สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
ผมใช้ all new mazda 3 fastback ตัวท็อป มา 9 เดือน ใช้ควบคู่กับ C250 W205
ก่อนหน้านี้เคยใช้ Mazda 2 2012 / E230 W210 / Toyota AE111 / Lancer E-car
รถที่บ้านที่เคยขับอยู่บ้างก็มี W203 / W204 / Lancer Cedia / Corolla หน้าหมู เคยขับแคมรี่ของที่ทำงาน
ถือว่ามาแชร์ประสบการณ์แล้วกันครับ
อยากได้รถที่หนึบช่วงล่างแน่น เกาะถนนดี แต่ก็ยอมรับว่าเค้าด้อยเรื่องเทคโนโลยีเครื่องยนต์และความประหยัดน้ำมันเพราะเป็นเครื่องเบนซินล้วน ไม่ได้เป็นไฮบริดแบบค่ายอื่นใน segment เดียวกัน
- ในรถ Segment เดียวกัน แบบเดิมๆ จากโรงงานด้วยกัน Mazda ได้ช่วงล่างแน่น เกาะถนนดี ถือว่ามาถูกทางแล้วครับ
- ความประหยัดน้ำมัน จริงๆ ก็ไม่ได้แย่ ถือว่าดีด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับรถสมัยก่อน แต่หากเอาไปเทียบกับรถไฮบริดก็ถือว่าเป็นข้อด้อยจริงๆ แหละครับ แต่ส่วนตัวผมคิดว่าไม่ได้มีนัยสำคัญเท่าไร เพราะมันก็คือต้นทุนส่วนหนึ่งในการใช้รถอยู่แล้ว
- ข้อเสียนิดๆ สำหรับผมคือ สปีดต้นมันไม่พุ่งเหมือนรถที่ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบ ต้องลากรอบช่วยมันหน่อยครับ หากจะให้เทียบกับเครื่องยนต์ไฮบริดผมยังไม่กล้าวิจารณ์เพราะเคยใช้แค่ตอนเช่าขับที่ญี่ปุ่น รถยนต์คนละรุ่นกัน สภาพแวดล้อมมันต่างกัน
1. ถ้าเทียบกับค่ายอื่นที่เป็นเครื่องยนต์ไฮบริดในsegmentเดียวกัน มาสด้าตัวนี้คุ้มที่จะซื้อไหมคะ หรือควรเล่นยี่ห้อที่เป็นไฮบริดมากกว่า เรากะใช้ค่อนข้างยาวค่ะ อาจจะเกิน 6-7 ปี
- ถ้ามองเป็นตัวเงิน ใช้เหตุผลนำ ต้องตอบว่าไม่คุ้มครับ ของที่คุ้มค่าที่สุดคือของที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานเท่าที่จำเป็นต้องใช้ ในต้นทุนโดยรวมที่ต่ำที่สุด ซึ่งมาสด้าแพงกว่าคู่แข่งครับ
- ถ้ามองในเชิงความรู้สึก ฟิลลิ่ง และ affordable ตรงนี้ก็แล้วแต่บุคคล อันนี้ก็ว่ากันไปครับ สำหรับผมคือคุ้ม สำหรับการได้ขับรถที่ชอบ ดีไซน์ดี การตกแต่งภายในดี วัสดุดี ช่วงล่างดีในระดับราคานี้ ถือว่าตอบโจทย์ 8-90% แล้วล่ะ จริงๆ ถ้าได้เครื่องยนต์เทอร์โบเหมือนซีวิค สำหรับผมถือว่าตัวนี้เป็นตัวจบในระดับราคานี้แล้วนะ แต่ด้วยเครื่องยนต์ปัจจุบันที่ไม่มีเทอร์โบแบบ skyactive G 2.0 ก็ต้องลากรอบต้องเค้นเอาหน่อย
