แฟนอยากแต่งงาน แต่พอมาขอทางบ้านเรียกสินสอดทองหมั้นไป ตอนคุยตอบตกลง พอกลับไปบ้านฝ่ายชายบอกมากไป ควรทำยังไงดี

เราคบกับแฟนมานาน 12 ปี ตั้งแต่ม.6 - จนเรียนจบป.โท แฟนอยากแต่งงานเค้าก็ถามเมื่อไรจะเรียนจบ เค้าทำงานเหนื่อยไม่มีใครหุงหาให้กิน แฟนเหงา  พอเราเรียนจบกำลังหางานทำพ่อเราป่วยต้องเข้าผ่าตัด 2 รอบ ทำให้เราต้องกลับมาดูแลกิจการสวนทุเรียน และติดช่วงโควิดถึงตอนนี้ พ่อก็เลยไม่ให้ไปทำงานที่อื่นเพราะเราเรียนสายเกษตรให้เราทำสวน ส่วนแฟนเรามีอาชีพขายของชำ จนถึงวันที่แฟนเรามากับแม่เค้าเพื่อมาทาบทาม พ่อเราเรียกทองหมั้น 10 บาท ส่วนสินสอดไม่เรียกแต่ขอให้มาให้สมเกียรติทั้งสองฝ่ายเพราะเราเรียนจบสูงทั้งคู่ แม่เค้าก็บอกว่าไม่ได้ต้องเรียก เค้าเสนอมา 1 ล้าน แล้วแม่เค้าก็พูดประมาณว่าที่ทางเค้ามีบลาๆ แบ่งให้ลูกๆแล้วจู่ๆแฟนเราก็ไปเอาโฉนดที่ดินมาให้ดู พ่อเราปฏิเสธที่จะไม่ดู พ่อเราเลยบอกว่าพ่อไม่เอาสินสอดแต่ให้ลูกทั้งสองเอาไปตั้งตัวเอาไปฝากเป็นชื่อสองคน ส่วนทองหมั้นพ่อก็ไม่เอาให้เราเป็นคนจัดการ ทางเค้าก็ตกลงส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆพ่อเราบอกค่อยคุยกันเพราะรายละเอียดเยอะ แต่ทางแม่แฟนเค้าเสนอว่าทองหมั้น 10 บาท ให้เป็นสลาก ธกส. 300,000 ดีไหม ทางเราก็งง แล้วนั่งมองหน้ากัน แล้วแม่แฟนก็บอกถึงเหตุผลว่าต่อไปอาจถูกรางวัล พ่อเราเลยบอกแล้วแต่เรา แต่เราก็ไม่ได้ตอบอะไร พ่อเลยตัดบทชวนกินข้าว แล้วก็บอกว่าเดี๋ยวค่อยคุยกันอีกที เราจะไม่เอาเปรียบกัน ในวงข้าวแม่แฟนก็เล่าถึงครอบครัวเค้าลูกสะไภ้เค้า แล้วลงท้ายว่าในบ้านฉันเป็นใหญ่สุด เราและครอบครัว 4 คนมองหน้ากัน แล้วฟังเค้าพูด บลาๆ...เสร็จเค้าขอตัวกลับ....พอกลับไปบ้านแฟนเราคุยกับเราว่าพ่อเรียกแพงไปไหม ไหนจะเงิน 1 ล้านอีก ทอง 10 บาทอีก ส่วนเงิน 1 ล้านเค้าบอกว่าเสร็จปุ๊ปแม่เค้าเอากลับวันนั้นเลย เราก็อ้าวว งง ได้หรอ ทำไมตอนคุยไม่พูดไม่บอก แบบนี้ก็ได้หรอ เราก็บอกว่าพ่อไม่เอานะเค้ายกคืนเราสองคน แม่จะเอากลับวันงานเลยมันใช่หรอ ตอนคุยไม่ใช่แบบนี้ไหม เราก้เถียงกันพักใหญ่ เราก็เปลี่ยนเรื่องว่า เราจะเอาแหวนแบบไหนกันดี เพราะเราต้องต่างคนต่างซื้อเพื่อแลกแหวนกัน เค้าก็บอกว่าแหวนจะให้เค้าซื้ออีกหรอมันก็คือในทองหมั้นนั่นแหละจะซื้อทำไม เราก็งงแปป แล้วแฟนเราก็ว่าทางเราจะให้ฝ่ายชายออกค่าโต๊ะจีนฝ่ายเดียวไม่ไหวนะ เราเลยบอกวันนั้นพ่อบอกค่อยคุยกันอีกทีนะอย่ามาโทษกัน เราเลยหยุดคุยเรื่องนี้ เพราะไม่อยากทะเลาะ (เราแอบอัดเสียงไว้แหละ เรารู้ตัวว่าไม่ดี แต่เราเป็นคนที่ทำอะไรต้องมีหลักฐานตั้งแต่สมัยเรียน)
