โค้ง100ศพและความเหลือเชื่อ

เรื่องจริง100% ไม่มีแต่ง  จขกท มีเพื่อนสาวที่สนิทกันมากคนหนึ่ง ชีทำงานเป็นสาวเสิรฟ์ ณ ผับแห่งหนึ่งในเมือง วันว่างของชี ชีจะชอบแวะเข้ามาหาเรา เพื่อไปแวนและอาหารเย็นคือหมูกะทะ ตบท้ายด้วยการตีป้อม ทุกๆสัปดาห์ วันหยุดที่ผ่านมา นางมาเล่าให้ฟังว่า ก่อนได้งานนี้นางพยายามจะหางานทำแต่ไม่มีงาน นางเลยเกิดอาการสติแตก+ความมั่นแบบสุดๆ ขี่มอไซค์ไปคนเดียวเรื่อยเปื่อย จากแถวบ้านที่นางอยู่(ศรีสองรักษ์) ผ่านตัวอำเภอเมือง ไปวังสะพุง เข้าไปทางภูหลวง(ทางที่ผ่านและเชื่อม ตัว จ.เลย กับ เพชรบูรณ์) ถ้าหากใครเคยผ่านจะรู้ว่าเปลี่ยวและน่ากลัวขนาดไหน(นางก็กล้าและทำไปได้เนาะ) อีกอย่างไปคนเดียวออกจากบ้านนาง ประมาณสองทุ่ม ไปผ่านที่โน่นและกลับมาบ้านนางตีสองกว่าๆ คิดดูแล้วกัน สติแตกขนาดไหน😆 วันที่นางมาหาเรานางก็เล่าให้เราฟังนี่แหละ เรากรี๊ดออกมาแบบไม่ทันคิดเลยว่า เธอช่างกล้าและบ้าบิ่นมาก บลาๆ จากนั้นนางก็ท้าและมาชวนเรา แต่เราขอปฏิเสธเพราะมันไกล เปลี่ยว และหลอนอ่ะ นางคิดตอนนั้นว่า อยากจะไปทำบุญบริจาคให้ผีไม่มีญาติสัมพเวสีอะไรประมาณนี้ แต่แล้วพวกเราก็ไม่ได้ทำ เนื่องจากเงินเดือนของนางยังไม่ออก และบวกกับความขี้เกียจของเราด้วย เมื่อพวกเรายังไม่ทำ สิ่งที่พิศวงและแปลกแบบหาข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้คือ จู่ๆไฟหน้ารถของนางก็ดับทั้งไฟต่ำและไฟสูงเปิดปิดไม่ติดเลย ทั้งๆที่เพิ่งเปลี่ยนมาได้5วันเอง(อะไรจะขนาดนั้น หรือ หลอดมันไม่ดีน่ะ55) หรือเป็นเพราะพวกเราพูดหรือท้าทาย ณ ตรงจุดนั้น(แต่เรามั่นใจว่าไม่เคยลบหลู่หรือท้าทายนะ) อ้อลืมบอกไป รถมอไซค์นางคือ เวฟ110นะ จากนั้น นางก็ถูกหวย เลข2ตัว นางเลยมาชวนเราให้พาเอาของไปถวายคืนที่จุดนั้น หากทุกคนลองไปหาข้อมูลในกูลเกิ้ลก็จะพบว่า โค้งจุดนั้น อันตรายและน่ากลัว หลอนมากๆขนาดไหน เพราะเมื่อหลายปีก่อนก็มีคุณ เจน ญาณทิพย์ จากรายการ คนอวดผีมาถ่ายทำรายการ ณ บริเวณนี้ ยิ่งเพิ่มความหลอนเข้าไปอีก มีการสร้างศาลพระภูมิ และ คอนโด(เราไม่แน่ใจในการเรียก ว่าสร้างบ้านให้ผีไม่มีญาติตรงจุดนั้น) ว่ากันว่าทั้งความเหี้ยน ความหลอน โค้งนี้ก็ติดอันดับกับเค้าเหมือนกัน พวกเราพากันออกจากบ้านตอนหกโมงและพากันไปเดินชิลๆ ซื้อเสื้อผ้ากระเป๋าและอาหารทั้งของคาว ขนมหวาน ที่ตลาดคลองถมในเมืองเพราะวันจันทร์ ซื้อเสร็จ ก็ออกเดินทางไที่โน่นเลย จำได้ว่าออกจากที่ตลาดคลองถมก็ทุ่มหนึ่งล่ะ มุ่งหน้าไป อ วังสะพุง และไปจอดพักริมศาลาที่นั่นเพื่อทานข้าวเย็นกัน ได้ลูกชิ้นมากินกัน ก็ทานกัน จากนั้นก๋เดินทางต่อไปตรงโค้ง100ศพเลย บรรยากาศข้างทาง ฝนตกปรอยๆ ถนนเปียกแชะขี่มอไซค์เร็วไม่ได้กลัวลื่นและล้ม และได้พากันบอกว่า ขอให้เปิดทางให้พวกหนูด้วย แล้วก็ไม่น่าเชื่อว่าฝนที่ กำลังจะตกกลับหยุด(แล้วแต่วิจารณญานในความเชื่อ) ขี่ผ่านไปมีแต่เสียงอึ่งกบร้องตามทุ่งนา สวนทางกับรถยนต์ รถมอไซค์คนแถวนั้นไปกรีดยาง ไปหากบเขียดบ้างก็มี ทางมืดสนิทไม่มีไฟถนนส่องสว่างเลย อันตรายสุดๆ หากยางรั่ว น้ำมันหมด END GAME เลยนะจ๊ะ ขนาดรถยนต์ยัง สวนชั่วโมงละไม่ถึงสองคันเลย ขับไปเรื่อยๆ จำได้ว่าผ่าน บ้านเลยวังไสย์ ต่อไปอีกหลายโค้ง จนถึงทาง 3แยก อ.