ที่ใครๆบอกไว้ ว่าคนเป็นโรคซึมเศร้า ให้สมัครไปทหารแล้วจะหาย ผมบอกเลยว่าโคตรพลาด (แต่ก็สำหรับบางคนอะนะ) ขนาดคนเป็นโรคหอบยังหายได้เลยเนอะ 
แต่กับผมมันไม่ใช่เลย เรื่องราวยาวมาก ข้ามไปอ่านตรง ##### เลยก็ได้
ขอเกริ่นก่อนว่า ผมเป็นเด็กมีปัญหา หนีออกจากบ้านตอนอายุ 15-16 ไปใช้ชีวิตตัวคนเดียวที่กรุงเทพ โดยได้รับการช่วยเหลือเพียงครั้งเดียวจากรุ่นพี่ที่เล่นเกมออนไลน์ด้วยกัน คือเค้าให้ไปทำงานที่ร้านคอมของเค้าอาศัยหลับนอนที่นั่น จนมีเงินเดือนละออกมาเช่าห้องอยู่เองข้างนอก 
ปัญหาการหนีออกจากบ้านหลายอย่างครับ ทั้งความผิดพลาดหลายสิ่งที่ผมทำ ทั้งปัญหาครอบครัวพ่อแม่ทะเลาะกันต่อหน้า ที่สำคัญผมดันมีความคิดเป็นของตัวเองมาตั้งแต่เด็ก คิดนอกกรอบคิดว่าตัวเองไม่เหมือนใคร คำสอนผู้ใหญ่เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง ฟังหูไว้หู พยายามหาเหตุผลต่อสิ่งที่เค้าพยายามสอนหลายๆอย่าง จนกลายเป็นเด็กหมีปัญหาอย่างที่บอก 
เอาหละ ผมรู้ตัวเองว่าป่วยตอนอายุ16-17หลังจากหนีออกจากบ้านได้1ปี เกิดอาการแปลกๆหลายอย่าง จริงๆมันเกิดตั้งแต่ตอนที่ยังอยู่บ้านแล้วแหละ เพราะตัวคนเดียวแบบเป็นคนเก็บตัว ไม่ค่อยมีเพื่อน ไม่ค่อยเข้าสังคม แต่อาการเพิ่งมาชัดตอนหนีออกจากบ้านนี่แหละ อ้อ ตอนนั้นผมมีแฟนเป็นรุ่นพี่อยู่ จากอาการแปลกๆที่ตัวเองรู้สึก ผมก็เริ่มเล่าให้เค้าฟัง จนเค้าพาไปพบจิตแพทย์ ผลวินิจฉัยจากการนั่งคุยกับหมอเป็นชั่วโมงๆ ก็ออกมาได้ความว่า ผมเป็นซึมเศร้า+แพนิค ก็นั่นแหละ ตั้งแต่นั้นผมก็พยายามไปพบหมอและรักษาตัวเองมาตลอด กินยา ปรับยาหลายอย่าง ทั้งเพิ่มทั้งลด จนผมได้อายุ18 ผมตัดสินใจกลับมาบ้าน ทำงานใกล้บ้าน พาแฟนมาอยู่ด้วย แถวบ้านผมเป็นเขตอุตสาหกรรม ทำงานได้เงินเดือนสูงกว่าตอนไปอยู่กรุงเทพ ทั้งค่าครองชีพที่ถูกกว่า และ เหตุผลอื่นๆทำให้ตัดสินใจกลับมา 
ผมเข้าทำงานในโรงงานแห่งหนึ่ง หยุดการรักษาเองตั้งแต่กลับมา ช่วงหยุดแรกๆก็แย่สุดๆ ยิ่งเป็นคนไม่ชอบสังคมด้วยแต่ก็ต้องไปทำงานทุกวันยิ่งแย่ไปใหญ่ ผมเริ่มปรับเปลี่ยน ขอเปลี่ยนจุดทำงาน ขอหัวหน้าย้ายไปเรื่อย จนไปอยู่ในจุดที่คนน้อยไม่พลุกพล่าน แต่ก็ไม่ได้ช่วยเท่าไหร่ จนผมกับแฟนเริ่มคิดที่จะพากันเที่ยว ออกทริป ควบมอไซค์ ไปไหนไปกัน ไปกันแค่สองคนคันเดียว ได้รับรู้ถึงโลกกว้าง เจอสถานที่มากมาย ได้ปลดปล่อยอารมณ์ ไปไหนทำอะไรก็ทำบ้าๆกันอยู่สองคนไม่สนใจใคร เที่ยวกัน2เดือนครั้ง จนอาการเริ่มดีขึ้น (จริงๆไม่ได้แค่ไปเที่ยวนะ ผมกับแฟนยังลองอะไรใหม่ๆ ปรับเปลี่ยนรสนิยม การมีเพศสัมพันธุ์แบบเอาท์ดอร์ ให้เซ็กส์แบบเอาท์ดอร์ช่วยบำบัดอีกทาง ซึ่งก็โคตรจะรู้สึกดี) 
