" Demon Core " ระเบิดนิวเคลียร์ลูกที่สามของอเมริกาใน Los Alamos

ประธานาธิบดี Harry S. Truman รู้ดีว่าระเบิดลูกเดียวไม่เพียงพอที่จะบังคับให้ญี่ปุ่นยอมจำนนเขาจึงสั่งให้ทำเพิ่มเป็นสองลูก  แต่สิ่งที่หลายคนไม่รู้ก็คือ
มีระเบิดลูกที่สามไว้สำรองเผื่อไว้ ระเบิดลูกที่สามนี้ยังไม่ได้ประกอบ แต่แกนพลูโตเนียมซึ่งเป็นหัวใจของระเบิดถูกเตรียมไว้พร้อมแล้วและถูกเก็บไว้ที่ห้องปฏิบัติการแห่งชาติ Los Alamos 

เมื่อเห็นได้ชัดว่าไม่จำเป็นต้องใช้ระเบิดลูกที่สาม นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ที่ Los Alamos ก็รู้สึกตื่นเต้นที่มีวัสดุที่หายากที่สุดอยู่ในมือนั่นคือแกนกลางของพลูโตเนียมบริสุทธิ์ 6.2 กิโลกรัม พวกเขาตรวจสอบโดยทิ่มกระทุ้งทรงกลมโลหะมันวาวนี้และนำไปทดลองนับไม่ถ้วน จนกระทั่งนักวิทยาศาสตร์สองคนประมาทเลินเล่อจนเกือบจะระเบิดห้องปฏิบัติการและทำลายทุกคน ไม่กี่วันต่อมาทั้งสองคนก็ตายและแกนกลางได้รับฉายาว่า"แกนอสูร" (demon core)

ระเบิดนิวเคลียร์แตกต่างจากระเบิดทั่วไป ไม่มีฟิวส์หรือตัวจุดชนวน สิ่งที่มีคือมวลของวัสดุกัมมันตรังสีที่อันตรายร้ายแรง  ในช่วงเวลาของการระเบิดมวลนี้ถูกทำให้เกิดวิกฤตยิ่งยวดโดยการนำวัสดุกัมมันตภาพรังสีเข้ามาใกล้กันมากขึ้น เพื่อให้นิวตรอนที่ล่องลอยอยู่รวมตัวกันมากขึ้นโดยปราศจากอะตอมอื่น ๆ ทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ที่ยั่งยืนในตัวเอง ในเวลานั้นไม่มีวิธีง่ายๆในการระบุว่าจะต้องใช้ยูเรเนียมหรือพลูโตเนียมเท่าใดจึงจะได้มวลวิกฤต ทำให้นักวิทยาศาสตร์ต้องค้นหาวิธีการเหล่านี้ด้วยความยากลำบาก
 
หัวหน้ากลุ่ม Critical Assemblies (บุคคลที่มีหน้าที่เรื่องวัศดุที่สำคัญ) คือ Otto Robert Frisch นักฟิสิกส์ชาวออสเตรีย วิธีการของ Frisch นั้นง่ายก็จริงแต่ก็อันตราย  โดยเขาตัดวัสดุฟิสไซล์(วัสดุที่สามารถรักษาปฏิกิริยาลูกโซ่นิวเคลียร์ฟิชชันให้ยั่งยืน) เป็นแท่งเล็ก ๆ ยาว 3 ซม.และวางซ้อนกันในขณะที่จับตาดูเครื่องวัดรังสีจนกว่าจะถึงขั้นวิกฤต เพื่อช่วยชะลอปฏิกิริยาเขาใช้ยูเรเนียมไฮไดรด์แทนยูเรเนียมบริสุทธิ์

วันหนึ่ง Frisch เกือบจะพบปฏิกิริยาเร่งเมื่อเขาเอนกายลงบนกองแท่งยูเรเนียมทำให้ร่างกายของเขาสะท้อนนิวตรอนเป็นกองซ้อนๆกัน เขาเห็นหลอดไฟสีแดงจากมุมตาซึ่งกระพริบเป็นระยะ ๆ เมื่อมีนิวตรอนอยู่รอบ ๆ และเรืองแสงอย่างต่อเนื่อง เมื่อตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้น Frisch ก็ใช้มือของเขาปัดออกไปอย่างรวดเร็ว และ Frisch ได้รับรังสีจำนวนหนึ่งในอุบัติเหตุครั้งนี้แต่ไม่มากพอที่จะฆ่าเขาได้  อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่เสมอไปเมื่อเพื่อนนักวิทยาศาสตร์ของเขาทำการทดลองซ้ำแบบเดียวกับเขาในเวลาต่อมา

