คน..ปากดี 8

กระทู้สนทนา
คน..ปากดี 8

เล่าเรื่องการไปเข้าเรียน คอร์ส...ศิลปศาสตร์การพูด
ไปถึงเคล็ดลับของหลักการพูดไปแล้วว่า
ต้องมีหลักที่ต้องจดจำไว้ คือ...
ขึ้นต้นต้อง...ตื่น เต้น
การเดินเรื่องต้อง...กลม กลืน
ตอนจบต้อง...จับ ใจ
ไอ้ต้นตื่นเต้น น่ะ...ยังไม่ทันจะขึ้นพูดก็ ตื่น เต้ลลล จะตายแล้ว
อีกลางกลมกลืน ก็ไม่ง่าย มันพาลจะ กะล่อมกะแล่ม ถูไถแบบขอไปทีซะมากกว่า
พูดไป พูดมามันพาลจะออกทะเล กลับเข้าหาฝั่งไม่ได้เอานะซิ
ทุกอย่างมันต้องไปฝึกซ้อม บ่อย ๆ

เล่าค้างไว้ถึง ตอนจบต้อง...จับ ใจ
ซึ่งอันนี้ค่อนข้างยาก เพราะมันต้องใช้ความรู้ จากการอ่าน การฟัง 
ที่เก็บสะสมเอาไว้ตลอดชีวิต
เอามาทำให้เรื่องราวที่เดินมาทั้งหมด
ได้สรุปจบไปอย่างงดงาม และประทับติดอยู่ในหัวใจของผู้ฟัง
ตัวผมเอง เพิ่งจะไปเรียนคอร์สนี้ ยังมือใหม่เอี่ยม
ยังไม่สามารถทำได้ดีนัก

เช้าวันที่ 2 ของการเรียน
วันนี้บรรยากาศเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง 
เพราะพวกเรา 9 คนเริ่มรู้จักกันแล้วจากการพูดแนะนำตัวเองบนเวที
แถมได้นั่งกินข้าวกลางวัน และเบรคกาแฟพร้อม ขนมเค็ก บราวนี่ ขนมปังใส้กรอก ฯลฯ
ของอร่อย อารมณ์ก็ดี คุยกันถูกคอ ก็ยิ่งสนิทกันเข้าไปใหญ่

อาจารย์ท่านสอนเรื่องบุคลิกภาพ และการแต่งตัว ผมเผ้าหน้าตา
และเน้นให้ใส่เสื้อสูทอีกต่างหาก
เมื่อวานแต่ละคนมาจากหลายจังหวัด สารพัดภาค ออกแนวยีนส์สบาย ๆ 
พอวันนี้แต่งองค์ทรงเครื่อง ปรับแต่งทรงผม ดูเรียบร้อย ดูเป็นผู้บริหารกันทุกคน
อาจารย์ท่านมีความเป็น...ครู คือผู้ให้อย่างแท้จริง
ใครที่หลงมาเป็น...ลูกศิษย์ แล้ว ก็ปรารถนาจะให้วิชาความรู้ ไปซะทุกด้าน
เป็นใครมายังไงไม่รู้ล่ะ
แต่กลับไป...ต้องดีกว่าเดิม

การมาเรียนคอร์สนี้ ไม่ได้ให้แต่....วิธีการ
แต่ปลูกฝัง... วิธีคิด ด้วย
....วิธีการ ไม่สำคัญเท่าวิธีคิด

อาจารย์ใช้ชื่อสถาบันว่า....the best speech
เพราะได้ประมวลเอาหัวใจของ การพูด การพรีเซ้นท์
บีบอัด คัดกรองออกมาเป็น..... B - E - S - T

B  คือ. Body .....ภาษากาย 
E  คือ. Emotion....ภาษาใจ
S  คือ. Speech.... ภาษาถ้อยคำ
T  คือ. Timing.... กาลเทศะ

ภาษากาย มันช่วยขยายความหมาย ของคำพูด
การสื่อสารต่อกันระหว่างคนต่อคน หรือต่อสัตว์ก็เถอะ ผมว่ามันน่าจะมีมาก่อน...ภาษาพูด นะ
ผมนึกถึงมนุษย์ยุคหิน ที่ยังไม่มีภาษาพูดมาใช้
ก็คงบุ้ยใบ้ ชี้โบ๊ชี้เบ๊ กันไป หรือทำท่าทาง พร้อมยักคิ้ว หลิ่วตาไปด้วย เพื่อสื่อสารกัน
หรือคนที่เป็น...แม่ กับ ทารกตัวน้อย
พูดกันยังไม่รู้เรื่อง แต่ก็สื่อสารกันด้วยท่าทาง สายตา และรอยยิ้มน้อย ๆ
และที่สำคัญ คือ...สำเนียง เสียง ที่สื่อออกมา อย่างอ่อนโยน

