[CR] +++ Road Trip จาก กรุงเทพ สู่ แม่ฮ่องสอน +++

ทริปนี้เราออกเดินทางขึ้นเหนือ 6 วัน 5 คืน road trip ผ่านไม่รู้กี่พันโค้งเจอทั้งแดดทั้งฝนทั้งหนาวทั้งลูกเห็บ แวะเที่ยวไปเรื่อย จนกว่าจะถึงเป้าหมายหลักของเราในทริปนี้ คือ เมืองสามหมอก “แม่ฮ่องสอน” บอกก่อนเลยว่ารีวิวนี้ยาวนิดนึงนะเพราะเที่ยวแน่นมาก ถ้าพร้อมแล้วก็ตามมาเที่ยวด้วยกันได้เล้ยยย

.

.

.

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าทริปนี้เราออกเดินทางกันตั้งแต่ช่วงสิ้นปีที่แล้ว เราออกเดินทางจากกรุงเทพกันตั้งแต่ตี4 มุ่งหน้าสู่เป้าหมายแรกของเรา คือ “อุทยานแห่งชาติแม่วงก์” อุทยานนี้คงเป็นสวรรค์ของนักเดินป่าหลายๆคนผู้ที่ต้องการจะมาพิชิตโมโกจู แต่สำหรับทริปนี้เราพิชิตโมโกจูน้อยไปก่อนแล้วกัน^^

บริเวณจุดชมวิวโมโกจูน้อย วิวภูเขาสลับซับซ้อนสุดลูกหูลูกตาเลย 

มุ่งหน้าจากโมโกจูน้อยขึ้นเขาจากที่ตั้งอุทยานไปอีก 28 กม. ไปต่อกันที่ “ช่องเย็น” ที่ได้รับขนานนามให้ชื่อนี้เพราะว่าที่นี่มีอากาศที่ต่ำกว่า 20 องศาตลอดทั้งปี ที่นี่จึงเป็นสวรรค์ของคนที่ชอบตั้งแคมป์อีกแห่งหนึ่งในประเทศไทยอีกด้วย อีกทั้งช่องเย็นยังเป็นประตูทางผ่านที่สามารถเดินเชื่อมจากคลองลานฝั่งกำแพงเพชรถึงอุ้มผางจังหวัดตากด้วย

ซัดโค้งลงเขาออกจากแม่วงก์มาต่อกันที่ “น้ำตกคลองลาน”

น้ำตกคลองลาน เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในจ.กำแพงเพชร เป็นการรวมตัวของลำห้วย 5 สาย ตกลงมาสู่แอ่งด้านล่างกว่า 100 เมตร

น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา เหมาะแก่การพักผ่อนจริงๆ

นั่งชิลกันได้สักพัก เราก็ออกเดินทางต่อสู่ แม่สอด จ.ตาก ที่จะเป็นที่พักของเราในคืนแรกนี้ ก่อนที่จะเดินทางเข้าที่พักเราแวะทานอาหารที่ร้าน 

“ข้าวเม่า-ข้าวฟ่าง ป่าในจินตนาการ” ร้านอาหารชื่อดังในอำเภอแม่สอด 

ร้านนี้ตกแต่งร้านเหมือนป่ามีทั้งน้ำตกลำห้วยบึง ต้นไม้นานาชนิดภายในร้าน แถมยังมีอาหารให้เลือกมากมายหลายอย่างอีกด้วย ใครที่มีโอกาสมาเที่ยวแม่สอดไม่ควรพลาดร้านนี้เด็ดขาด!

วันที่ 2 ของการเดินทางเรา check out ออกจากที่พักตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพื่อออกเดินทางสู่ที่เที่ยวแรกของวันนี้ คือ “อุทยานแห่งชาติขุนพะวอ” จ.ตาก

ไฮไลท์ของอุทยานแห่งนี้สำหรับเราคงจะเป็นวิถีชีวิตของชาวบ้านที่พาควายมากินหญ้าในช่วงเช้าบริเวณหน้าอุทยาน หญ้าสีเหลืองเข้ากับแดดในช่วงเช้าได้ดีมากจริงๆ

น้อง งงเลยใครมาถ่ายรูปแต่เช้า

ถ่ายรูปเล่นกับน้องควายเสร็จเราก็เดินทางต่อสู่ “ถ้ำแม่อุสุ”  ตำนานเสือสมิงแห่งจ.ตาก

 หนึ่งในถ้ำน้ำลอดที่มีความงดงามที่สุดในประเทศไทย ในรับการยกย่องให้เป็น Unseen Thailand จะอันซีนสวยงามขนาดไหนตามมาดูพร้อมๆกันเลย

บริเวณหน้าถ้ำที่น้ำไหลเข้าสู่ในถ้ำ

หลังจากเดินเข้ามาลุยน้ำในถ้ำแล้ว

การเดินทางเข้าไปในถ้ำจำเป็นจะต้องมีไกด์ที่เชี่ยวชาญเดินนำเราเข้าไปในถ้ำเพราะมีบางช่วงที่ต้องเดินฝ่าน้ำเข้าไปจนถึงโถงถ้ำ และนี่คือไกด์ผู้เชี่ยวชาญเด็กน้อยคนนำทางเข้าถ้ำของเรา 

ภายในถ้ำหินงอกหินย้อยวิบวับสวยงามมาก

หินงอกหินย้อยในถ้ำนี้มีการเจริญเติบโตอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นดูได้อย่างเดียวอย่าไปจับๆลูบๆนะจ๊ะ

เดินๆลอดๆมุดๆมาสักพักก็ถึงโถงถ้ำห้องที่ 3 เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดของถ้ำนี้

