อย่าตัดสินคนที่หน้าตาภายนอก
สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็น...
“มาติดต่อเรื่องอะไรครับ” พนักงานร้อยเวรถามทันทีเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาภายในโรงพัก
พลอยยิ้มให้เจ้าหน้าที่พนักงาน ก่อนจะชูกระดาษใบชำระค่าปรับให้พนักงานดู เมื่อวานเธอโดนปรับข้อหาไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ หลังกลับมาจากดูหนังที่ห้างสรรพสินค้ากับเพื่อน ๆ วันนี้เธอมาชำระค่าปรับที่โรงพักคนเดียว เพื่อน ๆ ไม่ว่างพามาสักคน เธอกะว่าจะรีบทำรีบเสร็จและรีบกลับทันที
“อ่อ...งั้นเชิญด้านนี้เลยครับ” พนักงานร้อยเวรให้การต้อนรับบริการอย่างสุภาพ ระหว่างรอเธอได้ยินเสียงคนพูดคุยกันในห้อง ๆ หนึ่ง ไม่ได้น่าแปลกคงเป็นห้องทำงานของตำรวจชั้นผู้ใหญ่นั่นแหละ มีช่องสี่เหลี่ยมเป็นกระจกขนาดเล็ก พอให้มองเห็นคนข้างในได้ พลอยแอบชำเลืองมองดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นไปตามประสา ระหว่างที่รอคิวเธอนั่งที่เก้าอี้รองรับของทางโรงพักจัดไว้ให้ มันถูกดัดติดกันเป็นแถวยาว แถวล่ะห้าตัว เสียงพูดคุยของคนมาทำธุระที่นี่เสียงดังพอประมาณ ไม่น่ารำคาญมากเท่าไหร่
มีผู้ชายคนหนึ่งทรงผมสกินเฮด สวมเสื้อกั๊กสีดำทับเสื้อโปโลสีขาว มีรูปธงชาติสี่เหลี่ยมขนาดเล็กปักอยู่หน้าอก กางเกงสแล็ครองเท้าหนังสีดำขัดมันเงาวับ เดินไปเดินมาภายในโรงพักแห่งนี้ ถึงจะแต่งตัวนอกเครื่องแบบ ดูอย่างไรก็รู้ว่าเป็นตำรวจแน่นอน และต้องมีตำแหน่งยศใหญ่ด้วย เธอเห็นตำรวจบางนายในโรงพักแห่งนี้ โค้งหัวให้อย่างน้อบน้อม
พลอยมองตำรวจท่านนี้แบบคนแปลกใจ เธอครุ่นคิดขมวดคิ้วเข้าหากัน หน้าตาคุ้น ๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน นึกอย่างไรเธอก็นึกไม่ออกสักที มันติดที่ปลายจมูก ชายคนนี้มีรูปร่างหน้าตาคุ้นมาก เธอต้องเคยเจอกันกับเขามาก่อนแน่นอน แค่จำไม่ได้ว่าเคยเจอที่ไหนเท่านั้นเอง พลอยแอบมองตามตำรวจท่านนี้อยู่ห่าง ๆ พยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
พลอยนั่งครุ่นคิดคนเดียวระหว่างที่รอคิว เพราะมีประชาชนมาใช้บริการอยู่มาก ณ ที่แห่งนี้ ตำรวจคนนี้เดินเข้าเดินออก เดินวกไปวนมาอยู่หลายรอบ สั่งงานลูกน้องไปเรื่อย เธอก็แอบมองเขา มันห้ามใจไม่ให้แอบมองไม่ได้เพราะคุ้นตามาก เธอต้องเคยเจอ ต้องเคยเจอที่ไหนสักแห่ง เหมือนตำรวจท่านนี้จะรู้ตัวว่ากำลังถูกเธอแอบมอง มีช่วงจังหวะที่เขาหันมาปะทะเข้ากับสายตาของเธอเข้าพอดี พลอยต้องรีบละสายตาหนีไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว ตำรวจท่านนี้ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ไปถึงเกือบจะหัวเราะออกมาเลยทีเดียว หันหลังเดินเข้าไปในห้องนั้นแล้วไม่กลับออกมาอีกเลย ส่วนเธอก็ครุ่นคิดต่อไปใครกันหน้าคุ้น ๆ
