เราคิดมากเรื่องสามีมากไปไหมค่ะ

รบกวนปรึกษาปัญหาครอบครัวหน่อยค่ะ

เราแต่งงาน จดทะเบียนกับสามีมาประมาณ 4 ปีแล้ว

ย้อนไปเมื่อ 2 ปีก่อน พี่ชายเรา ต้องการซื้อบ้าน แม่ของเรามาปรึกษาว่าอยากให้เราช่วยผ่อนให้พี่เดือนละ 5000 บาท เรามาปรึกษาสามี สามีไม่ให้ช่วย เราก็เข้าใจเหตุผลของสามี เราก็บอกกับแม่เราไปว่า เราไม่สะดวกช่วยเพราะเราก็ต้องเอาเงินไปใช้อย่างอื่นที่เราอยากได้บ้าง บ้านเป็นปราถนาของพี่ไม่ใช่ของเรา
แม่เราก็เข้าใจดี

มาปัจจุบันนี้ สามีเงินเดือนขึ้นเป็นเท่าตัว เค้าโอนเงินให้พี่สาวทุกเดือนๆละ 5000 บาท (เหมือนเอาไว้เป็นเงินเก็บ) จ่ายค่าโทรศัพท์ให้ โดยไม่ปรึกษาเลย เรามานึกย้อนกลับไป เรารู้สึกน้อยใจค่ะ 

รายละเอียด ค่าใช้จ่ายในบ้าน
    แต่ละคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของตัวเอง (เราอยู่คนละจังหวัดกันค่ะ)
    เงินเที่ยวต่างๆๆ ทุกอย่างหารครึ่งค่ะ
    เค้าโอนเงินให้เราเดือนละ 5000 บาทเป็นเงินเก็บ ห้ามใช้จ่ายอย่างอื่น (ซื้อหุ้น กองทุน หรือสลาก ได้) บางเดือนถ้าปันผลออกก็จะให้เราครึ่งหนึ่ง ประมาณ 6000-10000 บาท ปีหนึ่งได้ 2 ครั้ง โบนัสถ้าออกเค้าจะให้ 10% 

เราน้อยใจไปไหมค่ะ เราแค่คิดว่าทำไมเวลาเรามีอะไรเราจะบอก ปรึกษาเค้าตลอด เค้าว่า ไม่ เราก็เชื่อเค้า ทำไมเค้าทำอะไรไม่ถามเราเลย 
ประเด็นหลักคือ ทำไมเมื่อก่อนเราจะช่วยพี่ ไม่ได้  แต่ที่เค้าถึงให้ได้ ช่วยได้ ไม่ปรึกษาเรา

ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
ที่จริงเรื่องครอบครัวของฝ่ายหญิงและชายเป็นเรื่องส่วนตัว คุณก็ไม่จำเป็นต้องบอกสามีถ้ามีเงินช่วยทางครอบครัว แต่ถ้าจะเอาเงินสามีมาให้ครอบครัวก็ต้องแล้วแต่เขาว่าจะให้หรือไม่ ทำนองเดียวกัน เขาจะช่วยครอบครัวเขาก็เป็นสิทธิของเขาเพราะเงินก็เป็นของเขา และเขาก็ยังให้เงินเก็บเหมือนเดิม แสดงว่าความรับผิดชอบครอบครัวไม่ได้ลดลง
ความคิดเห็นที่ 13
คำตอบคือ ฐานะการเงินตอนนั้น ไม่เหมือนกับตอนนี้

ถ้ารู้อนาคตว่า ข้างหน้าจะได้เงินเยอะขึ้นแบบนี้ คงให้ไปแล้วละ

แล้วความตั้งใจ พี่สาวอยู่กับแม่ ดูแลแม่ ก็ตั้งใจให้แม่ให้พี่สาวที่ดูแลแม่แหละ

ผมก็ให้น้อง ไว้ใช้จ่ายให้แม่ กับส่วนที่เป็นน้ำใจให้คนดูแลแม่

ความรู้สึกของการให้คนดูแลแม่ คือให้แม่ ความรู้สึกของช่วยพี่ผ่อนบ้าน คือให้พี่

ความรู้สึกต่างกันครับ
ความคิดเห็นที่ 21
1. เราเห็นด้วยกับสามีคุณในเรื่องที่คุณไม่ควรช่วยพี่ชายผ่อนบ้าน ไม่ว่าพี่คุณจะผ่อนไหวหรือไม่ไหว ก็ไม่ใช่หน้าที่ของคุณที่จะต้องไปช่วย
ความจริงคุณเองก็รู้ดีว่าคุณไม่มีความจำเป็นต้องช่วย และเหตุผลที่แม่ยกมาก็ไม่ make sense เอาซะเลย
และจริงๆเรื่องนี้คุณสามารถตัดสินใจปฏิเสธไปเองได้เลยโดยไม่ต้องปรึกษาสามีเลยก็ได้
และไม่ควรเอาเรื่องนี้มาน้อยใจสามี เพราะเรื่องมันจบไปในตัวอยู่แล้วเอามาเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันไม่ได้
ถ้าเป็นกรณีว่าสามีไม่ยอมให้คุณส่งเงินให้แม่แต่ตัวเองกลับส่งเงินให้พี่สาว
แบบนี้ถึงเป็นกรณีที่เปรียบเทียบกันได้และคุณมีสิทธิน้อยใจ

