ผมตัดสินใจจองซื้อห้องคอนโดตากกอากาศริมทะเลหัวหินจากดีเวลลอปเปอร์เจ้าดัง เนื่องจากห้องนี้เป็นห้องชุดลอตสุดท้ายที่ยังขายไม่หมดจึงได้ราคาส่วนลดปิดโครงการที่คุ้มค่าน่าสนใจ และตำแหน่งห้องวิวดี แต่เนื่องจากเป็นโครงการที่สร้างเสร็จมา 6 ปีแล้ว จึงเห็นดีเฟคของห้องหลายจุด แต่เซลก็ยืนยันว่าจะเก็บสภาพให้เรียบร้อยก่อนวันโอน
ในวันตรวจรับห้องครั้งแรกซึ่งเป็นช่วงหน้าฝน ห้องนี้ซึ่งเป็นห้องมุมของตัวอาคารที่อยู่สุดช่องประตูลม ทำให้รับลมฝนจากทะเลเต็มๆ ประกอบกับการออกแบบอาคารสไตล์ซานโตรินีที่ไม่มีกันสาด และยังมีบัวปูนหนาเป็นหิ้งหนารอบวงกบหน้าต่างที่ไม่ได้ระดับ ทำให้น้ำขังอยู่บนกรอบบัวปูน จึงพบว่ามีน้ำรั่วซึมเข้าด้านในห้องจากรอยร้าวระหว่างผนังอาคารกับบัวปูนและผนังอาคารกับวงกบหน้าต่างทุกบาน พบสีผนังทั้งด้านนอกและด้านในลอกเป็นรอยน้ำรั่วซึมชัดเจน จึงได้แนะนำให้ช่างสกัดปูนตรงรอยต่อระหว่างผนังให้เห็นรูรั่วและรอยร้าว แล้วปิดด้วยปูน non shrink เพราะผนังอาคารก็มีอายุมากกว่า 6 ปีแล้ว ซึ่งทั้งเซลและช่างก็รับปากอย่างดีว่าจะทำตามนี้
แต่พอโครงการนัดมาให้ตรวจรับห้องครั้งที่ 2 กลับแจ้งว่าช่างได้สกัดให้เห็นรอยร้าวแล้วปิดรอยร้าวและรูรั่วทั้งหมดด้วยการฉีด pu ทางผมจึงได้แจ้งไปว่า เท่าที่ผมทราบ pu มีอายุการใช้งานได้ประมาณช่วงเวลาหนึ่งแล้วก็จะเสื่อมทำให้น้ำรั่วได้อีก ไม่เหมือนกับการใช้ปูน non shrink ปิด ที่จะแก้ปัญหาได้ถาวรมากกว่า แต่ช่างก็มายืนยันภายหลังว่าได้ทาทับ pu ด้วยบรูคชิลด์ซึ่งจะแก้น้ำรั่วได้ถาวรอย่างแน่นอน (เค้ารับประกันให้ แต่ประกันให้แค่ 1 ปี) ซึ่งผมกังวลว่าผมซื้อคอนโดตากอากาศซึ่งอาจจะไม่ค่อยได้เข้าไปดูแลบ่อยๆ ถ้าเกิดปัญหาน้ำรั่วซึมอีกตอนที่ผมไม่อยู่ปัญหาจะลุกลามได้ ซึ่งเมื่อพ้นระยะเวลาประกัน 1 ปีแล้ว โครงการคงไม่รับผิดชอบอะไรให้อีก ยอมรับว่าค่อนข้างกังวลใจกับการแก้ปัญหาของโครงการก่อนส่งมอบแบบนี้ ผมจึงมีคำถามดังนี้ครับ
1. การซ่อมรอยร้าวและรูรั่วใหญ่ระหว่างปูนกับปูนด้วยการฉีด pu แล้วทาทับด้วยบรูคชิลด์ จะแก้ปัญหาการรั่วซึมผนังอาคารได้เหมือนการสกัดปูนออกแล้วปิดใหม่ด้วยปูน non shrink ไหมครับ
2. ถ้าผมตัดสินใจจะไม่ซื้อห้องที่คาดว่าจะมีปัญหาที่แก้ไม่จบนี้แล้ว โครงการจะสามารถยึดเงินจองผมได้ไหม. เพราะเค้าพูดเหมือนกับว่าผมผิดสัญญาไม่รับโอนเอง ทั้งๆที่เค้าก็แก้ปัญหาด้วยวิธีตามมาตรฐาน(ของเค้า}แล้วน่ะครับ