2. ค่าบำรุงรักษา ค่าอะไหล่เป็นอย่างไรบ้างคะ (รีวิวมาว่าบริการหลังการขายสู้ค่ายอื่นไม่ได้555 อันนี้เค้าแก้ไขบ้างแล้วไหมคะ)
- ค่าอะไหล่ บางตัวแพงกว่า แต่บางตัวก็ถูกกว่ายี่ห้อคู่แข่ง แต่โดยรวมๆ ถือว่าแพงกว่ารถญี่ปุ่นในระดับเดียวกันจริงแหละครับ ส่วนหนึ่งก็เพราะอะไหล่บางตัวไม่แยกขาย เช่น บูชปีกนก ถ้าเปลี่ยนที่ศูนย์คือต้องเปลี่ยนยกปีกนกเลย ไม่มีเปลี่ยนเฉพาะบูช แต่อู่นอกมีเปลี่ยนเฉพาะบูชให้บริการนะครับ
- ค่าแรง เป็นอะไรที่คนบ่นกันมากที่สุด เพราะไปมุ่งเป้ากันที่ค่าแรงต่อชั่วโมงที่แพงกว่าที่อื่น อยู่ที่ 650-750 บาท/ชม. ดูเหมือนแพงกว่าเยอะก็จริง แต่ถ้าคิดค่าแรงเป็นงานๆ ก็ไม่ได้แพงกว่ามาก เพราะค่าแรงรวม = ค่าแรงต่อ ชม. x จำนวนชม. ทำงาน เท่าที่ใช้บริการมาศูนย์จะคำนวณเวลาที่ต้องใช้ในแต่ละงานไม่เยอะเท่าไร
- ช่างเก่ง ไม่เก่ง อันนี้คงแล้วแต่ศูนย์ แต่ที่เคยใช้บริการมา 2 ศูนย์ ไม่เคยเจอปัญหาช่างไม่เก่งนะครับ
- ตัวนี้ได้ประกันตัวรถ 5 ปี + คูปองค่าแรงฟรี 10 ระยะ ก็อาจจะพอช่วยเรื่องค่าซ่อมบำรุงได้บ้าง เพราะตัวก่อนหน้าได้แค่ประกัน 3 ปี คูปองค่าแรงฟรี 3 ระยะ
สรุปคือ โดยรวมๆ ก็แพงกว่ารถญี่ปุ่นค่ายตลาดจริงๆ แหละครับ แต่ค่าใช้จ่ายโดยรวมก็ไม่ได้สูงกว่ามากมายอะไร แต่ถ้าไปเทียบกับรถยุโรป ก็ถือว่าค่าใช้จ่ายถูกกว่าเยอะ ใครบอกว่าค่าซ่อมบำรุงพอๆ กับรถยุโรปก็มั่วแล้วล่ะครับ
3. ปัญหาจุกจิกที่รบกวนมีอะไรบ้างคะ หรือมีปัญหาต้องส่งซ่อมบ่อยมั้ย จากที่ได้ศึกษามาที่พูดถึงบ่อยๆก็มีเรื่อง ปุ่ม istop, เซนเซอร์เตือนออกนอกเลนส์ไม่ทำงานบ้าง มีเรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์เข้ามาในห้องโดยสาร ห้องโดยสารตอนหลังกระด้าง หัวคนนั่งหลังกระแทกหลังคารถเวลาขึ้นเนิน หรือเรื่องคนนั่งหลังเมารถ ปัญหาตรงนี้สาหัสมากแค่ไหนคะหลังจากได้ใช้จริง (เพราะถ้าซื้อคุณพ่อคุณแม่ก็ต้องนั่งในส่วนผู้โดยสาร เลยกังวลว่าอาจจะไม่เหมาะถ้าจะซื้อรุ่นนี้ค่ะ อาจจะไม่ได้นั่งตลอดเพราะเราใช้เป็นหลัก แต่มันก็ต้องมีบ้างค่ะ) หรือข้อเสียอื่นๆที่เจอมีอะไรบ้างคะ