อาจารย์ท่านบอกว่า น้ำเสียง ก็จัดอยู่ในหมวดนี้ด้วย สูง ต่ำ หนัก เบา
ยังหมายรวมไปถึง จังหวะการพูดอีกเหมือนกัน สำคัญนัก
จะช้าเร็ว เร่งร้อน กระแทกกระทั้น หรือออดอ้อน อ่อนหวาน 
แล้วก็มีเรื่องการใช้...สายตา และท่าทาง เข้ามาร่วมด้วยอีก
เรียนไป เรียนมาถึงบางอ้อ....นักพูด ก็ต้องเป็นนักแสดงด้วย
เพราะต้องใช้ ลีลา ท่าทาง ประกอบกับสิ่งที่พูด เพื่อเน้นย้ำ 
หรือนำพาไปด้วยกัน กับสิ่งที่พูดออกมา

การเรียนของเรา มีการฝึกแสดงบทบาทต่าง ๆ ด้วยนะ
ต่างคนก็ได้จับคู่ แสดงบทบาท ลีลาแตกต่าง ๆ กันไป
ยังคิดเข้าข้างตัวเองเลยว่า น่าจะมีแววทางนี้ก็ได้ นะ
เอาจริง ๆ เรียนคอร์สนี้ก็สนุกดีเหมือนกัน ได้ทำอะไรแปลก ๆ
แสดงตามบทกันไป ก็หัวเราะกัน คิก ๆ คัก ๆ ลืมความเครียดไปเลย

ระหว่างที่เรียนจะได้ออกไปพูดหน้าห้องในเรื่องต่าง ๆ คนละหลายครั้ง
ตามหัวข้อที่ อาจารย์ สุ่มหยิบขึ้นมา...เช่น คุณกลัวอะไรมากที่สุด
หรือ คุณคิดว่าโหราศาสตร์ เชื่อถือได้แค่ไหน
พวกเราจะได้หัวข้อต่าง ๆ กันไป แต่ต้องพูดแสดงความเห็น โน้มน้าวผู้ฟังให้คล้อยตาม
ในเวลาที่กระชับ ไม่มาก ไม่น้อยเกินไป
อย่างกับ การตอบคำถามของการประกวดนางงาม แน่ะ
ซึ่งมันต้องใช้ทั้ง ไหวพริบ ปฏิภาณ และการอ้างอิงถึงสิ่งที่เชื่อถือได้อีกด้วย
ท่านอาจารย์เอง ก็จะคอยขัดเกลา ติ ติง ตัด แต่ง แต้ม เติม
ให้กับพวกเราทุกครั้ง หรือคนละหลายครั้ง
จนกว่าจะเข้ารูปเข้ารอย ที่น่าพอใจ

ไอ้การที่ต้องออกไปพูดหน้าห้อง หน้าเวที บ่อยครั้งเข้า
มันเลยทำให้พวกเราลดความประหม่า ค่อย ๆ หมดความกลัวไมโครโฟน
และได้เรียนรู้การใช้ น้ำเสียง ผ่านไมค์ หนักเบา ช้าเร็ว 
ไอ้ที่เคยทั้งเกรง ทั้งขยาดกับมัน ก็ค่อย ๆ คุ้นชิน และควบคุมมันได้ในที่สุด
ถือว่าพวกเราก้าวหน้าได้รวดเร็ว ภายในเวลาแค่ 1 วันครึ่งเท่านั้น
ก็สามารถควบคุม สติ และปราบศัตรูที่น่ากลัว อันเท่าไม้ตีพริกนี้ได้แล้ว

.... สอนเหมือนไม่สอน เรียนเหมือนไม่เรียน ....
เป็นสโลแกนของคอร์สนี้ ครับ

อนณ นิศารัตน์
โทร. - ไลน์ 
0931499564

คน..ปากดี 9
https://pantip.com/topic/40178950
แก้ไขข้อความเมื่อ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่