สวัสดีครับ...ไม่รู้ว่าควรเรียกว่าเล่าหรือสารภาพบาปกันแน่ 55..
ตอนนี้ก็เวลาประมาณ ตี3:12นาที
เป็นเวลาที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นมา แต่ไม่รู้จะได้เล่า(เขียน)ให้คนอื่นฟังเมื่อไหร่
มันเป็นเรื่องที่ทำให้ผมนอนไม่หลับและรู้สึกคาใจทุกครั้ง มันเป็นแค่ความฝัน ความฝันแปลกๆที่ทำให้คิดถึงขึ้นมา...
คงไม่ว่ากันนะครับ ถ้าเรื่องนี้มันจะยาวหรืออาจจะงงสักหน่อย เพราะผมมีปัญหากับเรื่องการใช้ภาษาเขียน หรือเป็นพวกสื่อสารสิ่งที่อยู่ในหัวออกมาเป็นคำพูดเป็นเรื่องราวไม่ค่อยดี...หรือก็คือพวกพูดวนไปวนมา
เรื่องตั้งแต่เริ่มก็คือ...
สมัยก่อนตอนที่ผมยังเด็ก(เด็กกว่าตอนนี้นิดหน่อย) มันเป็นเรื่องราวตอนเด็กวัยรุ่นหน่อยๆของผม
ผมได้คุยกับพูดหญิงคนหนึ่ง ผมขอเรียกเธอว่า"J"ละกัน
เราเจอกันผ่านเกมเต้นเกมนึงในสมัยนั้น ผมเข้าหาJเหมือนกับที่เข้าหาทุกคน เราเป็นเพื่อนกันและค่อนข้างสนิทกัน
แต่Jพิเศษมากสำหรับผม เพราะJเป็นคนแรกที่ผมบอกว่าผมเป็นทอม ไม่ใช่ผู้ชาย...และJก็โอเค
อ่าา.. ลืมบอกว่าสมัยนั้นเรื่องเพศที่3ยังไม่ได้ถูกยอมรับมากเท่ากับสมัยนี้ ในชีวิตจริงอาจจะเริ่มรับได้ แต่ในเกม ทอมหรือเพศที่3อยู่ยากจริงๆนะ
และผมเป็นทอมตั้งแต่เด็ก...จำความได้ก็คือเป็นตั้งแต่อนุบาล (ฮ่า)ดังนั้นก็ขอแทนตัวเองว่าผมต่อไปนะครับ
โอเค กลับเข้าเรื่องกัน
ผมบอกJ และJกลับไม่ได้รู้สึกแย่ หรือออกความเห็นด้านลบเหมือนที่ผมเคยเจอหรือสิ่งที่คนอื่นแสดงออกมา
Jโอเคมากที่ผมเป็นผู้หญิง และมันดีกว่าที่ผมทำตัวเป็นผู้ชายด้วยซ้ำ เราให้เบอร์โทรติดต่อกัน และเราเริ่มคุยกันผ่านทั้งทาง hotmailและfacebook หรือบางครั้งสมัครพวกโปรส่งข้อความผ่านSMS ผมมักจะเก็บเงินค่าไปโรงเรียนวันละ40-50ไว้เติมส่งข้อความตลอด พอนานไปมันทำให้ผมยิ่งรู้สึกดีกับJ
ผมเริ่มเล่นมุขเสี่ยวเลี่ยนๆของเด็กยุคเก่าๆจีบJ เช่นพวกแขนเป็นฟอ แค่นี้ทุกคนคงเข้าใจแล้วนะ(ฮ่า) และผมก็บอกชอบJ และJก็ชอบผมเหมืนกัน
เอาจริงๆ สำหรับผมJแทบจะเป็นแฟนคนแรกในชีวิตจริงๆของผมเลยก็ว่าได้
