ธรรมสี่ประการเป็นไฉน....?
ธรรมสี่ประการนั้นคือ
1.ความเมตตา ..เป็นเหมือนเสาต้นที่หนึ่ง เป็นเสาเอกของบ้าน บุคคลใดมีความเมตตาเป็นนิจ ย่อมเป็นที่รักของมนุษย์และอมุษย์ทั้งหลาย..
2.ความกรุณา..เป็นเหมือนเสาต้นที่สองทางทิศใต้ บุคคลใดมีความกรุณาเป็นนิจ หมั่นเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และใส่ใจในกิจธุระทั้งปวง ย่อมเป็นที่ชื่นชมของมนุษย์และอมุษย์ทั้งหลาย..
3.ความยินดีร่วม..เป็นเหมือนเสาต้นที่สามทางทิศตะวันตก บุคคลใดมีความปิติยินดีร่วมไปกับความสุขของสรรพสัตว์ทั้งหลาย บุคคลนั้นย่อมยังจิตใจของตนให้เบิกบาน และสงบสุขตามอัตภาพ เป็นการเตรียมจิตวิญญาณของตนให้พร้อมสู่สุคติสัมปรายภพอยู่เนืองๆ..
4.ความปล่อยวาง..เป็นเหมือนเสาต้นที่สี่ทางทิศเหนือ บุคคลใดละวาง-ละทิ้งในเรื่องที่เกินความสามารถไปจากใจได้ หรือละวางความคิดปรุงแต่งต่อเรื่องต่างๆได้
ยกจิตใจให้เหนือราคะโทสะและสิ่งรบเร้าทั้งปวง บุคคลนั้นย่อมสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับตนเองรวมถึงมนุษย์และอมุษย์ทั้งหลายก็จะได้รับอานิสงค์ประโยชน์นั้ไปด้วย..
พระท่านสอนว่า บุคคลใดที่มีธรรมสี่ประการนี้มั่นคงในใจ จะถูกกิเลสพัดซัดกระหน่ำแรงเท่าใด กิเลสนั้นก็มิอาจทำอันตรายต่อจิตใจได้เลย..
อุปมาเหมือนบ้านที่สร้างอย่างมั่นคงด้วยสี่เสาต้น จะถูกพายุพัดกระหน่ำรุนแรงเท่าใด ก็มิอาจทำอันตรายบ้านที่มีสี่เสานั้นได้เลย.. เพราะบ้านที่มีสี่เสาเป็นมากกว่าคำว่าบ้าน..
คิดถึงบ้านไปด้วยกันกับเพลง...นะ.
พระท่านสอนว่า "หมั่นสร้างธรรมให้มั่นคงในใจสี่ประการ เหมือนสร้างบ้านให้มั่นคงด้วยเสาสี่ต้น"....จากปู่เอง
ธรรมสี่ประการนั้นคือ
1.ความเมตตา ..เป็นเหมือนเสาต้นที่หนึ่ง เป็นเสาเอกของบ้าน บุคคลใดมีความเมตตาเป็นนิจ ย่อมเป็นที่รักของมนุษย์และอมุษย์ทั้งหลาย..
2.ความกรุณา..เป็นเหมือนเสาต้นที่สองทางทิศใต้ บุคคลใดมีความกรุณาเป็นนิจ หมั่นเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และใส่ใจในกิจธุระทั้งปวง ย่อมเป็นที่ชื่นชมของมนุษย์และอมุษย์ทั้งหลาย..
3.ความยินดีร่วม..เป็นเหมือนเสาต้นที่สามทางทิศตะวันตก บุคคลใดมีความปิติยินดีร่วมไปกับความสุขของสรรพสัตว์ทั้งหลาย บุคคลนั้นย่อมยังจิตใจของตนให้เบิกบาน และสงบสุขตามอัตภาพ เป็นการเตรียมจิตวิญญาณของตนให้พร้อมสู่สุคติสัมปรายภพอยู่เนืองๆ..
4.ความปล่อยวาง..เป็นเหมือนเสาต้นที่สี่ทางทิศเหนือ บุคคลใดละวาง-ละทิ้งในเรื่องที่เกินความสามารถไปจากใจได้ หรือละวางความคิดปรุงแต่งต่อเรื่องต่างๆได้ ยกจิตใจให้เหนือราคะโทสะและสิ่งรบเร้าทั้งปวง บุคคลนั้นย่อมสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับตนเองรวมถึงมนุษย์และอมุษย์ทั้งหลายก็จะได้รับอานิสงค์ประโยชน์นั้ไปด้วย..
พระท่านสอนว่า บุคคลใดที่มีธรรมสี่ประการนี้มั่นคงในใจ จะถูกกิเลสพัดซัดกระหน่ำแรงเท่าใด กิเลสนั้นก็มิอาจทำอันตรายต่อจิตใจได้เลย..
อุปมาเหมือนบ้านที่สร้างอย่างมั่นคงด้วยสี่เสาต้น จะถูกพายุพัดกระหน่ำรุนแรงเท่าใด ก็มิอาจทำอันตรายบ้านที่มีสี่เสานั้นได้เลย.. เพราะบ้านที่มีสี่เสาเป็นมากกว่าคำว่าบ้าน..
คิดถึงบ้านไปด้วยกันกับเพลง...นะ.