ตั้งแต่อายุ 18-21 ผมเที่ยวกับแฟนบ่อยมาก ไปหลายที่ หลายจังหวัด ผมคิดว่าผมหายแล้ว ดีขึ้นเยอะแล้ว เพราะพอได้เริ่มบำบัดด้วยตัวเอง ก็ไม่เคยมีอาการทางความคิดแปลกๆอีกเลย จนมาถึงวันเกณฑ์ทหาร วันที่ 4เดือน4ปี2561 จริงๆสำหรับผม ผมคิดว่าติดก็ดี ไม่ติดก็ดี เพราะตัวเองรู้สึกว่าถ้าติดก็จะได้เข้าไปเจอสังคมใหม่ๆเพื่อนเยอะ ได้ออกกำลังกายด้วย (ตอนนั้นหนัก90) และก็ผมมีความคิดว่าอยากจะลงสนาม อยู่ตามชายแดนงี้ ไม่เล่าเยอะละ สรุปผมจับได้ใบแดง ผลัด1/61 
ช่วงที่เข้าไปฝึก2เดือนครึ่ง ยอมรับตรงนี้เลยว่า ไม่มีอาการของโรคซึมเศร้าหรือแพนิคแสดงออกมาเลยซักนิด(มั้ง) มีแต่รู้สึกเหนื่อยๆท้อๆ (อันนี้ไม่ได้โม้นะ ผมเป็นคนที่ผู้ฝึก #ผู้หมวดชาติ เล็งไว้ให้เป็นตัวตั้งตัวตีในวันทดสอบ) ที่รู้สึกท้อเพราะทุกการฝึกผมตั้งใจมากๆ แต่ก็โดนทำโทษเพราะกฏหมู่ แถมยังถูกผู้หมวกติวตัวต่อตัวอีกตั้งหาก หลายๆด่านฝึกผมถูกหมู่จ่าเล็งไว้ว่าทำได้ดี แถมผมยังถูกจับไปเป็นครูผู้ช่วยให้ผลัดเดียวกันในวันที่รุ่นพี่มันไปออกฝึก หมู่ ตอน หมวด อีกตั้งหาก หลายๆอย่างทำผมเหนื่อยและท้อมาก แต่ก็นั่นแหละ พอฝึกเสร็จน้ำหนักผมเหลือ65จาก90 สุขภาพร่างกายผมดีขึ้น สุขสภาพจิตไม่มีปัญหาเลย 
จนวันที่ขึ้นกองร้อย 
##### ขึ้นกองร้อยมาได้6เดือน ผมรู้สึกว่าแรงกดดันเยอะกว่าตอนผมฝึกซะอีก หมู่ จ่า หลายๆคนที่ไม่เคยเจอหน้า ไม่เคยรู้นิสัย พอได้เจอ ได้โดน เล่นเอาผมประสาทแ...กเลย ไหนจะพวกรุ่นพี่บางคนที่นิสัยเหี้..ๆอีก พอมีรุ่นน้องขึ้นมา ผมว่าผมก็มีทั้งเพื่อนสนิท ทั้งรุ่นน้องที่สนิท ที่พูดคุยเล่นเกมด้วยกันบ่อยๆ แต่ไปๆมาๆผมก็เริ่มตีตัวออกห่าง ทั้งๆที่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน ผมเริ่มไม่พูดไม่คุยกับใคร เริ่มเก็บตัว เริ่มมีความคิด บางครั้งก็รู้สึกว่า กองร้อยตั้งกว้างคนอยู่เป็นร้อยๆคน แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันทั้งแคบ ทั้งน่าอึดอัด แต่บางทีกลับคิดว่า ที่กองร้อยนี่มันกว้างเกินไป กว้างมากๆจนทำให้รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รู้จักที่นี่เลย รู้สึกตัวคนเดียว เหงา แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปพูดไปคุยกับใคร เวลามีกิจกรรมทำโน้นทำนี่กินกันในกองร้อย ตัวเองก็จะเก็บตัวมานั่งเล่นโทรศัพท์อยู่คนเดียว เริ่มรู้สึกตัวแล้วแหละว่าอาการมันเริ่มกลับมา รู้สึกว่าตัวเองอยู่ไม่ได้ เศร้า คิดถึง โหยหา นั่งคิดถึงเรื่องเก่า น้ำตาคลอ แต่ก็ไม่เคยกล้าบอกใคร ไม่เคยกล้าปรึกษาใคร เพราะรู้ว่านิสัยทหารกับการไม่เข้าใจคนไม่ฟังเหตุผลมันเป็นยังไง ตอนนั้นคิดแค่ว่าถ้าบอกไป ต้องถูกหาว่าบ้าแน่ ยิ่งสึมๆอึนๆ ทำอะไรช้าๆ สติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว ทำตัวเด่น กังวลต่างๆนาๆ เริ่มมีอาการแพนิค เวลาใครไปใครมากองร้อย ได้ยินเสียงพูดคุย เสียงรถ เสียงวิทยุ ใจสั่น กลัว ไม่รู้จะเจออะไร ไม่รู้จะเกิดอะไร ไม่รู้จะถูกเรียกตัวไปตอนไหน ไม่รู้ว่าไอ้ หมู่ จ่า วันนี้มันจะทำอะไร แต่ละวันโคตรทรมาน พยายามพาตัวเองไปโน้นมานี่เสนอตัวไปทำงานข้างนอกก็ไป จนได้พาตัวเองไปประจำเป็นทหารเมด เช้าตีห้าตื่นอาบน้ำไปเมดตั้งแต่เค้ายังไม่ตื่น ไม่รออยู่รวม ไม่รอนับยอด ไม่รออะไรทั้งนั้น อยู่เมดมีเพื่อนทหารอยู่ด้วยกัน4-5คน กับนายทหารอีกคน แต่ละวันแค่รอทำกับข้าวมื้อเที่ยง ล้างจาน เสร็จ นอน ตกเย็นๆผมค่อยกลับ จะกลับกองร้อยทีก็หลังทุ่มนึงเค้ารวมเสร็จ พูดได้ตรงนี้เลยว่า แทบไม่มีใครเห็นหน้าค่าตาเลย เวลาที่กองร้อยมีเรื่องมีงานอะไรคือไม่รู้เรื่องกับเค้าเลย เวลามันโดนโทษกันผมก็ไม่เกี่ยว แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรซักเท่าไหร่ และก็นี่แหละ เวลาผมเจอหน้าพวก หมู่ จ่า ที่มันกวนๆไม่สนใจอะไรหน่อย มันก็เล่น เล่นแบบไม่มีเหตุผล คำพูดคำจาดูถูกสารพัด ผมทำได้แค่ปั้นหน้ายิ้ม ละตอบมันได้แค่ ครับ ไม่มีไรครับ เปล่าครับ หรือ ยิ้มละหลบหน้าไม่สบตา พอถึงเวลาอาการออกคิดต่างๆนาๆว่าจะทำยังไง ร้องไห้คนเดียว คิดคนเดียว จนเคยคิดจะผูกคอตายในโรงนอน

เลย แต่ด้วยความที่ยังรู้สึกว่า ยังไม่อยากตาย ยังมีอะไรให้ทำอีกตั้งเยอะ ก็ทน ทน และก็ทน จนเป็นทหารมาได้ครบ1ปี ผมเริ่มทนไม่ไหว เริ่มคิดว่าจะขอจำหน่ายตัวเองออกมาอยู่นอกบ้าน คิดคำโกหกที่พอจะเป็นไปได้โดยที่จะไม่บอกความจริงว่าตัวเองเป็นอะไร พยายามพูดคุยกับจ่ากองร้อยเรื่องขอจำหน่าย แต่ก็นั่นแหละจ่าไม่สนใจไม่อะไรเลย จนผมทนไม่ไหวละ หาเบอร์ผู้กองมาด้วยตัวเอง ข้ามหัวจ่าโทรหาผู้กองด้วยตัวเอง จนได้คุย วันสองวันถัดมาผมได้คุยกับผู้กองต่อหน้า ละผมโกหกเกี่ยวกับครอบครัว เลยจะขอออกไป ครบกี่เดือนๆหรือเสร็จอะไรละจะกลับมา คำโกหกของผมเป็นผลครับ สิ้นเดือนนั้นเค้าก็จำหน่ายผมออกมา รู้อะไรปะ เวลานั้นโคตรรู้สึกดี ดีสุดๆ แบบรู้สึกอิสระ ถูกปลดปล่อย 
##### ตอนออกมาอยู่ข้างนอก อาการค่อยๆดีขึ้นนะ ผมก็ทำงานออนไลน์ อยู่กับแฟน มีเวลาก็ไปเที่ยว แต่ก็ไม่ได้ไปพบเพื่อการรักษาที่ถูกวิธี ช่วง3-4เดือนแรก ผมก็โทรรายงานอยู่หรอก แต่มีช่วงนึงจ่ากองตามตัวบอกให้ผมกลับไปรายงานตัว แต่ไม่รู้บังเอิญ ตั้งใจ หรืออะไร 2วันก่อนกลับ ผมเริ่มคิด เริ่มกังวลว่า่กลับไปจะเจออะไรบ้าง จะมีอะไรอีกมั้ย ไอ้พวก หมู่ จ่า ที่เคยเล่นเราไว้มันจะทำยังไงกับเรา เราจะได้ออกมาอีกมั้ย ตกเย็นวันนั้นกำลังจะไปตลาด