Exclusive บทสนทนาสุดพิเศษจาก Developer ไต้หวันหัวใจไทย ：Mission Possible ท่ามกลางวิกฤต Covid 19 กับการทำยอดขายกว่า 70% ผมทำมันได้อย่างไร!!!!!????????
ในช่วงที่ผ่านมานี้ ผมมีโอกาสได้ไปพบปะกับ Dev ชาวไต้หวันท่านหนึ่ง ผู้ซึ่งคร่ำหวอดในวงการอสังหาไทยมานานกว่า 15ปี พ่วงกับประสบการณ์ในการเป็น Contractor ในวงการอสังหาไต้หวัน ในช่วงวิกฤตโควิดในครั้งนี้ จากการได้พูดคุยสนทนากับทั้งทางผู้บริหารรายใหญ่และรายกลางต่างส่ายหน้ากันเป็นเสียงเดียวกัน
และ แม้ว่ายอดขายใน ไตรมาสที่ 1-2 นี้จะเริ่มฟื้นตัวกันพอสมควร แต่เพราะทุกคนต่างพากันตบเท้าเข็นโปรกันมาห้ำหั่นราคากันอย่างร้อนแรง (ถึงแม้ว่าบางท่านจะไม่ได้ลดราคาไปให้ต่ำกว่า Presale
แต่ทุกคนต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวว่า Sentiment ของตลาดนั้นย่ำแย่ นักลงทุนและEnd users ค่อนข้างมีความหวาดกลัวต่อตลาด)
โดยบทสนทนาที่ผมได้พบปะกับคุณเฉินซื่อปิงแห่งอาณาจักร The One Estate บริษัท Ten Thai และแบรนด์ The Unique ในครั้งนี้ ผมรู้สึกว่ามันเต็มไปด้วยพลัง และชีวิตชีวา อบอุ่นและเป็นกันเอง รวมไปถึงการมองไปในทุกๆ Perspective อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นในมุมมองของ Developer / Investor ทั้ง Yield spread และ Capital Gain Strategy
รวมไปถึง การวิเคราะห์แนวทางของ Agent ซึ่งผมคาดว่ามันจะมีประโยชน์กับทุกท่านอย่างแน่นอนครับ ：）
ผมจะเล่าให้ฟังคร่าวๆก่อน เนื่องจากว่าท่าน Developer ท่านนี้เองก็เป็น Investor ใน Super - Ultimate Luxury Condo ในย่าน prime area ของกรุงเทพเช่นเดียวกับผมและท่านทั้งหลาย
(ตรงนี้สามารถข้ามไปได้นะครับ ลงไป คห.1 จะเป็นช่วงสนทนาเลย)
——————————————————————————————————————————————————————————
ย้อนไปเมื่อ 5 ปีก่อนในครั้งแรกที่ผมเจอกับคุณเฉินซื่อปิง เราเป็นลูกค้าที่มาร่วมงาน Private Sales ของ Agent ต่างชาติเจ้าหนึ่งด้วยกันที่โรงแรม Siam Kempinski และบังเอิญมากๆ ที่ในวันนั้นมีคนมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ทำให้โต๊ะไม่พอ เราจึงได้ร่วมโต๊ะเดียวกันโดยบังเอิญ โดยที่ทางฝั่งผมได้ทำการจองห้องไปเรียบร้อยแล้ว แต่ทางคุณเฉินมีเซลล์อีกคนคอยดูแลอยู่ โดยที่เจ้าตัวยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อ
ในตอนนั้นเองที่คุณเฉินยังพูดภาษาไทยไม่ค่อยคล่องนัก บวกกับที่ผมเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ผมก็เลยอาสาช่วยแปลบวกกับวิเคราะห์มุมมองของผมที่มีต่อทำเลให้คุณเฉินได้ฟัง หลังจากที่พึ่งตื่นเต้นที่ได้เสียเงินไป 555
โดยที่มีคุณแม่เป็นล่ามภาษาจีนแปลบางช่วงไปด้วย กลายเป็นบททสนทนาแบบ Multiple Languages มารุมมาตุ้มทั้งไทยทั้งอังกฤษทั้งจีน มั่วกันไปหมด XD