- ปุ่ม istop --> สำหรับผมไม่มีปัญหาอะไร มันปิดได้ครับ ผมปิดทุกครั้งก่อนออกตัว อย่าง C250 ของผมอีกคันก็ต้องปิดทุกครั้งเหมือนกัน มันมีเพื่อให้ผ่านมาตรฐานไอเสีย ให้อัตราภาษีต่ำลง คิดซะว่าไอ้ปุ่มนี้ทำให้เราจ่ายค่าตัวรถถูกไปอีก 4-5 หมื่นบาทแล้วกันครับ
- เซนเซอร์เตือนออกนอกเลนส์ไม่ทำงานบ้าง --> สำหรับผมไม่เป็นปัญหาอะไรนะ แรกๆ กลับรำคาญที่มันทำงานตลอด จะมุดจะแซงก็ต้องเปิดไฟเลี้ยว หลังๆ ชินล่ะครับ ถือว่าเป็นการมุดอย่างสุภาพละกัน 555+
- เรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์เข้ามาในห้องโดยสาร --> ไม่เจอครับ
- ห้องโดยสารตอนหลังกระด้าง หัวคนนั่งหลังกระแทกหลังคารถเวลาขึ้นเนิน --> อันนี้ผมเป็นคนขับ ไม่ค่อยทราบตรงนี้ แต่น้าสาวผมนั่งแล้วบอกว่าเวลาขึ้นลงเนิน เบาะดูดกว่า C250 เสียอีก หัวไม่กระแทกนะครับ ส่วนแฟนบอกว่า มาสด้า 3 นั่งหลังแล้วเด้งน้อยกว่า C250 แต่ว่าพื้นที่ตอนหลังแคบกว่า อันนี้ก็ว่ากันไปครับ ผมไม่เคยนั่งหลังเองอย่างจริงจังครับ
- เรื่องคนนั่งหลังเมารถ --> ใช้มา 9 เดือน มีคนนั่งหลังมาแล้วเกือบสิบคนได้ ยังไม่มีใครบ่นเมารถเลยครับ แต่จะว่าไปผมขับรถคันไหนมาก็ยังไม่มีใครที่นั่งหลังเคยบอกว่าเมารถนะครับ
- ระบบเบรคอัตโนมัติ ที่บางคนเคยเจอว่าเบรคแล้วโดนชนท้าย --> ใช้มา 9 เดือน เจอมันเบรคอัตโนมัติไป 3 ครั้งได้ เจอแค่ในช่วง 2 เดือนแรก มักจะเป็นเคสที่มอเตอร์ไซด์แทรกเลนมาครับ แต่หลังจากนั้นไม่เจอแล้ว ไม่ได้ตั้งใจปรับวิธีขับอะไรด้วยนะครับ หรือเราปรับตัวไปเองโดยไม่รู้ตัวก็ไม่แน่ใจครับ
- ระบบเบรคอัตโนมัติขณะถอยหลัง --> ดีงามมากครับ ช่วยผมไป 1 ครั้ง ช่วยแฟนไปอีก 2-3 ครั้ง
- ระบบเมมเบาะ 2 ตำแหน่ง (เมมกระจกข้างให้ด้วยนะครับ) --> อันนี้ก็ดีงามมากครับ เพราะแฟนใช้เป็นหลัก ผมก็เอามาใช้บ้าง เมื่อก่อนใช้มาสด้า 2 ผมก็ไม่อยากไปปรับเบาะ ปรับกระจกที่แฟนตั้งไว้ ก็ขับไปแบบไม่ค่อยถนัดนั่นแหละ พอคันนี้มีเมมเบาะได้นี่คือสบายเลย ปรับเบาะตามที่เราเมมไว้เลย พอแฟนมาขับก็เลือกแบบที่เค้าเมมไว้เหมือนกันครับ ผมมักจะบอกเพื่อนๆ อยู่เสมอว่า เบาะปรับไฟฟ้าจะเป็นออปชั่นที่ไม่มีความหมายอะไรสำหรับผมเลย ถ้ามันไม่มีระบบเมมเบาะมาให้
