เช้ามืดของวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา เสียงนกหวีดดังขึ้นเป็นสัญญาณบอกว่าจบการแข่งขัน และPSG ก็พ่ายให้กับเสือใต้บาร์เยิร์น มิวนิค 1-0 ในศึกชิงชนะเลิศ UCL ผมเห็นผู้ชายคนหนึ่งเสียน้ำตาให้กับกีฬาฟุตบอล ชายคนนั้นก็คือ “เนย์มาร์” หลายคนคิดว่านี่คือสัญญาณที่บอกว่าเขากลับมารักกีฬาฟุตบอลอีกครั้ง วันนี้เราลองมาวิเคราะห์กันว่าเนย์มาร์จะกลับมารักกีฬาฟุตบอลจริงหรือ??

ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่าทำไมต้องใช้คำว่า “กลับมารักกีฬาฟุตบอล” ผมเชื่อว่าต้องมีแฟนบอลหลายท่านคิดเหมือนผมว่า “เนย์มาร์ดูไม่ค่อยมีความสุขกับการเล่นฟุตบอลเหมือนตอนอยู่บาร์เซโลน่าเลย” ทุกท่านลองนึกภาพย้อนกลับไปในฤดูกาล 2014/15 ดูสิครับ “เนย์มาร์” มีความสุขในการเล่นฟุตบอลขนาดไหน

กล้าพูดได้เลยว่า MSN คือหนึ่งในสามประสานที่ดีที่สุดในโลก มีเมสซี่เป็นคนบัญชาเกมรุกเต็มขั้น คอยป้อนบอลสวยๆ ให้หลุยซ์ ซัวเรสยิงเข้าประตูแบบสะใจคนดู แถมยังมีปีกซ้ายที่ลีลาแพรวพราวตามสไตล์แซมบ้า เลี้ยงกินตัวแล้วเข้าไปจบสกอร์เองหรือจ่ายให้เพื่อนแบบถวายพาน ซึ่งผมจะเรียกเนย์มาร์ในตอนนั้นว่าเป็น “เนย์มาร์เวอร์ชั่นที่รักในกีฬาฟุตบอล” ก็แล้วกัน ถึงชีวิตนอกสนามจะหวือหวาไปซักหน่อยก็ตาม...แต่ผลงานในสนามเขาไม่เคยทำให้แฟนบอลบาร์ซ่าผิดหวังเลยจริงๆ

จนกระทั่งในตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์ปี 2017 PSG ทุ่ม 222 ล้านยูโร ใส่พานมาฉีกสัญญาเนย์มาร์แบบช็อคโลก หลายฝ่ายต่างวิเคราะห์การย้ายทีมครั้งนี้ ไปหลายทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นการหนีออกจากเงาของเมสซี่เพื่อจะก้าวมาเป็นเบอร์หนึ่งของโลก หรือจะเป็นเรื่องค่าเหนื่อยที่ว่ากันว่าได้รับ 600,000
ยูโร/สัปดาห์ ซึ่งผมเชื่อว่านี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญหลายๆ อย่างในตัวชายที่ชื่อ “เนย์มาร์”

ประการแรกคือ “ทัศนคติ” หลายๆท่านต้องเคยเห็นภาพที่เนย์มาร์แย่งยิงจุดโทษกับเอดิสัน คาวานี่ ในเกมที่ PSG เปิดบ้านถล่ม Lyon ไป 2-0 จังหวะไฮไลท์เกิดขึ้นในนาทีที่ 78 ของเกม มีการฟาวล์ในกรอบเขตโทษ และท่านเปาก็ชี้เป็นจุดโทษ ภาพที่เกิดขึ้นคือ สองสตาร์ของทีม PSGแย่งกันยิงจุดโทษ เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าเนย์มาร์มี “EGO” สูงมาก เขามองว่าเขาคือซูเปอร์สตาร์ ด้วยค่าเหนื่อยที่แพงระยับ บวกกับสถิติค่าตัวแพงที่สุดในโลก หรืออะไรก็ตามที่ทำให้เขาคิดว่าตัวเองต้องเป็นเบอร์หนึ่งของทีม

ประการต่อมาคือ “ความฟิต” ผมไม่ได้จะบอกว่าการย้ายมา PSG ทำให้เนย์มาร์เดี้ยงนะครับ!!! แต่ผมกำลังคิดว่าที่เนย์มาร์มีอาการบาดเจ็บออดๆแอดๆ ตลอดเวลา มันเกิดจากความไม่ฟิตเต็มที่ของสภาพร่างกาย ด้วยสไตล์การเล่นของเขายามต้องลงสนามก็มักจะโดนเข้าหนักอยู่แล้ว รวมถึงชีวิตนอกสนามที่เนย์มาร์นั้นใช้ชีวิตสนุกสุดเหวี่ยงเยี่ยงเพลบอย กินเที่ยวเต็มคราบ อีกทั้งยังมีข่าวฉาวออกมาอยู่เป็นระยะๆ จุดโฟกัสในชีวิตของเขาเปลี่ยนไป ไม่ดูแลตัวเองอย่างที่ควร ก็เรียบร้อยสิครับ!!! เข้าออกโรงหมอเป็นว่าเล่น

