เมื่อถึงวันที่ฉันเบื่อการใช้ชีวิต

วันนี้ ฉันอยากจะเขียนบันทึกความรู้สึก ความเบื่อในการใช้ชีวิต แต่ไม่ต้องกังวลนะว่าฉันจะฆ่าตัวตาย ความคิดนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในหัว ความหมายก็ตามคำที่บอก เป็นความเบื่อกับความวนลูปของชีวิต 

เรื่องราวก่อนจะเดินทางมาถึงจุดที่เป็น

พุ่งทยานไปสู่ความฝัน เมื่อตอนฉันอายุ 20 จบวิศวกรรมเคมี ฉันมีความฝัน อยากจะมีอิสระภาพทางการเงิน มีเงินโดยที่ไม่ต้องทำงาน สร้างทรัพย์สินตามตำราพ่อรวยสอนลูกที่เป็นที่นิยมในยุคนั้นสมัยนั้น ฉันมีไฟท่วมท้นในการค้นคว้าหาความรู้เกี่ยวกับธุรกิจ เพื่อทำฝันของฉันให้เป็นจริง จนได้ไปเรียนต่อปริญญาโททางด้านการเงิน เพื่อเสริมจุดแข็ง และออกมาทำงานประจำในสายงานที่เรียนมา
พยายามฟันฝ่าอุปสรรคเพื่อมุ่งไปสู่จุดหมาย ช่วงอายุใกล้ๆ 30 ฉันมีความมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต อยากจะเป็น CFO พยายามเรียนรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับการเงินโดยหาประสบการณ์ที่หลากหลาย แต่ก็ต้องยอมรับว่า เส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ มีบทเรียนหลายอย่างที่ต้องสอบผ่าน ซึ่งฉันเองก็สอบผ่านบ้างไม่ผ่านบ้าง แต่ก็ยังพยายามเรื่อยไป
ชีวิตคู่ขนานของการปฏิบัติธรรม ในช่วง 20 ถึงการเรียนปริญญาโท ฉันก็มีชีวิตคู่ขนานอีกอย่างนึงคือการปฏิบัติธรรม เนื่องจากชีวิตฉันเองก็มีความทุกข์ที่เกิดขึ้น ระหว่างเส้นทาง ไม่ว่าจะปัญหาเป็นเรื่องความรัก ครอบครัว หรือเพื่อนร่วมงาน ฉันก็พึ่งพาการปฏิบัติธรรมเป็นเครื่องฮีลใจ ให้ฉันเดินต่อไปได้
 

จุดเปลี่ยนทางความคิดเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม

พานพบครูบาอาจารย์ พอผ่านไปอีกช่วงนึง ฉันก็อกหักรักคุด จริงๆก็ไม่ใช้ครั้งแรกที่อกหัก แต่ครั้งนี้ทำฉันล้มครืนจนไม่เป็นอันทำอะไร จนได้มาเจอคู่ชีวิต และแฟนได้พาไปเจอกับครูบาอาจารย์ทางด้านการปฏิบัติธรรม 
 ชีวิตกับการปฏิบัติธรรมคือเรื่องเดียวกัน ตอนแรกๆฉันคิดว่าการปฏิบัติธรรมกับการใช้ชีวิต มันคนละเรื่องกัน ปฏิบัติก็ส่วนปฏิบัติ ชีวิตก็ชีวิต พอได้มีโอกาสรับการอบรมกับครูบาอาจารย์ ทำให้ฉันเห็นชัดเลยว่า มันคือเรื่องเดียวกัน ที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้เลย การปฏิบัติส่งผลกับชีวิต และชีวิตส่งผลกับการปฏิบัติเหมือนเหรียญ 2 ด้าน จากจุดนี้ทำให้ฉันได้เข่าใจเรียนรู้ตัวเอง ทำให้ฉันเห็นลูปหรือวงจรของความจริง ที่มันคอยบงการเราอยู่เบื้องหลัง โดยมีกิเลสเป็นตัวนำพา 
ย้อนรอยทบทวนตัวเองในอดีต ตอนอายุ 20 ฉันขับเคลื่อนตัวฉันด้วยความโลภที่อยากจะมีเงินมากๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับชีวิต ตอนช่วงอกหัก ชีวิตฉันถูกบกการด้วยความโกรธที่คนที่เราชอบไม่ยอมรับในตัวเรา และมีความหลงทำให้ฉันไม่สามารถมาถหลุดจากวังวนของความทุกข์ที่ฉันเผชิญในแต่ละช่วงของชีวิต นี่เป็นแค่ตัวอย่างนึงของวังวนที่ฉันได้ค้นพบ และเริ่มที่จะเกิดความเบื่อหน่ายกับการใช้ชีวิต เพราะในชีวิตเราจะมีลูปแบบนี้ แต่เป็นเรื่องอื่นๆอีกมากมายที่ต้องคอยเรียนรู้และเข้าใจ(อยู่บนเงื่อนไขที่เราต้องมีสติและสมาธิพร้อมที่จะเรียน ถ้าไม่มี 2 สิ่งนี้ เราจะไม่มีทางเห็นการขับเคลื่อนกลไกเหล่านี้เลย) 

