
หลังจากทาง OPPO ได้เปิดตัวและวางจำหน่าย Smartwatch รุ่นแรกของแบรนด์ออกไปทั้งสองรุ่น คือรุ่น OPPO Watch 42 และ 46 มม. ออกไปเดือนกว่าๆ ผมได้มีโอกาสใช้งานจริงตั้งแต่วันเปิดตัวจนถึงวันนี้ก็ครบเดือนเศษๆครับ ช่วงระยะเวลาที่ทดสอบมีการปล่อยอัพเดทเฟริมย์แวร์ออกมาตลอด พัฒนาการไปในทางที่ดีขึ้นโดยเฉพาะระยะการใช้งานของแบตเตอรี่ วันนี้ผมจึงอยากจะมารีวิวการใช้งานให้ทราบกันตลอดอายุใช้งานหนึ่งเือนกว่าๆ
โดยบทความนี้ผมจะขอเป็นทาง OPPO Watch 46 มม.ตัวที่นะครับ ราคาตอนเปิดตัวคือ 7,999 บาท จุดเด่นของรุ่นนี้คือ มากับหน้าจอแบบ Dual-Curved Display ตัวแรกของโลกของฝั่ง Smartwatch และรุ่นนี้ยังใช้ระบบปฎิบัติการ Wear OS by Google อีกด้วย ทำให้การใช้งานยืดหยุ่นพอสมควรและมีอัพที่รองรับหลากหลาย เดี๋ยวเราไปดูการใช้งานจริงพร้อมๆกันได้เลยครับ
SPEC OPPO Watch 46 มม.(Wi-Fi)
- จอโค้ง 3D Flexible Dual Curved Display ขนาด 1.91 นิ้ว ความละเอียด 402 x 476 พิกเซล
- วัสดุกรอบนาฬิกา Aluminum alloy
- วัสดุสายนาฬิกา Fluororubber
- ตัวเรือน Ceramic + Poly Carbonate
- ชิปเซ็ต Qualcomm® Snapdragon Wear™ 3100 & Ambiq Micro Apollo3 Wireless SoC
- RAM 1GB
- หน่วยความจำภายใน 8GB
- Wi-Fi 802.11b/g/n 2.4GHz
- Bluetooth 4.2 BLE
- รองรับ NFC
- Built-in GPS. Supports A-GPS and GLONASS
- แบตเตอรี่ 430mAh รองรับการชาร์จเร็ว
- Watch VOOC Flash Charging
- คุณสมบัติในการกันน้ำ 5ATM (ใส่ว่ายน้ำได้)
- ราคา 7,999 บาท
แกะกล่องเช็คของ
อุปกรณ์ในกล่องทั้งหมดจะมี ตัวเรือนนาฬิกาพร้อมสาย / แท่นชาร์จ Watch VOOC Flash Charging / คู่มือการใช้งาน

ตัวแท่นชาร์จรองรับการชาร์จที่ 5V 1.5A สามารถใช้ที่ชาร์จของสมาร์ทโฟนทั่วไปก็ขึ้นชาร์จเร็วให้นะครับ ตรงแท่นจะเป็นแม่เหล็กไม่ต้องกังวลว่าจะวางผิด
วัสดุและการออกแบบดีไซน์
OPPO Watch 46 มม. มากับหน้าจอ 3D Flexible Dual Curved Display ขนาด 1.91 นิ้ว ความละเอียด 402 x 476 พิกเซล ความหนาแน่นของพิกเซลสูงถึง 326 ppi ที่แสดงผลสวยงามมากๆ รองรับการทัชหน้าจอเต็มรูปแบบ

หน้าจอแสดงสีได้ 100% มาตราฐาน DCI-P3 ค่าความสว่างหน้าจอ 500 nits และสามารถเร่งได้สูงสุดถึง 1000 nits ทำให้หน้าจอของ OPPO Watch 46 มม.แสดงผลหน้าจอได้สวยสุด ตรงสุดแล้วในเวลานี้ครับ และหน้าปัดยังสามารถเปลี่ยนได้หลากหลายรูปแบบอีกด้วย
สายแบบ Fluororubber สามารถถอดเปลี่ยนได้ ข้อดีของสายแบบนี้คือ เบาสบาย สวมใส่ได้แม้ขณะว่ายน้ำ (ดีกว่าสายแบบหนัง)