หลังจากนั้นไม่นานประตูห้องก็ถูกเปิดออก พร้อมชายคนบ้าคนนั้นเดินออกมาจากในห้อง เป็นคนที่เธอเห็นเมื่อคืน คน ๆ เดียวกันเป๊ะเลย เธอจำเขาได้แม่นจะพูดว่าจำไม่ลืมก็ยังได้ ชายคนนี้ผมหยิกงอฟูรุงรังยาวประบ่าสีขาวปนดำ ใช้สีเมจิกเขียนคิ้วใหญ่หนาเหมือนยักษ์ในละครจักร ๆ วงศ์ ๆ ทาตาสีฟ้า ทาแก้มสีแดงแปร๊ด ทาปากสีแดงระเรื่อ ใส่เสื้อกล้ามเก่า ๆ ขาด ๆ พร้อมถุงย่ามที่ทำจากถุงปุ๋ย เมื่อก่อนมันคงเป็นสีขาว ตอนนี้เป็นสีอะไรก็ไม่รู้ ใส่กางเกงเหมือนโจงกระเบนสีขาวขุ่นเก่า ๆ ขาดและเปื้อน ต้นแขนมีรอยสัก ที่สำคัญเดินออกมาจากในห้องนั้น ห้องที่ตำรวจคนเมื่อครู่เดินเข้าไปแล้วหายไปเลย หลังจากนั้นก็มีตำรวจสองสามนายเดินตามหลังออกมา ไม่เห็นก็แต่คนที่เธอสงสัย เมื่อครู่นี้ยังเดินเข้าไปในห้องแล้วตอนนี้หายไปไหนเสียแล้ว ยิ่งทำให้พลอยงงเข้าไปใหญ่
เธอข้องใจมาก ผีบ้า! ไอ้ผีบ้าเมื่อคืนมันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน ตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนไหน! แต่ทว่าชายคนนี้ไม่ได้มีท่าทางบ้าสติไม่ดีเหมือนเช่นเมื่อคืนสักนิด เดินออกมาเหมือนคนปกติธรรมดา พูดคุยกับตำรวจที่เดินตามหลังออกมาอย่างคนรู้เรื่องรู้ความ และแล้วนาทีนั้นเธอก็นึกจำขึ้นมาได้! ชายคนบ้าคนนี้เป็นคน ๆ เดียวกันกับตำรวจคนเมื่อสักครู่ ที่เดินออกมาสั่งงานลูกน้อง พลอยตาค้าง อ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เป็นไปไม่ได้คนบ้าเมื่อคืนนี้จะมาเป็นตำรวจได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้ เธอไม่เชื่อ พลอยคุยกับตัวเองคนเดียวในใจ
เหมือนชายคนบ้าเขาจะรู้ว่าเธอรู้ความจริง และกำลังตกใจอึ้งกับภาพที่เห็นขณะนี้ เหมือนเขาจำเธอได้เช่นกัน เขายิ้มหน้าระรื่นไม่สนใจว่าเธอจะรู้ความจริงแล้วก็ตาม ผิวปากเป็นทำนองเพลงเบา ๆ ยิ้มเดินผ่านหน้าเธอออกไปอย่างลอยหน้าลอยตา พร้อมพูดเบา ๆ ให้เธอได้ยินอีกด้วยว่า
“ไปหาสืบข่าวดีกว่า”!
พนักงานร้อยเวรกลั้นหัวเราะ อมยิ้มให้กับเธอ มองหน้าเธอแล้วยิ้มให้ เป็นสัญลักษณ์บอกนัย ๆ ว่าใช่แล้ว ชายคนบ้าคนนี้เป็นตำรวจ และรู้ว่าเธอกำลังอึ้งกับภาพที่เห็น กับความจริงที่ได้รู้ในวันนี้
“พี่ตำรวจ ผีบ้า เอ้ย! เค้าเป็นผีบ้า เอ้ย! เค้าเป็นตำรวจเหรอ” พลอยยังไม่เชื่อสายตาตัวเอง ถามร้อยเวรออกไปอย่างคนลืมตัว
“ใช่แล้วน้อง นั่นน่ะท่านสารวัตรผดุงเกียร์ติ ผดุงธรรมเอง” ร้อยเวรยิ้มให้เธอพร้อมตอบข้อสงสัยของเธออย่างกระจ่างแจ้ง “น้องเจอสารวัตรบ่อยเหรอ เจอที่ไหนบ้างล่ะ”
“บ่อยมากเลยพี่! เห็นเดินตามข้างทางบ้าง คุ้ยถังขยะบ้าง ล่าสุดเจอที่ร้านนมปั่นหน้ามหาลัย ” พลอยพูดไปหัวเราะแสดงท่าทางไปด้วยความลืมตัว ยังจำภาพคนบ้าเมื่อคืนไม่ลืม นึกไปถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ที่ร้านนมปั่น เธอโดนผีบ้าคนนี้ ไม่ใช่สิสารวัตรท่านนี้แกล้งเอาเกือบร้องไห้ด้วยความกลัว แล้วนึกไปถึงลูกค้าคนอื่น ๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อคืน จะรู้บ้างมั้ยว่าไอ้บ้าคนนั้นเขาคือสารวัตรตำรวจในวันนี้
...