เดินลงบันไดหอพัก อยู่ๆก็ใจสั่น ขาสั่น หายใจไม่ค่อยออก ผมเดินพลาดตกบันได ข้อเท้าหัก จนได้ใส่เฝือก อีก1วันก่อนกลับ ผมไม่รู้จะบอกจ่ายังไง ผมต้องกลับมั้ย คิดมากต่างๆนาๆ และสุดท้ายพอถึงวันที่ต้องกลับผมก็ไม่ได้กลับไป แต่ผมไม่ได้ติดต่ออะไรไปเลย วันอีกวันถัดมาผมถึงจะติดต่อไปว่า ผมตกบันไดขาหักพร้อมกับถ่ายรูปขาละใบรับรองแพทย์ส่งไปให้ จ่าไม่ได้ตอบอะไรผม อีกวันถัดมาจ่าส่งข้อความมาบอก ให้ผมกลับไปรักษาตัวที่ค่าย ที่โรงบาลค่าย ซึ่งแน่นอนครับ ผมมีความคิดต่อต้านว่ายังไงก้ไม่กลับ ผมไม่ได้ตอบอะไรไป จนเวลาล่วงเลยมาจนใกล้ถึงวันปลดประจำการ 2อาทิตย์ก่อนปลด จ่าโทรมาหาผมถามว่าผมจะปลดมั้ย ให้กลับไปอย่างน้อยอยู่อีกซักอาทิตย์ แน่นอนครับอีหล็อบเดิม ผมไม่ได้กลับไปปลดตามที่จ่าบอก 
##### 3เดือน หลังจากนั้น ผมก็ยังถูกโทรตามให้ไปปลดอยู่ แต่ผมก็ไม่ได้กลับไป ผมรู้สึกถึงแรงกดดันที่ตัวเองทำ ตัดสินใจพลาด เครียดมากจนอยากลาโลกนี่ไปซะ เบื่อปัญหา รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรก็ผิดพลาดตัดสินใจผิดตลอด จ่ากองโทรหาพ่อแม่ของผมละพูดถึงการปลดทหารของผม ซึ่งเค้าไม่ทำเรื้องปลดให้แล้ว แต่ให้เป็นทหารปี3 คืออยู่อีก1ปี พ่อแม่รู้เรื่องเลยพยายามมาคุยกับผม ผมทนไม่ไหวเครียดเกินไป เลยตัดสินใจบอกถึงปัญหาของตัวเอง ว่าตัวเองป่วยเป็นโรคซึมเศร้า + แพนิค ทำให้กลัวต่างๆนาๆเลยไม่กล้ากลับไป หลังจากได้ปลดปล่อยเล่าให้พ่อแม่ฟังก็ดีขึ้น พ่อแม่เข้าใจ แต่ยังไงผมก็ต้องกลับไปรายงานตัวก่อนละค่อยรายงานสิ่งที่เป็นให่ผู้กองฟัง เค้าจะเอายังไงก็ค่อยว่ากัน นัดวันเข้ารายงานตัวเสร็จสัพ
##### วันพุธที่ 3กันยา คือวันที่ผมต้องเข้ามารายงานตัว ที่มีพ่อกับแม่พามาพูดคุยด้วย ผมคิดว่าผมพร้อมแล้ว ผมมั่นใจแล้ว เช้าวันนั้นผมอาบน้ำแต่งตัวรอพ่อแม่มารับ ละก็ไม่รู้คิดยังไง ผมซัดยาเก่าที่ตัวเองเคยได้มา Alprazolem + Polizep5 + ยาแก้แพ้ รวมๆที่กินเข้า55เม็ด ละสายๆพ่อแม่ก็มารับ (แต่บอกตรงนี้เลย วันทั้งวันพ่อแม่พามากองร้อยมาพุดคุย ผมไม่รู้เรื่อง ไม่รู้สึกตัวเลย จำได้ลางๆเหมือนฝัน) วันพฤหัสตื่นขึ้นมาตอนเย็นคิดว่าพ่อแม่ยังไม่มารับ งงกับเหตุการณ์ จำอะไรไม่ได้ อาการเมาๆทั้งวัน ลุกนักก็หนักๆตัว 
##### เช้าวันศุกร์พ่อแม่พาไปพบจิตแพทย์ หมอนัดพบวันจันทร์ที่ 14 กันยา ที่ใกล้จะถึงนี่ ละก็ปัจจุบันตอนนี้ผมอยู่ในกรมแล้ว เข้ามารายงานตัวพูดคุยรู้เรื่องตั้งแต่เมื่อวานวันที่ 8 พูดคุยกับจ่ากองแล้ว จ่ากองเข้าใจแล้ว รอใกล้ถึงวันหมอนัดเค้าถึงจะให้กลับไปตามนัดหมอ แต่ก็นั่นแหละ ตั้งแต่กลับมา ผมมีอาการตลอด เก็บตัว ไม่ค่อยพูดกับใคร ไม่ค่อยเจอหน้าสิบเวร ตอนเจอหน้า

ก็พูดเหี้...