ด้านหลังตัวเรือนนาฬิกาจะมีช่องเซ็นเซอร์และตำแหน่งของหน้าสัมผัสเพื่อชาร์จแบต

ปุ่มด้านข้างมีเพียงแค่ 2 ปุ่ม สำหรับการเข้าหรือย้อนกลับของเมนู และยังสามารถตั้งค่าให้เป็นปุ่ม Google Assistant ได้อีกด้วย

ขนาดตัวเรือน 46×39×12.96มม. หนัก 39.3 กรัม (ไม่รวมสาย) รองรับมาตรฐานกันน้ำ 5ATM
ระบบปฎิบัติการ
OPPO Watch 46mm มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการ Wear OS by Google ก่อนเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนก็อย่าลืมเข้าไปโหลด Wear OS เข้ามาติดตั้งที่สมาร์ทโฟนก่อนนะครับ

OPPO Watch 46mm รองรับสั่งการ Google Assistant ได้ด้วย และยังโทรออกหรือรับสายที่ตัวเรือนได้เลย

รองรับการติดตั้งแอ๊พจากตัวเรือนได้โดยตรง และมีฟีเจอร์ AI Outfit จะช่วยให้การเลือกใช้สีของหน้าปัดนาฬิกาเข้ากับชุดของวันนั้นๆ
ด้านสุขภาพและการออกกำลังกาย
OPPO Watch 46mm สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบเรียลไทม์ / วัดระดับความเครียด / เก็บสถิติการนอนหลับ
การออกกำลังกาย
ด้านการออกกำลังกาย OPPO Watch 46mm มีโหมดการออกกำลังกายมากกว่า 90 รูปแบบและมีอัพเดทให้เรื่อยๆ จาก Google Fit