- รถผมใส่ชุดแต่ง Signature ด้วย เวลาเจอเนินก็ต้องเอียงหน่อย เผลอก็ครูดที่สเกิตหน้าไปบ้าง แต่มันอยู่ข้างล่าง ไม่ก้มก็ไม่เห็นครับ 55+
- ไฟหน้าแบบ Adaptive ไฟสูงแบบแหวกหลบรถคันหน้า ถือว่าดีมากแล้วล่ะ เพราะรถระดับเดียวกันไม่มีออปชั่นนี้มาให้เลยสักคัน แต่ความละเอียดของไฟยังสู้ C250 ไม่ได้
- GVC+ นี่เข้าโค้งได้สนุกเลยครับ แต่ต้องกดคันเร่งในโค้งด้วยนะครับ
- ปั๊มติ๊ก น้ำดัน ไม่ใช่ปัญหาของรุ่นนี้นะครับ บอกไว้เผื่อไปเจอคนที่ไม่เคยใช้มาสด้าหรือฟังแต่คนอื่นเค้าเล่ามา แล้วเค้าเหมารวมกันไปหมด
4. เสียงเข้ามาในห้องโดยสารเยอะแค่ไหนคะ ถ้าขับสัก 130-140 km/hr
- ก็พอมีเสียงเข้ามาบ้าง แต่ถ้าเทียบกับรถในระดับเดียวกันน่าจะถือว่าดีมากๆ แล้วนะ
หวังว่าจะช่วยให้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจได้มากขึ้นนะครับ
ก่อนหน้านี้เคยใช้ Mazda 2 2012 / E230 W210 / Toyota AE111 / Lancer E-car
รถที่บ้านที่เคยขับอยู่บ้างก็มี W203 / W204 / Lancer Cedia / Corolla หน้าหมู เคยขับแคมรี่ของที่ทำงาน
ถือว่ามาแชร์ประสบการณ์แล้วกันครับ
อยากได้รถที่หนึบช่วงล่างแน่น เกาะถนนดี แต่ก็ยอมรับว่าเค้าด้อยเรื่องเทคโนโลยีเครื่องยนต์และความประหยัดน้ำมันเพราะเป็นเครื่องเบนซินล้วน ไม่ได้เป็นไฮบริดแบบค่ายอื่นใน segment เดียวกัน
- ในรถ Segment เดียวกัน แบบเดิมๆ จากโรงงานด้วยกัน Mazda ได้ช่วงล่างแน่น เกาะถนนดี ถือว่ามาถูกทางแล้วครับ
- ความประหยัดน้ำมัน จริงๆ ก็ไม่ได้แย่ ถือว่าดีด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับรถสมัยก่อน แต่หากเอาไปเทียบกับรถไฮบริดก็ถือว่าเป็นข้อด้อยจริงๆ แหละครับ แต่ส่วนตัวผมคิดว่าไม่ได้มีนัยสำคัญเท่าไร เพราะมันก็คือต้นทุนส่วนหนึ่งในการใช้รถอยู่แล้ว
