เมื่อปลายปีที่แล้ว ประมาณเดือน พ.ค. เราและเพื่อนสาว ได้เห็นข่าวอุบัติเหตุมากมาย และ ข่าวที่น่าสนใจก็คือ ข่าวอุบัติเหตุ "โค้งร้อยศพ" ที่ สานตม อ.ภูเรือ มีหลายท่านในยูทูป ขับขี่รถผ่านเส้นทางนั้นและได้รีวิว ซึ่งมันก็ทำให้เราและเพื่อนสาวสนใจที่จะอยากไปดูแบบจริงๆ ตรงสถานที่แห่งนั้น ประจวบกันมีรายการคนอวดผี และคุณเจน ญาณทิพย์ มาถ่ายทำรายการที่นี่ มันยิ่งกระตุ้นต่อมความอยากรู้อยากเห็นเข้าไปอีก ตอนเย็นประมาณหกโมงเย็น เพื่อนสาวได้มาชวน และพวกเราตัดสินใจออกจากบ้าน ซึ่งบ้านของพวกเราอยู่ใกล้ ม.ราชภัฏ พาหนะที่นำทางพวกเราไป มันก็คือ รถมอไซค์ ยี่ห้อเวฟ 125 จากบ้านพวกเราไปที่ อ.วังสะพุงก็เกือบจะ 24 กิโลแล้ว ไกลมากแต่เพราะด้วยความอยากรู้อยากเห็น มันดึงดูดพวกเรามาก พอถึง อ.วังสะพุง พวกเราได้ไปแวะซื้อข้าวเหนียวห่อหมก ลูดชิ้น น้ำ และได้ไปนั่งทานที่ศาลาข้างถนน มันเป็นเวลาทุ่มครึ่งแล้ว คนขับรถผ่านไปผ่านมาก็มอง พิอิ่ม พวกเราก็ได้ออกเดินทางไปยังจุดปลายทาง แต่ หารู้ไม่ว่า เส้นทางดังกล่าว เราและเพื่อนสาวไม่รู้เลย ว่ามันต้องแยกเลี้ยวขวา เราไปทางเส้นทางบ้านทรายขาวและตรงขึ้นไปเรื่อยๆ มันจะผ่านโรงน้ำแข็ง และ รพ.วังสะพุงก่อน จากนั้นมันจะมีป้ายไฟส่องใว้และเลี้ยวขวาเป็นทางลัดไป อ.ภูเรือได้ ซึ่งเราเข้าใจผิดนึกว่าโค้งร้อยศพต้องไปทางบ้านเลยวังไสย์ ซึ่งหมู่บ้านนี้มันอยู่ อ.ภูหลวงแล้ว คิดดูเส้นทางมืดเปลี่ยว ฝนตกใหม่ๆ เย็นยะเยือก มีแต่เสียงอึ่ง กบ เขียดร้อง และ นานๆ รถจากต่างจังหวัดจะวิ่งสวนมาสำหนับเส้นทางลัดเลาะจากเพชรบูรณ์มาเมืองเลย พวกเราได้แต่รีบขี่รถให้ไปถึงจุดหมายให้เร็วที่สุด และแล้วความฉงนสนเท่ห์ก็มาเยือนสองสาว เราแย้งเพื่อนสาวว่า เราจำได้จากเพจกู้ภัยว่า โค้งร้อยศพนี่มันเป็นของ อ.วังสะพุงนี่หนา แต่นี่มันเป็นเส้นทางภูหลวงแล้วนะ อีกอย่างพวกเราขับออกมาจนสิ้นสุด เขตจังหวัด ซึ่งแล้วซ้ายจะไป อ.น้ำหนาว หล่มเก่า เลี้ยวขวาจะออกไป พิษณุโลกและ อ.ด่านซ้าย พวกเราเลยเลือกที่จะขี่มาทางนี้ ขับมาเรื่อยๆ จนเจอกรมทางของเพชรบูรณ์ เลยคิดว่ามันไกลเกินไปแล้วจึงอยากกลับ และ เพื่อนสาวเราเซอร์ไพรส์เราด้วยการชวนเรามาที่นี่เพราะ เค้าไปขอหวยใว้กับโค้งร้อยศพ ถ้าถูกเค้าจะนำอาหารขนมของหวานมาถวายให้(ปากดีนะหล่อน ไม่ถามชั้นบ้างว่ะ55) ตอนจะกลับ พวกเราได้ขอร้องกับสิ่งที่มองไม่เห็นว่า ลูกอุตส่าห์ขับรถเอาของมาถวายให้แต่ไม่เจอเลย แล้วลูกจะเอาไปถวายที่ไหนล่ะ เราเลยออกความเห็นว่า ตรงทางสามแพร่งที่แยก เลย แยกเพชรบูรณ์ นี่แหละ เพราะเราไม่รู้ว่าโค้งร้อยศพมันไปคนละทาง เกตุการณ์ระทึกครั้งที่1เกิดขึ้น เมื่อเราพูดเสร็จว่าจะเอาไปวางใว้ตรงสามแพร่ง เพื่อนสาวกรี๊ดและกระโดดกอดเราแบบตกใจช๊อค !เธอๆ ได้กลิ่นคาวเลือดไหม? เราไม่ได้กลิ่นอะไรทั้งสิ้นจริงๆ เรารู้ว่าเพื่อนสาวกลัว เลยรีบบิดรถเพื่อจะไปที่ทางสามแพร่งให้ใว พอถึงกำลังจะเอาของแกะถวายจุดธูปเทียนให้ พวกเราพากันกลัวคิดไปต่างๆนาๆ กลัวว่ารถจะวิ่งแหกมาใส่ เลยตัดสินใจกลับ พากันบ่น ว่าถ้าอยากทานอาหารก็ขอให้ลูกเจอด้วยเถิด ช๊อคครั้งที่2 พวกเราพูดเสร็จปุ๊บ มีนกแสกบินข้ามหัวพวกเรา โฉบไปเลย พวกเราพากันกรี๊ดด้วยความตกใจ เพราะขับรถมาไกลขนาดนี้ ทำไมมันมีแค่ตัวเดียว และ ทำไมต้องเป็นตรงนี้ด้วย เราเลยตัดสินใจว่าข้างหน้านี้แหละ เราเลยหักรถเลี้ยวเลย เชื่อไหมว่า ไฟรถส่องไป เจอศาลไม้สีแดงอยู่สามหลัง คือมันเป็นอะไรที่แปลกมาก หาคำอธิบายไม่ถูก ช่วงจังหวะนั้น พากันกลัว ขนลุก เลยพากันรีบแกะถุงขนม ของหวาน จุดธูป มือสั่นไปหมด เข้าใจเลยว่าความกลัว มันเป็นอย่างไร อยากจะมาขอเตือนใว้ว่า อย่า ห่ามเหมือนพวกเราเลย ถ้าคิดจะทำบุญไปให้จริงๆ ไปใส่บาตร ทำสังฆทานที่วัดจะดีกว่า ฝากใว้ด้วยจร้า...
อะไรจะบังเอิญขนาดนี้