การไม่ได้ลงเล่นต่อเนื่องจากอาการบาดเจ็บมารบกวน บวกกับพฤติกรรมที่สร้างแต่ปัญหา พร้อมการแสดงออกที่ชัดเจนว่าต้องการย้ายกลับบาร์เซโลน่า เนย์มาร์ถูกสื่อหลายเจ้าวิจารณ์เรื่อง “ความเป็นมืออาชีพ” ไม่เพียงแค่สื่อเท่านั้น ยังมีเสียงโห่จากแฟนบอลดังไปถึงหูเบื้องบน เพราะบอร์ดบริหารของ PSG ก็กำลังร้อนใจกับพฤติกรรมสุดฉาวของสตาร์รายนี้อยู่ จน อัล-เคไลฟี่ CEO ของทีม PSG ต้องออกมาปรามออกสื่อในงานแถลงข่าวเรื่องสรุปการซื้อขายตลาดหน้าหนาวของฤดูกาล 2019/20 ว่า
“ผมต้องการให้นักเตะทุ่มเททุกอย่างเพื่อปกป้องเกียรติของ PSG และร่วมเดินหน้าโปรเจคไปกับทีม ถ้าใครไม่ต้องการ หรือไม่เข้าใจ เราก็ต้องมาคุยกันแล้วหละ และแน่นอนมันยังมีสัญญาที่คุณต้องเคารพ เพราะมันหมายความว่าคุณคือผู้เล่นของเรา ไม่มีใครบังคับให้เขาย้ายมาที่นี่ เขามาด้วยตัวของเขาเอง”
“นักเตะทุกคนต้องรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองให้มากกว่าที่ผ่านมา ต้องทำงานให้หนักมากว่านี้ ทุกคนไม่ได้มาอยู่กับทีมเพื่อทำตามใจตัวเอง หากใครไม่เห็นด้วยก็เชิญออกไปจากทีมได้เลย ผมไม่ต้องการแข้งที่ทำตัวเป็นดาราอยู่ในทีมอีกต่อไปแล้ว”

จนกระทั่งเข้าปี 2020 ดูเหมือนเนย์มาร์จะกลับมารักฟุตบอลอีกครั้ง พฤติกรรมหลายอย่างเปลี่ยนไป ทั้งทัศคติ การดูแลสภาพความฟิต มีความเป็นมืออาชีพและดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ยืนยันได้จากเหตุการณ์มอบจุดโทษให้คาวานี่ยิง โดยให้เหตุผลว่า “แนวรุกทุกคนยิงได้หมดแล้วเหลือแค่เขา ซึ่งแนวรุกต้องการยิงประตูเพื่อเรียกความมั่นใจ” หรือจะเป็นอาการบาดเจ็บที่หายไปเลยหลังก้าวเข้าปี 2020 และการให้สัมภาษณ์ที่ดูโตและมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้นของเจ้าตัว เขาให้สัมภาษณ์กับสื่อหลังจบเกมที่ PSG เปิดบ้านถล่ม ทีมมงเปอลีเย 5-0 ว่า
“ผมดีใจที่ได้กลับมาเล่นกับเพื่อนร่วมทีมอีกครั้ง ช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีผมปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนตลอดและส่งผลกับฟอร์มการเล่นของผมอย่างมาก แต่ตอนนี้ผมฟิตเต็มถัง ส่วนเรื่องการย้ายทีมผมเสียใจที่มันไม่เกิดขึ้น แต่ผมเลิกคิดเรื่องนี้ไปตั้งแต่ตลาดซื้อขายปิดแล้ว ตอนนี้ผมทุ่มเทเต็มที่ให้กับทีมและพร้อมช่วยทีมลุ้นแชมป์ทุกรายการแน่นอน”