เพราะที่ผ่านมาผมมักจะคบกับคนอื่นแค่ในเกม ใช้ชื่อปลอมๆและเพศปลอมๆ แทบไม่เคยคุยกับใครด้วยตัวจริงของตัวเองสักครั้ง
เราคบกันและค่อนข้างเปิดเผย เราโทรหากันตลอดแบบว่าตลอดเวลาจริงๆ เรียกว่า24ชม. โทรหากันไปแล้ว12ชม.ได้เลย (แม่บ่นหูชาเลยละ ตอนนั้นแม่ไม่ค่อยชอบโทรศัพท์แล้วมองว่าเรายังเด็กด้วย)
จนเราคบหกับได้หลายเดือน เราเริ่มอยากจะเจอตัวจริงกันสักครั้ง
ผมจึงได้แอบแม่ (คือแม่ค่อนข้างจะดุและเข้มงวดมาก แค่แม่เป็นคนที่ทำงานในห้างและทำตั้งแต่10โมงยัน4ทุ่ม-5ทุ่ม เรียกว่าไม่มีเวลาเหลือเลย) นั่งรถเมย์จากห้างScSq ไปห้างtheM
จากที่ผมอยู่ไปบางกะปิสำหรับตอนนั้น การไปคนเดียวถือว่าอันตรายมาก(รอดจนโตมาได้ยังไง) เราเจอกันแต่ก็มีเพื่อนJมาด้วย เราเดินคุยกันเรื่อยเปื่อย ด้วยความเป็นคนตัวเล็กกว่า(เตี้ย) ผมเขินมาก ทั้งเขินที่ตัวเล็กกว่า และเขินที่ได้เจอกัน มันผสมกันจนเข้าใจคำว่า ผีเสื้อบินวนในท้องหรือพวกสมองขาวไปเลย เราไม่แม้แต่จะเดินจับมือ หรือเดินข้างๆกัน (คือต่างคนต่างเขิน เอ๊ะหรือไม่ใช่!)
พอเวลาผ่านไปเราก็ต้องแยกย้ายกลับบ้านเพราะผมต้องกลับก่อน4ทุ่ม เพื่อไม่ให้แม่จับได้ การเจอกันครั้งแรก มันทำให้หัวใจผมพองโตมาก
ผ่านไปหลายเดือนเราก็นัดเจอกันอีกครั้ง
รอบนี้Jมาหาผม ครั้งนี้คือการเดตกันเราเจอกันแค่2คน ผมพาJไปเดินเล่นหรือเล่นพวกเครื่องเล่นในห้าง และพาJไปหาแม่ จังหวะที่กำลังไปหาแม่ ผมได้รวบรวมความกล้าทั้งหมด จับมือJ แล้วเดินจูงมือกัน คือผมเขินมาก คือหน้าแข็งตัวแข็ง เดินด้วยท่าโง่ๆ หน้าแดง ทำหน้าตึงมองตรง (อ๊ากกกกก แค่นึกถึงก็จะเขินจะแย่แล้ว เจ้าเด็กอ่อนหัดเอย!!!!)
และผมก็พาJไปแนะนำกับแม่ หรือเรียกว่าแนะนำกับทุกคนที่ทำงานแม่เลยดี... หลังจากนั้นเราก็แยกย้ายกัน ผมพาJไปส่ง ไปส่งจริงคือนั่งรถเมย์ไปส่งเธอที่ theM แล้วนั่งวนกลับมา (ฮ่า) พอกลับมาแม่ก็ได้มาบอกว่า Jลืมผ้าเช็ดหน้าไว้ ผมจำได้ว่าเป็นผ้าของเธอ จำส่งSMSไปบอก และซักเก็บไว้ แถมยังใช้วิชาเย็บผ้าอันน้อยนิดปักตัวย่อJไว้ที่มุมของผ้าเช็ดหน้าให้ด้วย
แต่หลังจากนั้นผมก็ไม่มีโอกาสได้คืนผ้าเช็ดหน้าให้กับJ...