ขอบคุณมากครับ
รูปประกอบครับ
คอนโดแก้ปัญหาน้ำรั่วจากรอยร้าวระหว่างผนังด้านนอกอาคารกับบัวปูนด้วยการฉีด pu ถือว่าถูกต้องตามหลักวิศวกรรมไหมครับ
ในวันตรวจรับห้องครั้งแรกซึ่งเป็นช่วงหน้าฝน ห้องนี้ซึ่งเป็นห้องมุมของตัวอาคารที่อยู่สุดช่องประตูลม ทำให้รับลมฝนจากทะเลเต็มๆ ประกอบกับการออกแบบอาคารสไตล์ซานโตรินีที่ไม่มีกันสาด และยังมีบัวปูนหนาเป็นหิ้งหนารอบวงกบหน้าต่างที่ไม่ได้ระดับ ทำให้น้ำขังอยู่บนกรอบบัวปูน จึงพบว่ามีน้ำรั่วซึมเข้าด้านในห้องจากรอยร้าวระหว่างผนังอาคารกับบัวปูนและผนังอาคารกับวงกบหน้าต่างทุกบาน พบสีผนังทั้งด้านนอกและด้านในลอกเป็นรอยน้ำรั่วซึมชัดเจน จึงได้แนะนำให้ช่างสกัดปูนตรงรอยต่อระหว่างผนังให้เห็นรูรั่วและรอยร้าว แล้วปิดด้วยปูน non shrink เพราะผนังอาคารก็มีอายุมากกว่า 6 ปีแล้ว ซึ่งทั้งเซลและช่างก็รับปากอย่างดีว่าจะทำตามนี้
แต่พอโครงการนัดมาให้ตรวจรับห้องครั้งที่ 2 กลับแจ้งว่าช่างได้สกัดให้เห็นรอยร้าวแล้วปิดรอยร้าวและรูรั่วทั้งหมดด้วยการฉีด pu ทางผมจึงได้แจ้งไปว่า เท่าที่ผมทราบ pu มีอายุการใช้งานได้ประมาณช่วงเวลาหนึ่งแล้วก็จะเสื่อมทำให้น้ำรั่วได้อีก ไม่เหมือนกับการใช้ปูน non shrink ปิด ที่จะแก้ปัญหาได้ถาวรมากกว่า แต่ช่างก็มายืนยันภายหลังว่าได้ทาทับ pu ด้วยบรูคชิลด์ซึ่งจะแก้น้ำรั่วได้ถาวรอย่างแน่นอน (เค้ารับประกันให้ แต่ประกันให้แค่ 1 ปี) ซึ่งผมกังวลว่าผมซื้อคอนโดตากอากาศซึ่งอาจจะไม่ค่อยได้เข้าไปดูแลบ่อยๆ ถ้าเกิดปัญหาน้ำรั่วซึมอีกตอนที่ผมไม่อยู่ปัญหาจะลุกลามได้ ซึ่งเมื่อพ้นระยะเวลาประกัน 1 ปีแล้ว โครงการคงไม่รับผิดชอบอะไรให้อีก ยอมรับว่าค่อนข้างกังวลใจกับการแก้ปัญหาของโครงการก่อนส่งมอบแบบนี้ ผมจึงมีคำถามดังนี้ครับ
1. การซ่อมรอยร้าวและรูรั่วใหญ่ระหว่างปูนกับปูนด้วยการฉีด pu แล้วทาทับด้วยบรูคชิลด์ จะแก้ปัญหาการรั่วซึมผนังอาคารได้เหมือนการสกัดปูนออกแล้วปิดใหม่ด้วยปูน non shrink ไหมครับ
2. ถ้าผมตัดสินใจจะไม่ซื้อห้องที่คาดว่าจะมีปัญหาที่แก้ไม่จบนี้แล้ว โครงการจะสามารถยึดเงินจองผมได้ไหม. เพราะเค้าพูดเหมือนกับว่าผมผิดสัญญาไม่รับโอนเอง ทั้งๆที่เค้าก็แก้ปัญหาด้วยวิธีตามมาตรฐาน(ของเค้า}แล้วน่ะครับ
ขอบคุณมากครับ
รูปประกอบครับ