เพื่อนมักมาหา เล่าเรื่องเสียใจกับชีวิตคู่ให้ฟังบ่อยๆ
ความเบื่อหน่ายที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นวังวน ทำใจเลิกไม่ได้สักที
เขามีคนใหม่แม้จะอยู่ด้วยกันมาจนลูกโตทุกอย่างก็ยังวนเหมือนเดิม ปล่อยให้อีกคนเข้ามา ปล่อยให้มารุกราน
และจบด้วยคำแบบเดิมคือ
ก็ไม่ได้ไปไหน ยังกลับมาบ้านทุกวันแล้วจะเอายังไงอีก ฉันยังมีเธอออกหน้าในสังคม
กับอีกกรณีมีปัญหาจากคนรักที่อยู่ไกล คนที่บอกว่ารักกัน
แต่ทุกครั้งก็ระแวงสืบเสาะหาเรื่อง จับผิดและตัดทอน บอกเลิกกันเถอะทำให้คนทางนี้อยู่ไม่สุข
ทุกอย่างที่ทำให้ไม่เคยถูกใจ
รู้สึกเหมือนเป็นคนที่มีไว้คอยรับใช้
แต่พอถามว่าหยุดแค่นี้ ดีไหม ถอยก่อนดีไหม..ก็เงียบ
เรื่องของทั้ง 2 เคสนี้สิ่งที่เหมือนกันคือ เป็นทุกข์ ทำงานไม่ได้ ใจก็เบื่อแต่รู้สึกหาทางออกไม่ได้
ก็ถามกลับไปว่า แล้วรักไหม?
คำตอบจากปากเพื่อนคือ ก็หมดรักเพราะรู้สึกว่าหนักเกินไปแล้ว เกินจะแบก (อย่างเพลงของพี่ใหม่ เจริญปุระ)
แล้วถอยออกมาสักก้าวดีไหม?
ทั้ง 2 ตอบเหมือนกัน อยากถอย แต่ถามแล้วทางนั้นไม่ตอบ อยากให้ทางนั้นบอกให้เด็ดขาด ถ้าเลิกก็จะไป
แต่ทีนี้ถึงวันที่ต้องเด็ดขาด เพราะแผลปะทุ ทั้ง 2 เคสก็มีปฏิกิริยาเหมือนกันคือ
เขาคงจะไปแล้ว จริงๆ และแกว่าเขาจะเลิกกับฉันไหม
สิ่งที่บอกเพื่อนไปตลอดระหว่างเส้นทางที่เรื่องเดินมาคือ กรณีอยู่ด้วยกันแล้ว เมื่อมีคนที่ 3 ที่เข้ามาพร้อมแสดงตนให้รู้ ขณะที่ผู้ชายบอกว่ายังกลับบ้านทุกวัน ก็แค่อยากมีความสุข แล้วคำตอบที่ได่กลับมาคือ เขาไม่เลิกกับเธอ
สิ่งที่ทำได้อาจเหมือนสิ่งที่นางเอกคนนั้นทำ
เธอต้องนิ่งและเป็นนางพญาอย่าให้ใครมารุกรานในบ้าน
เพราะผู้ชายเมื่อถึงวัยที่กำลังถดถอยก็คงต้องการรู้สึกเหมือนเป็นคนหนุ่ม มีความตื่นเต้นใหม่ๆ และสิ่งที่เธอกับเขาสร้างร่วมกันมาจนเป็นปึกแผ่นก็ต้องรักษาไว้
ส่วนกรณีคนอยู่ไกลคำตอบก็เหมือนกัน คือ เขาไม่เลิก
เพียงแต่ เอาแต่ใจหากสิ่งที่อาจต้องแก้คือ อย่ายอม
เพราะการยอมมาก ๆ บางครั้งกลายเป็นเคยชิน
การที่ให้ตลอดเวลาโดยไม่มีร้องขอกลายเป็นสิ่งที่ให้ไปด้อยค่า
และการหาเรื่องตำหนิ ต่อว่า ส่วนความระแวงของเขาก็เพียงเพื่อต้องการเป็นผู้ชนะ
หากแต่คำสุดท้ายที่เพื่อนทั้ง 2 ทิ้งไว้ให้ฉุกคิดหลังเรื่องจบไปแล้วคือคำว่า
“เขาจะเลิกกับฉันใช่ไหม เขาไปแน่แล้วใช่ไหม”
นั่นคือเพื่อนคงกลัวการเริ่มต้นใหม่ กลัวการอยู่คนเดียวเพราะไม่ว่าจะเริ่มต้นใหม่ หรืออยู่คนเดียวมันก็อาจเหมือนความเคยชินขาดหาย
ถ้าโจทย์มาเสียแบบนี้แล้ว เราควรเลือกอย่างไร หรือก็แค่ใช้เวลาเป็นคำตอบ?