ผมกับJไม่ได้เจอกัน เราเริ่มทะเลาะ ผมเริ่มงี่เง่าใส่J ทั้งถามเรื่องเก่าๆแล้วเก็บมาน้อยใจ หรือบังคับให้Jทำเรื่องที่ทำแล้วผมสบายใจ เช่นทิ้งของเก่าทั้งๆที่มันเป็นของในความทรงจำของJ บางครั้งก็ทะเลาะเพราะผมไม่อยากร้องเพลงให้ฟังล่ามไปจนทะเลาะกับเพื่อนของJ (เจ้าปากสุนัขนี้! ตบปากตามอายุ) และสิ่งที่แย่ที่สุด ที่คิดว่าเพราะแบบนี้จึงทำให้ผมเริ่มละเลยหรือทำตัวแย่ๆ เพราะผม...เริ่มแอบคุยกับคนอื่น... [ผมจะขอเว้นเรื่องตั้งแต่ตรงนี้ไปนะครับ ถ้าเกิดมีโอกาส ผมจะมาเล่าอีกทีแล้วกันนะครับ

]
ผมคิดว่าผมกับJคบกันค่อนข้างนานพอสมควรสำหรับวัยนั้น แต่เราก็เลิกกัน พอหลังจากนั้นผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง ผมกับคนอีกคนได้เหมือนคบๆเลิกๆกัน ผมจึงได้เริ่มกลับไปคุยกับJ ซึ่งเพื่อนของJไม่โอเคกับผมมากๆ คือมันก็สมควรแหละ... ผมกับJได้แอบคุยกันและกลับมาคบกันโดยไม่ให้เพื่อนของJรู้ และความก็แตก ตึงโป๊ะ! Jบอกกับผมว่าเพื่อนเธอไม่โอเค และผมก็เข้าใจ ผมจึงอยากจะเจอJ ถ้ามันครั้งสุดท้ายผมก็โอเค ผมนัดเธอที่โรงหนังห้างใกล้กับTheM ผมจำวันนั้นได้ดี ผมนัดJหลังเลิกเรียน หนังรอบ4-5โมง เรื่องFinding dory(ชวนดูหนังการ์ตูนอยากกลับไปต่อยตัวเองชะมัด...)
ผมเอาผ้าเข็ดหน้ามาเตรียมจะคืนJ ผมเดินทางมาซื้อตั๋วตั้งแต่3โมง ข้อความบอกอีกนิดหน่อยว่าถึงแล้ว และไปจับตุ๊กตาหรือหาอะไรทำระหว่างที่รอJ ... จนหนังฉายจบJก็ยังไม่มา ครับ.. ผมไม่ได้เข้าไปดู ผมนั่งมองตั๋วอยู่หน้าโรงหนัง ร้องไห้ทำหน้าโง่อยู่ตรงบันไดโง่ๆ แล้วก็ยังใช้ผ้าเช็ดหน้าของJเช็ดน้ำตาด้วย(น่าขายหน้าชะมัด..)