ณ ร้านชานมปั่นขนมปังปิ้งแห่งหนึ่ง แถวหน้ามหาลัยวิทยาดังทางภาคอีสาน หนึ่งทุ่มกว่า ๆ พลอยกับเพื่อน นัดกันมานั่งชิว ผ่อนคลายอารมณ์ความเครียดไปกับรสชาติของนมปั่น ที่แสนอร่อยละมุนลิ้น กับขนมปังปิ้งที่แสนหอมหวาน เข้ากันกับนมปั่นอย่างเหลือเชื่อ นอกจากนั้นยังมีเสียงเพลงโฟล์คซอง ที่เล่นสดจากนักร้องอีกด้วย ถึงจะโนเนมแต่พวกเขาก็เล่นได้น่าฟังมาก ปังเย็นนมสดเป็นเมนูที่เธอสั่งมารับประทาน
พวกเธอมากันทั้งหมดสี่คน เลือกนั่งโต๊ะด้านในสุดตรงใต้ต้นจามจุรีขนาดต้นใหญ่มาก มันแผ่กิ่งก้านสาขาไปเป็นบริเวณกว้าง เจ้าของร้านประดับตกแต่งติดด้วยหลอดไฟหลากสีสวยงาม ถัดออกไปเป็นซุ้มที่เจ้าของร้านทำขึ้น เพื่อรองรับลูกค้า นอกเหนือไปจากใต้ต้นจามจุรีนี้ แล้วแต่ใครจะชอบนั่งส่วนไหนของร้าน ถัดไปด้านหน้าเป็นเวทีให้นักร้องนั่งเล่นดนตรี ลูกค้านั่งโต๊ะใครโต๊ะมัน แต่ละโต๊ะระยะห่างกันพอประมาณ ไม่ใกล้หรือติดกันมากเกินไป เสียงพูดคุยสนทนาดังระงมไปทั่วทั้งร้าน แต่ทว่าก็ไม่มีใครรำคาญ พูดคุยกลุ่มใครกลุ่มมัน แข่งกับเสียงเพลงของนักร้อง ถึงอย่างไรก็ถือว่าไม่น่ารำคาญมาก ยังคงความไพเราะของเสียงเพลง และบรรยากาศของร้านเหมือนเดิม
พลอยกับเพื่อน ๆ เคลิบเคลิ้มไปกับเสียงเพลง ทานนมปั่นกับขนมปังไปด้วย หลังเรียนมาเหน็ดเหนื่อยทั้งวัน ๆ นี้เป็นวันสุดสัปดาห์ พวกเธอจึงพากันมาผ่อนคลายสมอง โดยเลือกร้านนมปั่นแทนที่จะเป็นร้านเหล้าเหมือนเพื่อนกลุ่มอื่น
ทันใดนั้น ทุกคนในร้านต้องแตกตื่นไปกับชายคนหนึ่งที่คุ้นตา แต่งตัวมอซอ เสื้อกล้ามขาด ๆ ผมหยิกฟูอย่างกับเส้นมาม่า ทาตาสีฟ้าแดงผสมกันไปหมด ทาปากสีแดง แก้มแดง เขียนคิ้วใหญ่หนาเหมือนยักษ์ สะพายย่ามเดินมา พลอยจำได้ เธอจำชายคนนี้ได้คุ้นตา เคยเห็นมาตั้งแต่เรียนปีหนึ่งจนตอนนี้เรียนปีสี่เทอมสุดท้ายแล้ว เขาไม่มีพิษมีภัยกับใคร แต่ก็ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ ด้วยความสกปรก ด้วยความมีกลิ่นตัวเหม็น ด้วยความที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนบ้าสติไม่ดีนั่นเอง
ทุกคนในร้านต่างแตกตื่นกันถ้วนหน้า คนที่ถูกชายคนบ้าคนนี้เดินเฉียดเข้าใกล้ ก็จะตกใจมากกว่าคนอื่น เบี่ยงตัวหนีกันแทบไม่ทัน เพราะรังเกียจ ใครกันจะอยากให้คนบ้าเข้าใกล้ ทุกคนในร้านฮือฮา หัวเราะไปกับท่าทางของเขา เจ้าของร้านก็ไม่ยอมไล่ออกไปสักที พนักงานเสิร์ฟยืนมองและก็หัวเราะเฉย ๆ เขาไม่มีอันตรายกับใครก็จริง แต่เขาก็ไม่ควรมาเดินเล่นในที่แบบนี้ พลอยมองตามด้วยความหวาดระแวง กลัวชายคนบ้ามันจะเดินย่างกรายเข้ามาใกล้ตน และแล้วยิ่งกลัวก็ยิ่งเจอ ชายคนบ้าคนนี้มันเดินมาทางโต๊ะของพวกเธอ เดินมายังกลุ่มของพวกเธอนั่งอยู่
“แฮ่! ฉวยนะ... ฉวยนะเรา ฉวย... แฮ่ ๆ “ ชายคนบ้ายิ้มยิงฟันเห็นฟันเหลือง ยื่นมือมาสะกิดหัวไหล่ของเธอ พลอยตกใจร้องลั่นร้าน เพื่อนทั้งขำหัวเราะเธอทั้งพยายามปกป้องเธอจากชายคนบ้านี้ โต๊ะข้าง ๆ กันรีบลุกขึ้นยืน เพื่อเตรียมตัววิ่งหนีเมื่อเขาเข้ามาใกล้ ๆ