สุดท้ายปรากฏว่าคุณเฉินก็ทำการจองห้องเหมือนกันกับผม แต่คุณเฉินก็เล่าว่าในพอร์ตคอนโดมีอะไรบ้าง โดยรายชื่อที่พูดมาคือแทบที่จะทุกโครงการสุดฮอตในช่วงเวลานั้น ไม่ว่าจะเป็น Ashton The Esse , สุดยอดแห่งสถาปัตยกรรมโมเดิร์นแห่งตึกไอร่อนแมนอย่าง Khun by yoo , Tela , Laviq และอื่นๆอีกมากมาย โดยพอร์ตของคุณเฉินฟังดูตื่นตาตื่นใจ เพราะ Taste แกนับว่าไม่ธรรมดาเอามากๆ เพราะแกเล่นจองแทบจะทุกโครงการในย่านสุขุมวิทที่เป็น Super Luxury ขึ้นไปจนถึงระดับ Ultimate แถมทุกๆโครงการก็เป็นโครงการในฝันของหนุ่ม Metropolian Gen Y อย่างใครหลายๆคนรวมไปถึงผม
จนผมชักสงสัยว่าอะไรดลใจให้คุณเฉินมีความเชื่อมั่นในตลาดคอนโดไฮเอนด์ของไทยมากขนาดนี้และลงทุนในที่ต่างๆเยอะมาก มากกว่าคนไทยอย่างผมเสียอีก แกจึงเล่าให้ฟัง ว่าแกเคยเป็น Contractor ให้กับ Dev ที่ไต้หวัน
“ที่ไต้หวันมีแต่แพงแล้วแพงอีก จากสองแสนต่อตารางเมตรกลายเป็นหกแสน กรุงเทพถูกไปเลย ต่อไป CBD คงแพงขึ้นเรื่อยๆ เพราะที่ดินมันมีจำกัด”
หลังจากนั้นไม่นานนักผมก็บังเอิญเจอแกอีกที่ Private Sales ของอีกโครงการในย่านสุขุมวิท ในคราวนี้แกชวนผมไปดูโครงการแกพัฒนาด้วยตัวเองที่ย่านสุขุมวิทช่วงปลาย ในแบรนด์ unique
“ตอนนี้ผมเองก็เป็น Developer ทำ Low rise อยู่แถวอุดมสุข อยากชวนคุณไปดูด้วยกัน คอนโดผมเหมือนบ้านทาวน์โฮมเลย มี 3 ชั้นแถมมี Lift ในตัวด้วย”
และเป็นครั้งแรกที่ผมได้สัมผัสกับห้องแนว Triplex ที่อยู่ในคอนโด Low rise พ่วงกับ การเป็น Pool access ไปด้วย เป็นสิ่งที่สามารถยืนยันได้ว่าครีเอทีวิตี้ของแกไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ใครเล่าจะไปคิดว่า Low rise ธรรมดาในยุคนั้นจะสามารถทำอะไรแบบนี้โดยเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็น Pool Accessible Resort ในทุกๆวันได้ราวกับคอนโดตากอากาศ
คุณเฉินแกพาผมไปชมโครงการและห้องทุก Layout ด้วยตัวเอง ถึงแม้เราจะไม่ได้ซื้อแต่ก็สนุกกันมาก คุณเฉินได้บอกเล่าเรื่องราวในทุกมุมของห้องได้อย่างละเอียดหมดจนในทุกตารางนิ้วชนิดที่ว่าเซลล์ยังต้องอาย o_O
ผมจึงถามคุณเฉินว่าทำไมถึงเลือกที่จะสร้างอะไรแบบนี้ เพราะคอนโดในรูปแบบนี้มี cost ที่เป็นต้นทุนค่อนข้างมาก แต่คุณเฉินบอกว่าเขาเองก็เป็นคนต่างชาติ แก Target end users ที่ต้องการบ้าน แต่ในเมื่อคนต่างชาติถือ Freehold ในรูปแบบที่ดินไม่ได้ จึงต้องการสร้างคอนโดที่ให้ความรู้สึกเหมือนทาวน์โฮมแต่ต่างชาติสามารถถือครองได้ด้วย
แล้วปีที่แล้วเราก็ได้บังเอิญเจอกันอีกครั้งที่ Private Sales ของอีกโครงการอีก คราวนี้คุณเฉินก็ซื้อที่เดียวกับผมเช่นกัน ทำให้เราได้พูดคุยกันอีกครั้ง คุณเฉินเล่าว่าตอนนี้ทำโครงการทั้งแนวราบและคอนโด （Low rise）และประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี และแกได้บอกเล่าเรื่องราวเป้าหมายต่อไปของแก