ผมไม่ได้อ่านข้อความหรืออะไร ผมยังนั่งรอจนเริ่มจนเกือบ6โมงหรือ1ทุ่ม ตอนนั้นห้างก็เริ่มเงียบ ร้านบางร้านก็เริ่มเก็บของ สรุปJก็มา เราคุยกันนิดหน่อยเธอบอกมีงานเลยมาช้า ผมไม่โกรธแถมยังดีใจด้วยซ้ำ พูดด้วยใจจริงสิ่งที่Jทำต่อให้ตั้งใจผมคิดว่ามันยังเบาไปสำหรับสิ่งที่ผมทำกับJด้วยซ้ำ มีสิ่งเดียวที่ผมโกหกในวันนั้นคือ ผมโกหกว่าผมยังไม่ได้ซื้อตั๋ว และผมก็เล่นเกมเพลินจนลืมดูเวลาด้วยซ้ำ ผมให้ตุ๊กตาที่เล่นมาได้กับJ แต่ผมไม่ได้คืนผ้าเช็ดหน้า และเราก็แยกกันกลับบ้าน...หลังจากนั้นเราก็แทบไม่ได้คุยกัน หรือคุยกันน้อยมากๆ น้อยมากจริงๆ มีครั้งนึง ผมแอบปลอมเป็นคนอื่นเพื่อไปคุยกับJ (อย่างกับโรคจิต ไม่ไหวๆ...) มันเป็นความคิดของเด็กที่ห่วยแตกมากๆ มันยิ่งทำให้ผมกับJไม่ได้คุยกันเข้าไปอีก หลังจากนั้นก็ผ่านมาหลายปี เราต่างคนต่างเดินไปตามทางของตัวเอง ก็ยังมีบางที่ผมแอบเข้าไปส่องเฟสของJ แต่ผมไม่เคยไลค์หรือทักไปคุยเลย เราหายกันไปหลายปี ผ้าเช็ดหน้าของJผมก็ยังเก็บไว้อย่างดี...
ที่ผมมาเล่าเรื่องนี้ เพราะทุกครั้งที่ฝันถึงJ ทุกครั้งมันทำให้ผมจำรายละเอียดได้ดีกว่าฝันอื่นๆ มันทำให้ความรู้สึกผมแปลกๆตลอด เช่นครั้งนี้ผมฝันว่าผมได้คืนผ้าเช็ดหน้าให้J และผมก็ได้คุยเล่นกับJ ผมพยายามที่จะตื่น แต่ในฝันผมไม่ต้องการที่จะตื่น กว่าผมจะตื่น มันก็เกือบ5โมงเย็น กลายเป็นผมนอนหลับไปเกือบทั้งวัน และพอผมตื่น ผมกลับร้องไห้และรู้สึกเศร้าตลอด แม้จะเป็นตอนที่เขียนเรื่องนี้อยู่ ทุกครั้งที่ฝันถึงJ ผมไม่เคยเอาเรื่องJออกจากหัวได้เลย ผมไม่แม้แต่จะนอนหลับด้วยซ้ำ แน่นอนว่าผมไม่ได้เป็นแบบนี้บ่อยๆหรอกนะ มันเป็นเฉพาะตอนฝันถึงJเท่านั้น...
ผมเล่าเรื่องแบบนี้ให้ใครฟังไม่ได้ ไม่รู้เพราะเรื่องมันยาวหรือผมอายกับสิ่งที่ตัวเองทำกับJ...
ผมรู้ว่าเราต่างคนต่างมีแฟนแล้วและเธอคงไม่เป็นแบบผม...คนเราจะฝันเหมือนกันได้ยังไง...
ผมยินดีที่จะฝันถึงแต่ผมคงไม่โชคดีมีโอกาสได้คืนผ้าเช็ดหน้าหรือคุยกับเธอแล้วละมั้ง... ตอนนี้ผมคงพยายามทำให้ตัวโล่งใจเพราะได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครสักคนได้รู้ แม้ว่าJจะไม่ได้อ่าน(หรือถ้าไม่บังเอิญได้อ่านจะดีกว่าก็ไม่รู้สินะ 555...) แต่ถ้าได้อ่าน...ก็อยากจะขอโทษสำหรับเรื่องแย่ๆทุกอย่างและขอบคุณมากๆนะ ผมไม่คิดว่าผมจะลืมคุณได้... แต่ผมจะพยายามไม่ฝันถึงคุณแล้วนะ :') หวังว่าเราจะยังเป็นเพื่อนกันได้นะ
- P -
.
.
ขอบคุณที่สำหรับคนที่เข้ามารับฟังมันมีค่ามากๆ มันทำให้ผมรู้สึกโล่งใจที่ได้เล่าให้ใครสักคนได้รู้ ขอบคุณมากครับ...
