6 เดือน พอร์ตบวก 20 ล้าน ด้วยการอยู่เฉยๆ กับการได้หุ้น 2 เด้ง 1 ตัว กับหุ้น 1 เด้ง 4 ตัว

ผมกะจะบันทึกพอร์ตตัวเองผ่านพันทิปไปเรื่อยๆ ปีละครั้ง  เป็นการทบทวนการลงทุนของตัวเอง
(จากรูปเป็นพอร์ตต้นเดือนกันยา จริงๆ พอร์ตปัจจุบันโตขึ้นไปอีกนิดหน่อย
แต่ ตัวเลขไม่สวยเหมือนรูปตอนต้นเดือน เพราะมีการปรับพอร์ต ขายหุ้นที่ขึ้นมามากบางส่วนไปซื้อหุ้นใหญ่ที่ลงมามาก
เลยอยากบันทึกเลข 20 ล้านเอาไว้)



บันทึกการลงทุนปี 2563  และ การเดินทางปีที่ 13 ในตลาดหุ้นของผม

ตลาดหุ้นปีนี้ จากต้นปีที่ดัชนี 1579 จุด จนปัจจุบันที่ดัชนี 1257 จุด set ให้ผลตอบแทน ytd -20% (ไม่รวมปันผล) โดยลงไปต่ำสุดที่ 969 จุด
แล้วเด้งขึ้นอย่างรวดเร็ว  หลักๆการลงรอบนี้เนื่องมาจากปัญหาการระบาดของโควิดที่ระบาดไปทั่วทั้งโลกอย่างที่ทุกคนทราบกัน

หลังจาก หุ้นเล็กให้ผลตอบแทนแพ้หุ้นใหญ่มาตลอด 4-5 ปี  ในปีนี้กลับมาทำผลตอบแทนชนะหุ้นใหญ่ได้เสียที 
ซึ่งทำให้ผมที่ส่วนใหญ่เน้นการลงทุนในหุ้นขนาดเล็ก ได้ผลตอบแทนดีไปด้วย พอร์ตทำ all time high อีกครั้ง
โดยปีนี้หุ้นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนมากในพอร์ตจะเป็นหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบ หรือ กระทบน้อยจากโควิด แต่ราคาหุ้นตกลงมามาก
เช่น หุ้นกลุ่มค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง หุ้นกลุ่มขายคอมพิวเตอร์ หุ้นกลุ่มทวงหนี้
ส่วนหุ้นที่ให้ผลตอบแทนน้อยในพอร์ตในปีนี้ จะเป็นหุ้นที่ได้รับผลกระทบมาก แต่ราคาลงมาเยอะมากๆๆ กว่ากลุ่มแรก แต่ราคาก็ยังไม่ค่อยกลับมา
เช่น หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว หุ้นธนาคาร
ซึ่งผมคาดหวังว่า กลุ่มนี้อาจจะให้ผลตอบแทนดีในปีหน้า หรือสองปีหน้า  

ปล. มุมมองผมคือมุมมองในช่วงนี้เท่านั้น อนาคตหากมีปัจจัยบางอย่างเปลียนไปความคิดผมอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้

ความล้มเหลวจะทำให้เราเก่งขึ้น

การลงทุนย่อมมาคู่กับความผิดพลาด ย้อนไปเมื่อต้นปี 2561 ผมก็ทำพลาดอีกครั้งด้วยเรื่องเดิมๆ แม้จะลงทุนมาเป็น 10 ปี
คือ ไม่กระจายความเสี่ยงมากเพียงพอ (โลภ) และ ซื้อหุ้นที่คุณภาพไม่ดี อย่างที่ผมเข้าใจ ในราคาที่ก็ไม่ได้ถูก (โง่)
เมื่อทุกอย่างมาบรรจบกัน พอร์ตผมก็บรรลัยอีกรอบ 555 พอร์ตลดจากจุดสูงสุดลงมาประมาณ 40% อีกครั้ง
ช่วงนั้น ผมเกิดความทุกข์และความเครียดอย่างมาก เพราะเงินหายเป็นเลข 8 หลัก
สุดท้ายเมื่องบการเงินออกมาแย่ๆมากๆ ก็ต้องรับความจริงว่า ไม่ตรงกับภาพที่เรามองไว้ จึงยอมขายขาดทุนออกไป 

