เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องของเราเองค่ะ......
เรื่องมันเริ่มต้นที่ว่า.....เรากับแฟนคบกันมาได้ระยะนึงแล้วค่ะ เราอายุห่างกัน 8 ปี ตอนนี้แฟนมีหน้าที่การงานที่ดีในระดับหนึ่งค่ะ แต่ก็ถือว่ายังเป็นมนุษย์เงินเดือน ที่เดือนนึงไม่ถึง3หมื่นอยู่ดี แต่เราเองเพิ่งเรียนจบค่ะ ยังไม่ได้ทำงาน และยังไม่มีเงินเดือน แต่ที่บ้านเราเริ่มวางแผนว่าอยากให้เราแต่งงาน มีลูก ซึ่งตัวเราเองไม่ได้ซีเรียสเรื่องแต่งงาน หรือ มีลูกทันทีหลังเรียนจบอยู่แล้ว คือจะแต่งงานเลยก็ได้ ไม่มีปัญหาอะไร แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ประเด็น "ค่าสินสอดนี่แหละค่ะ" เพราะครอบครัวเราเองค่อนข้างมีฐานะระดับหนึ่งเพราะพี่ชายเป็นหมอ เลยทำให้พอมีหน้าตาในสังคมอยู่บ้าง ทีนี้ค่าสินสอดสำหรับมนุษย์เงินเดือนธรรมดาอย่างแฟนเราก็เลยเยอะตามไปด้วย ถ้าในความคิดของคนมีฐานะร่ำรวย เงิน5แสน-1ล้านบาท อาจดูเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับการแต่งงาน แต่สำหรับมนุษย์เงินเดือน2หมื่นต้นๆ มันแทบจะเป็นเรื่องยากมากๆค่ะ ถึงแม้ที่บ้านฝ่ายชายเองนั้น พ่อแม่จะมีที่ดินและทำธุรกิจส่วนตัวก็ตาม แต่แฟนเราก็ยังมองว่าค่าสินสอดในการขอผู้หญิงควรมาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองอยู่ดี เราเองก็ไม่แน่ใจนักนะค่ะว่า การแต่งงานหนึ่งครั้ง เงินค่าสินสอดทองหมั้นต้องมาจากพ่อแม่ฝ่ายชาย หรือควรเป็นเงินของผู้ชายเองทั้งหมด...??? อันนี้ใครทราบช่วยบอกกเราด้วยนะค่ะ
เราเองกลับมองว่า เงินค่าสินสอดไม่ได้มีความสำคัญเท่ากับความรัก ความจริงใจ และความผูกพันที่เรามีต่อกันเลยค่ะ แต่เข้าใจค่ะ ในมุมของคนเป็นพ่อแม่ กว่าจะเลี้ยงลูกสาวคนนึงให้โตมาได้ขนาดนี้ก็ลำบากไม่น้อย อีกอย่างเราเป็นลูกสาวคนเล็กด้วย จะมายกให้ผู้ชายคนอื่นฟรีๆก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่เราก็คิดว่าการที่โดนเรียกเงินถึง5แสน มันอาจจะมากไปนิดนึงค่ะสำหรับมนุษย์เงินเดือน ซึ่งเราเองก็ไม่ได้สวย ไม่ได้น่ารักหรือหุ่นดี ถึงขนาดที่ต้องแลกด้วยเงินเยอะแยะขนาดนั้นเลยค่ะ ซึ่งการแต่งงานในความคิดของเรา มันควรมีค่าสินสอดทองหมั้นที่พอเหมาะพอควร และเหมาะสมกับกำลังทรัพย์ของฝ่ายชายด้วยรึป่าว...???? จิงๆแล้ว เราสามารถรอได้นะเรื่องแต่งงานอ่ะ คืออยากให้ฝ่ายชายพร้อมมากกว่านี้ก่อนแล่วค่อยมาคุยกันก็ได้ แต่ที่ต้องตัดสินใจคุยกันตอนนี้เพราะ ที่บ้านเราทั้งสองฝ่าย ต่างพูดกันตลอดว่า อยากอุ้มหลานเร็วๆ เพราะแฟนเราก็อายุจะ 30แล้ว ส่วนพ่อแม่ ก็อายุมากแล้ว เราก็เลยคิดว่าถ้าจะปล่อยให้ตัวเองท้องตั้งแต่เรียนจบโดยที่ยังไม่มีการแต่งงาน มันก็ดูไม่เหมาะสมเลย แถมจะพาให้คนอื่นนินทากันไปอีก จิงมั้ยค่ะ...??? แต่นั่นแหละค่ะ พอมานั่งคุยกันเรื่องค่าสินสอด ก็ไม่รู้ว่าจะได้แต่งงานกันเมื่อไหร่ เพราะถึงแม้บ้านฝ่ายชายค่อนข้างมีฐานะประมาณหนึ่ง แต่แฟนเรากลับไม่อยากรบกวนพ่อแม่ในเรื่องค่าสินสอดน่ะสิค่ะ นี่แหละค่ะที่เป็นปัญหา
เราอยากถามความเห็นเพื่อนๆหน่อยค่ะ ว่าคิดยังไงกับการเป็นมนุษย์เงินเดือน ที่ต้องทำเพื่อเงินค่าสินสอดครึ่งล้าน...?????