“ว๊าย! ออกไปอย่าเข้ามาใกล้ชั้น!” พลอยเอียงตัวหนีชายคนบ้ารายนี้ ขณะเดินผ่านตัวเธอไป แต่มันดันยื่นแขนมาสะกิดไหล่เธอเสียนี่ แถมยังหัวเราะพูดนู่นพูดนี่ตามความสติไม่ดีของตนเองอีก พลอยแทบจะร้องไห้กลัวก็กลัว ตกใจก็ตกใจ อายก็อาย เธอรู้เธอเข้าใจว่าคนบ้าคนนี้ไม่อันตราย แต่ทำไมต้องมาแซวเธอด้วย ทำไมต้องเลือกเธอด้วย คนอื่นมีตั้งเยอะแยะไม่สะกิดดันมาสะกิดเธอ
“ไอ้บ้าเอ้ย! ไอ้.. “ พลอยพูดคำหยาบคายใส่เขา และลุกจากเก้าอี้ไปหลบหลังเพื่อน ทุกคนต่างกลัวกันหมด
“ไม่ต้องกลัวน้อง! ไม่ต้องกลัว “ เจ้าของร้านเห็นท่าไม่ดีจึงเดินมาหาพวกเธอที่โต๊ะ หน้าตาไม่ได้ซีเรียสออกไปทางขำด้วยซ้ำ “เฮ้ย! ออกไปได้แล้ว มากวนคนอื่นเค้า ไปไหนก็ไป! ถ้ายังไม่ไปเดี๋ยวจะโดน” เจ้าของร้านขู่และชี้หน้าชายคนบ้า ผลักเขาให้ออกจากร้านไป ชายคนบ้าถอยไปตามแรงผลัก ดีที่ไม่เกิดการทะเลาะวิวาทกันขึ้น
“ฉวยนะ แฮ่ ๆ มีแต่คนฉวย ๆ เต็มร้านเลย” ชายคนบ้าพูดไปยิ้มไปชี้นิ้วไปทั่ว เขาโดนเจ้าของร้านผลักออกมายืนนอกบริเวณร้านตรงริมถนน แต่ว่าเขาก็ยังไม่ยอมไปไหนยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนเดิม
“ไม่ต้องเลย! ไปไหนก็ไป! จะไปไม่ไป” เจ้าของร้านขู่อีกรอบ ทำหน้าดุขึงขังใส่
“รู้ป่าวว่าเค้าเป็นใคร” พูดพร้อมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ยิ้มแฉ่ง อวดฟันให้พวกเธอและลูกค้าทุกคนในร้านดู เสียงหัวเราะดังไม่ขาดสาย ถือเป็นเรื่องตลกไป มีเธอคนเดียวที่รู้สึกไม่ตลกด้วย จากเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้ ใครล่ะจะไปตลกลง
“ไม่รู้หรอก... ออกไปเลย!”
เจ้าของร้านไล่ชายคนบ้าออกจากร้านได้สำเร็จ เขายอมเดินไปจากร้านนมปั่นโดยดี เดินไปไหนไม่มีใครรู้ เหตุการณ์กลับมาสงบปกติอีกครั้ง แต่ว่าเธอไม่สนุกด้วยแล้ว เมื่อสักครู่นี้กลัวแทบขาดใจ นึกภาพมือของคนบ้ามาสัมผัสตัวเธอแล้วสยองไม่หาย พลอยทำท่าทางสั่นขนลุกขนพอง
พลอยนั่งนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ที่เก้าอี้รอชำระค่าปรับ ชายคนบ้าที่แกล้งเธอเป็นคน ๆ เดียวกันกับคนที่อยู่โรงพักตอนนี้เวลานี้ เป็นตำรวจแถมยังเป็นสารวัตรอีก ยศไม่ธรรมดาเสียด้วย เธอหัวเราะออกมาอย่างคนไม่เชื่อทั้งที่มันเป็นความจริง หัวเราะด้วยความชอบใจ สะใจที่โดนหลอกมาตั้งสี่ปี ชายคนบ้าผู้ที่เธอเห็นเป็นประจำทุกวัน
“คนอื่น ๆ ที่เขารู้ความจริงเขาก็อึ้ง ทึ้ง งึดเหมือนน้องกันทั้งน้าน” ร้อยเวรพูดด้วยท่าทางอารมณ์ดี พลอยเสร็จธุระแล้วก็กลับไป นำเรื่องราวที่พบเจอวันนี้ไปเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง ทุกคนไม่มีใครเชื่อแม้แต่น้อย
“ไอ้พลอยแกก็พูดไป”
“ถ้าแกไม่เชื่อฉันจะพาแกไปดูให้เห็นกับตาที่โรงพัก”
แม้ความลับนี้จะแพร่งพรายออกไปจากปากของเธอ เหล่าประชาชนบางส่วน และนักศึกษาคนอื่น ๆ ที่เข้ามาศึกษาในจังหวัดแห่งนี้ ก็ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้ว ชายคนบ้าที่เห็นเดินถือรองเท้าตามถนน สะพายถุงย่าม แต่งหน้าเหมือนตัวตลกหาคุ้ยขยะเป็นใคร พลอยเองตั้งแต่เข้ามาเป็นนักศึกษาของมหาลัยแห่งนี้ อยู่จังหวัดนี้เกือบสีปี ก็พึ่งมารู้เอาวันที่จะจบการศึกษาออกไปนี่แหละ
จบ...