“เดี๋ยวผมจะขึ้นโครงการ High rise ที่แรกของผม มี 30 ชั้น อยู่ติดรถไฟฟ้า เห็นวิวแม่น้ำด้วย เดี๋ยวคอยดูนะ”
พอรู้ว่าคุณเฉินมาขึ้นโครงการในรถไฟฟ้าเส้นใหม่ ในทำเลที่เป็น Secondary เนี่ย เมื่อห้าปีที่แล้วคุณเฉินยังเกาะแต่แนวสุขุมวิทอยู่เลย แถมยังบอกไม่ให้ผมซื้อเกินแบริ่งด้วย ผมก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยนะ แต่ก็ให้กำลังใจแกไปว่า “สู้ๆ ขอให้สำเร็จนะ”
และเมื่อไม่นานมานี้ ผมเองก็ได้รับเชิญจากคุณเฉินให้ไปชมโครงการ Landmark แห่งใหม่ของแก ที่ชื่อ Ken Attitude อยู่ Faraway ถึงสถานีพระนั่งเกล้า ซึ่งอยู่ไกลจากบ้านผมที่อยู่ใจกลางเมืองมากกกกกกกกก
แต่ผมไม่รอช้าที่จะตอบตกลงในทันที แล้วก็ไปเยี่ยมคุณเฉินที่โครงการ
เมื่อก้าวไปถึงล็อบบี้ก็พบกับภาพคนแน่นตั้งแต่ Lobby ยันชั้นสอง ดูผิดหูผิดตาจากหลายๆโครงการในเมืองที่เงียบจนแทบตบยุง
คุณเฉินให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดีพร้อมกับพาทัวร์ชมโครงการ
บังเกิดเป็นบทสนทนาที่แสนที่น่าประทับใจ Energetic บวกกับให้ความรู้ดีๆได้กับผมมากมาย
ผมจึงได้ทำการแกะข้อความจาก Recording และสรุปเนื้อหาบางส่วนมาให้ทุกคนได้ชมกัน (เนื่องจากเทปตัวจริงมีเสียงรบกวนค่อนข้างมากก็เลยไม่ได้นำมาลงให้นะครับ)
Exclusive บทสนทนาสุดพิเศษจาก Developer ไต้หวันหัวใจไทย ：Mission Possible ท่ามกลางวิกฤต Covid 19 กับการทำยอดขายกว่า 70%
ในช่วงที่ผ่านมานี้ ผมมีโอกาสได้ไปพบปะกับ Dev ชาวไต้หวันท่านหนึ่ง ผู้ซึ่งคร่ำหวอดในวงการอสังหาไทยมานานกว่า 15ปี พ่วงกับประสบการณ์ในการเป็น Contractor ในวงการอสังหาไต้หวัน ในช่วงวิกฤตโควิดในครั้งนี้ จากการได้พูดคุยสนทนากับทั้งทางผู้บริหารรายใหญ่และรายกลางต่างส่ายหน้ากันเป็นเสียงเดียวกัน
และ แม้ว่ายอดขายใน ไตรมาสที่ 1-2 นี้จะเริ่มฟื้นตัวกันพอสมควร แต่เพราะทุกคนต่างพากันตบเท้าเข็นโปรกันมาห้ำหั่นราคากันอย่างร้อนแรง (ถึงแม้ว่าบางท่านจะไม่ได้ลดราคาไปให้ต่ำกว่า Presale
แต่ทุกคนต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวว่า Sentiment ของตลาดนั้นย่ำแย่ นักลงทุนและEnd users ค่อนข้างมีความหวาดกลัวต่อตลาด)
โดยบทสนทนาที่ผมได้พบปะกับคุณเฉินซื่อปิงแห่งอาณาจักร The One Estate บริษัท Ten Thai และแบรนด์ The Unique ในครั้งนี้ ผมรู้สึกว่ามันเต็มไปด้วยพลัง และชีวิตชีวา อบอุ่นและเป็นกันเอง รวมไปถึงการมองไปในทุกๆ Perspective อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นในมุมมองของ Developer / Investor ทั้ง Yield spread และ Capital Gain Strategy
รวมไปถึง การวิเคราะห์แนวทางของ Agent ซึ่งผมคาดว่ามันจะมีประโยชน์กับทุกท่านอย่างแน่นอนครับ ：）