เพิ่มเติมอีกนิดนึงนะค่ะ..... คือเราได้คุยกับแม่เราดูแล้ว แม่ก็บอกว่าเงินค่าสินสอดที่ได้มาก็จะคืนให้ไปสร้างครอบครัวกันเองหลังแต่งงานเสร็จค่ะ แต่ยังไงวันแต่งงานก็คงต้องมีสินสอดทองหมั้นอยู่แล้ว ทั้งเงินสด ทั้งทอง ทั้งแหวนแต่งงาน รวมๆแล้วก็ประมาณ 5 แสน ยังไม่รวมตอนจัดงานแต่งเลยค่ะ เพราะฉะนั้น ยังไงก็คงต้องรอลุ้นกันต่อไปแล้วหล่ะค่ะว่าแม่เราจะเปลี่ยนใจมั้ย ไม่งั้น.....สงสัยเราคงต้องขึ้นคานแน่ๆเลยค่ะ

แต่เรามั่นใจค่ะ มั่นใจมากว่ายังไงเราก็คงหยุดที่ผู้ชายคนนี้แล้วแหละ แต่สิ่งที่เรากลัว คือ กลัวจะเลิกกัน ผิดใจกัน เพราะเรื่องสินสอดที่ไม่ลงตัวนี่แหละค่ะ เพราะผู้ชายคนนี้เป็นคนดีมากๆคนนึงจิงๆค่ะ เราก็คงไม่อยากเสียเค้าไปหรอกค่ะ เพราะกว่าจะคบกันมาถึงจุดนี้มันไม่ง่ายเลยค่ะ ถึงเราคบกันในช่วงเวลาไม่นานนัก แต่เราผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะเหมือนกันนะ เรากลัวค่ะ.... กลัวว่าเรื่องนี้มันจะกลายเป็นอีกอุปสรรคที่ไม่รู้ว่าเค้าจะผ่านมันไปได้มากแค่ไหน
มนุษย์เงินเดือน กับ ค่าสินสอดครึ่งล้าน....????
เรื่องมันเริ่มต้นที่ว่า.....เรากับแฟนคบกันมาได้ระยะนึงแล้วค่ะ เราอายุห่างกัน 8 ปี ตอนนี้แฟนมีหน้าที่การงานที่ดีในระดับหนึ่งค่ะ แต่ก็ถือว่ายังเป็นมนุษย์เงินเดือน ที่เดือนนึงไม่ถึง3หมื่นอยู่ดี แต่เราเองเพิ่งเรียนจบค่ะ ยังไม่ได้ทำงาน และยังไม่มีเงินเดือน แต่ที่บ้านเราเริ่มวางแผนว่าอยากให้เราแต่งงาน มีลูก ซึ่งตัวเราเองไม่ได้ซีเรียสเรื่องแต่งงาน หรือ มีลูกทันทีหลังเรียนจบอยู่แล้ว คือจะแต่งงานเลยก็ได้ ไม่มีปัญหาอะไร แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ประเด็น "ค่าสินสอดนี่แหละค่ะ" เพราะครอบครัวเราเองค่อนข้างมีฐานะระดับหนึ่งเพราะพี่ชายเป็นหมอ เลยทำให้พอมีหน้าตาในสังคมอยู่บ้าง ทีนี้ค่าสินสอดสำหรับมนุษย์เงินเดือนธรรมดาอย่างแฟนเราก็เลยเยอะตามไปด้วย ถ้าในความคิดของคนมีฐานะร่ำรวย เงิน5แสน-1ล้านบาท อาจดูเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับการแต่งงาน แต่สำหรับมนุษย์เงินเดือน2หมื่นต้นๆ มันแทบจะเป็นเรื่องยากมากๆค่ะ ถึงแม้ที่บ้านฝ่ายชายเองนั้น พ่อแม่จะมีที่ดินและทำธุรกิจส่วนตัวก็ตาม แต่แฟนเราก็ยังมองว่าค่าสินสอดในการขอผู้หญิงควรมาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองอยู่ดี เราเองก็ไม่แน่ใจนักนะค่ะว่า การแต่งงานหนึ่งครั้ง เงินค่าสินสอดทองหมั้นต้องมาจากพ่อแม่ฝ่ายชาย หรือควรเป็นเงินของผู้ชายเองทั้งหมด...??? อันนี้ใครทราบช่วยบอกกเราด้วยนะค่ะ