เรื่องสั้น “คนบ้า”
สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็น...
“มาติดต่อเรื่องอะไรครับ” พนักงานร้อยเวรถามทันทีเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาภายในโรงพัก
พลอยยิ้มให้เจ้าหน้าที่พนักงาน ก่อนจะชูกระดาษใบชำระค่าปรับให้พนักงานดู เมื่อวานเธอโดนปรับข้อหาไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ หลังกลับมาจากดูหนังที่ห้างสรรพสินค้ากับเพื่อน ๆ วันนี้เธอมาชำระค่าปรับที่โรงพักคนเดียว เพื่อน ๆ ไม่ว่างพามาสักคน เธอกะว่าจะรีบทำรีบเสร็จและรีบกลับทันที
“อ่อ...งั้นเชิญด้านนี้เลยครับ” พนักงานร้อยเวรให้การต้อนรับบริการอย่างสุภาพ ระหว่างรอเธอได้ยินเสียงคนพูดคุยกันในห้อง ๆ หนึ่ง ไม่ได้น่าแปลกคงเป็นห้องทำงานของตำรวจชั้นผู้ใหญ่นั่นแหละ มีช่องสี่เหลี่ยมเป็นกระจกขนาดเล็ก พอให้มองเห็นคนข้างในได้ พลอยแอบชำเลืองมองดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นไปตามประสา ระหว่างที่รอคิวเธอนั่งที่เก้าอี้รองรับของทางโรงพักจัดไว้ให้ มันถูกดัดติดกันเป็นแถวยาว แถวล่ะห้าตัว เสียงพูดคุยของคนมาทำธุระที่นี่เสียงดังพอประมาณ ไม่น่ารำคาญมากเท่าไหร่
มีผู้ชายคนหนึ่งทรงผมสกินเฮด สวมเสื้อกั๊กสีดำทับเสื้อโปโลสีขาว มีรูปธงชาติสี่เหลี่ยมขนาดเล็กปักอยู่หน้าอก กางเกงสแล็ครองเท้าหนังสีดำขัดมันเงาวับ เดินไปเดินมาภายในโรงพักแห่งนี้ ถึงจะแต่งตัวนอกเครื่องแบบ ดูอย่างไรก็รู้ว่าเป็นตำรวจแน่นอน และต้องมีตำแหน่งยศใหญ่ด้วย เธอเห็นตำรวจบางนายในโรงพักแห่งนี้ โค้งหัวให้อย่างน้อบน้อม
พลอยมองตำรวจท่านนี้แบบคนแปลกใจ เธอครุ่นคิดขมวดคิ้วเข้าหากัน หน้าตาคุ้น ๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน นึกอย่างไรเธอก็นึกไม่ออกสักที มันติดที่ปลายจมูก ชายคนนี้มีรูปร่างหน้าตาคุ้นมาก เธอต้องเคยเจอกันกับเขามาก่อนแน่นอน แค่จำไม่ได้ว่าเคยเจอที่ไหนเท่านั้นเอง พลอยแอบมองตามตำรวจท่านนี้อยู่ห่าง ๆ พยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
พลอยนั่งครุ่นคิดคนเดียวระหว่างที่รอคิว เพราะมีประชาชนมาใช้บริการอยู่มาก ณ ที่แห่งนี้ ตำรวจคนนี้เดินเข้าเดินออก เดินวกไปวนมาอยู่หลายรอบ สั่งงานลูกน้องไปเรื่อย เธอก็แอบมองเขา มันห้ามใจไม่ให้แอบมองไม่ได้เพราะคุ้นตามาก เธอต้องเคยเจอ ต้องเคยเจอที่ไหนสักแห่ง เหมือนตำรวจท่านนี้จะรู้ตัวว่ากำลังถูกเธอแอบมอง มีช่วงจังหวะที่เขาหันมาปะทะเข้ากับสายตาของเธอเข้าพอดี พลอยต้องรีบละสายตาหนีไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว ตำรวจท่านนี้ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ไปถึงเกือบจะหัวเราะออกมาเลยทีเดียว หันหลังเดินเข้าไปในห้องนั้นแล้วไม่กลับออกมาอีกเลย ส่วนเธอก็ครุ่นคิดต่อไปใครกันหน้าคุ้น ๆ