- ข้อเสียนิดๆ สำหรับผมคือ สปีดต้นมันไม่พุ่งเหมือนรถที่ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบ ต้องลากรอบช่วยมันหน่อยครับ หากจะให้เทียบกับเครื่องยนต์ไฮบริดผมยังไม่กล้าวิจารณ์เพราะเคยใช้แค่ตอนเช่าขับที่ญี่ปุ่น รถยนต์คนละรุ่นกัน สภาพแวดล้อมมันต่างกัน
1. ถ้าเทียบกับค่ายอื่นที่เป็นเครื่องยนต์ไฮบริดในsegmentเดียวกัน มาสด้าตัวนี้คุ้มที่จะซื้อไหมคะ หรือควรเล่นยี่ห้อที่เป็นไฮบริดมากกว่า เรากะใช้ค่อนข้างยาวค่ะ อาจจะเกิน 6-7 ปี
- ถ้ามองเป็นตัวเงิน ใช้เหตุผลนำ ต้องตอบว่าไม่คุ้มครับ ของที่คุ้มค่าที่สุดคือของที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานเท่าที่จำเป็นต้องใช้ ในต้นทุนโดยรวมที่ต่ำที่สุด ซึ่งมาสด้าแพงกว่าคู่แข่งครับ
- ถ้ามองในเชิงความรู้สึก ฟิลลิ่ง และ affordable ตรงนี้ก็แล้วแต่บุคคล อันนี้ก็ว่ากันไปครับ สำหรับผมคือคุ้ม สำหรับการได้ขับรถที่ชอบ ดีไซน์ดี การตกแต่งภายในดี วัสดุดี ช่วงล่างดีในระดับราคานี้ ถือว่าตอบโจทย์ 8-90% แล้วล่ะ จริงๆ ถ้าได้เครื่องยนต์เทอร์โบเหมือนซีวิค สำหรับผมถือว่าตัวนี้เป็นตัวจบในระดับราคานี้แล้วนะ แต่ด้วยเครื่องยนต์ปัจจุบันที่ไม่มีเทอร์โบแบบ skyactive G 2.0 ก็ต้องลากรอบต้องเค้นเอาหน่อย
2. ค่าบำรุงรักษา ค่าอะไหล่เป็นอย่างไรบ้างคะ (รีวิวมาว่าบริการหลังการขายสู้ค่ายอื่นไม่ได้555 อันนี้เค้าแก้ไขบ้างแล้วไหมคะ)
- ค่าอะไหล่ บางตัวแพงกว่า แต่บางตัวก็ถูกกว่ายี่ห้อคู่แข่ง แต่โดยรวมๆ ถือว่าแพงกว่ารถญี่ปุ่นในระดับเดียวกันจริงแหละครับ ส่วนหนึ่งก็เพราะอะไหล่บางตัวไม่แยกขาย เช่น บูชปีกนก ถ้าเปลี่ยนที่ศูนย์คือต้องเปลี่ยนยกปีกนกเลย ไม่มีเปลี่ยนเฉพาะบูช แต่อู่นอกมีเปลี่ยนเฉพาะบูชให้บริการนะครับ
- ค่าแรง เป็นอะไรที่คนบ่นกันมากที่สุด เพราะไปมุ่งเป้ากันที่ค่าแรงต่อชั่วโมงที่แพงกว่าที่อื่น อยู่ที่ 650-750 บาท/ชม. ดูเหมือนแพงกว่าเยอะก็จริง แต่ถ้าคิดค่าแรงเป็นงานๆ ก็ไม่ได้แพงกว่ามาก เพราะค่าแรงรวม = ค่าแรงต่อ ชม. x จำนวนชม. ทำงาน เท่าที่ใช้บริการมาศูนย์จะคำนวณเวลาที่ต้องใช้ในแต่ละงานไม่เยอะเท่าไร
- ช่างเก่ง ไม่เก่ง อันนี้คงแล้วแต่ศูนย์ แต่ที่เคยใช้บริการมา 2 ศูนย์ ไม่เคยเจอปัญหาช่างไม่เก่งนะครับ