ผู้เสียชีวิตรายแรกคือ Harry K. Daghlian นักฟิสิกส์วัย 24 ปี Jr. Daghlian กำลังทำงานคนเดียวในช่วงดึกของคืนวันที่ 21 สิงหาคม1945 โดยสร้างเครื่องสะท้อนนิวตรอน เขาวางอิฐทังสเตนคาร์ไบด์ไว้รอบ ๆ ทรงกลมของพลูโตเนียมเพื่อดูว่าต้องใช้อิฐกี่ก้อนจึงจะสะท้อนนิวตรอนกลับเข้าสู่แกนกลางได้เพียงพอเพื่อให้มันเข้าสู่ภาวะวิกฤต ในขณะที่ทำการทดลองตัวนับนิวตรอนที่เขาใช้ในการวัดการแผ่รังสีที่ออกมาจากแกนพลูโตเนียม  และจากการวางอิฐก้อนสุดท้ายจะทำให้การประกอบเข้าสู่วิกฤตยิ่งยวด Daghlian หยุดและถอยมือของเขาที่ถืออิฐที่เขากำลังจะวาง แต่แล้วเขาก็ทิ้งมันลงเหนือแกนกลาง

ช่วงเวลาที่อิฐกระแทกแกนวิกฤต Daghlian รายงานว่าเห็นการระเบิดของแสงสีฟ้าและคลื่นความร้อน เขาใช้มือปัดอิฐที่หล่นลงพื้นโดยสัญชาตญาณ แต่มันก็สายเกินไป ในช่วงเวลาดังกล่าวทำให้ Daghlian ได้รับรังสีที่ร้ายแรงถึงชีวิต เขาเสียชีวิตในอีก 25 วันต่อมาจากพิษรังสีเฉียบพลัน และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานห่างออกไปสิบสองฟุตเมื่อตอนที่ Daghlian ทิ้งอิฐเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวจากรังสีและเสียชีวิตใน 33 ปีต่อมา

คุณอาจคิดว่าอุบัติเหตุเช่นนี้จะกระตุ้นให้นักวิทยาศาสตร์ระมัดระวังตัวมากขึ้นเมื่อทำการทดลองมวลที่สำคัญต่อไป ซึ่ง Richard Feynman นักฟิสิกส์ชื่อดังเปรียบการทดลองนี้เสมือนกับเป็นการ “ การแหย่หางมังกรที่หลับใหล” หรือ “กระตุกหนวดเสือ” (tickling the tail of a sleeping dragon) แต่อีก 9 เดือนต่อมาก็เกิดอุบัติเหตุครั้งที่สองในแบบเดียวกัน


(มือที่พองและไหม้ของ Harry Daghlian หลังจากที่เขาได้รับปริมาณรังสีที่ร้ายแรง)
(ฉากจำลองที่นักฟิสิกส์คนหนึ่งใช้ในระหว่างการทดลองที่ร้ายแรง )
คราวนี้เป็น Louis Slotin นักฟิสิกส์อาวุโสผู้ประสบที่ทำการทดลองแบบอื่นกับแกนพลูโตเนียม วิธีการของ Slotin เกี่ยวข้องกับการลดเปลือกของเบริลเลียมครึ่งเปลือกลงบนแกนกลางจนกระทั่งแกนกลางปิดสนิท เปลือกเบริลเลียมสะท้อนนิวตรอนที่แกนกลางแผ่กลับเข้าสู่แกนกลางจนกระทั่งแกนกลางเข้าสู่สภาวะวิกฤต ความคิดที่จะหยุดก่อนขั้นตอนนี้ Slotin ใช้ใบมีดของไขควงหัวแบนซึ่งเขางัดระหว่างส่วนประกอบทั้งสองเพื่อไม่ให้แยก ไขควงเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ Slotin และเพื่อนนักวิทยาศาสตร์ของเขาปลอดภัยจากการลงโทษบางอย่าง

