=====ลุงป้าเล่าเรื่อง เยือนคีรีรัฐนิคม=====

“โควิด หายไปแล้ว มาได้แล้ว จะอ้างงานยุ่งไม่ได้แล้ว” ป้าโวยในวันหนึ่ง ขณะคุยโทรศัพท์กัน
ก็จริงๆหลายเดือนนี้ ยุ่งกับโปรแกรมลีสซิ่งของเพื่อน ร่วมรุ่น แม้แต่อยุธยา ก็แทบไม่ได้ไป
เอานะ ไปเพื่อเอาใจป้าหลังโควิดหน่อย
สมัยนี้เดินทางสะดวก แค่ ไม่ถึง 4 ชั่วโมงจากชลบุรีก็ถึง สุราษฎร์แล้ว
 “เย็นนี้ ไปร้าน เฌอบัว หน้าสนามบินไหมบรรยากาศ ดี
ดีซิ เมืองใต้ ฝนแปด แดดสี่ ฝนพรำตลอด เลย

 “อยากไปไหน ล่ะเดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นมาจะได้ไปกัน” ป้าคงอยากเที่ยว อยู่สุราษฎร์ ป้าขับรถแค่หัวเตย ไป ท่าโรงช้าง กับ เข้าเมือง ประชุม ตามโรงแรม บรรจงฯ นิภาฯ แทบไม่ได้ไปไหน
 “ไปวัดถ้ำสิงขร ไหมผมอยากไป นึกถึงที่บอกว่าขุนพันธุ์ ตามจับโจร ถึงถ้ำสิงขร อยากรู้มันลึกลับขนาดไหน” ผมเสนอ
 “ไป๊ได๊ๆ” ป้าพยักหน้า พูด สำเนียงคนเมืองใต้
เรื่องมีอยู่ ว่าผมมาสุราษฎร์ ไปก็หลายที่ แต่ ข้ามวัดนี้ได้ไง สมัยก่อน ขุนพันธ์รักษ์ฯ มือปราบ โจรโหดๆ ท่านเคย ขนาดตามล่า โจรร้ายมาถึง ถ้ำสิงขรนี่เลย ดูแผนที่ สมัยปัจจุบันก็ว่า ไปไม่ยาก ขับรถเลียบ คลองพุมดวง ไปแค่ครึ่งชั่วโมงจาก บ้านป้าก็ ถึงแล้ว
วัดนี้เป็นวัดเล็กๆ อยู่ในสวนปาล์ม และสวนยาง จริงๆ ผมก็ไม่ชอบถ้ำเท่าไร เพราะ เบื่อ ค้างคาว และความอับชื้นแต่ อยากตามรอย ขุนพันธ์ฯ นายตำรวจในดวงใจ ไปถึง เจอเจดีย์ศิลปะ ศรีวิชัย ตั้งหน้าถ้ำ เลย ถ้ำนี้ไม่ลึกมาก มีพระพุทธรูป หลากหลายตั้งแต่ พระประจำวัดเกิด และ พระพุทธรูปปางป่าเลไลย์
ได้ไปวัดกราบพระ รู้สึกมีความสุข หลายเดือนที่เครียดกับงาน


ทีนี่นอกจากพระพุทธรูปแล้วยังมีภาพเขียนสีของมนุษย์ถ้ำเมื่อนานมากแล้วด้วย

 “ไปคลองน้ำใสไหม ไม่ได้ ไปมาเป็นสิบปีแล้ว” ป้าชวนไปคลองน้ำใส
คลองน้ำใส คีรีรัฐนิคม คงเหมือนกับบางแสนเลยมัง ขับต่ออีกนิดเดียว ถึง แล้ว
คลองน้ำใส เดินเข้าไปเหมือนน้ำตก มากกว่าเข้าไปเที่ยวคลอง แต่บอกได้ว่า น้ำที่นี่ใส ไหลเย็นเห็นตัวปลาเลย น้ำลึกเป็นบางช่วง
 “หิวแล้ว ป้า หาไรกินกัน” ผมชวนป้า
 “ส้มตำไหม หรอยจั่งฮู้” ป้า เสนอเลย ริมคลอง วันนี้ คนเยอะพอใช้ได้ มีส้มตำ มีข้าวเหนียวมีไก่ย่าง กินกันให้มีแรงเดิน
คนมาสุราษฎร์มักจะคิดแต่ ไปวัดพระธาตุไชยา แล้วก็เที่ยวตลาด จริงๆ ในสวนยาง ในป่าเมืองสุราษฎร์มีที่ไปเยอะ มาก
 “หรอยไม๊” ป้าถาม
 “ดีครับๆอิ่มแล้ว”