- ตัวนี้ได้ประกันตัวรถ 5 ปี + คูปองค่าแรงฟรี 10 ระยะ ก็อาจจะพอช่วยเรื่องค่าซ่อมบำรุงได้บ้าง เพราะตัวก่อนหน้าได้แค่ประกัน 3 ปี คูปองค่าแรงฟรี 3 ระยะ
สรุปคือ โดยรวมๆ ก็แพงกว่ารถญี่ปุ่นค่ายตลาดจริงๆ แหละครับ แต่ค่าใช้จ่ายโดยรวมก็ไม่ได้สูงกว่ามากมายอะไร แต่ถ้าไปเทียบกับรถยุโรป ก็ถือว่าค่าใช้จ่ายถูกกว่าเยอะ ใครบอกว่าค่าซ่อมบำรุงพอๆ กับรถยุโรปก็มั่วแล้วล่ะครับ
3. ปัญหาจุกจิกที่รบกวนมีอะไรบ้างคะ หรือมีปัญหาต้องส่งซ่อมบ่อยมั้ย จากที่ได้ศึกษามาที่พูดถึงบ่อยๆก็มีเรื่อง ปุ่ม istop, เซนเซอร์เตือนออกนอกเลนส์ไม่ทำงานบ้าง มีเรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์เข้ามาในห้องโดยสาร ห้องโดยสารตอนหลังกระด้าง หัวคนนั่งหลังกระแทกหลังคารถเวลาขึ้นเนิน หรือเรื่องคนนั่งหลังเมารถ ปัญหาตรงนี้สาหัสมากแค่ไหนคะหลังจากได้ใช้จริง (เพราะถ้าซื้อคุณพ่อคุณแม่ก็ต้องนั่งในส่วนผู้โดยสาร เลยกังวลว่าอาจจะไม่เหมาะถ้าจะซื้อรุ่นนี้ค่ะ อาจจะไม่ได้นั่งตลอดเพราะเราใช้เป็นหลัก แต่มันก็ต้องมีบ้างค่ะ) หรือข้อเสียอื่นๆที่เจอมีอะไรบ้างคะ
- ปุ่ม istop --> สำหรับผมไม่มีปัญหาอะไร มันปิดได้ครับ ผมปิดทุกครั้งก่อนออกตัว อย่าง C250 ของผมอีกคันก็ต้องปิดทุกครั้งเหมือนกัน มันมีเพื่อให้ผ่านมาตรฐานไอเสีย ให้อัตราภาษีต่ำลง คิดซะว่าไอ้ปุ่มนี้ทำให้เราจ่ายค่าตัวรถถูกไปอีก 4-5 หมื่นบาทแล้วกันครับ
- เซนเซอร์เตือนออกนอกเลนส์ไม่ทำงานบ้าง --> สำหรับผมไม่เป็นปัญหาอะไรนะ แรกๆ กลับรำคาญที่มันทำงานตลอด จะมุดจะแซงก็ต้องเปิดไฟเลี้ยว หลังๆ ชินล่ะครับ ถือว่าเป็นการมุดอย่างสุภาพละกัน 555+
- เรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์เข้ามาในห้องโดยสาร --> ไม่เจอครับ
- ห้องโดยสารตอนหลังกระด้าง หัวคนนั่งหลังกระแทกหลังคารถเวลาขึ้นเนิน --> อันนี้ผมเป็นคนขับ ไม่ค่อยทราบตรงนี้ แต่น้าสาวผมนั่งแล้วบอกว่าเวลาขึ้นลงเนิน เบาะดูดกว่า C250 เสียอีก หัวไม่กระแทกนะครับ ส่วนแฟนบอกว่า มาสด้า 3 นั่งหลังแล้วเด้งน้อยกว่า C250 แต่ว่าพื้นที่ตอนหลังแคบกว่า อันนี้ก็ว่ากันไปครับ ผมไม่เคยนั่งหลังเองอย่างจริงจังครับ