พอมาอีกวันแฟนเราก็คุยว่า แม่เค้าให้ทองได้แค่ 3.50 บาท เพราะสะไภ้อีกคนเค้าให้แค่นี้ จะมากกว่าไม่ได้ ที่เหลือแฟนเราจะเป็นคนออกเองให้ครบ 10 บาท เราก็เลยบอกแฟนว่าจะเทียบกันก็ไม่ใช่นะ เราคนละคนกัน เค้าท้องก่อนแต่งด้วย เราไม่ได้ท้องนะ แล้วทางแม่แฟนช่วยเหลือครอบครัวสะไภ้ทุกอย่าง ซึ่งทางเราไม่เคยไปมีเหตุการณ์แบบนั้นนะ สักพักแฟนโทรไลน์มา แล้วแม่แฟนคุยบอกว่า
 1. เรื่องทองหมั้นเค้าให้สะไภ้คนแรก 3.50 บาท เค้าต้องให้เราเท่านี้มากกว่านี้เดี๋ยวสะไภ้เค้าว่าลำเอียง แล้วลูกชายเค้าจะเติมให้ครบ 10 บาท แต่ถ้าสะไภ้เค้าถามให้ตอบว่าแม่ให้ทองแค่ 3.50 บาท
 2. ถ้าเราเปลี่ยนจากทองเป็นสลาก แล้วใส่ชื่อลูกชายเค้าไปด้วยจะเพิ่มให้อีก 3 แสน 
 3. เงิน 1 ล้าน เค้าจะไม่เอากลับ เค้าบอกว่าจะให้เรานอนเชยชมให้ชื่นใจ (เราเริ่มทนไม่ไหวแล้ว)
 4. ค่าโต๊ะจีนทางเราอยากได้แบบไหนเต็มที่เลย เอาหูฉลามด้วยไหม แล้วค่อยมาหารค่าใช้จ่ายกัน (เราเลยตอบไปว่าทั้งหมดค่อยคุยกันอีกทีนะคะ)
เรารู้สึกแบบโกรธมาก เหมือนเราหิวเงิน แต่เค้าไม่รู้ว่าตอนที่คุยนั้นพ่อแม่และน้องเรานั่งอยู่ด้วย ทำให้ครอบครัวเราได้ยินหมด 
หลังจากคุยกับแม่แฟนเสร็จ เราถามแฟนว่า ได้ฟังด้วยไหม เค้าบอกเปล่า เราเลยเล่าให้เค้าฟัง เค้าก็ปลอบใจเราแหละว่าแม่ไม่ได้ตั้งใจพูดหรือเปรียบเทียบหรือว่าเราหิวเงิน เราเลยบอกแฟนเราว่าเนี่ยเรานั่งฟังกันทั้งบ้านนะ แล้วก็ไม่ชอบด้วยที่มาพูดแบบนี้ แฟนเราเลยขอโทษ เราปฏิเสธให้มาขอโทษเองที่บ้าน พอแฟนเรามาขอโทษพ่อเราเลยพูดว่าให้แฟนเราเป็นตัวของตัวเอง เป็นกลาง เพราะจะสร้างครอบครัว เป็นหัวหน้าครอบครัวต้องหนักแน่นไม่ลำเอียง แล้วก็เล่าให้ฟังว่าที่พ่อเรียกไป พ่อทำเหมือนที่ตากับยายทำที่เค้าไม่เอาอะไรเลย ยกลูกสาวให้ไป แล้วยังให้เงินมาสร้างครอบครัวจนมีฐานะดีถึงทุกวันนี้ จนแฟนเรากลับพ่อก็ให้ทุเรียนกลับไปกิน ซึ่งทางบ้านเราจะให้เค้าประจำทุกปี อยากได้ก้านยาว ชะนี หมอน แบบไหน ทางเราไม่บ่นเลย แล้วพ่อบอกว่าให้พ่อต่อเติมบ้านให้เสร็จก่อนค่อยมาคุยกันใหม่ เพราะเสียงดัง.....