ผมจะเล่าให้ฟังคร่าวๆก่อน เนื่องจากว่าท่าน Developer ท่านนี้เองก็เป็น Investor ใน Super - Ultimate Luxury Condo ในย่าน prime area ของกรุงเทพเช่นเดียวกับผมและท่านทั้งหลาย
(ตรงนี้สามารถข้ามไปได้นะครับ ลงไป คห.1 จะเป็นช่วงสนทนาเลย)
——————————————————————————————————————————————————————————
ย้อนไปเมื่อ 5 ปีก่อนในครั้งแรกที่ผมเจอกับคุณเฉินซื่อปิง เราเป็นลูกค้าที่มาร่วมงาน Private Sales ของ Agent ต่างชาติเจ้าหนึ่งด้วยกันที่โรงแรม Siam Kempinski และบังเอิญมากๆ ที่ในวันนั้นมีคนมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ทำให้โต๊ะไม่พอ เราจึงได้ร่วมโต๊ะเดียวกันโดยบังเอิญ โดยที่ทางฝั่งผมได้ทำการจองห้องไปเรียบร้อยแล้ว แต่ทางคุณเฉินมีเซลล์อีกคนคอยดูแลอยู่ โดยที่เจ้าตัวยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อ
ในตอนนั้นเองที่คุณเฉินยังพูดภาษาไทยไม่ค่อยคล่องนัก บวกกับที่ผมเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ผมก็เลยอาสาช่วยแปลบวกกับวิเคราะห์มุมมองของผมที่มีต่อทำเลให้คุณเฉินได้ฟัง หลังจากที่พึ่งตื่นเต้นที่ได้เสียเงินไป 555
โดยที่มีคุณแม่เป็นล่ามภาษาจีนแปลบางช่วงไปด้วย กลายเป็นบททสนทนาแบบ Multiple Languages มารุมมาตุ้มทั้งไทยทั้งอังกฤษทั้งจีน มั่วกันไปหมด XD
สุดท้ายปรากฏว่าคุณเฉินก็ทำการจองห้องเหมือนกันกับผม แต่คุณเฉินก็เล่าว่าในพอร์ตคอนโดมีอะไรบ้าง โดยรายชื่อที่พูดมาคือแทบที่จะทุกโครงการสุดฮอตในช่วงเวลานั้น ไม่ว่าจะเป็น Ashton The Esse , สุดยอดแห่งสถาปัตยกรรมโมเดิร์นแห่งตึกไอร่อนแมนอย่าง Khun by yoo , Tela , Laviq และอื่นๆอีกมากมาย โดยพอร์ตของคุณเฉินฟังดูตื่นตาตื่นใจ เพราะ Taste แกนับว่าไม่ธรรมดาเอามากๆ เพราะแกเล่นจองแทบจะทุกโครงการในย่านสุขุมวิทที่เป็น Super Luxury ขึ้นไปจนถึงระดับ Ultimate แถมทุกๆโครงการก็เป็นโครงการในฝันของหนุ่ม Metropolian Gen Y อย่างใครหลายๆคนรวมไปถึงผม
จนผมชักสงสัยว่าอะไรดลใจให้คุณเฉินมีความเชื่อมั่นในตลาดคอนโดไฮเอนด์ของไทยมากขนาดนี้และลงทุนในที่ต่างๆเยอะมาก มากกว่าคนไทยอย่างผมเสียอีก แกจึงเล่าให้ฟัง ว่าแกเคยเป็น Contractor ให้กับ Dev ที่ไต้หวัน
“ที่ไต้หวันมีแต่แพงแล้วแพงอีก จากสองแสนต่อตารางเมตรกลายเป็นหกแสน กรุงเทพถูกไปเลย ต่อไป CBD คงแพงขึ้นเรื่อยๆ เพราะที่ดินมันมีจำกัด”
หลังจากนั้นไม่นานนักผมก็บังเอิญเจอแกอีกที่ Private Sales ของอีกโครงการในย่านสุขุมวิท ในคราวนี้แกชวนผมไปดูโครงการแกพัฒนาด้วยตัวเองที่ย่านสุขุมวิทช่วงปลาย ในแบรนด์ unique
“ตอนนี้ผมเองก็เป็น Developer ทำ Low rise อยู่แถวอุดมสุข อยากชวนคุณไปดูด้วยกัน คอนโดผมเหมือนบ้านทาวน์โฮมเลย มี 3 ชั้นแถมมี Lift ในตัวด้วย”