ตัวเรือนสามารถจับ GPS ได้
แบตเตอรี่
ช่วงที่ได้มาแรกๆคือวันเดียวหมด หมดจริงๆ อาจจะเป็นเพราะเปิดหน้าจอดูบ่อย และตัวเครื่องมีอัพเดทเกือบตลอด และตัวเครื่องมีระบบ AI ช่วยวิเคราะห์รูปแบบการใช้งานของเราด้วยครับ เหมือนช่วงแรกๆมันเรียนรู้การใช้งานของผมอยู่ หลังจากหนึ่งอาทิตยืผ่านไป เปิดการแจ้งเตือนทุกอย่าง เปิดความสว่างหน้าจอแบบ AUTO สามารถใช้งานได้ 48-60 ชั่วโมงสบายๆครับ คือสองวันชาร์จครั้ง และรุ่นนี้รองรับชาร์จเร็วด้วย ใช้เวลา 75 นาที จาก 0 – 100% ถือว่าเร็วใช้ได้เลย ถ้าเทียบกับสมาร์ทวอทซ์แบบ Wear OS ถ้าเกินสองวันถือว่าอึดแล้วครับ
สรุป
หลังจากที่ได้ใช้งานมาเดือนหนึ่งเต็มๆ OPPO Watch 46mm เป็น Smartwatch ที่น่าใช้งานมากๆ การออกแบบที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร หน้าจอแบบ Dual-Curved ทำให้ดูหรูดูแพงครับ เพราะนาฬิกาคือหนึ่งส่วนของแฟชั่นในการแต่งตัว ถ้าตัวเรือนดูสวยจะช่วยอยากสวมใส่
ฟังก์ชั่นต่างๆมีมาให้ครบ ทั้งการแจ้งเตือนต่างๆตามแบบฉบับบของ Smartwatch สวยแล้วต้องฉลาด ด้านการออกกำลังกายก็มีให้ครบ ราคานี้ถือว่าถูกแล้วครับ ถ้าเทียบกับ Wear OS ค่ายอื่นๆที่วางขายอยู่ และแน่นอนว่า OPPO มีศูนย์บริการหลังการขายที่เยอะกว่าคู่แข่งแน่นอน เผื่อมีปัญหาหรือปรึกษาการใช้งานเพิ่ม สามารถเดินเข้าไปปรึกษาได้ที่ศูนย์ใกล้บ้านสะดวกกว่าแน่นอน
[SR] รีวิว OPPO Watch 46 มม. สมาร์ทวอทช์ดีไซน์สวย จอ Dual-Curved Display ตัวแรกของโลก ระบบปฎิบัติการ Wear OS by Google
หลังจากทาง OPPO ได้เปิดตัวและวางจำหน่าย Smartwatch รุ่นแรกของแบรนด์ออกไปทั้งสองรุ่น คือรุ่น OPPO Watch 42 และ 46 มม. ออกไปเดือนกว่าๆ ผมได้มีโอกาสใช้งานจริงตั้งแต่วันเปิดตัวจนถึงวันนี้ก็ครบเดือนเศษๆครับ ช่วงระยะเวลาที่ทดสอบมีการปล่อยอัพเดทเฟริมย์แวร์ออกมาตลอด พัฒนาการไปในทางที่ดีขึ้นโดยเฉพาะระยะการใช้งานของแบตเตอรี่ วันนี้ผมจึงอยากจะมารีวิวการใช้งานให้ทราบกันตลอดอายุใช้งานหนึ่งเือนกว่าๆ
โดยบทความนี้ผมจะขอเป็นทาง OPPO Watch 46 มม.ตัวที่นะครับ ราคาตอนเปิดตัวคือ 7,999 บาท จุดเด่นของรุ่นนี้คือ มากับหน้าจอแบบ Dual-Curved Display ตัวแรกของโลกของฝั่ง Smartwatch และรุ่นนี้ยังใช้ระบบปฎิบัติการ Wear OS by Google อีกด้วย ทำให้การใช้งานยืดหยุ่นพอสมควรและมีอัพที่รองรับหลากหลาย เดี๋ยวเราไปดูการใช้งานจริงพร้อมๆกันได้เลยครับ
SPEC OPPO Watch 46 มม.(Wi-Fi)
- จอโค้ง 3D Flexible Dual Curved Display ขนาด 1.91 นิ้ว ความละเอียด 402 x 476 พิกเซล
- วัสดุกรอบนาฬิกา Aluminum alloy
- วัสดุสายนาฬิกา Fluororubber
- ตัวเรือน Ceramic + Poly Carbonate
- ชิปเซ็ต Qualcomm® Snapdragon Wear™ 3100 & Ambiq Micro Apollo3 Wireless SoC
- RAM 1GB
- หน่วยความจำภายใน 8GB
- Wi-Fi 802.11b/g/n 2.4GHz
- Bluetooth 4.2 BLE
- รองรับ NFC
- Built-in GPS. Supports A-GPS and GLONASS
- แบตเตอรี่ 430mAh รองรับการชาร์จเร็ว
- Watch VOOC Flash Charging
- คุณสมบัติในการกันน้ำ 5ATM (ใส่ว่ายน้ำได้)
- ราคา 7,999 บาท
แกะกล่องเช็คของ
อุปกรณ์ในกล่องทั้งหมดจะมี ตัวเรือนนาฬิกาพร้อมสาย / แท่นชาร์จ Watch VOOC Flash Charging / คู่มือการใช้งาน
ตัวแท่นชาร์จรองรับการชาร์จที่ 5V 1.5A สามารถใช้ที่ชาร์จของสมาร์ทโฟนทั่วไปก็ขึ้นชาร์จเร็วให้นะครับ ตรงแท่นจะเป็นแม่เหล็กไม่ต้องกังวลว่าจะวางผิด