อะไรไม่สนใจเลยซักนิด ทั้งๆที่ก็เล่าบอกเหตุผลให้ฟังไปแล้ว แม้งก็ยังพูดทำร้ายจิตใจ เมื่อคืนก็นอนร้องไห้ จริงๆกับสถานที่ผมอยู่ได้นะ ผมทนได้ถ้าไม่มีอะไร แต่กับคำคนไม่รู้จะทนยังไง ทนทำไม กับคนที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่เราเป็น เริ่มกลัวละว่าจะอดไม่ได้ ก่อนเข้ามารายงานตัว จ่ากองบอกว่าจะคุยกับผู้กอง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้คุย ตอนนี้ผู้กองไปเข้าเวรวังเรียบร้อย ไม่ได้อยู่กองร้อยอีกนาน ผมน่าจะต้องทนอยู่ไปเรื่อยๆ จนถึงวันที่เค้าปล่อยให้ผมกลับไปตามนัดหมอนั่นแหละ ผ่านมาแล้ว2วัน อีกแค่4วัน ผมคิดว่าผมจะทนไหวนะ ถ้าเจอสิบเวรดีเข้าใจก็ดี แต่ถ้าเจอสิบเวรที่

ปากดีๆไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน																															
 
						
เป็นโรคซึมเศร้า+แพนิค คิดว่าหายแล้ว ละไปเป็นทหารเกณฑ์
แต่กับผมมันไม่ใช่เลย เรื่องราวยาวมาก ข้ามไปอ่านตรง ##### เลยก็ได้
ขอเกริ่นก่อนว่า ผมเป็นเด็กมีปัญหา หนีออกจากบ้านตอนอายุ 15-16 ไปใช้ชีวิตตัวคนเดียวที่กรุงเทพ โดยได้รับการช่วยเหลือเพียงครั้งเดียวจากรุ่นพี่ที่เล่นเกมออนไลน์ด้วยกัน คือเค้าให้ไปทำงานที่ร้านคอมของเค้าอาศัยหลับนอนที่นั่น จนมีเงินเดือนละออกมาเช่าห้องอยู่เองข้างนอก
ปัญหาการหนีออกจากบ้านหลายอย่างครับ ทั้งความผิดพลาดหลายสิ่งที่ผมทำ ทั้งปัญหาครอบครัวพ่อแม่ทะเลาะกันต่อหน้า ที่สำคัญผมดันมีความคิดเป็นของตัวเองมาตั้งแต่เด็ก คิดนอกกรอบคิดว่าตัวเองไม่เหมือนใคร คำสอนผู้ใหญ่เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง ฟังหูไว้หู พยายามหาเหตุผลต่อสิ่งที่เค้าพยายามสอนหลายๆอย่าง จนกลายเป็นเด็กหมีปัญหาอย่างที่บอก
เอาหละ ผมรู้ตัวเองว่าป่วยตอนอายุ16-17หลังจากหนีออกจากบ้านได้1ปี เกิดอาการแปลกๆหลายอย่าง จริงๆมันเกิดตั้งแต่ตอนที่ยังอยู่บ้านแล้วแหละ เพราะตัวคนเดียวแบบเป็นคนเก็บตัว ไม่ค่อยมีเพื่อน ไม่ค่อยเข้าสังคม แต่อาการเพิ่งมาชัดตอนหนีออกจากบ้านนี่แหละ อ้อ ตอนนั้นผมมีแฟนเป็นรุ่นพี่อยู่ จากอาการแปลกๆที่ตัวเองรู้สึก ผมก็เริ่มเล่าให้เค้าฟัง จนเค้าพาไปพบจิตแพทย์ ผลวินิจฉัยจากการนั่งคุยกับหมอเป็นชั่วโมงๆ ก็ออกมาได้ความว่า ผมเป็นซึมเศร้า+แพนิค ก็นั่นแหละ ตั้งแต่นั้นผมก็พยายามไปพบหมอและรักษาตัวเองมาตลอด กินยา ปรับยาหลายอย่าง ทั้งเพิ่มทั้งลด จนผมได้อายุ18 ผมตัดสินใจกลับมาบ้าน ทำงานใกล้บ้าน พาแฟนมาอยู่ด้วย แถวบ้านผมเป็นเขตอุตสาหกรรม ทำงานได้เงินเดือนสูงกว่าตอนไปอยู่กรุงเทพ ทั้งค่าครองชีพที่ถูกกว่า และ เหตุผลอื่นๆทำให้ตัดสินใจกลับมา
