💬
1. ช่วงเปลี่ยนครีมใหม่ต้องพักหน้า โดยไม่ให้ทาอะไรเลยอย่างน้อย 7 วัน
ไม่จริง โดยทั่วไปยังสามารถใช้ผลิตภัณฑ์อื่นๆได้ตามปกติ แต่หากคุณมีผิวที่แพ้ง่าย อาจจะงดผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวระคายเคืองง่ายไปก่อน (ชั่วคราว)
💬
2. ควรเปลี่ยนครีมบ่อยๆ เช่น ทุก 3-6 เดือน เพราะกลัวว่าผิวจะเคยชินกับครีมตัวเดิม
ไม่จริง ถ้าหากครีมที่ใช้ดีอยู่แล้ว และไม่ได้มีตัวยาอื่นผสม เช่น steroid, hydroquinone สามารถใช้ต่อเนื่องได้โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนบ่อยๆค่ะ แต่ถ้าเป็นครีมที่ผสมตัวยามาด้วย ควรใช้ตามที่คุณหมอแนะนำ
💬
3. จะเปลี่ยนครีมทั้งที เปลี่ยนทั้งเซ็ตไปเลย ถ้าหากแพ้จะได้แพ้ทีเดียวจบ
ไม่จริง การเปลี่ยนครีม ควรทำทีละตัว เริ่มจากทดลองทาที่ข้อพับแขนด้านในและหลังหูก่อน ถ้าหากมีผื่นคัน แดง แสบลอก จะได้พอคาดเดาได้ว่าน่าจะเกิดจากครีมตัวไหน
💬
4. ครีมอันนี้ใช้มานานเป็นปีแล้ว คงไม่แพ้หรอก
ไม่จริง ยังมีโอกาสแพ้ได้ แม้ว่าใช้มานานเป็นปีแล้ว จากส่วนประกอบที่อยู่ในสกินแคร์นั้น เช่น น้ำหอม สารกันเสีย เนื่องจาก % ที่ใส่มาอาจจะต่ำ ทำให้ช่วงแรกที่ใช้ยังไม่เกิดการแพ้
💬
5. ทาครีมแล้วแสบหรือร้อนผ่าวๆ สรุปได้เลยว่าแพ้ครีมชัวร์
ไม่จริง อาจจะยังสรุปไม่ได้ 100% ว่าเกิดจากแพ้จริง (Allergic contact dermatitis) เพราะอาการดังกล่าว ถ้าไม่มีผื่นร่วมด้วย อาจจะเป็นจากการระคายเคืองก็ได้ (Irritant contact dermatitis) หรือเกิดจากการทาครีมในช่วงที่ผิวแห้งลอก (skin barrier ไม่ค่อยดี) หรืออีกสาเหตุ คือเกิดจากสารบางอย่างในผลิตภัณฑ์ เช่น propylene glycol แนะนำถ้ากังวลให้หยุดใช้ชั่วคราวก่อนและปรึกษาแพทย์ผิวหนัง
💬
6. เมื่อสงสัยว่าแพ้ครีม เช่น ทาแล้วสิวขึ้น ผื่นขึ้นชัดเจน หยุดทาปุ๊บ ผื่นต้องหายปั๊บ
ไม่จริง เมื่อหยุดใช้ผื่น หรือสิวที่ขึ้นมาใหม่ อาจจะไม่ได้หายไปในทันที ต้องใช้เวลาสักระยะ แต่เมื่อหยุดใช้แล้ว ผื่นขึ้นมักจะไม่แย่ลงกว่าเดิม ถ้าเป็นมาก ไปพบหมอผิวหนังดีกว่าปล่อยทิ้งไว้นะคะ
💬
7. ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค แปลว่า ใช้แล้วไม่แพ้
ไม่จริง ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค ก็สามารถแพ้ได้ โดยเฉพาะ ingredient ต่างๆที่ได้จากพืช (Allergic sensitization to plants)
💬
8. ถ้าสงสัยแพ้สกินแคร์ แพ้เครื่องสำอาง ใช้วิธีเจาะเลือดหาสาเหตุการแพ้ได้