หลังจากนั้นไม่นานประตูห้องก็ถูกเปิดออก พร้อมชายคนบ้าคนนั้นเดินออกมาจากในห้อง เป็นคนที่เธอเห็นเมื่อคืน คน ๆ เดียวกันเป๊ะเลย เธอจำเขาได้แม่นจะพูดว่าจำไม่ลืมก็ยังได้ ชายคนนี้ผมหยิกงอฟูรุงรังยาวประบ่าสีขาวปนดำ ใช้สีเมจิกเขียนคิ้วใหญ่หนาเหมือนยักษ์ในละครจักร ๆ วงศ์ ๆ ทาตาสีฟ้า ทาแก้มสีแดงแปร๊ด ทาปากสีแดงระเรื่อ ใส่เสื้อกล้ามเก่า ๆ ขาด ๆ พร้อมถุงย่ามที่ทำจากถุงปุ๋ย เมื่อก่อนมันคงเป็นสีขาว ตอนนี้เป็นสีอะไรก็ไม่รู้ ใส่กางเกงเหมือนโจงกระเบนสีขาวขุ่นเก่า ๆ ขาดและเปื้อน ต้นแขนมีรอยสัก ที่สำคัญเดินออกมาจากในห้องนั้น ห้องที่ตำรวจคนเมื่อครู่เดินเข้าไปแล้วหายไปเลย หลังจากนั้นก็มีตำรวจสองสามนายเดินตามหลังออกมา ไม่เห็นก็แต่คนที่เธอสงสัย เมื่อครู่นี้ยังเดินเข้าไปในห้องแล้วตอนนี้หายไปไหนเสียแล้ว ยิ่งทำให้พลอยงงเข้าไปใหญ่
เธอข้องใจมาก ผีบ้า! ไอ้ผีบ้าเมื่อคืนมันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน ตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนไหน! แต่ทว่าชายคนนี้ไม่ได้มีท่าทางบ้าสติไม่ดีเหมือนเช่นเมื่อคืนสักนิด เดินออกมาเหมือนคนปกติธรรมดา พูดคุยกับตำรวจที่เดินตามหลังออกมาอย่างคนรู้เรื่องรู้ความ และแล้วนาทีนั้นเธอก็นึกจำขึ้นมาได้! ชายคนบ้าคนนี้เป็นคน ๆ เดียวกันกับตำรวจคนเมื่อสักครู่ ที่เดินออกมาสั่งงานลูกน้อง พลอยตาค้าง อ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เป็นไปไม่ได้คนบ้าเมื่อคืนนี้จะมาเป็นตำรวจได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้ เธอไม่เชื่อ พลอยคุยกับตัวเองคนเดียวในใจ
เหมือนชายคนบ้าเขาจะรู้ว่าเธอรู้ความจริง และกำลังตกใจอึ้งกับภาพที่เห็นขณะนี้ เหมือนเขาจำเธอได้เช่นกัน เขายิ้มหน้าระรื่นไม่สนใจว่าเธอจะรู้ความจริงแล้วก็ตาม ผิวปากเป็นทำนองเพลงเบา ๆ ยิ้มเดินผ่านหน้าเธอออกไปอย่างลอยหน้าลอยตา พร้อมพูดเบา ๆ ให้เธอได้ยินอีกด้วยว่า
“ไปหาสืบข่าวดีกว่า”!
พนักงานร้อยเวรกลั้นหัวเราะ อมยิ้มให้กับเธอ มองหน้าเธอแล้วยิ้มให้ เป็นสัญลักษณ์บอกนัย ๆ ว่าใช่แล้ว ชายคนบ้าคนนี้เป็นตำรวจ และรู้ว่าเธอกำลังอึ้งกับภาพที่เห็น กับความจริงที่ได้รู้ในวันนี้
“พี่ตำรวจ ผีบ้า เอ้ย! เค้าเป็นผีบ้า เอ้ย! เค้าเป็นตำรวจเหรอ” พลอยยังไม่เชื่อสายตาตัวเอง ถามร้อยเวรออกไปอย่างคนลืมตัว
“ใช่แล้วน้อง นั่นน่ะท่านสารวัตรผดุงเกียร์ติ ผดุงธรรมเอง” ร้อยเวรยิ้มให้เธอพร้อมตอบข้อสงสัยของเธออย่างกระจ่างแจ้ง “น้องเจอสารวัตรบ่อยเหรอ เจอที่ไหนบ้างล่ะ”
“บ่อยมากเลยพี่! เห็นเดินตามข้างทางบ้าง คุ้ยถังขยะบ้าง ล่าสุดเจอที่ร้านนมปั่นหน้ามหาลัย ” พลอยพูดไปหัวเราะแสดงท่าทางไปด้วยความลืมตัว ยังจำภาพคนบ้าเมื่อคืนไม่ลืม นึกไปถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ที่ร้านนมปั่น เธอโดนผีบ้าคนนี้ ไม่ใช่สิสารวัตรท่านนี้แกล้งเอาเกือบร้องไห้ด้วยความกลัว แล้วนึกไปถึงลูกค้าคนอื่น ๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อคืน จะรู้บ้างมั้ยว่าไอ้บ้าคนนั้นเขาคือสารวัตรตำรวจในวันนี้
...