เบื่อแฟน มีแต่เรื่องเดิมซ้ำๆ อยากเลิกกันแต่ก็กลัว ควรไปต่อไหม?
ความเบื่อหน่ายที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นวังวน ทำใจเลิกไม่ได้สักที
เขามีคนใหม่แม้จะอยู่ด้วยกันมาจนลูกโตทุกอย่างก็ยังวนเหมือนเดิม ปล่อยให้อีกคนเข้ามา ปล่อยให้มารุกราน
และจบด้วยคำแบบเดิมคือ ก็ไม่ได้ไปไหน ยังกลับมาบ้านทุกวันแล้วจะเอายังไงอีก ฉันยังมีเธอออกหน้าในสังคม
กับอีกกรณีมีปัญหาจากคนรักที่อยู่ไกล คนที่บอกว่ารักกัน
แต่ทุกครั้งก็ระแวงสืบเสาะหาเรื่อง จับผิดและตัดทอน บอกเลิกกันเถอะทำให้คนทางนี้อยู่ไม่สุข ทุกอย่างที่ทำให้ไม่เคยถูกใจ
รู้สึกเหมือนเป็นคนที่มีไว้คอยรับใช้
แต่พอถามว่าหยุดแค่นี้ ดีไหม ถอยก่อนดีไหม..ก็เงียบ
เรื่องของทั้ง 2 เคสนี้สิ่งที่เหมือนกันคือ เป็นทุกข์ ทำงานไม่ได้ ใจก็เบื่อแต่รู้สึกหาทางออกไม่ได้
ก็ถามกลับไปว่า แล้วรักไหม?
คำตอบจากปากเพื่อนคือ ก็หมดรักเพราะรู้สึกว่าหนักเกินไปแล้ว เกินจะแบก (อย่างเพลงของพี่ใหม่ เจริญปุระ)
แล้วถอยออกมาสักก้าวดีไหม?
ทั้ง 2 ตอบเหมือนกัน อยากถอย แต่ถามแล้วทางนั้นไม่ตอบ อยากให้ทางนั้นบอกให้เด็ดขาด ถ้าเลิกก็จะไป
แต่ทีนี้ถึงวันที่ต้องเด็ดขาด เพราะแผลปะทุ ทั้ง 2 เคสก็มีปฏิกิริยาเหมือนกันคือ
เขาคงจะไปแล้ว จริงๆ และแกว่าเขาจะเลิกกับฉันไหม
สิ่งที่บอกเพื่อนไปตลอดระหว่างเส้นทางที่เรื่องเดินมาคือ กรณีอยู่ด้วยกันแล้ว เมื่อมีคนที่ 3 ที่เข้ามาพร้อมแสดงตนให้รู้ ขณะที่ผู้ชายบอกว่ายังกลับบ้านทุกวัน ก็แค่อยากมีความสุข แล้วคำตอบที่ได่กลับมาคือ เขาไม่เลิกกับเธอ
สิ่งที่ทำได้อาจเหมือนสิ่งที่นางเอกคนนั้นทำ
เธอต้องนิ่งและเป็นนางพญาอย่าให้ใครมารุกรานในบ้าน
เพราะผู้ชายเมื่อถึงวัยที่กำลังถดถอยก็คงต้องการรู้สึกเหมือนเป็นคนหนุ่ม มีความตื่นเต้นใหม่ๆ และสิ่งที่เธอกับเขาสร้างร่วมกันมาจนเป็นปึกแผ่นก็ต้องรักษาไว้
ส่วนกรณีคนอยู่ไกลคำตอบก็เหมือนกัน คือ เขาไม่เลิก
เพียงแต่ เอาแต่ใจหากสิ่งที่อาจต้องแก้คือ อย่ายอม
เพราะการยอมมาก ๆ บางครั้งกลายเป็นเคยชิน
การที่ให้ตลอดเวลาโดยไม่มีร้องขอกลายเป็นสิ่งที่ให้ไปด้อยค่า
และการหาเรื่องตำหนิ ต่อว่า ส่วนความระแวงของเขาก็เพียงเพื่อต้องการเป็นผู้ชนะ
หากแต่คำสุดท้ายที่เพื่อนทั้ง 2 ทิ้งไว้ให้ฉุกคิดหลังเรื่องจบไปแล้วคือคำว่า
“เขาจะเลิกกับฉันใช่ไหม เขาไปแน่แล้วใช่ไหม”
นั่นคือเพื่อนคงกลัวการเริ่มต้นใหม่ กลัวการอยู่คนเดียวเพราะไม่ว่าจะเริ่มต้นใหม่ หรืออยู่คนเดียวมันก็อาจเหมือนความเคยชินขาดหาย
ถ้าโจทย์มาเสียแบบนี้แล้ว เราควรเลือกอย่างไร หรือก็แค่ใช้เวลาเป็นคำตอบ?