เราก็เลยปรึกษากับครอบครัวตลอดว่าฝ่ายนั้นเค้ามีปัญหาเรื่องสินสอดทองหมั้น พ่อเราก็บ่นทำไมวันนั้นไม่พูด ตอบตกลงทำไม คิดว่าเรื่องสินสอดทองหมั้นจบไปแล้ว พ่อเราเลยบอกว่าถ้างั้นไปบอกแฟนว่าที่คุยกันยกเลิก คุยกันใหม่ 
1 . ทองหมั้นเหมือนเดิม 10 บาท จะไปซื้อตอนทองขึ้นหรือลงก็แล้วแต่ๆ ต้องเป็นทอง 10 บาท ซึ่งจะต้องเป็นของเราคนเดียวเพื่อเป็นหลักประกันว่าเราจะไปอยู่โดยไม่มีรอยขีดข่วน หรือฝ่ายโน้นจะไม่ทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ (หรือถ้าเราเต็มใจจะไปขายเก็บเงินให้เป็นชื่อแฟนด้วยพ่อก็ไม่ว่า ให้เราตัดสินใจเอาเอง)
2. เรียกเงิน 6 แสน (จากที่ไม่เรียกจะมาเท่าไรก็ได้ แต่หลังจากเสร็จงานแล้วให้ไปฝากเป็นชื่อเรากับแฟนทันที)
3. ค่าขันหมากฝ่ายชายต้องออกเอง ที่เหลือค่างานทั้งหมดฝ่ายหญิงออกไม่ต้องยุ่งใดๆทั้งสิ้น (โดยจะใช้เงินค่าซองจ่าย หากไม่พอทางเราจะออกเอง ซึ่งทางเราจะออกเองก่อนแล้วค่อยหักค่าซองคืน เพราะส่วนใหญ่แขกจะเป็นของฝ่ายเรา โดยงานจะจัดที่บ้านเราเอง) 
---> ทางพ่อเราบอกกับเราว่าหลังแต่งงานพ่อจะให้เงินก้อนนึงเพื่อไปใช้ตอนอยู่บ้านเค้า ไม่ต้องไปเดือดร้อนเค้า แล้วก็มาทำสวนทุเรียนปกติ แล้วแบ่ง%ให้มากกว่าที่เคยได้ แต่เราไม่ได้บอกแฟนในส่วนของตรงนี้

จนถึงตอนนี้เราก็ถามแฟนเราตลอดเรื่องงานแต่ง เค้าก็บอกว่าพ่อเราเรียกแพงเกินเค้าไม่มีปัญญา เค้าบอกว่าทางบ้านเราสร้างกำแพงสูงเกินไป ทั้งๆที่ครอบครัวเรายืนยันว่าทั้งหมดคืน โดยจะอยู่ที่เราสองคน ตั้งแต่แรกเราคิดว่าทางฝ่ายแฟนเราไม่เคยไว้ใจเราเลย ทั้งๆที่เราทั้งสองบ้านไม่เคยแม้แต่จะหยิบยืมเงินต่อให้จะเดือดร้อนยังไงเราก็ไม่เคยไปยุ่งกับเขา เราก็บอกแฟนไปว่าถ้าไม่เคยคิดจะไว้ใจกันแล้วเราจะอยู่ด้วยกันยังไง หรือเค้ามีเหตุผลอะไรเค้าก็ไม่บอกให้เรารู้ว่าทำไม...ถึงไม่ไว้ใจ 