ไม่จริง แต่อันนี้หมอเจอบ่อยมาก ว่าคนไข้จะมาขอเจาะเลือดหาสาเหตุการแพ้ แต่จริงๆแล้วการทดสอบการแพ้แบบนี้ (Hyperpersensitivity type IV/ DTH) จะใช้การทดสอบด้วยวิธี Patch test โดยการแปะสารทดสอบก่อภูมิแพ้หลายๆตัวพร้อมกันที่แผ่นหลังคนไข้ ใช้เวลาในการทดสอบ 5-7 วัน โดยบริเวณที่ทดสอบห้ามเปียกน้ำ และคนไข้ต้องมารพ 3-4 ครั้ง เพื่อทำการแปะสารทดสอบและอ่านผล ซึ่งวิธีนี้มีข้อบ่งชี้ในการตรวจ (ไม่ได้จำเป็นต้องทำทุกคน) และการแปลผลต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง
💬
9. ทาครีมช่วยให้หลุมสิวตื้นขึ้นได้ ไม่ควรไปทำเลเซอร์เพราะทำแล้วหน้าจะบาง
ไม่จริง ครีมไม่สามารถช่วยให้หลุมสิวตื้นขึ้นได้ เพราะการซึมผ่านค่อนข้างจำกัด ทำให้ไม่สามารถผ่านลงไปยังผิวชั้นล่าง ครีมไม่ได้เก่งขนาดจะไปสลายพังผืดที่ยึดหลุมสิว หรือกระตุ้นคอลลาเจนได้ เยอะขนาดที่จะทำให้หลุมสิวตื้นขึ้นมาได้จริง และการทำเลเซอร์หลุมสิวสามารถรักษาหลุมสิวได้โดยไม่ทำให้ผิวหน้าบาง
💬
10. AHA ทำให้หน้าบาง เพราะเป็นกรดจึงกัดกร่อนทำลายผิว
ไม่จริง AHA ไม่ทำให้ผิวบาง ไม่ได้ทำร้ายผิว แต่พบว่าหากใช้ต่อเนื่องอย่างเหมาะสม สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อีกด้วย ส่วนใหญ่ AHA ที่ใส่มาในสกินแคร์มักจะเป็น % ที่ไม่สูงนัก
💬
11. ล้างหน้าบ่อยๆ ช่วยให้สิวดีขึ้นเพราะช่วยให้ผิวสะอาดขึ้นและยังช่วยให้หน้ามันน้อยลง
ไม่จริง สิวไม่ได้เกิดจากความสกปรก และการล้างหน้ามากกว่า 2 ครั้งต่อวัน เป็นสาเหตุนึงที่รบกวนสมดุลของผิว ทำให้ผิวระคายเคือง และไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาหน้ามัน
💬
12. สบู่ที่ฟองเยอะๆ แปลว่าดี
ไม่จริง แต่ควรเลือกที่มี pH ใกล้เคียงกับผิวหนังของเรามากกว่าการเลือกจากฟองเยอะๆ
pH ที่เหมาะสมจะค่อนข้างเป็นกรดเล็กน้อย ประมาณ 5-5.5 บางครั้งอาจใช้คำว่า pH balance แทนได้
💬
13. เก็บครีม หรือ สกินแคร์ไว้ในตู้เย็นช่วยยืดอายุครีมให้นานขึ้น
ไม่จริง ครีมไม่เหมือนกับของกินที่เอาไปแช่ตู้เย็นแล้วจะเก็บได้นานขึ้น โดยทั่วไปไม่แนะนำให้เก็บในตู้เย็นเลยค่ะ เพราะอาจส่งผลต่อ texture ทำให้เกิดการแยกชั้น หรือเสียสภาพ และการหยิบเข้าออกบ่อยๆ หรือหยิบออกมาแล้วลืมเก็บเข้าไป ปล่อยให้ครีมร้อนบ้าง เย็นบ้าง อันนี้จะยิ่งทำให้ครีมเสื่อมไวกว่าปกติด้วยซ้ำ ยกเว้น ตัวยาบางตัวที่ระบุว่าให้เก็บในตู้เย็น (ดูที่กล่องหรือฉลากจะมีบอก)
💬
14. เก็บครีมไว้ในรถได้ เพราะสะดวกต่อการหยิบใช้
ไม่จริง ไม่ควรเก็บครีมในรถ เพราะความร้อนจะทำให้ครีมเสื่อม หรือเสียสภาพ เช่นกัน
💬
15. อยู่บ้าน หรือไม่ค่อยโดนแดดอยู่แล้ว ไม่ต้องทากันแดดก็ได้