น้ำหนาว หล่มเก่า เพชรบูรณ์ ด่านซ้าย เราเลย ตัดสินใจเลี้ยวขวา และพูดกับนางว่า เอ๊ะ นี่ มันออกจาก อำเภอของจังหวัดเรามาแล้วนะ น่าจะเลยไปแล้วนี่หนา พร้อมกับพากันหาข้อมูลเปิดจีพีเอสแต่ก็ทำไม่เป็นกัน จนเราขี่ไปถึง สถานีตำรวจอะไรสักอย่างนี่แหละจำชื่อไม่ได้ของเพชรบูรณ์ คือที่ ตรงนั้นจะเป็นจุดพักรถ พวกเราเลยพากันเลี้ยวกลับคืน พอขี่มากำลังจะเลี้ยวซ้ายเข้าสู่จุด3แยก น้ำหนาว ภูหลวง วังสะพุง ตรงนั้น นางเอ่ยว่า อุตส่าห์พวกหนูเอาของมาถวายแล้วก็ให้พวกหนูเห็นสถานที่ด้วยเถอะ กลิ่นเหม็นคาวสาบแบบแปลกเตะจมูกนางตลอด นางกลัวเลยขยับเข้ามากอดเราแน่นเลยบอกว่า เธอๆได้กลิ่นอะไรมั๊ย เราสาบานเลยว่า ไม่ได้กลิ่นอะไรทั้งสิ้นเลย และไม่ได้มโนด้วย จากนั้นในเมื่อหาไม่เจอ เราเลยบอกว่า เอาตามที่เธอเชื่อที่เธออยากจะทำแล้วกัน คือ จะเอาของกับข้าวขนมและเทียนเอาไปไว้ตรงทาง3แพร่งที่จะแยกไป อำเภอต่างๆตรงนั้น แต่ก็มีอะไรมาดลใจอีกว่า กลัวรถจะวิ่งเขามาเฉี่ยว และต่างๆมากมาย นางเลยตัดสินใจไม่ถวายตรงนั้น แล้วนางก็พูดและบ่นกับเราอีกว่า ขอให้พวกหนูเจอซะที มันดึกแล้วอันตราย สักพักเราขี่ไป เกิดมีนกแสก หรือนกเค้าแมวนี่แหละบินโฉบหัวพวกเราเลย นางก็เกือบกรี๊ด ตกใจกัน เราบอกห้ามไปทักนะเทอ ใจเย็นๆ เพราะนางกลัว ใจเสียตั้งแต่ได้กลิ่นแล้ว เราเลยตัดสินใจว่าตรงข้างหน้าเรานี่แหละ พอเลี้ยวซ้ายลงข้างทางปุ๊บ ปรากฏว่าเป็นศาลไม้สีแดง คู่กันอยู่ รอบๆหญ้าขึ้นสูงถึงหัวเข่า บรรยากาศเงียบมือวังเวง เราก็ไม่รีรอรีบพากันแกะห่อหมก ขนมหวาน จุดธูปคนละดอก แผ่เมตตาให้ นางยังมีซีนหวาดเสียวเล็กๆ อยากถ่ายรูป แต่แปลกมากๆ กดจะเข้าเมนูกล้องเท่าไหร่มันก็ไม่ได้ ณ ตรงจุดนั้นเสี้ยวเวลานั้น อยู่กัน2สองสาว คงไม่มีอารมณ์มาอ้อยอิ่งพยายามจะถ่ายจะไลฟ์สดนะ ขนาดไฟส่องยังต้องใช้ไฟรถมอไซค์กันเลย ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ก็รีบพากันกลับ เป็นอันว่าเสร็จสิ้นภารกิจ กว่าจะขี่ลงมาถึง อ วังสะพุง ได้ปาไปเที่ยงคืนกว่าแล้ว พากันมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวข้างศาลเจ้า ร้านป้า อร่อยมากๆๆ เล่าให้ป้าฟัง ป้าช๊อคมากๆ ว่าอันตรายกลางคืนทำไมกล้าไปกัน ป้าก็เล่าให้ฟังว่า ขนาดกู้ภัยแถวนี้ไปตรงจุดโค้ง100ศพ ยังเจอเลย เค้าบอกว่ามีคนยืนกวักมือเรียกอยากไปด้วย ทั้งๆทืพี่พวกนั้นก็เอาศพตรงจุดบริเวรนั้นมาส่งที่ รพ.วังสะพุง พี่ๆกู้ภัยเห็นกันหมด4คนเลย เรื่องนี้ก็แล้วแต่วิจารณญาณนะ เราไม่แนะนำให้คนที่อยากจะลองของไปสถานที่นี้นะ แต่สิ่งที่พวกเราไปคือไปทำตามคำสัญญาที่ขอไว้นะ ในเมื่อได้มาแล้วก็ต้องไปแก้ และเราก็ขอ อโหสิกรรมให้พวกท่านและเจ้าที่สัมพเวสีตรงนั้นด้วย วันหลังเราหวังว่า จะมีเรื่องหลอนๆ หวาดเสียวมาเล่าให้ฟังอีกนะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่