และเป็นครั้งแรกที่ผมได้สัมผัสกับห้องแนว Triplex ที่อยู่ในคอนโด Low rise พ่วงกับ การเป็น Pool access ไปด้วย เป็นสิ่งที่สามารถยืนยันได้ว่าครีเอทีวิตี้ของแกไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ใครเล่าจะไปคิดว่า Low rise ธรรมดาในยุคนั้นจะสามารถทำอะไรแบบนี้โดยเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็น Pool Accessible Resort ในทุกๆวันได้ราวกับคอนโดตากอากาศ
คุณเฉินแกพาผมไปชมโครงการและห้องทุก Layout ด้วยตัวเอง ถึงแม้เราจะไม่ได้ซื้อแต่ก็สนุกกันมาก คุณเฉินได้บอกเล่าเรื่องราวในทุกมุมของห้องได้อย่างละเอียดหมดจนในทุกตารางนิ้วชนิดที่ว่าเซลล์ยังต้องอาย o_O
ผมจึงถามคุณเฉินว่าทำไมถึงเลือกที่จะสร้างอะไรแบบนี้ เพราะคอนโดในรูปแบบนี้มี cost ที่เป็นต้นทุนค่อนข้างมาก แต่คุณเฉินบอกว่าเขาเองก็เป็นคนต่างชาติ แก Target end users ที่ต้องการบ้าน แต่ในเมื่อคนต่างชาติถือ Freehold ในรูปแบบที่ดินไม่ได้ จึงต้องการสร้างคอนโดที่ให้ความรู้สึกเหมือนทาวน์โฮมแต่ต่างชาติสามารถถือครองได้ด้วย
แล้วปีที่แล้วเราก็ได้บังเอิญเจอกันอีกครั้งที่ Private Sales ของอีกโครงการอีก คราวนี้คุณเฉินก็ซื้อที่เดียวกับผมเช่นกัน ทำให้เราได้พูดคุยกันอีกครั้ง คุณเฉินเล่าว่าตอนนี้ทำโครงการทั้งแนวราบและคอนโด （Low rise）และประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี และแกได้บอกเล่าเรื่องราวเป้าหมายต่อไปของแก
“เดี๋ยวผมจะขึ้นโครงการ High rise ที่แรกของผม มี 30 ชั้น อยู่ติดรถไฟฟ้า เห็นวิวแม่น้ำด้วย เดี๋ยวคอยดูนะ”
พอรู้ว่าคุณเฉินมาขึ้นโครงการในรถไฟฟ้าเส้นใหม่ ในทำเลที่เป็น Secondary เนี่ย เมื่อห้าปีที่แล้วคุณเฉินยังเกาะแต่แนวสุขุมวิทอยู่เลย แถมยังบอกไม่ให้ผมซื้อเกินแบริ่งด้วย ผมก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยนะ แต่ก็ให้กำลังใจแกไปว่า “สู้ๆ ขอให้สำเร็จนะ”
และเมื่อไม่นานมานี้ ผมเองก็ได้รับเชิญจากคุณเฉินให้ไปชมโครงการ Landmark แห่งใหม่ของแก ที่ชื่อ Ken Attitude อยู่ Faraway ถึงสถานีพระนั่งเกล้า ซึ่งอยู่ไกลจากบ้านผมที่อยู่ใจกลางเมืองมากกกกกกกกก
แต่ผมไม่รอช้าที่จะตอบตกลงในทันที แล้วก็ไปเยี่ยมคุณเฉินที่โครงการ
เมื่อก้าวไปถึงล็อบบี้ก็พบกับภาพคนแน่นตั้งแต่ Lobby ยันชั้นสอง ดูผิดหูผิดตาจากหลายๆโครงการในเมืองที่เงียบจนแทบตบยุง
คุณเฉินให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดีพร้อมกับพาทัวร์ชมโครงการ
บังเกิดเป็นบทสนทนาที่แสนที่น่าประทับใจ Energetic บวกกับให้ความรู้ดีๆได้กับผมมากมาย
ผมจึงได้ทำการแกะข้อความจาก Recording และสรุปเนื้อหาบางส่วนมาให้ทุกคนได้ชมกัน (เนื่องจากเทปตัวจริงมีเสียงรบกวนค่อนข้างมากก็เลยไม่ได้นำมาลงให้นะครับ)