ผมเข้าทำงานในโรงงานแห่งหนึ่ง หยุดการรักษาเองตั้งแต่กลับมา ช่วงหยุดแรกๆก็แย่สุดๆ ยิ่งเป็นคนไม่ชอบสังคมด้วยแต่ก็ต้องไปทำงานทุกวันยิ่งแย่ไปใหญ่ ผมเริ่มปรับเปลี่ยน ขอเปลี่ยนจุดทำงาน ขอหัวหน้าย้ายไปเรื่อย จนไปอยู่ในจุดที่คนน้อยไม่พลุกพล่าน แต่ก็ไม่ได้ช่วยเท่าไหร่ จนผมกับแฟนเริ่มคิดที่จะพากันเที่ยว ออกทริป ควบมอไซค์ ไปไหนไปกัน ไปกันแค่สองคนคันเดียว ได้รับรู้ถึงโลกกว้าง เจอสถานที่มากมาย ได้ปลดปล่อยอารมณ์ ไปไหนทำอะไรก็ทำบ้าๆกันอยู่สองคนไม่สนใจใคร เที่ยวกัน2เดือนครั้ง จนอาการเริ่มดีขึ้น (จริงๆไม่ได้แค่ไปเที่ยวนะ ผมกับแฟนยังลองอะไรใหม่ๆ ปรับเปลี่ยนรสนิยม การมีเพศสัมพันธุ์แบบเอาท์ดอร์ ให้เซ็กส์แบบเอาท์ดอร์ช่วยบำบัดอีกทาง ซึ่งก็โคตรจะรู้สึกดี)
ตั้งแต่อายุ 18-21 ผมเที่ยวกับแฟนบ่อยมาก ไปหลายที่ หลายจังหวัด ผมคิดว่าผมหายแล้ว ดีขึ้นเยอะแล้ว เพราะพอได้เริ่มบำบัดด้วยตัวเอง ก็ไม่เคยมีอาการทางความคิดแปลกๆอีกเลย จนมาถึงวันเกณฑ์ทหาร วันที่ 4เดือน4ปี2561 จริงๆสำหรับผม ผมคิดว่าติดก็ดี ไม่ติดก็ดี เพราะตัวเองรู้สึกว่าถ้าติดก็จะได้เข้าไปเจอสังคมใหม่ๆเพื่อนเยอะ ได้ออกกำลังกายด้วย (ตอนนั้นหนัก90) และก็ผมมีความคิดว่าอยากจะลงสนาม อยู่ตามชายแดนงี้ ไม่เล่าเยอะละ สรุปผมจับได้ใบแดง ผลัด1/61
ช่วงที่เข้าไปฝึก2เดือนครึ่ง ยอมรับตรงนี้เลยว่า ไม่มีอาการของโรคซึมเศร้าหรือแพนิคแสดงออกมาเลยซักนิด(มั้ง) มีแต่รู้สึกเหนื่อยๆท้อๆ (อันนี้ไม่ได้โม้นะ ผมเป็นคนที่ผู้ฝึก #ผู้หมวดชาติ เล็งไว้ให้เป็นตัวตั้งตัวตีในวันทดสอบ) ที่รู้สึกท้อเพราะทุกการฝึกผมตั้งใจมากๆ แต่ก็โดนทำโทษเพราะกฏหมู่ แถมยังถูกผู้หมวกติวตัวต่อตัวอีกตั้งหาก หลายๆด่านฝึกผมถูกหมู่จ่าเล็งไว้ว่าทำได้ดี แถมผมยังถูกจับไปเป็นครูผู้ช่วยให้ผลัดเดียวกันในวันที่รุ่นพี่มันไปออกฝึก หมู่ ตอน หมวด อีกตั้งหาก หลายๆอย่างทำผมเหนื่อยและท้อมาก แต่ก็นั่นแหละ พอฝึกเสร็จน้ำหนักผมเหลือ65จาก90 สุขภาพร่างกายผมดีขึ้น สุขสภาพจิตไม่มีปัญหาเลย
จนวันที่ขึ้นกองร้อย
##### ขึ้นกองร้อยมาได้6เดือน ผมรู้สึกว่าแรงกดดันเยอะกว่าตอนผมฝึกซะอีก หมู่ จ่า หลายๆคนที่ไม่เคยเจอหน้า ไม่เคยรู้นิสัย พอได้เจอ ได้โดน เล่นเอาผมประสาทแ...กเลย ไหนจะพวกรุ่นพี่บางคนที่นิสัยเหี้..ๆอีก พอมีรุ่นน้องขึ้นมา ผมว่าผมก็มีทั้งเพื่อนสนิท ทั้งรุ่นน้องที่สนิท ที่พูดคุยเล่นเกมด้วยกันบ่อยๆ แต่ไปๆมาๆผมก็เริ่มตีตัวออกห่าง ทั้งๆที่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน ผมเริ่มไม่พูดไม่คุยกับใคร เริ่มเก็บตัว เริ่มมีความคิด บางครั้งก็รู้สึกว่า กองร้อยตั้งกว้างคนอยู่เป็นร้อยๆคน แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันทั้งแคบ ทั้งน่าอึดอัด แต่บางทีกลับคิดว่า ที่กองร้อยนี่มันกว้างเกินไป กว้างมากๆจนทำให้รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รู้จักที่นี่เลย รู้สึกตัวคนเดียว เหงา แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปพูดไปคุยกับใคร เวลามีกิจกรรมทำโน้นทำนี่กินกันในกองร้อย ตัวเองก็จะเก็บตัวมานั่งเล่นโทรศัพท์อยู่คนเดียว เริ่มรู้สึกตัวแล้วแหละว่าอาการมันเริ่มกลับมา รู้สึกว่าตัวเองอยู่ไม่ได้ เศร้า คิดถึง โหยหา นั่งคิดถึงเรื่องเก่า น้ำตาคลอ แต่ก็ไม่เคยกล้าบอกใคร ไม่เคยกล้าปรึกษาใคร เพราะรู้ว่านิสัยทหารกับการไม่เข้าใจคนไม่ฟังเหตุผลมันเป็นยังไง ตอนนั้นคิดแค่ว่าถ้าบอกไป ต้องถูกหาว่าบ้าแน่ ยิ่งสึมๆอึนๆ ทำอะไรช้าๆ สติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว ทำตัวเด่น กังวลต่างๆนาๆ เริ่มมีอาการแพนิค เวลาใครไปใครมากองร้อย ได้ยินเสียงพูดคุย เสียงรถ เสียงวิทยุ ใจสั่น กลัว ไม่รู้จะเจออะไร ไม่รู้จะเกิดอะไร ไม่รู้จะถูกเรียกตัวไปตอนไหน ไม่รู้ว่าไอ้ หมู่ จ่า วันนี้มันจะทำอะไร แต่ละวันโคตรทรมาน พยายามพาตัวเองไปโน้นมานี่เสนอตัวไปทำงานข้างนอกก็ไป จนได้พาตัวเองไปประจำเป็นทหารเมด เช้าตีห้าตื่นอาบน้ำไปเมดตั้งแต่เค้ายังไม่ตื่น ไม่รออยู่รวม ไม่รอนับยอด ไม่รออะไรทั้งนั้น อยู่เมดมีเพื่อนทหารอยู่ด้วยกัน4-5คน กับนายทหารอีกคน แต่ละวันแค่รอทำกับข้าวมื้อเที่ยง ล้างจาน เสร็จ นอน ตกเย็นๆผมค่อยกลับ จะกลับกองร้อยทีก็หลังทุ่มนึงเค้ารวมเสร็จ พูดได้ตรงนี้เลยว่า แทบไม่มีใครเห็นหน้าค่าตาเลย เวลาที่กองร้อยมีเรื่องมีงานอะไรคือไม่รู้เรื่องกับเค้าเลย เวลามันโดนโทษกันผมก็ไม่เกี่ยว แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรซักเท่าไหร่ และก็นี่แหละ เวลาผมเจอหน้าพวก หมู่ จ่า ที่มันกวนๆไม่สนใจอะไรหน่อย มันก็เล่น เล่นแบบไม่มีเหตุผล คำพูดคำจาดูถูกสารพัด ผมทำได้แค่ปั้นหน้ายิ้ม ละตอบมันได้แค่ ครับ ไม่มีไรครับ เปล่าครับ หรือ ยิ้มละหลบหน้าไม่สบตา พอถึงเวลาอาการออกคิดต่างๆนาๆว่าจะทำยังไง ร้องไห้คนเดียว คิดคนเดียว จนเคยคิดจะผูกคอตายในโรงนอน
##### ตอนออกมาอยู่ข้างนอก อาการค่อยๆดีขึ้นนะ ผมก็ทำงานออนไลน์ อยู่กับแฟน มีเวลาก็ไปเที่ยว แต่ก็ไม่ได้ไปพบเพื่อการรักษาที่ถูกวิธี ช่วง3-4เดือนแรก ผมก็โทรรายงานอยู่หรอก แต่มีช่วงนึงจ่ากองตามตัวบอกให้ผมกลับไปรายงานตัว แต่ไม่รู้บังเอิญ ตั้งใจ หรืออะไร 2วันก่อนกลับ ผมเริ่มคิด เริ่มกังวลว่า่กลับไปจะเจออะไรบ้าง จะมีอะไรอีกมั้ย ไอ้พวก หมู่ จ่า ที่เคยเล่นเราไว้มันจะทำยังไงกับเรา เราจะได้ออกมาอีกมั้ย ตกเย็นวันนั้นกำลังจะไปตลาด