- เรื่องคนนั่งหลังเมารถ --> ใช้มา 9 เดือน มีคนนั่งหลังมาแล้วเกือบสิบคนได้ ยังไม่มีใครบ่นเมารถเลยครับ แต่จะว่าไปผมขับรถคันไหนมาก็ยังไม่มีใครที่นั่งหลังเคยบอกว่าเมารถนะครับ
- ระบบเบรคอัตโนมัติ ที่บางคนเคยเจอว่าเบรคแล้วโดนชนท้าย --> ใช้มา 9 เดือน เจอมันเบรคอัตโนมัติไป 3 ครั้งได้ เจอแค่ในช่วง 2 เดือนแรก มักจะเป็นเคสที่มอเตอร์ไซด์แทรกเลนมาครับ แต่หลังจากนั้นไม่เจอแล้ว ไม่ได้ตั้งใจปรับวิธีขับอะไรด้วยนะครับ หรือเราปรับตัวไปเองโดยไม่รู้ตัวก็ไม่แน่ใจครับ
- ระบบเบรคอัตโนมัติขณะถอยหลัง --> ดีงามมากครับ ช่วยผมไป 1 ครั้ง ช่วยแฟนไปอีก 2-3 ครั้ง
- ระบบเมมเบาะ 2 ตำแหน่ง (เมมกระจกข้างให้ด้วยนะครับ) --> อันนี้ก็ดีงามมากครับ เพราะแฟนใช้เป็นหลัก ผมก็เอามาใช้บ้าง เมื่อก่อนใช้มาสด้า 2 ผมก็ไม่อยากไปปรับเบาะ ปรับกระจกที่แฟนตั้งไว้ ก็ขับไปแบบไม่ค่อยถนัดนั่นแหละ พอคันนี้มีเมมเบาะได้นี่คือสบายเลย ปรับเบาะตามที่เราเมมไว้เลย พอแฟนมาขับก็เลือกแบบที่เค้าเมมไว้เหมือนกันครับ ผมมักจะบอกเพื่อนๆ อยู่เสมอว่า เบาะปรับไฟฟ้าจะเป็นออปชั่นที่ไม่มีความหมายอะไรสำหรับผมเลย ถ้ามันไม่มีระบบเมมเบาะมาให้
- รถผมใส่ชุดแต่ง Signature ด้วย เวลาเจอเนินก็ต้องเอียงหน่อย เผลอก็ครูดที่สเกิตหน้าไปบ้าง แต่มันอยู่ข้างล่าง ไม่ก้มก็ไม่เห็นครับ 55+
- ไฟหน้าแบบ Adaptive ไฟสูงแบบแหวกหลบรถคันหน้า ถือว่าดีมากแล้วล่ะ เพราะรถระดับเดียวกันไม่มีออปชั่นนี้มาให้เลยสักคัน แต่ความละเอียดของไฟยังสู้ C250 ไม่ได้
- GVC+ นี่เข้าโค้งได้สนุกเลยครับ แต่ต้องกดคันเร่งในโค้งด้วยนะครับ
- ปั๊มติ๊ก น้ำดัน ไม่ใช่ปัญหาของรุ่นนี้นะครับ บอกไว้เผื่อไปเจอคนที่ไม่เคยใช้มาสด้าหรือฟังแต่คนอื่นเค้าเล่ามา แล้วเค้าเหมารวมกันไปหมด
4. เสียงเข้ามาในห้องโดยสารเยอะแค่ไหนคะ ถ้าขับสัก 130-140 km/hr
- ก็พอมีเสียงเข้ามาบ้าง แต่ถ้าเทียบกับรถในระดับเดียวกันน่าจะถือว่าดีมากๆ แล้วนะ
หวังว่าจะช่วยให้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจได้มากขึ้นนะครับ
แสดงความคิดเห็น
สนใจ all new mazda 3 fastback ตัวท็อป อยากฟังเสียงผู้ใช้งานจริงค่ะ
