไปก่อนเลย
พอถึงผาโอบ เราเล่นน้ำกันจนเปื่อย รอคลื่นสงบ
บางคนปั้นทราย
สุดท้าย คลื่นยังคงแรงอยู่ พี่สักพยายามพายเรือไปดูพี่ผู้หญิง แต่คลื่นตอนนั้นไม่สามารถเอาเรือออกไปได้
เรือคยักลำเล็กไม่ควรออกจากฝั่ง
พี่เอจุดไฟ และข้าวมื้อแรกของวันก็มา มาม่า5ซอง ในหม้อสนามวันนั้นมันเข้มข้นและอร่อยมาก
กินเสร็จเล่นน้ำ เล่นน้ำ และ นอน
พักนึงพี่สักบอกว่าคลื่นเริ่มเบาหน่อยแล้วเดี๋ยวเราพายกลับกับดีกว่า
นาทีต่อจากนี้ไป ลืมเรื่องภาพประกอบไปได้เลย
กล้องถูกเก็บไว้ในเป๋ากันน้ำ ของทุกอย่างแพคกันน้ำเป็นอย่างดีแล้วพร้อมที่จะพายกลับ
นุช พายกับ มอส
เจ๊ศศิ พายกับ พี่สัก
ส่วนพี่เอ๋พายคนเดียวกับข้าวของอีกมากมาย
พายออกมากจากผาโอบได้ เรือเรา รู้สึกสนุกมาก คลื่นสูงเป็นช่วงตัว พี่สักสอนให้เราพาย45องศากับคลื่น
และห้ามหันข้างให้คลื่นไม่งั้นจมแน่ๆ ดูเหมือนอะไรกำลังไปได้สวย พี่เอที่ตามมาติด หายไปไหนแล้ว
คลื่นสูงจนมองไม่เห็นเรือพี่เอ ปรากฏว่าเรือพี่เอคว่ำ ของลอยกระจัดกระจาย
พี่สักตะโกนบอกว่าให้เราพายกลับไปที่หาดใกล้ๆก่อน ไปรอที่นั่น
แล้วพี่สักกับเจ๊ศศิก็พายเข้าไปช่วยพี่เอ
กลับมาทางเราที่พายเข้ามาทางชายหาดอย่างไว ด้วยคลื่นที่ซัดเข้าหาดทำให้แปบเดียวเราไปถึงหาด
แต่...เรือเรากำลังจะชนเข้ากับโขดหิน
ตอนนั้นภาพหัวจะกระแทกหินลอยเข้ามา เรานิ่งไปเหมือนคนไม่มีสติ พี่มอสต้องเรียก พอตั้งตัวได้พวกเราช่วยกันพายดันโขดหิน
และกระโดดขึ้นฝั่ง ยังๆ ยังคงสนุกอยู่ หันกลับไปมอง เอ้าาา เรือพี่สักกับเจ๊ศศิล่ม ตอนนั้นทำยังไงไม่ได้เลย
แต่ค่อนข้างมั่นใจว่าไม่น่าเป็นไรหรอก พวกพี่เค้ามากันบ่อย คงเก่งอยู่แล้ว
สุดท้ายก็เป็นแบบที่คิดทุกคนมาถึงฝั่งอย่างปลอดภัย
เดินเล่นเจอหินสวยๆ เศษแก้วที่ถูกขัดด้วยแรงคลื่นจนสวย แต่ก็ไม่ได้เก็บมาหรอกนะ มือเปื่อยอีกแล้วTT
คราวนี้ติดเกาะกันจริงๆแล้วสินะ
แต่แล้วคลื่นลมก็ไม่ได้เล่นตลกอะไรขนาดนั้น ส่งฮีโร่มาให้เรา
ได้กลับไปกินแกงส้มแล้ว
เมื่อกลับมาถึงยายบอกว่า เก่ง พร้อมกลับมองเสื้อชูชีพสีแดงที่เราใส่อยู่ มารู้ตอนหลังว่าเป็นเสื้อชูชีพที่ฝรั่งดำน้ำแล้วตาย
ฮ้ะ! เรื่องสยอง1บรรทัด
เช้าวันต่อมาพี่ๆที่มาโรยตัวพายเรือกลับกันแล้วแต่พวกเรายังคงอยู่
กิจกรรมของเราวันนี้14 15 16
คือการเฝ้ารอเรือ มารับ
ฝากท้องไว้กับตายาย เมื่อมาม่าปลากระป๋องหมด เหมือนสิ้นใจ
ตอนนั้นน้ำฝนอร่อยมาก พายุเข้าสามวันไม่มีเรือสักลำมาทีหาด
เรากินน้ำอัดลมกันแทนน้ำเปล่า ทุกวันเราเล่นน้ำทะเล เล่นน้ำฝน เล่นกับเด็ก เช้ามาเราเข็นเรือลง เย็นมาเราเข็นเรือขึ้น
น้ำขึ้นให้รีบตักไม่มีแล้ว มีแต่น้ำขึ้นให้รีบเข็น เวลาเราเข็นแล้วไม่ไป ตาก็จะให้เราไปกินข้าวก่อนแล้วกลับมาเข็นใหม่ ฟังเพลง
อ่านหนังสือ ดูดาว ฝนตก เต้นท์รั่ว กลัวผี เปียกเป็นลูกหมา แต่ก็นอนต่อได้ เราทำอะไรแบบนี้สามวัน นึกถึงแล้วก็คิดถึง...
ขอบคุณทุกอย่างที่เกิดขึ้น ขอบคุณทุกคนที่ได้พบเจอ เราโคตรจะมีความสุขอย่างลูกหมา
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตอนนี้ เรื่องราวของลูกหมา3ตัวยังไม่จบแค่นี้เดี๋ยวไปต่อกันที่เกาะแม่เกาะและเกาะสมุยต่อ...
มาพูดคุยกันได้ที่...www.facebook.com/WALEEPhotographer