2. เรื่องที่สามีส่งเงินให้พี่สาว เราคงไปตัดสินอะไรไม่ได้เพราะข้อมูลไม่เพียงพอ เพราะเราไม่รู้ว่าฝั่งนั้นมีข้อตกลงอะไรกันในครอบครัวรึเปล่า
พี่สาวอาจจะมีบุญคุณเคยส่งเสียสามีมาก่อนรึเปล่า หรือสามีอาจจะให้เป็นเงินช่วยในการอยู่ดูแลแม่ก็เป็นไปได้

3. คุณน้อยใจที่ปรึกษาสามีทุกเรื่องเวลาจะใช้เงิน แต่สามีกลับไม่ปรึกษาคุณเลย
ความจริงคุณเองก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว มีรายได้เป็นของตัวเอง มีเงินในส่วนที่แยกกระเป๋ากันใช้อยู่
คุณไม่จำเป็นต้องปรึกษาสามีทุกอย่างหรอกค่ะ อยากซื้อกระเป๋าก็ซื้อไปเลย แค่อย่าใช้เงินจนเกินตัวไปเท่านั้นเอง
คนเราย่อมต้องการมุมที่มีความเป็นส่วนตัวกันบ้าง เพราะคุณคงไม่ได้บอกสามีทุกครั้งเวลาจะใช้เงินหรอกมั้งคะ
ถ้าต้องบอกทุกครั้ง เวลาซื้อข้าวซื้อน้ำซื้อของใช้อะไรก็ต้องบอกทุกครั้งเหรอคะ
คือคุณต้องใช้วิจารณญาณบ้างว่าอันไหนที่ควรบอกหรือไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้ ไม่จำเป็นต้องพาซื่อบอกซะทุกอย่าง

4. เราดูแล้ว ลักษณะนิสัยของคุณคือคนที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง ไม่ค่อยกล้าตัดสินใจอะไรด้วยตัวเอง
อย่างกรณีที่แม่มาบอกให้ช่วยพี่ผ่อนบ้าน ตัวคุณเองรู้ทั้งรู้ว่าคุณไม่จำเป็นต้องช่วยและไม่ควรช่วย แต่คุณก็ยังไม่กล้าปฏิเสธแม่
และยังต้องเอาเรื่องนี้ไปให้สามีเป็นคนตัดสินใจ จนตอนหลังยังเก็บเรื่องนี้มาน้อยใจ ทั้งที่ก็รู้อยู่ว่าการที่ไม่ช่วยน่ะคือการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว
หรืออย่างเรื่องที่ต้องบอกสามีทุกครั้งเวลาจะซื้อกระเป๋า ถามว่าสามีเค้าบังคับให้บอก หรือคุณเต็มใจบอกเค้าเองคะ
บางทีสามีอาจจะไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้นก็ได้ คือคุณอยากซื้ออะไรก็ซื้อไป
แต่ถ้าคุณมาปรึกษาสามีอาจจะคิดว่าคุณตัดสินใจไม่ได้ เค้าเลยให้ความเห็นในมุมมองของเค้าว่าไม่ต้องซื้อหรอก
เพราะผู้ชายกับผู้หญิงคิดไม่เหมือนกันอยู่แล้ว
ถ้าสามีไม่ได้คาดหวังว่าคุณจะต้องบอก ต่อไปนี้คุณก็ไม่จำเป็นต้องบอกเค้าแล้วค่ะ และก็เลิกคาดหวังด้วยว่าเค้าจะปรึกษาคุณทุกเรื่องเหมือนกัน

แต่ถ้าเรื่องกลายเป็นว่าเคยซื้อโดยไม่บอกแล้วสามีไม่พอใจ แต่ตัวสามีกลับใช้เงินโดยไม่บอกคุณเลย
แบบนี้สิถึงเรียกว่าไม่แฟร์ และคุณคงต้องพิจารณาสามีคุณอีกทีแล้วล่ะค่ะ

ปล. ขอฝากคำถามข้อหนึ่งไว้ให้คิดนะคะ คุณอยากช่วยพี่ชายผ่อนบ้านจริงๆรึเปล่าคะ
ถ้าตัวคุณเองก็ไม่ได้เต็มใจที่จะช่วยผ่อน ก็ไม่ควรเอาเรื่องนี้มาน้อยใจสามีค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่