อยากจะเล่าเรื่องของตัวเองดูสักครั้ง...
ตอนนี้ก็เวลาประมาณ ตี3:12นาที
เป็นเวลาที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นมา แต่ไม่รู้จะได้เล่า(เขียน)ให้คนอื่นฟังเมื่อไหร่
มันเป็นเรื่องที่ทำให้ผมนอนไม่หลับและรู้สึกคาใจทุกครั้ง มันเป็นแค่ความฝัน ความฝันแปลกๆที่ทำให้คิดถึงขึ้นมา...
คงไม่ว่ากันนะครับ ถ้าเรื่องนี้มันจะยาวหรืออาจจะงงสักหน่อย เพราะผมมีปัญหากับเรื่องการใช้ภาษาเขียน หรือเป็นพวกสื่อสารสิ่งที่อยู่ในหัวออกมาเป็นคำพูดเป็นเรื่องราวไม่ค่อยดี...หรือก็คือพวกพูดวนไปวนมา
เรื่องตั้งแต่เริ่มก็คือ...
สมัยก่อนตอนที่ผมยังเด็ก(เด็กกว่าตอนนี้นิดหน่อย) มันเป็นเรื่องราวตอนเด็กวัยรุ่นหน่อยๆของผม
ผมได้คุยกับพูดหญิงคนหนึ่ง ผมขอเรียกเธอว่า"J"ละกัน
เราเจอกันผ่านเกมเต้นเกมนึงในสมัยนั้น ผมเข้าหาJเหมือนกับที่เข้าหาทุกคน เราเป็นเพื่อนกันและค่อนข้างสนิทกัน
แต่Jพิเศษมากสำหรับผม เพราะJเป็นคนแรกที่ผมบอกว่าผมเป็นทอม ไม่ใช่ผู้ชาย...และJก็โอเค
อ่าา.. ลืมบอกว่าสมัยนั้นเรื่องเพศที่3ยังไม่ได้ถูกยอมรับมากเท่ากับสมัยนี้ ในชีวิตจริงอาจจะเริ่มรับได้ แต่ในเกม ทอมหรือเพศที่3อยู่ยากจริงๆนะ
และผมเป็นทอมตั้งแต่เด็ก...จำความได้ก็คือเป็นตั้งแต่อนุบาล (ฮ่า)ดังนั้นก็ขอแทนตัวเองว่าผมต่อไปนะครับ
โอเค กลับเข้าเรื่องกัน
ผมบอกJ และJกลับไม่ได้รู้สึกแย่ หรือออกความเห็นด้านลบเหมือนที่ผมเคยเจอหรือสิ่งที่คนอื่นแสดงออกมา
Jโอเคมากที่ผมเป็นผู้หญิง และมันดีกว่าที่ผมทำตัวเป็นผู้ชายด้วยซ้ำ เราให้เบอร์โทรติดต่อกัน และเราเริ่มคุยกันผ่านทั้งทาง hotmailและfacebook หรือบางครั้งสมัครพวกโปรส่งข้อความผ่านSMS ผมมักจะเก็บเงินค่าไปโรงเรียนวันละ40-50ไว้เติมส่งข้อความตลอด พอนานไปมันทำให้ผมยิ่งรู้สึกดีกับJ
ผมเริ่มเล่นมุขเสี่ยวเลี่ยนๆของเด็กยุคเก่าๆจีบJ เช่นพวกแขนเป็นฟอ แค่นี้ทุกคนคงเข้าใจแล้วนะ(ฮ่า) และผมก็บอกชอบJ และJก็ชอบผมเหมืนกัน
เอาจริงๆ สำหรับผมJแทบจะเป็นแฟนคนแรกในชีวิตจริงๆของผมเลยก็ว่าได้
เพราะที่ผ่านมาผมมักจะคบกับคนอื่นแค่ในเกม ใช้ชื่อปลอมๆและเพศปลอมๆ แทบไม่เคยคุยกับใครด้วยตัวจริงของตัวเองสักครั้ง
เราคบกันและค่อนข้างเปิดเผย เราโทรหากันตลอดแบบว่าตลอดเวลาจริงๆ เรียกว่า24ชม. โทรหากันไปแล้ว12ชม.ได้เลย (แม่บ่นหูชาเลยละ ตอนนั้นแม่ไม่ค่อยชอบโทรศัพท์แล้วมองว่าเรายังเด็กด้วย)
จนเราคบหกับได้หลายเดือน เราเริ่มอยากจะเจอตัวจริงกันสักครั้ง
ผมจึงได้แอบแม่ (คือแม่ค่อนข้างจะดุและเข้มงวดมาก แค่แม่เป็นคนที่ทำงานในห้างและทำตั้งแต่10โมงยัน4ทุ่ม-5ทุ่ม เรียกว่าไม่มีเวลาเหลือเลย) นั่งรถเมย์จากห้างScSq ไปห้างtheM
จากที่ผมอยู่ไปบางกะปิสำหรับตอนนั้น การไปคนเดียวถือว่าอันตรายมาก(รอดจนโตมาได้ยังไง) เราเจอกันแต่ก็มีเพื่อนJมาด้วย เราเดินคุยกันเรื่อยเปื่อย ด้วยความเป็นคนตัวเล็กกว่า(เตี้ย) ผมเขินมาก ทั้งเขินที่ตัวเล็กกว่า และเขินที่ได้เจอกัน มันผสมกันจนเข้าใจคำว่า ผีเสื้อบินวนในท้องหรือพวกสมองขาวไปเลย เราไม่แม้แต่จะเดินจับมือ หรือเดินข้างๆกัน (คือต่างคนต่างเขิน เอ๊ะหรือไม่ใช่!)
พอเวลาผ่านไปเราก็ต้องแยกย้ายกลับบ้านเพราะผมต้องกลับก่อน4ทุ่ม เพื่อไม่ให้แม่จับได้ การเจอกันครั้งแรก มันทำให้หัวใจผมพองโตมาก
ผ่านไปหลายเดือนเราก็นัดเจอกันอีกครั้ง
รอบนี้Jมาหาผม ครั้งนี้คือการเดตกันเราเจอกันแค่2คน ผมพาJไปเดินเล่นหรือเล่นพวกเครื่องเล่นในห้าง และพาJไปหาแม่ จังหวะที่กำลังไปหาแม่ ผมได้รวบรวมความกล้าทั้งหมด จับมือJ แล้วเดินจูงมือกัน คือผมเขินมาก คือหน้าแข็งตัวแข็ง เดินด้วยท่าโง่ๆ หน้าแดง ทำหน้าตึงมองตรง (อ๊ากกกกก แค่นึกถึงก็จะเขินจะแย่แล้ว เจ้าเด็กอ่อนหัดเอย!!!!)
และผมก็พาJไปแนะนำกับแม่ หรือเรียกว่าแนะนำกับทุกคนที่ทำงานแม่เลยดี... หลังจากนั้นเราก็แยกย้ายกัน ผมพาJไปส่ง ไปส่งจริงคือนั่งรถเมย์ไปส่งเธอที่ theM แล้วนั่งวนกลับมา (ฮ่า) พอกลับมาแม่ก็ได้มาบอกว่า Jลืมผ้าเช็ดหน้าไว้ ผมจำได้ว่าเป็นผ้าของเธอ จำส่งSMSไปบอก และซักเก็บไว้ แถมยังใช้วิชาเย็บผ้าอันน้อยนิดปักตัวย่อJไว้ที่มุมของผ้าเช็ดหน้าให้ด้วย
แต่หลังจากนั้นผมก็ไม่มีโอกาสได้คืนผ้าเช็ดหน้าให้กับJ...
ผมกับJไม่ได้เจอกัน เราเริ่มทะเลาะ ผมเริ่มงี่เง่าใส่J ทั้งถามเรื่องเก่าๆแล้วเก็บมาน้อยใจ หรือบังคับให้Jทำเรื่องที่ทำแล้วผมสบายใจ เช่นทิ้งของเก่าทั้งๆที่มันเป็นของในความทรงจำของJ บางครั้งก็ทะเลาะเพราะผมไม่อยากร้องเพลงให้ฟังล่ามไปจนทะเลาะกับเพื่อนของJ (เจ้าปากสุนัขนี้! ตบปากตามอายุ) และสิ่งที่แย่ที่สุด ที่คิดว่าเพราะแบบนี้จึงทำให้ผมเริ่มละเลยหรือทำตัวแย่ๆ เพราะผม...เริ่มแอบคุยกับคนอื่น... [ผมจะขอเว้นเรื่องตั้งแต่ตรงนี้ไปนะครับ ถ้าเกิดมีโอกาส ผมจะมาเล่าอีกทีแล้วกันนะครับ
ผมคิดว่าผมกับJคบกันค่อนข้างนานพอสมควรสำหรับวัยนั้น แต่เราก็เลิกกัน พอหลังจากนั้นผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง ผมกับคนอีกคนได้เหมือนคบๆเลิกๆกัน ผมจึงได้เริ่มกลับไปคุยกับJ ซึ่งเพื่อนของJไม่โอเคกับผมมากๆ คือมันก็สมควรแหละ... ผมกับJได้แอบคุยกันและกลับมาคบกันโดยไม่ให้เพื่อนของJรู้ และความก็แตก ตึงโป๊ะ! Jบอกกับผมว่าเพื่อนเธอไม่โอเค และผมก็เข้าใจ ผมจึงอยากจะเจอJ ถ้ามันครั้งสุดท้ายผมก็โอเค ผมนัดเธอที่โรงหนังห้างใกล้กับTheM ผมจำวันนั้นได้ดี ผมนัดJหลังเลิกเรียน หนังรอบ4-5โมง เรื่องFinding dory(ชวนดูหนังการ์ตูนอยากกลับไปต่อยตัวเองชะมัด...)
ผมเอาผ้าเข็ดหน้ามาเตรียมจะคืนJ ผมเดินทางมาซื้อตั๋วตั้งแต่3โมง ข้อความบอกอีกนิดหน่อยว่าถึงแล้ว และไปจับตุ๊กตาหรือหาอะไรทำระหว่างที่รอJ ... จนหนังฉายจบJก็ยังไม่มา ครับ.. ผมไม่ได้เข้าไปดู ผมนั่งมองตั๋วอยู่หน้าโรงหนัง ร้องไห้ทำหน้าโง่อยู่ตรงบันไดโง่ๆ แล้วก็ยังใช้ผ้าเช็ดหน้าของJเช็ดน้ำตาด้วย(น่าขายหน้าชะมัด..)
ผมไม่ได้อ่านข้อความหรืออะไร ผมยังนั่งรอจนเริ่มจนเกือบ6โมงหรือ1ทุ่ม ตอนนั้นห้างก็เริ่มเงียบ ร้านบางร้านก็เริ่มเก็บของ สรุปJก็มา เราคุยกันนิดหน่อยเธอบอกมีงานเลยมาช้า ผมไม่โกรธแถมยังดีใจด้วยซ้ำ พูดด้วยใจจริงสิ่งที่Jทำต่อให้ตั้งใจผมคิดว่ามันยังเบาไปสำหรับสิ่งที่ผมทำกับJด้วยซ้ำ มีสิ่งเดียวที่ผมโกหกในวันนั้นคือ ผมโกหกว่าผมยังไม่ได้ซื้อตั๋ว และผมก็เล่นเกมเพลินจนลืมดูเวลาด้วยซ้ำ ผมให้ตุ๊กตาที่เล่นมาได้กับJ แต่ผมไม่ได้คืนผ้าเช็ดหน้า และเราก็แยกกันกลับบ้าน...หลังจากนั้นเราก็แทบไม่ได้คุยกัน หรือคุยกันน้อยมากๆ น้อยมากจริงๆ มีครั้งนึง ผมแอบปลอมเป็นคนอื่นเพื่อไปคุยกับJ (อย่างกับโรคจิต ไม่ไหวๆ...) มันเป็นความคิดของเด็กที่ห่วยแตกมากๆ มันยิ่งทำให้ผมกับJไม่ได้คุยกันเข้าไปอีก หลังจากนั้นก็ผ่านมาหลายปี เราต่างคนต่างเดินไปตามทางของตัวเอง ก็ยังมีบางที่ผมแอบเข้าไปส่องเฟสของJ แต่ผมไม่เคยไลค์หรือทักไปคุยเลย เราหายกันไปหลายปี ผ้าเช็ดหน้าของJผมก็ยังเก็บไว้อย่างดี...
ที่ผมมาเล่าเรื่องนี้ เพราะทุกครั้งที่ฝันถึงJ ทุกครั้งมันทำให้ผมจำรายละเอียดได้ดีกว่าฝันอื่นๆ มันทำให้ความรู้สึกผมแปลกๆตลอด เช่นครั้งนี้ผมฝันว่าผมได้คืนผ้าเช็ดหน้าให้J และผมก็ได้คุยเล่นกับJ ผมพยายามที่จะตื่น แต่ในฝันผมไม่ต้องการที่จะตื่น กว่าผมจะตื่น มันก็เกือบ5โมงเย็น กลายเป็นผมนอนหลับไปเกือบทั้งวัน และพอผมตื่น ผมกลับร้องไห้และรู้สึกเศร้าตลอด แม้จะเป็นตอนที่เขียนเรื่องนี้อยู่ ทุกครั้งที่ฝันถึงJ ผมไม่เคยเอาเรื่องJออกจากหัวได้เลย ผมไม่แม้แต่จะนอนหลับด้วยซ้ำ แน่นอนว่าผมไม่ได้เป็นแบบนี้บ่อยๆหรอกนะ มันเป็นเฉพาะตอนฝันถึงJเท่านั้น...
ผมเล่าเรื่องแบบนี้ให้ใครฟังไม่ได้ ไม่รู้เพราะเรื่องมันยาวหรือผมอายกับสิ่งที่ตัวเองทำกับJ...
ผมรู้ว่าเราต่างคนต่างมีแฟนแล้วและเธอคงไม่เป็นแบบผม...คนเราจะฝันเหมือนกันได้ยังไง...
ผมยินดีที่จะฝันถึงแต่ผมคงไม่โชคดีมีโอกาสได้คืนผ้าเช็ดหน้าหรือคุยกับเธอแล้วละมั้ง... ตอนนี้ผมคงพยายามทำให้ตัวโล่งใจเพราะได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครสักคนได้รู้ แม้ว่าJจะไม่ได้อ่าน(หรือถ้าไม่บังเอิญได้อ่านจะดีกว่าก็ไม่รู้สินะ 555...) แต่ถ้าได้อ่าน...ก็อยากจะขอโทษสำหรับเรื่องแย่ๆทุกอย่างและขอบคุณมากๆนะ ผมไม่คิดว่าผมจะลืมคุณได้... แต่ผมจะพยายามไม่ฝันถึงคุณแล้วนะ :') หวังว่าเราจะยังเป็นเพื่อนกันได้นะ
- P -
.
.
ขอบคุณที่สำหรับคนที่เข้ามารับฟังมันมีค่ามากๆ มันทำให้ผมรู้สึกโล่งใจที่ได้เล่าให้ใครสักคนได้รู้ ขอบคุณมากครับ...