 “มื้อนี้เลี้ยง เดี๋ยวไปหินพัดกัน หมายยยยย” ป้าบอก
ไปซิที่เที่ยว สมัยนี้ไม่ต้องกลัวหลง มี GPS ที่ตั้งให้พาไปหินพัด มันพาผมไปยิ่งเข้าทางตัน มีทางรถไฟด้วยดีไม่มีรถไฟมา ไม่งั้นยุ่งเลย
 “นั่ง รถไม่ทะเลาะ กันดีนะครับพี่ มีความสุขดีออก ขับไปเรื่อยๆ เบื่อก็พัก” ผมคุยไปเรื่อย
ชั่วพักใหญ่ GPS พาผมวิ่งเข้าป่าลึกๆ มาเรื่อยๆ
 “จุดหมายของคุณถึงแล้ว” เสียง GPS บอก
 “เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยย นี่ที่ไหนวะ กลางป่าเลยนะพี่” ผมโวย
 “เราลอง ขับไปเรื่อยๆ อีกพักดีไหม ถ้าไม่ใช่ก็ขับรถกลับ” ป้า เสมอ
ผมก็กลัว นะ มากันสองคน ทางไม่คุ้น ด้วย ขับไปอีก กิโลเมตร มี ป้าย อีกครั้ง 
 “หินพัด”

การไปหินพัด เราจะไม่สามารถขับรถขึ้นไป ลานจอดรถบนเขาได้ ต้องจอดรถไว้ที่เชิงเขา แล้ว จะมีรถท้องถิ่น ค่าบริการ 200 บาท แพงเอาเรื่องเหมือนกัน แต่ ถ้าไปกัน เป็นสิบคนก็คุ้มอยู่ แต่ผมกับป้า ไปกัน ลุงป้า เท่านั้น เท่ากับคนละร้อยก็แพงเหมือนกัน
รถบริการเป็นรถกระบะ 4x4 ขับขึ้นเขา ชัน 45 องศา เรียกว่าถ้าคนขับมือใหม่หัดขับขึ้นมีหวังไถลลงมาแน่ ถึงที่หมายเขาจะปล่อยให้เราเดินเล่นตามสบายไม่จำกัดเวลา แล้วถึงเวลาเขาจะมารับเราลง เอง
จากที่จอดรถ เดินไปอีกราว 150 เมตรข้ามสะพานเชือก จะถึง ลานหินพัด มีหินรูปพัดตั้งอยู่บน ยอดเขา
 “ขึ้นไปถ่ายรูปกัน” ป้า ชวน 

 “ถ่ายแค่ฐานดีกว่ามัง ฝนตกๆ อันตราย ลื่นหรือเปล่าก็ไม่รู้” 
 “อะไรวะ ผู้ชายอะไรขี้ขลาด” 
 “เฮ้ยไม่ได้ขี้ขลาด แต่ระวังไว้ก่อนตะไคร่ บนลานหินก็มี จะเอารูปสวยเดี๋ยวได้รูปสุดท้ายในชีวิต” ผมโวย
มันจริงๆ นะ มุมอีกด้านหนึ่งของหินพัด คือ หน้าผาสูง ราวตึก 20 ชั้น 
 “คุณ ขึ้นไปกันเถอะไม่ ลื่นหรอก เดี๋ยวป้าเอ๋ จะถ่ายรูปให้” เสียง นึ่งตะโกนมาด้านหลังผม
ป้าเอ๋ เปนคนดูแล หินพัด แกปลูกกระท่อม ในป่า ไว้ แกชอบความเงียบอยู่บนเขาเงียบมาก ป้าคอยเดิน ถ่าย รูป มุมต่างๆ ให้นักท่องเที่ยว
 “ถ้าคุณๆ มาตอน มีหมอก นะจะสวยเลย มองลงไปเห็นทะเลหมอกเลย” ป้าเอ๋ แนะนำ
 
ได้พาป้าแกถ่ายรูป ให้สะใจแล้วก็ได้ลงมา 
 “เย็นนี้ เราขับรถไปไหนดี งานโคออฟ หรือตลาดศาลเจ้า หรือถ้าฝนตก ไปพุมเรียงไหม” ป้าเสนอ
ดีครับ เมืองสุราษฎร์ เมืองร้อยเกาะ ยังเที่ยวไม่ทั่ว บางที่ไปแล้วก็อยากไปอีก 
ใจกำลังนึกถึง นั่งกินหมึกย่าง ที่บ้านดอน คิดถึงป้าทิ้ง ดอนสัก คิดถึงบะกุ๊ดเต๋ ร้อนๆ ตอนเช้า
คิดถึงอาหารมากกว่าป้า สงสัยจะได้มีเคราะห์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่