เราเองกลับมองว่า เงินค่าสินสอดไม่ได้มีความสำคัญเท่ากับความรัก ความจริงใจ และความผูกพันที่เรามีต่อกันเลยค่ะ แต่เข้าใจค่ะ ในมุมของคนเป็นพ่อแม่ กว่าจะเลี้ยงลูกสาวคนนึงให้โตมาได้ขนาดนี้ก็ลำบากไม่น้อย อีกอย่างเราเป็นลูกสาวคนเล็กด้วย จะมายกให้ผู้ชายคนอื่นฟรีๆก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่เราก็คิดว่าการที่โดนเรียกเงินถึง5แสน มันอาจจะมากไปนิดนึงค่ะสำหรับมนุษย์เงินเดือน ซึ่งเราเองก็ไม่ได้สวย ไม่ได้น่ารักหรือหุ่นดี ถึงขนาดที่ต้องแลกด้วยเงินเยอะแยะขนาดนั้นเลยค่ะ ซึ่งการแต่งงานในความคิดของเรา มันควรมีค่าสินสอดทองหมั้นที่พอเหมาะพอควร และเหมาะสมกับกำลังทรัพย์ของฝ่ายชายด้วยรึป่าว...???? จิงๆแล้ว เราสามารถรอได้นะเรื่องแต่งงานอ่ะ คืออยากให้ฝ่ายชายพร้อมมากกว่านี้ก่อนแล่วค่อยมาคุยกันก็ได้ แต่ที่ต้องตัดสินใจคุยกันตอนนี้เพราะ ที่บ้านเราทั้งสองฝ่าย ต่างพูดกันตลอดว่า อยากอุ้มหลานเร็วๆ เพราะแฟนเราก็อายุจะ 30แล้ว ส่วนพ่อแม่ ก็อายุมากแล้ว เราก็เลยคิดว่าถ้าจะปล่อยให้ตัวเองท้องตั้งแต่เรียนจบโดยที่ยังไม่มีการแต่งงาน มันก็ดูไม่เหมาะสมเลย แถมจะพาให้คนอื่นนินทากันไปอีก จิงมั้ยค่ะ...??? แต่นั่นแหละค่ะ พอมานั่งคุยกันเรื่องค่าสินสอด ก็ไม่รู้ว่าจะได้แต่งงานกันเมื่อไหร่ เพราะถึงแม้บ้านฝ่ายชายค่อนข้างมีฐานะประมาณหนึ่ง แต่แฟนเรากลับไม่อยากรบกวนพ่อแม่ในเรื่องค่าสินสอดน่ะสิค่ะ นี่แหละค่ะที่เป็นปัญหา
เราอยากถามความเห็นเพื่อนๆหน่อยค่ะ ว่าคิดยังไงกับการเป็นมนุษย์เงินเดือน ที่ต้องทำเพื่อเงินค่าสินสอดครึ่งล้าน...?????
เพิ่มเติมอีกนิดนึงนะค่ะ..... คือเราได้คุยกับแม่เราดูแล้ว แม่ก็บอกว่าเงินค่าสินสอดที่ได้มาก็จะคืนให้ไปสร้างครอบครัวกันเองหลังแต่งงานเสร็จค่ะ แต่ยังไงวันแต่งงานก็คงต้องมีสินสอดทองหมั้นอยู่แล้ว ทั้งเงินสด ทั้งทอง ทั้งแหวนแต่งงาน รวมๆแล้วก็ประมาณ 5 แสน ยังไม่รวมตอนจัดงานแต่งเลยค่ะ เพราะฉะนั้น ยังไงก็คงต้องรอลุ้นกันต่อไปแล้วหล่ะค่ะว่าแม่เราจะเปลี่ยนใจมั้ย ไม่งั้น.....สงสัยเราคงต้องขึ้นคานแน่ๆเลยค่ะ