ระหว่างที่ ความมีอิสระภาพทางการเงินที่ผมเคยมี เหมือนจะจางหายไป 
ผมก็คิดได้ว่าผมจะต้องกลับมาขยันมากๆ เหมือนเมื่อตอนผมเริ่มศึกษาการลงทุนหุ้นใหม่ๆ
โดย ช่วงปีหลังๆของการลงทุน ผมลดความขยันลงมามาก  ก็มีสัมมนาของไทยวีไอกำลังจะจัดพอดี 
ซึ่ง ปกติผมก็ไม่เคยสมัครได้ทัน หรือบางปีก็ลืมสมัคร แม้จะเป็นสมาชิกมาตั้งแต่ปี 2007 ก็ตาม
แต่โชคดีของผมที่ช่วงนั้น ตลาดหุ้นโดยรวมไม่ดี คอร์สสัมมนาไม่ได้เต็มเร็วเหมือนทุกๆปี
ผมเลยสมัครเรียนคอร์สไทยวีไอได้ทัน เป็น หลักสูตรอบรมการลงทุนแบบเน้นคุณค่า รุ่นที่ 14 (ผมอยู่กลุ่ม 6)
การเรียนคอร์สนั้น ผมได้อุดรูรั่วของผมไปได้เยอะมากๆ แนะนำนักลงทุนที่จะเอาดีทางด้านวีไอ ควรไปลงเรียนครับ
ค่าเรียนสูงนิดหน่อย แต่ถ้าผมจำไม่ผิด รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายมอบให้การกุศลทั้งหมด
แต่ต้องมีพื้นฐานมาเยอะหน่อยนะครับ ไม่งั้นคงเข้าไปเก็บเกี่ยวได้น้อยครับ

สุดท้ายการเรียนคอร์สนั้น ทำให้พอร์ตผมกลับมาได้อย่างสบายๆ การเลือกหุ้นดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ด้วยหลักการที่ดีขึ้นมากๆ
และผมคงจะต่อยอดขึ้นไปได้อีกมากในหลายสิบปีข้างหน้า
หากมองย้อนกลับไป ผมอาจพูดได้ว่า โชคดีที่ผมล้มในปีนั้น ทำให้ผมรอดวิกฤติโควิดในปีนี้
และพอร์ตสามารถทำนิวไฮได้ แม้ตลาดจะปรับตัวลง 20 % ในปีนี้ก็ตาม

การพนัน การเทรด และ การลงทุนที่ถูกทาง

ปีนี้กระทู้ในห้องสินธร ที่เพิ่มขึ้นมามากกว่า 5 ปี 10 ปีก่อน อย่างมาก คือ กระทู้ที่มีจุดประสงค์เพื่อกดดันฝ่ายตรงข้าม
ซึ่งผมเข้าใจว่า น่าจะเป็นคนเล่น tfex โดยต้องการทำให้อีกฝ่ายกลัวให้ได้ เพื่อจะได้ผลประโยชน์มากที่สุดในการปิดโพสิชั่นระยะสั้น

สำหรับตัวผม ผมขออนุญาติแนะนำว่านักลงทุน ที่มุ่งมั่น อยากจะเปลี่ยนฐานะของตัวเอง ไม่ควรไปยุ่งกับ ตลาด tfex
 tfex มีเอาไว้ใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยง แต่ตอนนี้ส่วนใหญ่ใช้เป็นการพนันซะมากกว่า คนส่วนใหญ่จะแพ้ในตลาดนี้ ยกเว้น ระบบเทรดคุณจะเทพจริงๆ
เดริวอทีฟ วอแรนต์อย่าไปยุ่ง ส่วนใหญ่เสียเปรียบโบรกเกอร์
expect return ของสองสินค้านี้ ติดลบในระยะยาว สำหรับ average player 
ทองคำ ให้ผลตอบแทนต่ำมาก ถ้าคิดผลตอบแทนย้อนหลัง 100 ปีจะเห็นว่าทองคำให้ผลตอบแทน เทียบเท่าเงินเฟ้อ หรือชนะนิดหน่อย