ไม่จริงเสมอไป เพราะถึงอยู่ในบ้าน แต่แสงยูวีชนิดเอยังสามารถผ่านหน้าต่าง หรือกระจกเข้าได้อยู่ดี และบางครั้งอาจจะมีเหตุให้เราต้องออกไปนอกตัวบ้านบ้าง เช่น ออกไปรับพัสดุ, ไปเก็บผ้าที่ตากเอาไว้ #ยกเว้นว่าจะอยู่ในห้องผนังทึบทั้ง 6 ด้านตลอดโดยไม่มีแสงอาทิตย์จากด้านนอกส่องเข้ามาได้ กรณีนี้จะไม่ทากันแดดก็ได้
💬
16. ทากันแดดแล้ว จะตากแดดเยอะแค่ไหนก็ได้
ไม่จริง ถึงแม้จะทากันแดดแล้วแต่คนส่วนใหญ่ทากันแดดปริมาณน้อยกว่าที่ควรจะเป็น (ทาเพียง 1/4) ทำให้ประสิทธิภาพในการกันแดดลดลงมาก ถ้าอยู่ในช่วงเวลาที่แดดจัด ควรป้องกันด้วยวิธีอื่น เช่น เดินตามร่มไม้ เงาอาคาร กางร่มหรือใส่หมวก
💬
17. ครีมลดริ้วรอยทุกอย่างได้
ไม่จริง การทาครีมบำรุงช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน อาจจะชะลอการเกิดริ้วรอยได้ในระดับนึง แต่เมื่ออายุมาก ริ้วรอยเยอะขึ้น ครีมไม่สามารถลดริ้วรอยบางอย่างได้ เช่น รอยย่นหน้าผาก รอยขมวดคิ้ว รอยตีนกา ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก แบบนี้ทาครีมไม่หายค่ะ แต่หมอผิวหนังเรามีวิธีแก้ไขริ้วรอยแบบนี้ได้
❌ ➡️ ✔️
มาช่วยกันเปลี่ยนความเข้าใจผิดๆให้เป็นความรู้ที่ถูกต้องกันค่ะ
♥️ ถ้าอ่านแล้ว “ชอบ” >> comment บอกกันได้นะคะ
หมอยุ้ย เพจ Dr.Yui คุยทุกเรื่องผิว
แพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง
รู้ทันความเชื่อผิดๆเกี่ยวกันสกินแคร์ ใช้อย่างไรให้ได้ผล
💬
1. ช่วงเปลี่ยนครีมใหม่ต้องพักหน้า โดยไม่ให้ทาอะไรเลยอย่างน้อย 7 วัน
ไม่จริง โดยทั่วไปยังสามารถใช้ผลิตภัณฑ์อื่นๆได้ตามปกติ แต่หากคุณมีผิวที่แพ้ง่าย อาจจะงดผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวระคายเคืองง่ายไปก่อน (ชั่วคราว)
💬
2. ควรเปลี่ยนครีมบ่อยๆ เช่น ทุก 3-6 เดือน เพราะกลัวว่าผิวจะเคยชินกับครีมตัวเดิม
ไม่จริง ถ้าหากครีมที่ใช้ดีอยู่แล้ว และไม่ได้มีตัวยาอื่นผสม เช่น steroid, hydroquinone สามารถใช้ต่อเนื่องได้โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนบ่อยๆค่ะ แต่ถ้าเป็นครีมที่ผสมตัวยามาด้วย ควรใช้ตามที่คุณหมอแนะนำ
💬
3. จะเปลี่ยนครีมทั้งที เปลี่ยนทั้งเซ็ตไปเลย ถ้าหากแพ้จะได้แพ้ทีเดียวจบ
ไม่จริง การเปลี่ยนครีม ควรทำทีละตัว เริ่มจากทดลองทาที่ข้อพับแขนด้านในและหลังหูก่อน ถ้าหากมีผื่นคัน แดง แสบลอก จะได้พอคาดเดาได้ว่าน่าจะเกิดจากครีมตัวไหน
💬
4. ครีมอันนี้ใช้มานานเป็นปีแล้ว คงไม่แพ้หรอก
ไม่จริง ยังมีโอกาสแพ้ได้ แม้ว่าใช้มานานเป็นปีแล้ว จากส่วนประกอบที่อยู่ในสกินแคร์นั้น เช่น น้ำหอม สารกันเสีย เนื่องจาก % ที่ใส่มาอาจจะต่ำ ทำให้ช่วงแรกที่ใช้ยังไม่เกิดการแพ้
💬
5. ทาครีมแล้วแสบหรือร้อนผ่าวๆ สรุปได้เลยว่าแพ้ครีมชัวร์