ณ ร้านชานมปั่นขนมปังปิ้งแห่งหนึ่ง แถวหน้ามหาลัยวิทยาดังทางภาคอีสาน หนึ่งทุ่มกว่า ๆ พลอยกับเพื่อน นัดกันมานั่งชิว ผ่อนคลายอารมณ์ความเครียดไปกับรสชาติของนมปั่น ที่แสนอร่อยละมุนลิ้น กับขนมปังปิ้งที่แสนหอมหวาน เข้ากันกับนมปั่นอย่างเหลือเชื่อ นอกจากนั้นยังมีเสียงเพลงโฟล์คซอง ที่เล่นสดจากนักร้องอีกด้วย ถึงจะโนเนมแต่พวกเขาก็เล่นได้น่าฟังมาก ปังเย็นนมสดเป็นเมนูที่เธอสั่งมารับประทาน
พวกเธอมากันทั้งหมดสี่คน เลือกนั่งโต๊ะด้านในสุดตรงใต้ต้นจามจุรีขนาดต้นใหญ่มาก มันแผ่กิ่งก้านสาขาไปเป็นบริเวณกว้าง เจ้าของร้านประดับตกแต่งติดด้วยหลอดไฟหลากสีสวยงาม ถัดออกไปเป็นซุ้มที่เจ้าของร้านทำขึ้น เพื่อรองรับลูกค้า นอกเหนือไปจากใต้ต้นจามจุรีนี้ แล้วแต่ใครจะชอบนั่งส่วนไหนของร้าน ถัดไปด้านหน้าเป็นเวทีให้นักร้องนั่งเล่นดนตรี ลูกค้านั่งโต๊ะใครโต๊ะมัน แต่ละโต๊ะระยะห่างกันพอประมาณ ไม่ใกล้หรือติดกันมากเกินไป เสียงพูดคุยสนทนาดังระงมไปทั่วทั้งร้าน แต่ทว่าก็ไม่มีใครรำคาญ พูดคุยกลุ่มใครกลุ่มมัน แข่งกับเสียงเพลงของนักร้อง ถึงอย่างไรก็ถือว่าไม่น่ารำคาญมาก ยังคงความไพเราะของเสียงเพลง และบรรยากาศของร้านเหมือนเดิม
พลอยกับเพื่อน ๆ เคลิบเคลิ้มไปกับเสียงเพลง ทานนมปั่นกับขนมปังไปด้วย หลังเรียนมาเหน็ดเหนื่อยทั้งวัน ๆ นี้เป็นวันสุดสัปดาห์ พวกเธอจึงพากันมาผ่อนคลายสมอง โดยเลือกร้านนมปั่นแทนที่จะเป็นร้านเหล้าเหมือนเพื่อนกลุ่มอื่น
ทันใดนั้น ทุกคนในร้านต้องแตกตื่นไปกับชายคนหนึ่งที่คุ้นตา แต่งตัวมอซอ เสื้อกล้ามขาด ๆ ผมหยิกฟูอย่างกับเส้นมาม่า ทาตาสีฟ้าแดงผสมกันไปหมด ทาปากสีแดง แก้มแดง เขียนคิ้วใหญ่หนาเหมือนยักษ์ สะพายย่ามเดินมา พลอยจำได้ เธอจำชายคนนี้ได้คุ้นตา เคยเห็นมาตั้งแต่เรียนปีหนึ่งจนตอนนี้เรียนปีสี่เทอมสุดท้ายแล้ว เขาไม่มีพิษมีภัยกับใคร แต่ก็ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ ด้วยความสกปรก ด้วยความมีกลิ่นตัวเหม็น ด้วยความที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนบ้าสติไม่ดีนั่นเอง
ทุกคนในร้านต่างแตกตื่นกันถ้วนหน้า คนที่ถูกชายคนบ้าคนนี้เดินเฉียดเข้าใกล้ ก็จะตกใจมากกว่าคนอื่น เบี่ยงตัวหนีกันแทบไม่ทัน เพราะรังเกียจ ใครกันจะอยากให้คนบ้าเข้าใกล้ ทุกคนในร้านฮือฮา หัวเราะไปกับท่าทางของเขา เจ้าของร้านก็ไม่ยอมไล่ออกไปสักที พนักงานเสิร์ฟยืนมองและก็หัวเราะเฉย ๆ เขาไม่มีอันตรายกับใครก็จริง แต่เขาก็ไม่ควรมาเดินเล่นในที่แบบนี้ พลอยมองตามด้วยความหวาดระแวง กลัวชายคนบ้ามันจะเดินย่างกรายเข้ามาใกล้ตน และแล้วยิ่งกลัวก็ยิ่งเจอ ชายคนบ้าคนนี้มันเดินมาทางโต๊ะของพวกเธอ เดินมายังกลุ่มของพวกเธอนั่งอยู่
“แฮ่! ฉวยนะ... ฉวยนะเรา ฉวย... แฮ่ ๆ “ ชายคนบ้ายิ้มยิงฟันเห็นฟันเหลือง ยื่นมือมาสะกิดหัวไหล่ของเธอ พลอยตกใจร้องลั่นร้าน เพื่อนทั้งขำหัวเราะเธอทั้งพยายามปกป้องเธอจากชายคนบ้านี้ โต๊ะข้าง ๆ กันรีบลุกขึ้นยืน เพื่อเตรียมตัววิ่งหนีเมื่อเขาเข้ามาใกล้ ๆ