วัสดุและการออกแบบดีไซน์
OPPO Watch 46 มม. มากับหน้าจอ 3D Flexible Dual Curved Display ขนาด 1.91 นิ้ว ความละเอียด 402 x 476 พิกเซล ความหนาแน่นของพิกเซลสูงถึง 326 ppi ที่แสดงผลสวยงามมากๆ รองรับการทัชหน้าจอเต็มรูปแบบ
หน้าจอแสดงสีได้ 100% มาตราฐาน DCI-P3 ค่าความสว่างหน้าจอ 500 nits และสามารถเร่งได้สูงสุดถึง 1000 nits ทำให้หน้าจอของ OPPO Watch 46 มม.แสดงผลหน้าจอได้สวยสุด ตรงสุดแล้วในเวลานี้ครับ และหน้าปัดยังสามารถเปลี่ยนได้หลากหลายรูปแบบอีกด้วย
สายแบบ Fluororubber สามารถถอดเปลี่ยนได้ ข้อดีของสายแบบนี้คือ เบาสบาย สวมใส่ได้แม้ขณะว่ายน้ำ (ดีกว่าสายแบบหนัง)
ด้านหลังตัวเรือนนาฬิกาจะมีช่องเซ็นเซอร์และตำแหน่งของหน้าสัมผัสเพื่อชาร์จแบต
ปุ่มด้านข้างมีเพียงแค่ 2 ปุ่ม สำหรับการเข้าหรือย้อนกลับของเมนู และยังสามารถตั้งค่าให้เป็นปุ่ม Google Assistant ได้อีกด้วย
ขนาดตัวเรือน 46×39×12.96มม. หนัก 39.3 กรัม (ไม่รวมสาย) รองรับมาตรฐานกันน้ำ 5ATM
ระบบปฎิบัติการ
OPPO Watch 46mm มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการ Wear OS by Google ก่อนเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนก็อย่าลืมเข้าไปโหลด Wear OS เข้ามาติดตั้งที่สมาร์ทโฟนก่อนนะครับ
OPPO Watch 46mm รองรับสั่งการ Google Assistant ได้ด้วย และยังโทรออกหรือรับสายที่ตัวเรือนได้เลย
รองรับการติดตั้งแอ๊พจากตัวเรือนได้โดยตรง และมีฟีเจอร์ AI Outfit จะช่วยให้การเลือกใช้สีของหน้าปัดนาฬิกาเข้ากับชุดของวันนั้นๆ
ด้านสุขภาพและการออกกำลังกาย
OPPO Watch 46mm สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบเรียลไทม์ / วัดระดับความเครียด / เก็บสถิติการนอนหลับ
การออกกำลังกาย
ด้านการออกกำลังกาย OPPO Watch 46mm มีโหมดการออกกำลังกายมากกว่า 90 รูปแบบและมีอัพเดทให้เรื่อยๆ จาก Google Fit
ตัวเรือนสามารถจับ GPS ได้
แบตเตอรี่
ช่วงที่ได้มาแรกๆคือวันเดียวหมด หมดจริงๆ อาจจะเป็นเพราะเปิดหน้าจอดูบ่อย และตัวเครื่องมีอัพเดทเกือบตลอด และตัวเครื่องมีระบบ AI ช่วยวิเคราะห์รูปแบบการใช้งานของเราด้วยครับ เหมือนช่วงแรกๆมันเรียนรู้การใช้งานของผมอยู่ หลังจากหนึ่งอาทิตยืผ่านไป เปิดการแจ้งเตือนทุกอย่าง เปิดความสว่างหน้าจอแบบ AUTO สามารถใช้งานได้ 48-60 ชั่วโมงสบายๆครับ คือสองวันชาร์จครั้ง และรุ่นนี้รองรับชาร์จเร็วด้วย ใช้เวลา 75 นาที จาก 0 – 100% ถือว่าเร็วใช้ได้เลย ถ้าเทียบกับสมาร์ทวอทซ์แบบ Wear OS ถ้าเกินสองวันถือว่าอึดแล้วครับ
สรุป
หลังจากที่ได้ใช้งานมาเดือนหนึ่งเต็มๆ OPPO Watch 46mm เป็น Smartwatch ที่น่าใช้งานมากๆ การออกแบบที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร หน้าจอแบบ Dual-Curved ทำให้ดูหรูดูแพงครับ เพราะนาฬิกาคือหนึ่งส่วนของแฟชั่นในการแต่งตัว ถ้าตัวเรือนดูสวยจะช่วยอยากสวมใส่
ฟังก์ชั่นต่างๆมีมาให้ครบ ทั้งการแจ้งเตือนต่างๆตามแบบฉบับบของ Smartwatch สวยแล้วต้องฉลาด ด้านการออกกำลังกายก็มีให้ครบ ราคานี้ถือว่าถูกแล้วครับ ถ้าเทียบกับ Wear OS ค่ายอื่นๆที่วางขายอยู่ และแน่นอนว่า OPPO มีศูนย์บริการหลังการขายที่เยอะกว่าคู่แข่งแน่นอน เผื่อมีปัญหาหรือปรึกษาการใช้งานเพิ่ม สามารถเดินเข้าไปปรึกษาได้ที่ศูนย์ใกล้บ้านสะดวกกว่าแน่นอน
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้