Slotin ทำการทดลองนี้หลายครั้งจนไม่ระวังตัว ตอนบ่ายของวันที่ 21 พฤษภาคม1946  Slotin มาถึงในกางเกงยีนส์สีน้ำเงินและรองเท้าบู๊ตคาวบอยที่เป็นเครื่องแบบการแต่งตัวของเขาและเริ่ม 'แหย่หางมังกร' (tickling the dragon's tail) ต่อหน้าเพื่อนร่วมงานเจ็ดคน แต่คราวนี้ไขควงของเขาหลุด เปลือกของเบริลเลียมตกลงมาปกคลุมแกนกลางอย่างสมบูรณ์  ทันใดนั้นห้องก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีฟ้าสว่างจ้าขณะที่แกนกลางเข้าสู่สภาวะวิกฤตอย่างยิ่ง ทุกคนเริ่มตะโกนร้องและมี ความโกลาหลขึ้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในห้องเข้าใจน้อยมากว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเขาเห็นแสงแฟลชสีน้ำเงินและคนอื่น ๆเริ่มตะโกน เขาก็วิ่งออกจากห้องและวิ่งต่อไปเรื่อยๆยังเนินเขา ในเวลาต่อมาเขาถูกเรียกตัวกลับในขณะที่นักวิทยาศาสตร์พยายามหาว่าทุกคนอยู่ที่ไหนและประเมินว่าแต่ละคนได้รับรังสีเท่าใด

Slotin ซึ่งอยู่ใกล้กับแกนกลางมากที่สุด เขาได้รับรังสีมากกว่า 1,000 rads ซึ่งเป็นปริมาณที่สูงมากกว่าที่ใคร ๆเคยได้รับมา สำหรับการเปรียบเทียบเมื่อระเบิดเกิดขึ้นในฮิโรชิมาที่การแผ่รังสีที่ระยะห่าง 1 กม.จากศูนย์พื้นเท่ากับ 400 rads  Raemer Schreiberนักฟิสิกส์ผู้ซึ่งอยู่ในห้องระหว่างที่ไขควงถูกกระแทกบอกว่า Slotin เสียชีวิตหลังจากทนทุกข์ทรมาน 9 วันในโรงพยาบาล
 Alex Wellerstein นักประวัติศาสตร์อาวุธนิวเคลียร์ให้คำอธิบายเกี่ยวกับสุขภาพที่ทรุดโทรมของ Slotin ตั้งแต่วันเกิดเหตุจนถึงวันเสียชีวิตว่า

Slotin อาเจียนหนึ่งครั้งก่อนเข้ารับการตรวจและอีกหลายครั้งในไม่กี่ชั่วโมงถัดไปแต่หยุดในเช้าวันรุ่งขึ้น สุขภาพโดยรวมของเขาเป็นที่น่าพอใจ ตอนแรกมือซ้ายของเขาชาและเริ่มเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นมือที่อยู่ใกล้กับแกนกลางมากที่สุดซึ่งในเวลาต่อมานักวิทยาศาสตร์คาดว่ามันได้รับรังสีเอกซ์พลังงานต่ำมากกว่าหนึ่งหมื่นห้าพันrem 

ปริมาณรังสีทั้งตัวของ Slotin อยู่ที่ประมาณ 2,100 เรมของนิวตรอนรังสีแกมมาและรังสีเอกซ์ (โดยปกติแล้ว 500 remจะเป็นอันตรายต่อมนุษย์) ในที่สุดมือก็มีลักษณะคล้ายขี้ผึ้งสีน้ำเงินและเกิดเป็นแผลขนาดใหญ่ แพทย์ของ Slotin ต้องแช่มือไว้ในน้ำแข็งเพื่อจำกัดการบวมและความเจ็บปวด ส่วนมือขวาของเขาซึ่งถือไขควงมีอาการเหล่านี้น้อยกว่า

ในวันที่ห้าจำนวนเม็ดเลือดขาวของ Slotin ลดลงอย่างมาก อุณหภูมิและชีพจรของเขาเริ่มแปรปรวน “ จากวันนี้เป็นต้นไปผู้ป่วยได้อ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว” รายงานทางการแพทย์ระบุ Slotin มีอาการคลื่นไส้และปวดท้องและเริ่มลดน้ำหนัก เขาถูกเผาไหม้จากรังสีภายในร่างกาย  ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์คนหนึ่งกล่าวว่า ในวันที่เจ็ดเขากำลังประสบกับช่วง "ความสับสนทางจิตใจ" ริมฝีปากของเขาเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินและเขาถูกใส่ไว้ในเต็นท์ออกซิเจน ในที่สุดเขาก็โคม่าและเสียชีวิต 9 วันหลังจากเกิดอุบัติเหตุตอนอายุ 35 ปี