สิ่งที่คุณต้องโฟกัสในการลงทุน ควรจะเป็นหุ้นอย่างเดียวเหมือนที่ท่าน ดร นิเวศน์บอกเอาไว้และ ท่านทำให้ดู เป็นตัวอย่าง มาหลายสิบปี
คือ wealth เกือบทั้งหมดอยู่ในตลาดหุ้น
จากภาพมันชัดเจนว่า หุ้นให้ผลตอบแทนมากที่สุดในสินทรัพย์การลงทุนทั้งหมด แต่คุณต้องอยู่กับมันให้ได้นานมากพอที่จะไม่เกมส์โอเวอร์ไปเสียก่อน
คนส่วนใหญ่อยากรวยเร็ว จึง เลเวอเรจมากเกินไป จน สุดท้ายถูกบีบออกจากเกมส์ไปก่อนที่จะประสบความสำเร็จ

การเลือกบริษัทลงทุน

การมองบริษัทต้องมองระยะยาวให้มากพอที่จะเข้าใจและสามารถแยกได้ว่า  บริษัทไหน มีความสามารถในการแข่งขันที่ยั่งยืน
บริษัทไหนที่ดีแค่ประเดี๋ยวประด๋าว เดี๋ยวผลประกอบการก็ร่วง
ซึ่ง ผมเล่นหมดนะสองแนวนี้ ถ้ามันถูกมากพอ แต่การลงทุนจะเป็นรูปแบบที่ไม่เหมือนกัน

การแบ่งรูปแบบของหุ้นของผมจะเป็นดังนี้

1. บริษัทที่มีความสามารถในการแข่งขันที่ยั่งยืน จะเรียกว่า wonderful company หากเราสามารถซื้อได้ที่ fair price ก็นับเป็นการลงทุนที่ดีแล้ว
เราก็สามาถถือไปยาวๆได้  เป็นการลงทุนที่วอร์เรน บัฟเฟตต์ ชอบ (ยากที่จะซื้อได้ที่ wonderful price ยกเว้นช่วงเกิดวิกฤติ หากสามารถซื้อได้
หุ้นรูปแบบนี้ ก็จะเปลี่ยนชีวิตคุณได้เลย)

2. บริษัทที่ดีประเดี๋ยวประด๋าว ดีมั่ง ไม่ดีมั่ง หรือ บริษัทที่ต้องเริ่มใหม่ทุกปี หรือ บริษัทที่โตมากๆไม่ได้ อยู่ในช่วงอิ่มตัวแล้ว แนวนี้ เรียกว่า Fair company เราจะซื้อต่อเมื่อมันอยู่ใน wonderful price เท่านั้น และเมื่อหุ้นมันขึ้นมา เราก็ต้องขายออก เหมือนหุ้นแนวก้นบุหรี่ ของเบนจามิน เกรแฮม ไม่สามารถถือยาวได้

3. หุ้น poor company เราจะไม่ยุ่ง แม้จะถูกแค่ไหนก็ตาม เป็นหุ้นพวกขาดทุนไปเรื่อยๆ หรือ กำลังโดนดิสรัป หรือ หุ้นปั่นต่างๆที่ธรรมาภิบาลไม่ดี

หุ้น 2 เด้ง 1 ตัว และ 1 เด้ง อีก 4 ตัว





กลุ่มที่ให้ผลตอบแทนมากที่สุดในปีนี้จะเป็น กลุ่มที่ ราคาลงมามากแต่ผลประกอบการไม่ได้ตกลง หรือตกลงน้อยมาก
ซึ่งทั้ง 5 ตัว จะเป็นลักษณะดังกล่าว

***ขอจดเพื่อเตือนตัวเอง เผื่ออีกหลายปีกลับมาอ่าน***
วิกฤติย่อย หรือ วิกฤติใหญ่รอบหน้า ให้เลือกหุ้นที่ราคาลงมามาก แต่ ผลประกอบการน่าจะไม่ลง
หรือ เพิ่มขึ้นแทนให้ได้ยิ่งถ้าเป็น wonderful company ได้ยิ่งดี
 

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอตั้งชื่อ ซีรี่ย์ว่า จาก 300,000 สู่ 100 ล้าน (ยังไม่ถึงนะครับ แต่น่าจะถึงได้ในอนาคต)

บันทึก ปี 2558 https://pantip.com/topic/33129475

บันทึก ปี 2553 https://pantip.com/topic/33129475/comment26
(กระทู้เดียวกันแต่อยู่ในความเห็น 26)
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่