เรา อายุ 24 ปีแล้วค่ะ เป็นลูกคนเดียว
อีก 1-2 เดือนต้องห่างจากพ่อแม่ พ่อแม่จะย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด ห่างจากกทม 500 กิโล ดูแลตายายและย้ายอยู่บ้านที่เราผ่อนมานานแต่ไม่เคยไปอยู่
สาเหตุ เนื่องจากพ่อเราเกษียณราชการในเดือนหน้า ที่ที่อยู่ในกทม เป็นบ้านพักราชการค่ะ
แม่ก็จะไปค้าขายที่นู่น
ตอนนี้ยังทำใจไม่ค่อยได้ ไม่อยากห่างจากครอบครัว ครอบครัวคือcomfort zone ของเรา
อีกใจเราก็เห็นแก่ตัว เราไม่อยากอยู่คนเดียว ตายายก็ยังแข็งแรงมากๆ มีน้าคอยดูแลอยู่แล้วนี่
เราไม่ค่อยอยากให้แม่ไปอยู่ในที่ที่ แกอาจจะโดนตายายวิจารณ์| คิดแทนเรื่องต่างๆ แล้วชอบเก็บมาคิด
ส่วนเรา ยิ่งช่วงนี้งานหนักมากๆๆ+โควิด มีพนงลาออกแล้วไม่รับเพิ่ม งานตกมาที่ทุกคน ออฟฟิศเราให้เลิกตรงเวลาแต่งานนี้แข่งกับเวลา
เกือบตายทุกวัน ทำงานหรือไปออกรบ
แต่พอกลับบ้านกินข้าวฝีมือแม่ บ่นกับพ่อ ช่วยแม่ขายของ พาไปกินร้านอร่อย ถามสารทุกข์สุขดิบ เราหายเหนื่อยสุดๆไปเลย
พ่อกับแม่รักเรามากๆ รักแบบ เราได้ยินแม่พูดกับยายเรื่องบ้าน รถที่ยังต้องผ่อน เราซึ้งมาก คิดถึงทีไรน้ำตาแตก
เรามีปสก.ต้องห่างจากบ้านนานๆเหมือนกัน ไปเรียน ตปท มา2รอบแต่ตอนนั้นเราอยากไปเอง พอกลับไทยมายังไงก็มาอยู่บ้านอยู่ดี มีคนดูแล
ครั้งนี้มันแตกต่างที่เราไม่ได้อยากให้ห่างกัน แถมเราคงต้องอยู่ไทยอีกนาน ไม่รู้จะมีโอกาสไปเรียนต่อ -ทำงานในตปทเมื่อไหร่
ถ้าตอนนี้ยังอยู่ที่จีน เราคงไม่รู้สึกแบบนี้ ที่รู้ต้องอยู่จนถึงปีหน้ากว่าจะพิจารณาทุนรอบใหม่
อีกใจนึงเรายังงงตัวเองว่าจะคิดมากทำไม เพราะเราโตที่นี่ เพื่อนๆก็อยู่นี่กันทั้งนั้น ใช้ชีวิตที่นี่มาเกือบ20ปี
คิดเรื่องที่ต้องห่างกัน ร้องไห้ทุกที (น้ำตาไหลง่ายมาก ปกติไม่ใช่คนร้องไห้บ่อย) ทำยังไงให้ทำใจได้ค่ะ
จัดการความรู้สึกยังไงดี ถ้าต้องห่างกับพ่อแม่
อีก 1-2 เดือนต้องห่างจากพ่อแม่ พ่อแม่จะย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด ห่างจากกทม 500 กิโล ดูแลตายายและย้ายอยู่บ้านที่เราผ่อนมานานแต่ไม่เคยไปอยู่
สาเหตุ เนื่องจากพ่อเราเกษียณราชการในเดือนหน้า ที่ที่อยู่ในกทม เป็นบ้านพักราชการค่ะ
แม่ก็จะไปค้าขายที่นู่น
ตอนนี้ยังทำใจไม่ค่อยได้ ไม่อยากห่างจากครอบครัว ครอบครัวคือcomfort zone ของเรา
อีกใจเราก็เห็นแก่ตัว เราไม่อยากอยู่คนเดียว ตายายก็ยังแข็งแรงมากๆ มีน้าคอยดูแลอยู่แล้วนี่
เราไม่ค่อยอยากให้แม่ไปอยู่ในที่ที่ แกอาจจะโดนตายายวิจารณ์| คิดแทนเรื่องต่างๆ แล้วชอบเก็บมาคิด
ส่วนเรา ยิ่งช่วงนี้งานหนักมากๆๆ+โควิด มีพนงลาออกแล้วไม่รับเพิ่ม งานตกมาที่ทุกคน ออฟฟิศเราให้เลิกตรงเวลาแต่งานนี้แข่งกับเวลา
เกือบตายทุกวัน ทำงานหรือไปออกรบ
แต่พอกลับบ้านกินข้าวฝีมือแม่ บ่นกับพ่อ ช่วยแม่ขายของ พาไปกินร้านอร่อย ถามสารทุกข์สุขดิบ เราหายเหนื่อยสุดๆไปเลย
พ่อกับแม่รักเรามากๆ รักแบบ เราได้ยินแม่พูดกับยายเรื่องบ้าน รถที่ยังต้องผ่อน เราซึ้งมาก คิดถึงทีไรน้ำตาแตก
เรามีปสก.ต้องห่างจากบ้านนานๆเหมือนกัน ไปเรียน ตปท มา2รอบแต่ตอนนั้นเราอยากไปเอง พอกลับไทยมายังไงก็มาอยู่บ้านอยู่ดี มีคนดูแล
ครั้งนี้มันแตกต่างที่เราไม่ได้อยากให้ห่างกัน แถมเราคงต้องอยู่ไทยอีกนาน ไม่รู้จะมีโอกาสไปเรียนต่อ -ทำงานในตปทเมื่อไหร่
ถ้าตอนนี้ยังอยู่ที่จีน เราคงไม่รู้สึกแบบนี้ ที่รู้ต้องอยู่จนถึงปีหน้ากว่าจะพิจารณาทุนรอบใหม่
อีกใจนึงเรายังงงตัวเองว่าจะคิดมากทำไม เพราะเราโตที่นี่ เพื่อนๆก็อยู่นี่กันทั้งนั้น ใช้ชีวิตที่นี่มาเกือบ20ปี
คิดเรื่องที่ต้องห่างกัน ร้องไห้ทุกที (น้ำตาไหลง่ายมาก ปกติไม่ใช่คนร้องไห้บ่อย) ทำยังไงให้ทำใจได้ค่ะ