ไม่จริง อาจจะยังสรุปไม่ได้ 100% ว่าเกิดจากแพ้จริง (Allergic contact dermatitis) เพราะอาการดังกล่าว ถ้าไม่มีผื่นร่วมด้วย อาจจะเป็นจากการระคายเคืองก็ได้ (Irritant contact dermatitis) หรือเกิดจากการทาครีมในช่วงที่ผิวแห้งลอก (skin barrier ไม่ค่อยดี) หรืออีกสาเหตุ คือเกิดจากสารบางอย่างในผลิตภัณฑ์ เช่น propylene glycol แนะนำถ้ากังวลให้หยุดใช้ชั่วคราวก่อนและปรึกษาแพทย์ผิวหนัง
💬
6. เมื่อสงสัยว่าแพ้ครีม เช่น ทาแล้วสิวขึ้น ผื่นขึ้นชัดเจน หยุดทาปุ๊บ ผื่นต้องหายปั๊บ
ไม่จริง เมื่อหยุดใช้ผื่น หรือสิวที่ขึ้นมาใหม่ อาจจะไม่ได้หายไปในทันที ต้องใช้เวลาสักระยะ แต่เมื่อหยุดใช้แล้ว ผื่นขึ้นมักจะไม่แย่ลงกว่าเดิม ถ้าเป็นมาก ไปพบหมอผิวหนังดีกว่าปล่อยทิ้งไว้นะคะ
💬
7. ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค แปลว่า ใช้แล้วไม่แพ้
ไม่จริง ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค ก็สามารถแพ้ได้ โดยเฉพาะ ingredient ต่างๆที่ได้จากพืช (Allergic sensitization to plants)
💬
8. ถ้าสงสัยแพ้สกินแคร์ แพ้เครื่องสำอาง ใช้วิธีเจาะเลือดหาสาเหตุการแพ้ได้
ไม่จริง แต่อันนี้หมอเจอบ่อยมาก ว่าคนไข้จะมาขอเจาะเลือดหาสาเหตุการแพ้ แต่จริงๆแล้วการทดสอบการแพ้แบบนี้ (Hyperpersensitivity type IV/ DTH) จะใช้การทดสอบด้วยวิธี Patch test โดยการแปะสารทดสอบก่อภูมิแพ้หลายๆตัวพร้อมกันที่แผ่นหลังคนไข้ ใช้เวลาในการทดสอบ 5-7 วัน โดยบริเวณที่ทดสอบห้ามเปียกน้ำ และคนไข้ต้องมารพ 3-4 ครั้ง เพื่อทำการแปะสารทดสอบและอ่านผล ซึ่งวิธีนี้มีข้อบ่งชี้ในการตรวจ (ไม่ได้จำเป็นต้องทำทุกคน) และการแปลผลต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง
💬
9. ทาครีมช่วยให้หลุมสิวตื้นขึ้นได้ ไม่ควรไปทำเลเซอร์เพราะทำแล้วหน้าจะบาง
ไม่จริง ครีมไม่สามารถช่วยให้หลุมสิวตื้นขึ้นได้ เพราะการซึมผ่านค่อนข้างจำกัด ทำให้ไม่สามารถผ่านลงไปยังผิวชั้นล่าง ครีมไม่ได้เก่งขนาดจะไปสลายพังผืดที่ยึดหลุมสิว หรือกระตุ้นคอลลาเจนได้ เยอะขนาดที่จะทำให้หลุมสิวตื้นขึ้นมาได้จริง และการทำเลเซอร์หลุมสิวสามารถรักษาหลุมสิวได้โดยไม่ทำให้ผิวหน้าบาง
💬
10. AHA ทำให้หน้าบาง เพราะเป็นกรดจึงกัดกร่อนทำลายผิว
ไม่จริง AHA ไม่ทำให้ผิวบาง ไม่ได้ทำร้ายผิว แต่พบว่าหากใช้ต่อเนื่องอย่างเหมาะสม สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อีกด้วย ส่วนใหญ่ AHA ที่ใส่มาในสกินแคร์มักจะเป็น % ที่ไม่สูงนัก
💬
11. ล้างหน้าบ่อยๆ ช่วยให้สิวดีขึ้นเพราะช่วยให้ผิวสะอาดขึ้นและยังช่วยให้หน้ามันน้อยลง