มองลงไปจากโถงที่ 3 ลักษณะจะเป็นเหวด้านล่างมีน้ำไหลผ่านมีแสงส่องลงมาจากปากถ้ำด้านบนสวยไปอีกแบบ แต่เราไม่สามารถเดินไปต่อได้ เราจำเป็นจะต้องเดินกลับทางเดิม เข้าทางไหนออกทางนั้น

เดินลุยน้ำออกมาจากถ้ำแม่อุสุ ก็เจอกับชาวบ้านที่กำลังพาวัวพาควายมากินหญ้าทำให้เราได้ภาพสวยๆมาฝากกันอีกแล้ว

น้องวัวที่กำลังเตะดินทำให้ฝุ่นฟุ้งกระทบกับแสงแดด ทำให้เราได้ภาพสวยๆภาพนี้มา

ออกจากถ้ำแม่อุสุ เราก็เดินทางจากอำเภอท่าสองยาง จ.ตาก เข้าสู่ อำเภอสบเมย ประตูเข้าสู่จ.แม่ฮ่องสอนจุดหมายของเราสำหรับทริปนี้ ซึ่งบอกได้เลยว่าถนนที่เชื่อมระหว่าง 2 อำเภอนี้มันดีมากจริงๆ ขับเลียบแม่น้ำในบางช่วงขึ้นเขาลงเขาผ่านไม่รู้กี่โค้ง ทำให้ถนนเส้นนี้เป็นเส้นที่เราชอบมากเส้นหนึ่งเลยก็ว่าได้

ขับรถกันมาประมาณ 2 ชั่วโมงเราก็เข้าเขต จ.แม่ฮ่องสอนแล้ว ถนนกับวิวด้านหน้ามันดีมากจริงๆ

สถานที่ท่องเที่ยวแรกที่เราจะเที่ยวกันในแม่ฮ่องสอน นั่นก็คือ “อุทยานแห่งชาติแม่เงา” 

ที่ชื่อนี้ก็เพราะว่าความใสของแม่น้ำแม่เงาที่ใสและสะท้อนราวกับกระจกนั่นเอง

ภายในอุทยานรอบล้อมไปด้วยต้นไม้ และมีแม่น้ำแม่เงาไหลผ่านทำให้อุทยานแห่งนี้มีความเย็นๆออกไปทางหนาวๆหน่อย และนี่คือผู้ร่วมทริปของเราในทริปนี้ “แม่ของเรา” นั่นเอง

พักรถกันได้สักแป๊ปเราก็ออกจากอุทยานไปยังไฮไลท์แรกของ แม่ฮ่องสอน นั่นก็คือ “จุดชมวิวแม่น้ำสองสี”

แม่น้ำสองสี คือแม่น้ำยวมและแม่น้ำแม่เงาที่ไหลผ่านภูเขาที่สลับซับซ้อนมาบรรจบกันทำให้เกิดเป็นภาพสวยงามอย่างที่เราเห็นกันนี้

มุ่งหน้ากันต่อสู่ “โครงการหลวงแม่ลาน้อย” หรือที่รู้จักกันในนามจุดชมวิวนาขั้นบันไดอันเลื่องชื่อของแม่ฮ่องสอน

ระหว่างทางเราก็ขับตามรถกระบะของชาวบ้านที่มีน้องหมายืนทรงตัวผ่านโค้งนับไม่ถ้วนอยู่ด้านหลังของกระบะ รถเข้าโค้งทีน้องหมาก็เอนตามโค้งอย่างชำนาญเลยทีเดียว

ขับเลาะโค้งขึ้นดอยมาจากปากทางประมาณ 30 กม. เราก็ถึงโครงการหลวงแม่ลาน้อยบ้านห้วยห้อมกันแล้ว

แต่ตอนที่เรามามันไม่ใช่หน้า High season ที่ต้นข้าวจะเขียวชอุ่มทั้งขั้นบันไดน่ะสิ แต่แบบแห้งๆแบบนี้ก็สวยไปอีกแบบนะ

ที่นี่ยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่มาก บรรยากาศอบอุ่นของวิถีชีวิตของชาวเขาที่ปลูกผักทำไร่กันตามขั้นบันไดพร้อมแสงแดดยามเย็นอุ่นๆ ฟิลกู๊ดมาก

เราอยู่ชื่นชมนาขั้นบันไดกันได้ไม่นานนักเพราะต้องขับรถย้อนลงเขาไป 30 กม.แล้วมุ่งหน้าขึ้นเหนือสู่อำเภอขุนยวม ซึ่งเป็นที่พักของเราในค่ำคืนนี้

ระหว่างเดินทางกลับผ่านหมู่บ้านห้วยห้อมกับแสงอาทิตย์ที่กำลังจะลับตาเราไป

วิวสุดท้ายที่เราถ่ายก่อนแสงจะหมดวันระหว่างเดินทางสู่ ขุนยวม

วันนี้เราออกเดินทางกันตั้งแต่เช้ามืดเช่นเคย เพื่อเที่ยวให้คุ้มที่สุด

จุดหมายแรกของเราในวันนี้คือ “ทุ่งดอกบัวตอง ดอยแม่อูคอ”

เราออกจากที่พักขับรถมาเรื่อยๆประมาณ 50 กม. กะให้ถึงตอนฟ้าสว่างพอดี ช่วงที่เราไปไม่มีนักท่องเที่ยวเลยเพราะดอกบัวตองเริ่มเหี่ยวเกือบหมดแล้ว ที่เห็นภาพของเราสีเหลืองสดนั้นเราแต่งรูปเอานะ เพราะถ้ามาตอนมันบานคงไม่ไหวคนเยอะมากไม่ได้รูปแน่ๆ