และเราก็ได้เห็นแล้วว่าเมื่อไรที่เนย์มาร์กลับมาโฟกัสเรื่องฟุตบอลมากขึ้น ผลงานในสนามก็จะออกมาอย่างแจ่มแมวแน่นอน เขาพาPSG จบฤดูกาลด้วย Triple แชมป์ในประเทศ และบินสูงถึงรอบชิง UCL เป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ทีม ความมุ่งมั่นและความกระหายชัยชนะถูกแสดงออกผ่านทางแววตาและผลงานในสนามของเขาถึงท้ายที่สุดเขาจะชวดแชมป์รายการนี้ และต้องเสียน้ำตาด้วยความผิดหวัง แต่น้ำตาเหล่านั้นทำให้ผมสัมผัสได้ว่า “เนย์มาร์กลับมารักฟุตบอลอีกครั้งแล้วจริงๆ”
เนย์มาร์กลับมารักฟุตบอล
ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่าทำไมต้องใช้คำว่า “กลับมารักกีฬาฟุตบอล” ผมเชื่อว่าต้องมีแฟนบอลหลายท่านคิดเหมือนผมว่า “เนย์มาร์ดูไม่ค่อยมีความสุขกับการเล่นฟุตบอลเหมือนตอนอยู่บาร์เซโลน่าเลย” ทุกท่านลองนึกภาพย้อนกลับไปในฤดูกาล 2014/15 ดูสิครับ “เนย์มาร์” มีความสุขในการเล่นฟุตบอลขนาดไหน
กล้าพูดได้เลยว่า MSN คือหนึ่งในสามประสานที่ดีที่สุดในโลก มีเมสซี่เป็นคนบัญชาเกมรุกเต็มขั้น คอยป้อนบอลสวยๆ ให้หลุยซ์ ซัวเรสยิงเข้าประตูแบบสะใจคนดู แถมยังมีปีกซ้ายที่ลีลาแพรวพราวตามสไตล์แซมบ้า เลี้ยงกินตัวแล้วเข้าไปจบสกอร์เองหรือจ่ายให้เพื่อนแบบถวายพาน ซึ่งผมจะเรียกเนย์มาร์ในตอนนั้นว่าเป็น “เนย์มาร์เวอร์ชั่นที่รักในกีฬาฟุตบอล” ก็แล้วกัน ถึงชีวิตนอกสนามจะหวือหวาไปซักหน่อยก็ตาม...แต่ผลงานในสนามเขาไม่เคยทำให้แฟนบอลบาร์ซ่าผิดหวังเลยจริงๆ
จนกระทั่งในตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์ปี 2017 PSG ทุ่ม 222 ล้านยูโร ใส่พานมาฉีกสัญญาเนย์มาร์แบบช็อคโลก หลายฝ่ายต่างวิเคราะห์การย้ายทีมครั้งนี้ ไปหลายทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นการหนีออกจากเงาของเมสซี่เพื่อจะก้าวมาเป็นเบอร์หนึ่งของโลก หรือจะเป็นเรื่องค่าเหนื่อยที่ว่ากันว่าได้รับ 600,000
ยูโร/สัปดาห์ ซึ่งผมเชื่อว่านี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญหลายๆ อย่างในตัวชายที่ชื่อ “เนย์มาร์”
ประการแรกคือ “ทัศนคติ” หลายๆท่านต้องเคยเห็นภาพที่เนย์มาร์แย่งยิงจุดโทษกับเอดิสัน คาวานี่ ในเกมที่ PSG เปิดบ้านถล่ม Lyon ไป 2-0 จังหวะไฮไลท์เกิดขึ้นในนาทีที่ 78 ของเกม มีการฟาวล์ในกรอบเขตโทษ และท่านเปาก็ชี้เป็นจุดโทษ ภาพที่เกิดขึ้นคือ สองสตาร์ของทีม PSGแย่งกันยิงจุดโทษ เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าเนย์มาร์มี “EGO” สูงมาก เขามองว่าเขาคือซูเปอร์สตาร์ ด้วยค่าเหนื่อยที่แพงระยับ บวกกับสถิติค่าตัวแพงที่สุดในโลก หรืออะไรก็ตามที่ทำให้เขาคิดว่าตัวเองต้องเป็นเบอร์หนึ่งของทีม
ประการต่อมาคือ “ความฟิต” ผมไม่ได้จะบอกว่าการย้ายมา PSG ทำให้เนย์มาร์เดี้ยงนะครับ!!! แต่ผมกำลังคิดว่าที่เนย์มาร์มีอาการบาดเจ็บออดๆแอดๆ ตลอดเวลา มันเกิดจากความไม่ฟิตเต็มที่ของสภาพร่างกาย ด้วยสไตล์การเล่นของเขายามต้องลงสนามก็มักจะโดนเข้าหนักอยู่แล้ว รวมถึงชีวิตนอกสนามที่เนย์มาร์นั้นใช้ชีวิตสนุกสุดเหวี่ยงเยี่ยงเพลบอย กินเที่ยวเต็มคราบ อีกทั้งยังมีข่าวฉาวออกมาอยู่เป็นระยะๆ จุดโฟกัสในชีวิตของเขาเปลี่ยนไป ไม่ดูแลตัวเองอย่างที่ควร ก็เรียบร้อยสิครับ!!! เข้าออกโรงหมอเป็นว่าเล่น