ไม่จริง สิวไม่ได้เกิดจากความสกปรก และการล้างหน้ามากกว่า 2 ครั้งต่อวัน เป็นสาเหตุนึงที่รบกวนสมดุลของผิว ทำให้ผิวระคายเคือง และไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาหน้ามัน
💬
12. สบู่ที่ฟองเยอะๆ แปลว่าดี
ไม่จริง แต่ควรเลือกที่มี pH ใกล้เคียงกับผิวหนังของเรามากกว่าการเลือกจากฟองเยอะๆ
pH ที่เหมาะสมจะค่อนข้างเป็นกรดเล็กน้อย ประมาณ 5-5.5 บางครั้งอาจใช้คำว่า pH balance แทนได้
💬
13. เก็บครีม หรือ สกินแคร์ไว้ในตู้เย็นช่วยยืดอายุครีมให้นานขึ้น
ไม่จริง ครีมไม่เหมือนกับของกินที่เอาไปแช่ตู้เย็นแล้วจะเก็บได้นานขึ้น โดยทั่วไปไม่แนะนำให้เก็บในตู้เย็นเลยค่ะ เพราะอาจส่งผลต่อ texture ทำให้เกิดการแยกชั้น หรือเสียสภาพ และการหยิบเข้าออกบ่อยๆ หรือหยิบออกมาแล้วลืมเก็บเข้าไป ปล่อยให้ครีมร้อนบ้าง เย็นบ้าง อันนี้จะยิ่งทำให้ครีมเสื่อมไวกว่าปกติด้วยซ้ำ ยกเว้น ตัวยาบางตัวที่ระบุว่าให้เก็บในตู้เย็น (ดูที่กล่องหรือฉลากจะมีบอก)
💬
14. เก็บครีมไว้ในรถได้ เพราะสะดวกต่อการหยิบใช้
ไม่จริง ไม่ควรเก็บครีมในรถ เพราะความร้อนจะทำให้ครีมเสื่อม หรือเสียสภาพ เช่นกัน
💬
15. อยู่บ้าน หรือไม่ค่อยโดนแดดอยู่แล้ว ไม่ต้องทากันแดดก็ได้
ไม่จริงเสมอไป เพราะถึงอยู่ในบ้าน แต่แสงยูวีชนิดเอยังสามารถผ่านหน้าต่าง หรือกระจกเข้าได้อยู่ดี และบางครั้งอาจจะมีเหตุให้เราต้องออกไปนอกตัวบ้านบ้าง เช่น ออกไปรับพัสดุ, ไปเก็บผ้าที่ตากเอาไว้ #ยกเว้นว่าจะอยู่ในห้องผนังทึบทั้ง 6 ด้านตลอดโดยไม่มีแสงอาทิตย์จากด้านนอกส่องเข้ามาได้ กรณีนี้จะไม่ทากันแดดก็ได้
💬
16. ทากันแดดแล้ว จะตากแดดเยอะแค่ไหนก็ได้
ไม่จริง ถึงแม้จะทากันแดดแล้วแต่คนส่วนใหญ่ทากันแดดปริมาณน้อยกว่าที่ควรจะเป็น (ทาเพียง 1/4) ทำให้ประสิทธิภาพในการกันแดดลดลงมาก ถ้าอยู่ในช่วงเวลาที่แดดจัด ควรป้องกันด้วยวิธีอื่น เช่น เดินตามร่มไม้ เงาอาคาร กางร่มหรือใส่หมวก
💬
17. ครีมลดริ้วรอยทุกอย่างได้
ไม่จริง การทาครีมบำรุงช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน อาจจะชะลอการเกิดริ้วรอยได้ในระดับนึง แต่เมื่ออายุมาก ริ้วรอยเยอะขึ้น ครีมไม่สามารถลดริ้วรอยบางอย่างได้ เช่น รอยย่นหน้าผาก รอยขมวดคิ้ว รอยตีนกา ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก แบบนี้ทาครีมไม่หายค่ะ แต่หมอผิวหนังเรามีวิธีแก้ไขริ้วรอยแบบนี้ได้
❌ ➡️ ✔️
มาช่วยกันเปลี่ยนความเข้าใจผิดๆให้เป็นความรู้ที่ถูกต้องกันค่ะ
♥️ ถ้าอ่านแล้ว “ชอบ” >> comment บอกกันได้นะคะ
หมอยุ้ย เพจ Dr.Yui คุยทุกเรื่องผิว
แพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง