ใครบริหารเงินได้ดีกว่ากัน
ช่วงนี้ผมกำลังคบกับคนๆหนึ่งอยู่ ต่างคนต่างมีงานทำเป็นของตัวเอง ตัวผมทำร้านกาแฟรายได้มีเรื่อยๆไม่หวือหวาไปแบบช้าๆต่อเติมส่วนที่ขาดทีละอย่างตอนนร้ได้ประมาณ60% อีก40%ค่อยเก็บเงินทพต่อทีละนิดไปเรื่อยๆ ไม่มีเงินเก็บรายได้ขึ้นๆลงๆมีเหลือบ้างติดลบบ้างในบางเดือนไม่มีหนี้สิน ส่วนอีกฝ่ายมีรายได้เยอะแต่รายจ่ายก็เยอะมีหนี้ระดับหนึ่ง เรื่องมันมีอยู่ว่า...
เขาอยากให้เราไปอยู่ด้วยแต่เขาก็ให้คำตอบไม่ได้ว่าถ้าไปอยู่ที่นั่นแล้วเราจะทำอะไร ซึ่งเราอยู่กันคนละจังหวัดหมายความว่าถ้าผมไปที่นั่นร้านผมก็ต้องทิ้ง ร้านผมทำคนเดียวไหวจึงไม่มีลูกจ้างเพราะถ้ามีลูกจ้างอาจจะไม่ไหว ซึ่งผมก็ถามตลอดว่าถ้าไปแล้วจะให้ทำอะไรเขาก็ตอบไม่ได้เหมือนเดิมได้แต่คำตอบเดิมก็คือมีให้ทำเยอะแยะเพียงแต่ว่าเขาทำคนเดียวไม่ได้เขาเลยอยากให้เราไปอยู่ช่วยเขาทำ ผมก็เลยถามแล้วร้านที่ผมทำใครจะดูแลแต่ก็ไม่เคยได้คำตอบ มีแต่คำตอบที่เขาอยากจะได้ก็คือเขาบอกว่าเขาจะซื้อบ้านอยากให้เราไปอยู่ด้วยช่วยกันผ่อนบ้านผ่อนรถแล้วค่อยมาปรับปรุงร้านของผมอีกทีหนึ่ง ผมก็เลยเปิดใจเล่าเรื่องความหลังว่าไปเจออะไรมาบ้าง แต่คำตอบที่ได้กลับมาคือเหมือนเขาไม่ค่อยพอใจแล้วพูดประมาณว่ารายได้เท่านี้ทำมาตั้งหลายปีทำไมร้านยังอยู่แค่นี้บริหารเงินยังไงถึงไม่ก้าวหน้าไปไหน เขาบอกเขาไม่ชอบคนลังเลไม่กล้าตัดสินใจลงมือทำ มีโอกาสแต่ไม่คว้า วุฒิเรียนก็สูงแต่ทำได้แค่นี้กับเขาจบแค่ป.6ยังทำได้เยอะกว่า ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมามุมมองของผมที่มีกับเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปเหมือนไลฟ์สไตล์เราคนละอย่างกันคนหนึ่งไปแบบช้าๆอย่างระมัดระวัง แต่อีกคนหนึ่งไปแบบก้าวกระโดดเอาเงินในอนาคตมาใช้เพื่อที่จะได้เห็นผลลัพธ์เร็วๆ
เลยเกิดคำถามในใจว่าถ้าเขาบริหารเงินเก่งจริงอย่างที่เขาพูดทำไมเขาถึงมีหนี้สินในขณะนี้ผมอาจจะบริหารเงินไม่เป็นแต่ไม่มีหนี้สินใดๆแม้ว่าจะหาความเจริญก้าวหน้าไม่ค่อยได้ก็ตาม แต่ไม่ได้ถามออกไปพอถามก็คงจะเหมือนเอาน้ำมันไปราดบนกองไฟอีกอยู่ดี แต่สุดท้ายผมคิดว่าผมกับเขาคงเป็นได้แค่เส้นทางคู่ขนานคงไม่อาจบรรจบกันได้อีกต่อไป
ทีนี้ก็มาถึงหัวข้อที่ตั้งไว้สรุปผมหรือเขากันแน่ที่บริหารได้ดีกว่ากัน สำหรับผมผมคิดว่าผมบริหารเงินได้ดีกว่าเพราะถึงจะไม่ค่อยเจริญก้าวหน้าแต่ก็ไม่มีหนี้สินใดๆ
ใครบริหารเงินได้ดีกว่ากัน
ช่วงนี้ผมกำลังคบกับคนๆหนึ่งอยู่ ต่างคนต่างมีงานทำเป็นของตัวเอง ตัวผมทำร้านกาแฟรายได้มีเรื่อยๆไม่หวือหวาไปแบบช้าๆต่อเติมส่วนที่ขาดทีละอย่างตอนนร้ได้ประมาณ60% อีก40%ค่อยเก็บเงินทพต่อทีละนิดไปเรื่อยๆ ไม่มีเงินเก็บรายได้ขึ้นๆลงๆมีเหลือบ้างติดลบบ้างในบางเดือนไม่มีหนี้สิน ส่วนอีกฝ่ายมีรายได้เยอะแต่รายจ่ายก็เยอะมีหนี้ระดับหนึ่ง เรื่องมันมีอยู่ว่า...
เขาอยากให้เราไปอยู่ด้วยแต่เขาก็ให้คำตอบไม่ได้ว่าถ้าไปอยู่ที่นั่นแล้วเราจะทำอะไร ซึ่งเราอยู่กันคนละจังหวัดหมายความว่าถ้าผมไปที่นั่นร้านผมก็ต้องทิ้ง ร้านผมทำคนเดียวไหวจึงไม่มีลูกจ้างเพราะถ้ามีลูกจ้างอาจจะไม่ไหว ซึ่งผมก็ถามตลอดว่าถ้าไปแล้วจะให้ทำอะไรเขาก็ตอบไม่ได้เหมือนเดิมได้แต่คำตอบเดิมก็คือมีให้ทำเยอะแยะเพียงแต่ว่าเขาทำคนเดียวไม่ได้เขาเลยอยากให้เราไปอยู่ช่วยเขาทำ ผมก็เลยถามแล้วร้านที่ผมทำใครจะดูแลแต่ก็ไม่เคยได้คำตอบ มีแต่คำตอบที่เขาอยากจะได้ก็คือเขาบอกว่าเขาจะซื้อบ้านอยากให้เราไปอยู่ด้วยช่วยกันผ่อนบ้านผ่อนรถแล้วค่อยมาปรับปรุงร้านของผมอีกทีหนึ่ง ผมก็เลยเปิดใจเล่าเรื่องความหลังว่าไปเจออะไรมาบ้าง แต่คำตอบที่ได้กลับมาคือเหมือนเขาไม่ค่อยพอใจแล้วพูดประมาณว่ารายได้เท่านี้ทำมาตั้งหลายปีทำไมร้านยังอยู่แค่นี้บริหารเงินยังไงถึงไม่ก้าวหน้าไปไหน เขาบอกเขาไม่ชอบคนลังเลไม่กล้าตัดสินใจลงมือทำ มีโอกาสแต่ไม่คว้า วุฒิเรียนก็สูงแต่ทำได้แค่นี้กับเขาจบแค่ป.6ยังทำได้เยอะกว่า ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมามุมมองของผมที่มีกับเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปเหมือนไลฟ์สไตล์เราคนละอย่างกันคนหนึ่งไปแบบช้าๆอย่างระมัดระวัง แต่อีกคนหนึ่งไปแบบก้าวกระโดดเอาเงินในอนาคตมาใช้เพื่อที่จะได้เห็นผลลัพธ์เร็วๆ
เลยเกิดคำถามในใจว่าถ้าเขาบริหารเงินเก่งจริงอย่างที่เขาพูดทำไมเขาถึงมีหนี้สินในขณะนี้ผมอาจจะบริหารเงินไม่เป็นแต่ไม่มีหนี้สินใดๆแม้ว่าจะหาความเจริญก้าวหน้าไม่ค่อยได้ก็ตาม แต่ไม่ได้ถามออกไปพอถามก็คงจะเหมือนเอาน้ำมันไปราดบนกองไฟอีกอยู่ดี แต่สุดท้ายผมคิดว่าผมกับเขาคงเป็นได้แค่เส้นทางคู่ขนานคงไม่อาจบรรจบกันได้อีกต่อไป
ทีนี้ก็มาถึงหัวข้อที่ตั้งไว้สรุปผมหรือเขากันแน่ที่บริหารได้ดีกว่ากัน สำหรับผมผมคิดว่าผมบริหารเงินได้ดีกว่าเพราะถึงจะไม่ค่อยเจริญก้าวหน้าแต่ก็ไม่มีหนี้สินใดๆ