“ว๊าย! ออกไปอย่าเข้ามาใกล้ชั้น!” พลอยเอียงตัวหนีชายคนบ้ารายนี้ ขณะเดินผ่านตัวเธอไป แต่มันดันยื่นแขนมาสะกิดไหล่เธอเสียนี่ แถมยังหัวเราะพูดนู่นพูดนี่ตามความสติไม่ดีของตนเองอีก พลอยแทบจะร้องไห้กลัวก็กลัว ตกใจก็ตกใจ อายก็อาย เธอรู้เธอเข้าใจว่าคนบ้าคนนี้ไม่อันตราย แต่ทำไมต้องมาแซวเธอด้วย ทำไมต้องเลือกเธอด้วย คนอื่นมีตั้งเยอะแยะไม่สะกิดดันมาสะกิดเธอ
“ไอ้บ้าเอ้ย! ไอ้.. “ พลอยพูดคำหยาบคายใส่เขา และลุกจากเก้าอี้ไปหลบหลังเพื่อน ทุกคนต่างกลัวกันหมด
“ไม่ต้องกลัวน้อง! ไม่ต้องกลัว “ เจ้าของร้านเห็นท่าไม่ดีจึงเดินมาหาพวกเธอที่โต๊ะ หน้าตาไม่ได้ซีเรียสออกไปทางขำด้วยซ้ำ “เฮ้ย! ออกไปได้แล้ว มากวนคนอื่นเค้า ไปไหนก็ไป! ถ้ายังไม่ไปเดี๋ยวจะโดน” เจ้าของร้านขู่และชี้หน้าชายคนบ้า ผลักเขาให้ออกจากร้านไป ชายคนบ้าถอยไปตามแรงผลัก ดีที่ไม่เกิดการทะเลาะวิวาทกันขึ้น
“ฉวยนะ แฮ่ ๆ มีแต่คนฉวย ๆ เต็มร้านเลย” ชายคนบ้าพูดไปยิ้มไปชี้นิ้วไปทั่ว เขาโดนเจ้าของร้านผลักออกมายืนนอกบริเวณร้านตรงริมถนน แต่ว่าเขาก็ยังไม่ยอมไปไหนยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนเดิม
“ไม่ต้องเลย! ไปไหนก็ไป! จะไปไม่ไป” เจ้าของร้านขู่อีกรอบ ทำหน้าดุขึงขังใส่
“รู้ป่าวว่าเค้าเป็นใคร” พูดพร้อมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ยิ้มแฉ่ง อวดฟันให้พวกเธอและลูกค้าทุกคนในร้านดู เสียงหัวเราะดังไม่ขาดสาย ถือเป็นเรื่องตลกไป มีเธอคนเดียวที่รู้สึกไม่ตลกด้วย จากเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้ ใครล่ะจะไปตลกลง
“ไม่รู้หรอก... ออกไปเลย!”
เจ้าของร้านไล่ชายคนบ้าออกจากร้านได้สำเร็จ เขายอมเดินไปจากร้านนมปั่นโดยดี เดินไปไหนไม่มีใครรู้ เหตุการณ์กลับมาสงบปกติอีกครั้ง แต่ว่าเธอไม่สนุกด้วยแล้ว เมื่อสักครู่นี้กลัวแทบขาดใจ นึกภาพมือของคนบ้ามาสัมผัสตัวเธอแล้วสยองไม่หาย พลอยทำท่าทางสั่นขนลุกขนพอง
พลอยนั่งนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ที่เก้าอี้รอชำระค่าปรับ ชายคนบ้าที่แกล้งเธอเป็นคน ๆ เดียวกันกับคนที่อยู่โรงพักตอนนี้เวลานี้ เป็นตำรวจแถมยังเป็นสารวัตรอีก ยศไม่ธรรมดาเสียด้วย เธอหัวเราะออกมาอย่างคนไม่เชื่อทั้งที่มันเป็นความจริง หัวเราะด้วยความชอบใจ สะใจที่โดนหลอกมาตั้งสี่ปี ชายคนบ้าผู้ที่เธอเห็นเป็นประจำทุกวัน
“คนอื่น ๆ ที่เขารู้ความจริงเขาก็อึ้ง ทึ้ง งึดเหมือนน้องกันทั้งน้าน” ร้อยเวรพูดด้วยท่าทางอารมณ์ดี พลอยเสร็จธุระแล้วก็กลับไป นำเรื่องราวที่พบเจอวันนี้ไปเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง ทุกคนไม่มีใครเชื่อแม้แต่น้อย
“ไอ้พลอยแกก็พูดไป”
“ถ้าแกไม่เชื่อฉันจะพาแกไปดูให้เห็นกับตาที่โรงพัก”
แม้ความลับนี้จะแพร่งพรายออกไปจากปากของเธอ เหล่าประชาชนบางส่วน และนักศึกษาคนอื่น ๆ ที่เข้ามาศึกษาในจังหวัดแห่งนี้ ก็ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้ว ชายคนบ้าที่เห็นเดินถือรองเท้าตามถนน สะพายถุงย่าม แต่งหน้าเหมือนตัวตลกหาคุ้ยขยะเป็นใคร พลอยเองตั้งแต่เข้ามาเป็นนักศึกษาของมหาลัยแห่งนี้ อยู่จังหวัดนี้เกือบสีปี ก็พึ่งมารู้เอาวันที่จะจบการศึกษาออกไปนี่แหละ
จบ...