ปล. ทางครอบครัวเค้าไม่มีหนี้สินใดๆ เค้ามีพื้นที่ทำกินเยอะ สวนปาล์ม ยาง ....  ฐานะปานกลาง
แม่เค้าเคยเป็นมะเร็งไทรอยด์ ตอนนี้รักษาหายแล้ว แต่เค้าก็ยังคงพูดว่าแม่เป็นมะเร็งทุกครั้งที่คุยเรื่องแต่งงาน
เค้าเคยบอกเราว่าอยู่บ้านอึดอัด แม่ชอบเอาแต่ใจ พูดอะไรไม่ฟัง แม่บังคับทุกอย่าง ไม่ว่าจะทำอะไร เค้าไม่สามารถคิด หรือตัดสินใจเองได้ในบางเรื่อง เค้าอยากปิดร้านเพื่อพักผ่อน แม่ไม่ยอม อยาากเที่ยวก็ไปไม่ได้ ซื้อของออนไลน์ก็โดนบ่น อีกเยอะ...ไม่อยากพูดถึง จนตอนนี้แฟนก็ยอมแม่ทุกอย่างแหละ แฟนเราเป็นคนเล็กด้วย อยู่กับแม่ แต่บ้านคนละหลังชายคาบ้านติดกัน พี่ชาย กับพี่สาวเค้าอยู่คนละบ้าน และบ้านห่างกันคนละที่ (แฟนเคยบอกว่าแม่จะให้เงิน 1 ล้านไปสร้างบ้านแฟน พ่อเราก็จะช่วยสบทบด้วย แต่แม่เค้าปฏิเสธ)

ส่วนทางบ้านเราไม่มีหนี้สินใดๆ เรากับร้องเรียนจบโทแล้ว กลับมาทำสวนทุเรียน สวนปาล์มที่บ้านเพราะพ่อแม่แก่แล้ว ใกล้จะ 60 แล้ว
ทางบ้านเราเคยมีปัญหาทางครอบครัว ทางการเงิน แต่ตอนนี้เราจัดการปัญหาส่วนนั้นจบแล้ว ทางบ้านเราพึ่งตัวเองมาตลอด ไม่เดือดร้อนใคร พื้นที่ทำกินเรามีไม่เยอะ แต่เรามุ่งมานะจนตอนนี้เรามีได้เท่าเทียมคนอื่น รายได้หลักมาจากทุเรียน  แล้วทางเราก็เคยเห็นเงินล้านสองสามล้านเคยเห็น ไม่จำเป็นต้องมานอนชมเชยแบบที่แม่แฟนพูด แต่เราไม่เคยพูดนะ เงียบตลอด แม่แฟนจะนินทาใครเรารับฟังแต่ไม่พูด เพราะเป็นเรื่องในครัวเรือนเค้า

ส่วนตัวเราเคยคิดว่ารู้จักแฟนดีพอ พอเอาเข้าจริงๆเราแทบจะไม่รู้จักตัวตนของเค้าเลย ยิ่งเราพูดสะกิดนิดหน่อยพื้นฐานแท้จริงเค้ายิ่งออก ซึ่งต่างจากตอนคบกัน เราเสียใจแหละยอมถอยมาหลายก้าวแล้ว เงียบมานานแล้ว จนถึงตอนนี้แฟนก็ยังบอกเรียกแพง เราก็นึกนั่งขำคนเดียวตลอด ขำตัวเองขำแฟน
ทางบ้านเราถามเราตลอดว่าจะอยู่กับเค้าได้หรอ ยังไม่ทันแต่งขู่แล้วแม่เป็นใหญ่ นินทาคนในครอบครัว ต่อไปลูกเราเค้าก็นินทา พ่อก็เป็นห่วงแหละเราผู้หญิงจะทางไหนก็เสียหายหมดก็เลยอยากให้ทองส่วนนั้นให้เราเก็บไว้ แต่ทางแฟนคนจีนก็จะเหนียวๆคงจะเป็นแบบนี้มั้ง แล้วพ่อเราดูออกว่าแฟนเราไม่คิดทำอะไรเลย แล้วจะเป็นหัวหน้าครอบครัวยังไง ตัดสินใจไม่ได้สักอย่าง เป็นกลางยังไม่ได้ เราก็เศร้าแหละ ไม่คิดว่าจะเป็นขนาดนี้ ไม่รู้จะทำยังไง จะไปเปลี่ยนความคิดใครก็ไม่ได้ ได้แต่นั่งทุกข์ใจแบบนี้ ไม่รู้จะทำยังไงดี เราเร่งรัดเค้ารึป่าว  เราไม่ใช่ผู้หญิงเที่ยว ดื่ม ผับ บาร์ไม่เข้า รอยสักตามตัวอะไรไม่มี อยู่แต่บ้านทำสวน ปลูกทุกสิ่งอย่างที่ปลูกได้กินได้ขายได้ แทบจะไม่เสียเงินซื้ออะไรเลย ซื้อแค่พวกเนื้อ ที่เราผลิตเองไม่ได้ หรือที่เราเป็นอยู่ไม่ดีรึป่าว ควรทำยังไงดีคะ 