เมื่อเรื่องราวเดินทางมาถึงจุดพีคในชีวิต

ความเบื่อรุมเร้า ความฝันดับสลาย การได้เห็นวังวนแบบนี้นานๆไป มันทำให้เราเริ่มรู้สึกเบื่อกับการใช้ชีวิต ความฝันที่เรามีหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ความเบื่อนี้ ค่อยๆส่งผลมาถึงการใช้ชีวิตและการทำงาน มีแต่เพียงการปฏิบัติสติและสมาธิที่ยังคงเดินอยู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ฉันยังดำรงชีพอยู่ได้อย่างเป็นปกติ ไม่ป่วยไข้เป็นจิตเวชไปเสียก่อน มาถึงจุดนี้ ความเบื่อทวีความรุนแรงขี้นๆ จนบางทีไม่รู้ว่าเราควรจะเดินทางไปทางไหนต่อ เบิร์ทเอ้ากับทุกสิ่ง หมดความสนุกกับการใช้ชีวิต ก็เข้าใจ(ด้วยสมอง) นะว่าเราต้อง move on แต่ข้างในจิตมันก็ยังติดอยู่กับความเบิร์ทเอ้า
แม้ว่าเราอยากจะพัก แต่ก็มีชะงักติดหลัง ด้วยภาระหนี้สินที่ติดตัว ความไม่เข้าใจของคู่ชีวิต คนที่บ้าน ทำให้อยู่ในภาวะที่ "กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง เหมือนมีอะไรที่ดึง ไม่ให้เราเลือกทางใด"ร้องไห้เพลงพี่เบิร์ดก็มา) ฉันไม่มีทางให้ถอยกลับไปพักได้อีกแล้ว

บทสรุปสำหรับวันนี้

ขอบคุณกัลยาณมิตร แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีคนนึงที่เข้าใจอยู่ 2 คน คนนึงคือพระอาจารย์ที่พร่ำสอนการปฏิบัติให้ กับอุปฐากของท่าน คอยเป็นคนให้กำลังใจตลอดทั้งการปฏิบัติ และทางโลก และคอยย้ำเตือนให้ฉันรู้ว่าอย่างน้อย วันนี้เราก็ยังมีลมหายใจอยู่ และมีสติอยู่กับสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันจริงๆ
ความเบื่อเป็นส่วนนึงของชีวิต ฉันต้องอยู่กับความเบื่อแบบนี้วนไป เพราะมันเป็นส่วนนึงของชีวิต ตัวฉันเองก็ทำได้แค่อดทน และค่อยๆผ่านจุดนี้ไปจนกว่าจะเข้าใจกลไกของความเบื่อนี้ เข้าใจจนมันมาบีบคั้นจิตใจเราไม่ได้ ฉันต้องพยายามทำความเพียรปฏิบัติเพื่อจะได้มีภูมิต้านทานการบีบคั้นทุกรูปแบบ เพื่อจะได้ใช้ชีวิตกับสิ่งที่มี โดยที่เราไม่ได้เป็น

ฉันเชื่อว่า หลายๆชีวิตคงจะมีประสบการณ์ร่วมกับเรื่องราวที่ฉันได้เล่ามา ไม่มากก็น้อย และขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน (รวมถึงตัวฉันเอง) ในการก้าวข้ามสิ่งนี้ไปด้วยกัน หากมีคำแนะนำใดๆ หรือมีเรื่องราวอยากจะแชร์เพิ่มเติม สามารถเติมลงมาได้ใน comment ด้านล่างนี้  และขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาจนจบบรรทัดนี้นะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่