(การทดลองของ Slotin ที่จัดทำโดย Richard G. Hewlett นักประวัติศาสตร์สาธารณะ)
ในอุบัติเหตุ คนที่ยืนอยู่ใกล้กับ Slotin แต่อยู่ด้านหลังของเขาคือ Graves   ร่างของ Slotin ป้องกันเขาไว้บางส่วนแม้จะได้รับรังสีปริมาณสูงแต่ไม่ถึงตาย Graves เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเป็นเวลาหลายสัปดาห์ด้วยพิษจากรังสีอย่างรุนแรง และมีปัญหาทางระบบประสาทและการมองเห็นเรื้อรัง อันเป็นผลมาจากการสัมผัส เขาเสียชีวิตใน 20 ปีต่อมาตอนอายุ 55 ปีด้วยอาการหัวใจวายซึ่งอาจเกิดจากการได้รับรังสีหรือไม่ก็ได้  Marion Edward Cieslicki นักฟิสิกส์อีกคนเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันชนิดไมอีโลซิติกใน 19 ปีหลังจากเกิดอุบัติเหตุ

มีการเสียชีวิตอีกสองรายใน  Los Alamos ในที่สุดก็ยุติการทดลองด้านนี้  พวกเขารู้อยู่เสมอว่ามันมีอันตราย  โดย Enrico Fermi เองเคยเตือน Slotin ว่าเขาอาจจะตายภายในหนึ่งปีหากยังทำการทดสอบในลักษณะนั้นต่อไป ต่อมาการทดลองถูกเพิ่มเติมการดำเนินการโดยใช้เครื่องควบคุมระยะไกลและกล้องทีวีในขณะที่บุคลากรทุกคนยืนอยู่ห่างออกไปหนึ่งในสี่ไมล์

แกนพลูโตเนียมที่ฆ่า Daghlian และ Slotin เดิมมีชื่อเล่นว่า "Rufus" แต่หลังจากอุบัติเหตุมันถูกเรียกว่าแกนปีศาจ (demon core) หลังจากเกิดอุบัติเหตุแกนกลางยังคงมีกัมมันตภาพรังสีสูงและต้องใช้เวลาในการคลายร้อน มันมีกำหนดทดสอบใน Operation Crossroads  ซึ่งเป็นการทดสอบการระเบิดนิวเคลียร์ใต้น้ำที่มีชื่อเสียง  แต่เมื่อการทดสอบถูกยกเลิกในปี1946 แกนกลางก็ถูกหลอมละลายและนำวัสดุไปรีไซเคิลเพื่อสร้างระเบิดลูกใหม่


Operation Crossroads เป็นการทดลองระเบิดนิวเคลียร์โดยสหรัฐอเมริกา การทดลองทุกครั้งในชุดการทดลองนี้จัดขึ้นที่เกาะบิกีนีอะทอลล์ ในวันที่ 25 กรกฎาคม 1946 ภาพถ่ายจากหอสังเกตการณ์บนเกาะบิกีนีห่างออกไป 5.6 กม.



เรื่องที่เกิดกับ Slotin ถูกผนวกไว้ในภาพยนตร์เรื่อง Fat Man and Little Boy (1989) เป็นชื่อของลูกระเบิดอะตอม ที่ทิ้งที่เมืองนางาซากิ และฮิโรชิมา ตามลำดับ นำแสดงโดย พอล นิวแมน (Paul Newman) และ จอห์น คูแซก (John Cusack) โดยผู้กำกับ Roland Joffe
Cr.https://www.amusingplanet.com/2018/12/demon-core-how-third-nuclear-bomb.html / KAUSHIK PATOWARY 
Cr.https://www.facebook.com/CineDaily/posts/1990800577688147/
Cr.http://www0.tint.or.th/nkc/nkc55/content55/nstkc55-033.html / โดย สุรศักดิ์ พงศ์พันธุ์สุข กลุ่มวิจัยและพัฒนานิวเคลียร์
สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)

(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่