ต้องขอโทษด้วยถ้าเค้าบังเอิญมาอ่านเจอ
ต้องขอโทษทุกคนที่อ่านมันยาวมาก มันมีมากกว่านี้อีก
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
อ่านถึงว่า จขกท มองว่า ตัวเองสูงส่งกว่าสะใภ้อีกคนและควรได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่า
เพราะเขาท้องก่อนแต่งและทางบ้านเขาเคยมีปัญหาให้แม่แฟนต้องช่วยเหลือ

คุณทำอย่างกับว่าการที่เขาท้องก่อนแต่งศักดิ์ศรีความเป็นคนของเขามันลดน้อยถอยลงอย่างนั้นแหละ
แม่แฟนเขาไม่ถือ เขารักสะใภ้เท่ากัน ให้เท่ากัน เพราะนั่นก็แม่ของหลานเขา คู่ชีวิตของลูกชายเขา
คุณยังไม่ทันแต่ง ความคิดก็จะเหยียบหัวสะใภ้เขา ซึ่งเป็นคนในครอบครัวเขาแล้ว
แต่งไปไม่รู้จะเจ้ายศเจ้าอย่างขนาดไหนอีก

คงไม่อ่านต่อแล้วค่ะ ทำเหมือนตัวเองสูงส่งมากมายขนาดนั้น
ความคิดเห็นที่ 8
เฮ้อ
ถ้าเป็นครอบครัวมหาเศรษฐี คงไม่มีปัญหานี้ คงจะเอาเงินเอาทองมากองเปย์ เอาหน้ากัน
ถ้าเป็นครอบครัวของคนหาเช้ากินค่ำ ไม่มีเงินเก็บ ก็คงไม่มีปัญหานี้ บอกสินสอดไม่มี จะเอาสินสอด ก็ไม่ต้องแต่ง

ตกลงสินสอดกันไม่ได้ ก็เลิกกันไปครับ หาคนใหม่ ที่มีพร้อมเท่ากัน แล้วพร้อมที่จะจ่าย ถามกันตั้งแต่ก่อนคบเลย จะได้ไม่เสียเวลาคบ ว่ามีทัศนคติอย่างไรกับสินสอด

คนสองคน รักกันชอบกัน น่าจะตอบตัวเองกันได้ ว่าพร้อมจะรับผิดชอบครอบครัวกันด้วยตัวเองหรือเปล่า

พอมีคนเข้ามาเป็นคนกำหนดกฏเกณฑ์ ทั้งสองฝ่าย ฝ่ายนึงกำหนดราคาค่าตัวตามคุณสมบัติ อีกฝ่ายอยากได้แต่ไม่อยากจ่าย ก็คงไม่ลงตัว แต่เชื่อผมมั๊ย ถ้าไม่ได้ตั้งต้นด้วยการกำหนดค่าตัว ปัญหาพวกนี้จะไม่เกิด

แล้วแฟนคุณ ไม่เอาไหน อยากจะแต่งงาน อยากจะมีเมีย ยังต้องแบมือขอเงินแม่มาเอาเมีย แล้วเจอแม่แบบที่คิดว่า เงินฉันหามา ลำบากของฉัน ทำไมฉันจะต้องจ่าย ให้กับเมียของลูกละ

ผมก็คิดอย่างนี้เหมือนกัน ตอนที่ผมแต่ง เงินทุกบาท ทุกอย่างที่ใช้ หาเองหมด คิดอย่างเดียว คือ แม่ลำบากมาเยอะแล้ว แต่งงานเป็นเรื่องส่วนตัว แม่ไม่ได้มีส่วนได้อะไรด้วยเลย ไม่ไปกวนเงินแม่สักบาท ไว้ให้แม่ได้เก็บใช้สบายๆในอนาคต แม่เสนอให้ก็ไม่เอา