การไม่ได้ลงเล่นต่อเนื่องจากอาการบาดเจ็บมารบกวน บวกกับพฤติกรรมที่สร้างแต่ปัญหา พร้อมการแสดงออกที่ชัดเจนว่าต้องการย้ายกลับบาร์เซโลน่า เนย์มาร์ถูกสื่อหลายเจ้าวิจารณ์เรื่อง “ความเป็นมืออาชีพ” ไม่เพียงแค่สื่อเท่านั้น ยังมีเสียงโห่จากแฟนบอลดังไปถึงหูเบื้องบน เพราะบอร์ดบริหารของ PSG ก็กำลังร้อนใจกับพฤติกรรมสุดฉาวของสตาร์รายนี้อยู่ จน อัล-เคไลฟี่ CEO ของทีม PSG ต้องออกมาปรามออกสื่อในงานแถลงข่าวเรื่องสรุปการซื้อขายตลาดหน้าหนาวของฤดูกาล 2019/20 ว่า
“ผมต้องการให้นักเตะทุ่มเททุกอย่างเพื่อปกป้องเกียรติของ PSG และร่วมเดินหน้าโปรเจคไปกับทีม ถ้าใครไม่ต้องการ หรือไม่เข้าใจ เราก็ต้องมาคุยกันแล้วหละ และแน่นอนมันยังมีสัญญาที่คุณต้องเคารพ เพราะมันหมายความว่าคุณคือผู้เล่นของเรา ไม่มีใครบังคับให้เขาย้ายมาที่นี่ เขามาด้วยตัวของเขาเอง”
“นักเตะทุกคนต้องรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองให้มากกว่าที่ผ่านมา ต้องทำงานให้หนักมากว่านี้ ทุกคนไม่ได้มาอยู่กับทีมเพื่อทำตามใจตัวเอง หากใครไม่เห็นด้วยก็เชิญออกไปจากทีมได้เลย ผมไม่ต้องการแข้งที่ทำตัวเป็นดาราอยู่ในทีมอีกต่อไปแล้ว”
จนกระทั่งเข้าปี 2020 ดูเหมือนเนย์มาร์จะกลับมารักฟุตบอลอีกครั้ง พฤติกรรมหลายอย่างเปลี่ยนไป ทั้งทัศคติ การดูแลสภาพความฟิต มีความเป็นมืออาชีพและดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ยืนยันได้จากเหตุการณ์มอบจุดโทษให้คาวานี่ยิง โดยให้เหตุผลว่า “แนวรุกทุกคนยิงได้หมดแล้วเหลือแค่เขา ซึ่งแนวรุกต้องการยิงประตูเพื่อเรียกความมั่นใจ” หรือจะเป็นอาการบาดเจ็บที่หายไปเลยหลังก้าวเข้าปี 2020 และการให้สัมภาษณ์ที่ดูโตและมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้นของเจ้าตัว เขาให้สัมภาษณ์กับสื่อหลังจบเกมที่ PSG เปิดบ้านถล่ม ทีมมงเปอลีเย 5-0 ว่า
“ผมดีใจที่ได้กลับมาเล่นกับเพื่อนร่วมทีมอีกครั้ง ช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีผมปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนตลอดและส่งผลกับฟอร์มการเล่นของผมอย่างมาก แต่ตอนนี้ผมฟิตเต็มถัง ส่วนเรื่องการย้ายทีมผมเสียใจที่มันไม่เกิดขึ้น แต่ผมเลิกคิดเรื่องนี้ไปตั้งแต่ตลาดซื้อขายปิดแล้ว ตอนนี้ผมทุ่มเทเต็มที่ให้กับทีมและพร้อมช่วยทีมลุ้นแชมป์ทุกรายการแน่นอน”
และเราก็ได้เห็นแล้วว่าเมื่อไรที่เนย์มาร์กลับมาโฟกัสเรื่องฟุตบอลมากขึ้น ผลงานในสนามก็จะออกมาอย่างแจ่มแมวแน่นอน เขาพาPSG จบฤดูกาลด้วย Triple แชมป์ในประเทศ และบินสูงถึงรอบชิง UCL เป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ทีม ความมุ่งมั่นและความกระหายชัยชนะถูกแสดงออกผ่านทางแววตาและผลงานในสนามของเขาถึงท้ายที่สุดเขาจะชวดแชมป์รายการนี้ และต้องเสียน้ำตาด้วยความผิดหวัง แต่น้ำตาเหล่านั้นทำให้ผมสัมผัสได้ว่า “เนย์มาร์กลับมารักฟุตบอลอีกครั้งแล้วจริงๆ”