เดินลงบันไดหอพัก อยู่ๆก็ใจสั่น ขาสั่น หายใจไม่ค่อยออก ผมเดินพลาดตกบันได ข้อเท้าหัก จนได้ใส่เฝือก อีก1วันก่อนกลับ ผมไม่รู้จะบอกจ่ายังไง ผมต้องกลับมั้ย คิดมากต่างๆนาๆ และสุดท้ายพอถึงวันที่ต้องกลับผมก็ไม่ได้กลับไป แต่ผมไม่ได้ติดต่ออะไรไปเลย วันอีกวันถัดมาผมถึงจะติดต่อไปว่า ผมตกบันไดขาหักพร้อมกับถ่ายรูปขาละใบรับรองแพทย์ส่งไปให้ จ่าไม่ได้ตอบอะไรผม อีกวันถัดมาจ่าส่งข้อความมาบอก ให้ผมกลับไปรักษาตัวที่ค่าย ที่โรงบาลค่าย ซึ่งแน่นอนครับ ผมมีความคิดต่อต้านว่ายังไงก้ไม่กลับ ผมไม่ได้ตอบอะไรไป จนเวลาล่วงเลยมาจนใกล้ถึงวันปลดประจำการ 2อาทิตย์ก่อนปลด จ่าโทรมาหาผมถามว่าผมจะปลดมั้ย ให้กลับไปอย่างน้อยอยู่อีกซักอาทิตย์ แน่นอนครับอีหล็อบเดิม ผมไม่ได้กลับไปปลดตามที่จ่าบอก
##### 3เดือน หลังจากนั้น ผมก็ยังถูกโทรตามให้ไปปลดอยู่ แต่ผมก็ไม่ได้กลับไป ผมรู้สึกถึงแรงกดดันที่ตัวเองทำ ตัดสินใจพลาด เครียดมากจนอยากลาโลกนี่ไปซะ เบื่อปัญหา รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรก็ผิดพลาดตัดสินใจผิดตลอด จ่ากองโทรหาพ่อแม่ของผมละพูดถึงการปลดทหารของผม ซึ่งเค้าไม่ทำเรื้องปลดให้แล้ว แต่ให้เป็นทหารปี3 คืออยู่อีก1ปี พ่อแม่รู้เรื่องเลยพยายามมาคุยกับผม ผมทนไม่ไหวเครียดเกินไป เลยตัดสินใจบอกถึงปัญหาของตัวเอง ว่าตัวเองป่วยเป็นโรคซึมเศร้า + แพนิค ทำให้กลัวต่างๆนาๆเลยไม่กล้ากลับไป หลังจากได้ปลดปล่อยเล่าให้พ่อแม่ฟังก็ดีขึ้น พ่อแม่เข้าใจ แต่ยังไงผมก็ต้องกลับไปรายงานตัวก่อนละค่อยรายงานสิ่งที่เป็นให่ผู้กองฟัง เค้าจะเอายังไงก็ค่อยว่ากัน นัดวันเข้ารายงานตัวเสร็จสัพ
##### วันพุธที่ 3กันยา คือวันที่ผมต้องเข้ามารายงานตัว ที่มีพ่อกับแม่พามาพูดคุยด้วย ผมคิดว่าผมพร้อมแล้ว ผมมั่นใจแล้ว เช้าวันนั้นผมอาบน้ำแต่งตัวรอพ่อแม่มารับ ละก็ไม่รู้คิดยังไง ผมซัดยาเก่าที่ตัวเองเคยได้มา Alprazolem + Polizep5 + ยาแก้แพ้ รวมๆที่กินเข้า55เม็ด ละสายๆพ่อแม่ก็มารับ (แต่บอกตรงนี้เลย วันทั้งวันพ่อแม่พามากองร้อยมาพุดคุย ผมไม่รู้เรื่อง ไม่รู้สึกตัวเลย จำได้ลางๆเหมือนฝัน) วันพฤหัสตื่นขึ้นมาตอนเย็นคิดว่าพ่อแม่ยังไม่มารับ งงกับเหตุการณ์ จำอะไรไม่ได้ อาการเมาๆทั้งวัน ลุกนักก็หนักๆตัว
##### เช้าวันศุกร์พ่อแม่พาไปพบจิตแพทย์ หมอนัดพบวันจันทร์ที่ 14 กันยา ที่ใกล้จะถึงนี่ ละก็ปัจจุบันตอนนี้ผมอยู่ในกรมแล้ว เข้ามารายงานตัวพูดคุยรู้เรื่องตั้งแต่เมื่อวานวันที่ 8 พูดคุยกับจ่ากองแล้ว จ่ากองเข้าใจแล้ว รอใกล้ถึงวันหมอนัดเค้าถึงจะให้กลับไปตามนัดหมอ แต่ก็นั่นแหละ ตั้งแต่กลับมา ผมมีอาการตลอด เก็บตัว ไม่ค่อยพูดกับใคร ไม่ค่อยเจอหน้าสิบเวร ตอนเจอหน้า