แล้วมีลูกชาย ก็จะสอนให้หาเงินมาให้ภรรยาด้วยตัวเองเหมือนกัน ทำงานสร้างตัวเอง ทำไม่ได้ หาไม่ได้ตามที่บ้านว่าที่ภรรยาเรียก ก็ไม่ต้องแต่ง ไม่ต้องมี พ่อก็ยังเป็นคนสร้างเนื้อสร้างตัว สะสมเงินเดือนไปเดือนๆนึงเหมือนกัน เงินที่จะต้องเก็บไว้เกษียณตัวเอง ถ้าต้องแบ่งไปให้บ้านภรรยาลูกคงไม่ค่อยยินดี

แต่บ้านที่เค้าสะสมมาเยอะๆแล้ว ไม่ได้ค่อยๆสร้างเนื้อสร้างตัว ซื้อภรรยาให้ลูกชาย คงจ่ายได้สบายๆ อันนั้นก็ข้ามไปนะครับ

ทีนี้ ก็ต้องดูแหละครับว่าครอบครัว แฟนคุณ เป็นครอบครัวระดับไหน ระดับที่ยังต้องสร้างตัวสะสมเงินมั๊ย หรืออยู่ในระดับที่จ่ายเงินเอาหน้าได้สบายๆ  บางที อาจจะไม่มีปัญญาหามาจริงๆ ก็ได้ คุณและแฟนคุณเท่านั้น ที่รู้ว่าจริงๆทางบ้านระดับไหน

สำหรับผม คิดว่า 12 ปี มันนานพอ ที่จะเป็นว่าครอบครัวทางบ้าน นิสัยอย่างไร ตัวแฟนเราเอง นิสัยอย่างไร

และผมเห็นด้วยกับแม่แฟนคุณ คือ สะใภ้อีกคน แม่ให้ 3 บาทครึ่ง สะใภ้คนนี้ แม่ก็ควรจะให้ 3 บาทครึ่ง ไม่งั้นแม่จะมองหน้าสะใภ้อีกคนลำบาก สะใภ้อีกคน จะมีคำถามขึ้นมาทัน จะเกิดการไม่สนิทใจกันขึ้นมาทันที

ส่วนท้องก่อนของสะใภ้อีกคน จะเอามาอ้างว่าคุณสมบัติดีกว่า เหนือกว่า เพราะไม่ได้ท้อง อันนั้นไม่น่าจะเทียบกัน คุณค่าคนเราไม่ได้อยู่ที่ว่าท้องไม่ท้อง คุณค่าคนเราไม่ได้อยู่ที่อยู่กันก่อน สัมพันธ์กันก่อนมั๊ย

ถ้าให้ดี แม่ก็ออกให้ เท่ากับสะใภ้อีกคน เหมาะสมที่สุดแล้ว แฟนคุณอยากให้คุณเพิ่มเท่าไหร่ เป็นหน้าที่ที่แฟนคุณจะต้องไปหามาเอง
ความคิดเห็นที่ 3
พ่อแม่คุณ รักคุณมากนะคะ
คุณเองก็ดูแลตัวเองได้อย่างดี

ถ้าเราเป็นคุณ เราถือว่า ข้อเสนอที่พ่อแม่เราเรียกไปนี่ ท่านยอมลงไปมากแล้ว
และทุกอย่างก็มีเหตุผล ในเรื่องห่วงลูกสาว ไม่ได้คิดเอาเงินเข้าตัวเอง
คิดให้คุณทั้งคู่ไปตั้งตัวกัน ตามแบบที่ตายายเคยทำ ก็แฟร์ดีแล้ว

ในเมื่อแฟนคุณยังมองว่าแพงไป เขาก็ไม่ผิดค่ะ
เรื่องราคา ทุกอย่าง มันอยู่ที่ความพอใจ
ในเมื่อเขาไม่พอใจที่จะจ่าย (ทั้งๆที่ต้องกลับไปหาเขาอยู่ดี)
ก็แปลได้ตรงตัวค่ะ คุณไม่ได้มีค่าพอที่เขาอยากจะต่อสู้เพื่อจะอยู่ด้วย

คุณก็ตัดสินใจเอานะคะ
อย่าทำให้พ่อแม่เสียใจ เพราะความเป็นห่วงคุณนักเลยค่ะ

คนที่เหมาะสมและรักคุณกว่าคนนี้ในอนาคต น่าจะมีนะ

ชีวิตคู่ไม่ใช่เรื่องเล่นขายของค่ะ

flower
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่