ขอเกริ่นก่อนว่าบ้านเราใช้โตโยต้า camry มาตลอด แต่ละคันก็อายุ 10ปี+ ทุกคัน ส่วนใหญ่เราอยู่ในฐานะผู้โดยสาร มีขับเองบ้าง ก็โอเคเรื่องการใช้งาน/บริการหลังการขายของโตโยต้าค่ะ แต่รู้สึกว่าเวลาขับเร็วๆเราไม่รู้สึกไม่หนึบไม่มั่นใจกับเสียงรบกวนเข้ามาดังมาก พงเพลงนี่ไม่ต้องฟังเลยค่ะ5555 แต่ก็ด้วยความที่อายุรถในบ้านมันเยอะแล้ว ก็เลยได้คุยๆกันว่าจะซื้อคันใหม่ที่เป็นเราใช้เองเป็นหลักค่ะ เราเองก็ได้ศึกษาหาข้อมูลมาจากหลายเว็บหลายคลิปรีวิวในยูทูป ส่วนตัวเราชอบดีไซน์ของทั้งภายในภายนอก และเรื่องช่วงล่างของมาสด้ามากกว่าค่ะ เราขับรถค่อนข้างเร็ว อยากได้รถที่หนึบช่วงล่างแน่น เกาะถนนดี แต่ก็ยอมรับว่าเค้าด้อยเรื่องเทคโนโลยีเครื่องยนต์และความประหยัดน้ำมันเพราะเป็นเครื่องเบนซินล้วน ไม่ได้เป็นไฮบริดแบบค่ายอื่นใน segment เดียวกัน เลยอยากสอบถามเพื่อเป็นข้อมูล โดยอ้างอิงจากข้อมูลที่เราได้ศึกษามาเองนะคะ
**ถ้าใครมีรถยี่ห้ออื่นมาก่อนแล้วมาซื้อมาสด้ารบกวนแนะนำด้วยนะคะ**
1. ถ้าเทียบกับค่ายอื่นที่เป็นเครื่องยนต์ไฮบริดในsegmentเดียวกัน มาสด้าตัวนี้คุ้มที่จะซื้อไหมคะ หรือควรเล่นยี่ห้อที่เป็นไฮบริดมากกว่า เรากะใช้ค่อนข้างยาวค่ะ อาจจะเกิน 6-7 ปี
2. ค่าบำรุงรักษา ค่าอะไหล่เป็นอย่างไรบ้างคะ (รีวิวมาว่าบริการหลังการขายสู้ค่ายอื่นไม่ได้555 อันนี้เค้าแก้ไขบ้างแล้วไหมคะ)
3. ปัญหาจุกจิกที่รบกวนมีอะไรบ้างคะ หรือมีปัญหาต้องส่งซ่อมบ่อยมั้ย จากที่ได้ศึกษามาที่พูดถึงบ่อยๆก็มีเรื่อง ปุ่ม istop, เซนเซอร์เตือนออกนอกเลนส์ไม่ทำงานบ้าง มีเรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์เข้ามาในห้องโดยสาร ห้องโดยสารตอนหลังกระด้าง หัวคนนั่งหลังกระแทกหลังคารถเวลาขึ้นเนิน หรือเรื่องคนนั่งหลังเมารถ ปัญหาตรงนี้สาหัสมากแค่ไหนคะหลังจากได้ใช้จริง (เพราะถ้าซื้อคุณพ่อคุณแม่ก็ต้องนั่งในส่วนผู้โดยสาร เลยกังวลว่าอาจจะไม่เหมาะถ้าจะซื้อรุ่นนี้ค่ะ อาจจะไม่ได้นั่งตลอดเพราะเราใช้เป็นหลัก แต่มันก็ต้องมีบ้างค่ะ) หรือข้อเสียอื่นๆที่เจอมีอะไรบ้างคะ
4. เสียงเข้ามาในห้องโดยสารเยอะแค่ไหนคะ ถ้าขับสัก 130-140 km/hr
ขอบคุณล่วงหน้านะคะสำหรับทุกคำตอบค่ะ