< ชัดแล้ว!! ปู่ออกจากถ้ำ
Q3 ควักเงิน 2 หมื่นล้านซื้อหุ้น >
หลังจากถูกกระแนะกระแหนมานานว่า "ตกยุค" วอร์เรน บัฟเฟตต์ ก็ออกมาวาดลวดลายอีกครั้งในไตรมาส 3 ที่กำลังจะสิ้นสุดลงอีกไม่กี่วันนี้ โดยสยายปีกเก็บหุ้นเป็นเงินรวมถึง 20,000 ล้านเหรียญ จากเงินสดทั้งหมด 1.5 แสนล้านเหรียญ ซึ่งบางดีลเรียกได้ว่า "ช็อคโลก" เลยทีเดียว
เรียงลำดับสี่ดีลใหญ่สุดของปู่ใน Q3
> อันดับหนึ่ง
โดมิเนียน เอเนอร์จี (NYSE) บริษัทพลังงาน เจ้าของท่อก๊าซความยาว 7,700 ไมล์ และถังเก็บความจุ 9 แสนลูกบาศก์ฟุต มูลค่ารวม 9,700 ล้านเหรียญ
โดยดีลนี้ BRK จ่ายสดให้บริษัท 4,000 ล้านเหรียญ ใช้หนี้ให้อีก 5,700 ล้านเหรียญ
> อันดับสอง
ซื้อหุ้นเครือบริษัทเทรดดิ้งญี่ปุ่นห้าบริษัท ได้แก่ อิโตชูคอร์ป, มารุเบนิ คอร์ป, มิตซูบิชิ คอร์ป, มิตซุย แอนด์ โค และ ซูมิโตโม คอร์ป โดยซื้อ 5% ในแต่ละบริษัท รวมเป็นเงินทั้งหมด 6,000 ล้านเหรียญ
> อันดับสาม
ซื้อหุ้น Bank of America (BAC) เพิ่ม รวมมูลค่า 2,100 ล้านเหรียญ หลังจากก่อนหน้านั้นขาย เวลส์ ฟาร์โก (WFC) หุ้นแบงก์ที่ถือมานานไปแล้วเยอะมาก
> อันดับสี่
ซื้อหุ้น IPO สโนวเฟลก (SNOW) บริษัทคลาวด์คอมพิวติ้งมูลค่า 740 ล้านเหรียญ ซึ่งถือว่าทำให้โลกประหลาดใจที่สุด เพราะนอกจากจะเป็นบริษัทเทคสุดๆ ที่ปู่ไม่ถนัดแล้ว บริษัทนี้ยังขาดทุนอยู่เยอะมาก และเป็นการซื้อช่วง IPO ด้วย
ทั้งนี้ คาดกันว่าสามดีลแรกเป็นการตัดสินใจของปู่เอง เพราะนอกจากจะเป็นธุรกิจจากโลกเก่าแล้ว ยังเป็นการซื้อด้วยเงินก้อนโต ส่วนดีลที่สี่น่าจะเป็นฝีมือของเท็ด-ท็อดด์ ฟันด์เมเนเจอร์ลูกน้องของปู่ พิจารณาจากสไตล์การเข้าลงทุน
โดยสรุป move ของปู่ใน Q3 บอกเราว่า :
1) ปู่ไม่ได้เปลี่ยนไป ยังคงชอบของเก่าๆ
2) ซื้อทีต้องซื้อเยอะ น้อยๆ ไม่ซื้อ
(cr. Club VI)
โอเครเลยแกรรรร..!! แม้ในฤดูกาลโควิด19 >>> แต่Warren Buffett ซื้อหุ้นไปกว่าร่วม 6แสนล้านบาท แล้ว..!! !! !!
Q3 ควักเงิน 2 หมื่นล้านซื้อหุ้น >
หลังจากถูกกระแนะกระแหนมานานว่า "ตกยุค" วอร์เรน บัฟเฟตต์ ก็ออกมาวาดลวดลายอีกครั้งในไตรมาส 3 ที่กำลังจะสิ้นสุดลงอีกไม่กี่วันนี้ โดยสยายปีกเก็บหุ้นเป็นเงินรวมถึง 20,000 ล้านเหรียญ จากเงินสดทั้งหมด 1.5 แสนล้านเหรียญ ซึ่งบางดีลเรียกได้ว่า "ช็อคโลก" เลยทีเดียว
เรียงลำดับสี่ดีลใหญ่สุดของปู่ใน Q3
> อันดับหนึ่ง
โดมิเนียน เอเนอร์จี (NYSE) บริษัทพลังงาน เจ้าของท่อก๊าซความยาว 7,700 ไมล์ และถังเก็บความจุ 9 แสนลูกบาศก์ฟุต มูลค่ารวม 9,700 ล้านเหรียญ
โดยดีลนี้ BRK จ่ายสดให้บริษัท 4,000 ล้านเหรียญ ใช้หนี้ให้อีก 5,700 ล้านเหรียญ
> อันดับสอง
ซื้อหุ้นเครือบริษัทเทรดดิ้งญี่ปุ่นห้าบริษัท ได้แก่ อิโตชูคอร์ป, มารุเบนิ คอร์ป, มิตซูบิชิ คอร์ป, มิตซุย แอนด์ โค และ ซูมิโตโม คอร์ป โดยซื้อ 5% ในแต่ละบริษัท รวมเป็นเงินทั้งหมด 6,000 ล้านเหรียญ
> อันดับสาม
ซื้อหุ้น Bank of America (BAC) เพิ่ม รวมมูลค่า 2,100 ล้านเหรียญ หลังจากก่อนหน้านั้นขาย เวลส์ ฟาร์โก (WFC) หุ้นแบงก์ที่ถือมานานไปแล้วเยอะมาก
> อันดับสี่
ซื้อหุ้น IPO สโนวเฟลก (SNOW) บริษัทคลาวด์คอมพิวติ้งมูลค่า 740 ล้านเหรียญ ซึ่งถือว่าทำให้โลกประหลาดใจที่สุด เพราะนอกจากจะเป็นบริษัทเทคสุดๆ ที่ปู่ไม่ถนัดแล้ว บริษัทนี้ยังขาดทุนอยู่เยอะมาก และเป็นการซื้อช่วง IPO ด้วย
ทั้งนี้ คาดกันว่าสามดีลแรกเป็นการตัดสินใจของปู่เอง เพราะนอกจากจะเป็นธุรกิจจากโลกเก่าแล้ว ยังเป็นการซื้อด้วยเงินก้อนโต ส่วนดีลที่สี่น่าจะเป็นฝีมือของเท็ด-ท็อดด์ ฟันด์เมเนเจอร์ลูกน้องของปู่ พิจารณาจากสไตล์การเข้าลงทุน
โดยสรุป move ของปู่ใน Q3 บอกเราว่า :
1) ปู่ไม่ได้เปลี่ยนไป ยังคงชอบของเก่าๆ
2) ซื้อทีต้องซื้อเยอะ น้อยๆ ไม่ซื้อ
(cr. Club VI)