เวทย์จอมไตร_EP2ฉบับอ่าน และรูปแบบเสียงอ่าน

เครดิตภาพ คุณ ApitarN



............... เช้าวันจันทร์ เด็กวัดรูปหล่อในชุดนักศึกษา ผูกไทด์แล้วตามด้วยผมเผ้าที่หวีแล้วหวีอีกอยู่หน้ากระจกจนเนี๊ยบไปทั้งตัว  ผิดกับสภาพซอมซ่อของที่พัก เสร็จแล้วคว้าย่ามมาสะพายไหล่ เดินออกมาผ่านหน้าโกดังเก็บศพ  ส่วนโปรเฟสเซอร์บุญคำแกขับรถไปรับศพตั้งแต่ยังไม่สว่าง

พอผ่านอุโบสถก็ยกมือไหว้พระพุทธ ตามด้วยพญาครุฑปูนปั้นเป็นกิจวัตรที่ต้องทำทุกวัน  การบูชาพระพุทธเพื่อแสดงตนเป็นพุทธศาสนิกชน และการบูชาครุฑที่เวทย์นับถือบูชาเป็นเทพประจำตระกูล

ที่ลานวัด มีหลวงพี่บวชใหม่สองรูปยืนอยู่ ในมือถือไม้กวาด กำลังคุยกันเสียงดังพึมพำด้วยสีหน้าเป็นกังวล เสียงเปรตที่ดังโหยหวนมาจากป่าช้าท้ายวัดเมื่อคืนทำให้ไม่เป็นอันจำวัด  ทันใดนั้นก็มีเสียงดังกระหึ่มจากถนนหน้าวัด มีพวกวัยรุ่น  ขี่จักรยานยนต์ผ่านมา บิดคันเร่งเสียงดังแว้นๆ เหมือนจงใจให้พระหันไปมอง 

มีคันหนึ่งที่ร่างอันโชกไปด้วยเลือดซ้อนท้าย ศีรษะมีบาดแผลฉกรรจ์  ดวงตาเบิกโพลง เอียงหน้าแลบลิ้นไปมา  เวทย์ชะงักกึกรู้ได้ทันทีเป็นสัมภเวสี หนึ่งในวัยรุ่นพวกนี้ชะตาถึงฆาตแล้ว จะต้องไปเป็นผีตายแทนในเวลาอันใกล้นี้ 

วัยรุ่นพวกนี้พอจับกลุ่มก้อนกันได้ก็ตั้งแก๊งขับรถซิ่ง สร้างความเดือดร้อนรำคาญ ให้กับผู้ใช้รถใช้ถนน  คนที่เป็นแกนนำเคยมีคดีขับรถชนคนตาย ด้วยเป็นลูกนักการเมืองท้องถิ่น พอถูกตำรวจจับ พ่อแม่จะวิ่งเต้นเอาตัวออกมาได้ทุกครั้ง คนในชุมชนต่างอิดหนาระอาใจเพราะชอบมามั่วสุมแถวนี้ก่อนออกสู่ท้องถนน  แม้แต่เวทย์ก็เคยโดนตะโกนแซวว่าหมาวัดหลายครั้ง นึกว่าจะมาหาเรื่องอีก แต่พอหันหลังไปก็เห็นพวกหลวงพี่โบกมือปัดๆ เป็นเชิงสั่งให้ไป อย่าเข้ามาในนี้ 

หลวงพี่บิ๊กกับหลวงพี่อาร์ม ทั้งสองเคยอยู่ในกลุ่มแก๊งนี้มาก่อน  ในเมื่อโยมพ่อโยมกับโยมแม่ขอให้บวชเพื่อทดแทนคุณตามประเพณี  นิสัยไม่ถึงกับเกเรเพียงแต่ไปคบหาพวกคนไม่ดีจึงหลงผิดไปบ้าง  โชคดีที่ยอมตัวมาบวชได้ 

พระใหม่สีหน้าอึดอัดใจที่ต้องอยู่ร่วมวัดกับเวทย์ เพราะเคยตะโกนแซวมาก่อน ใจหนึ่งก็กลัวเกรงเพราะข่าวลือมาว่า ลุงบุญคำกับเวทย์เลี้ยงรักยมกับเลี้ยงเปรตไว้ที่ป่าช้าท้ายวัด  มาประจักษ์ตอนบวชนี่เอง เวลากลางค่ำกลางคืนพระเณรในวัดแทบไม่กล้าออกมาจากกุฏิ  หลวงพ่อกลับชอบใจ ที่ตั้งแต่มีผีเด็กกับเปรตในวัด ทำให้ขโมยไม่กล้ามางัดแงะตู้บริจาค 

  เวทย์ยิ้มน้อยๆ ในเมื่อยังไม่เคยทักทายปราศรัยกับพระใหม่ จะถือโอกาสนี้พูดคุยเพื่อปรับความเข้าใจ เขาไม่ใช่คนใจแคบ ผูกใจเจ็บอาฆาตใคร เพียงเข้ามายกมือไหว้เป็นการแสดงความนอบน้อม

“อนุโมทนากับการบวช ของหลวงพี่ด้วยนะขอรับ”

“โยมไม่โกรธพวกเราเหรอ”

หลวงพี่บิ๊กพูดขึ้นอย่างแปลกใจ

“ไม่เลยขอรับ”

หลวงพี่อาร์มพอจะยิ้มได้อย่างโล่งอก มายืนให้เห็นใกล้แบบนี้ เขาหล่อจริง ผิวพรรณดีเหมือนลูกผู้ดี สมกับที่พวกสาวๆ มัธยมพากันหลงใหลได้ปลื้ม 

“นอกจากหน้าตาดีแล้ว จิตใจยังดีด้วยนะ เราสองคนต้องขออโหสิกรรมด้วย ก่อนมาบวช ได้ยินพวกสาวๆ ชอบพูดถึงโยมเวทย์กันบ่อย ว่าหล่ออย่างนั้นหล่ออย่างนี้ยังกับดารา นิสัยก็ดี๊ดี พวกเราเลยนึกหมั้นไส้ ทั้งที่ไม่ได้รู้จักนิสัยจริงๆมาก่อน”
นักศึกษาหนุ่มยิ้มย่อง เอานิ้วเชยคางที่โกนหนวดเคราจนคางใส ชาวหิมพานต์ทุกคนล้วนเกิดมาหน้าตาดีเป็นทุน

“แล้วกำลังเจรจาอันใดฤาขอรับ เห็นสีหน้าขุ่นข้องหมองใจ หากมีเรื่องอันใดช่วยแจ้งแถลงไข  ลูกศิษย์วัดคนนี้ยินดีช่วยขอรับ”
ทั้งสองมองตากัน เวทย์พูดจาเหมือนคนโบราณตามคำเล่าลือจริงด้วย ข่าวลือยังมีอีกมาว่า เขาเป็นคนในสมัยกรุงศรีฯ ที่ย้อนเวลามาจากในอดีต 

“พวกเราจะขอลาสึกกับเจ้าอาวาส แต่ไม่มีฤกษ์สึกให้สักที บอกแต่ว่าสึกช่วงนี้จะมีเคราะห์ เลือดตกยางออก บอกตรงอึดอัดเหมือนติดคุก โยมพ่อบอกให้บวชให้ได้พรรษา เห็นทีจะไม่ไหว”

 “อย่าพึ่งสึกช่วงนี้ขอรับ ไม่เป็นการดีขอรับ” เวทย์มีสีหน้าตื่น หากทั้งสองสึกไป ไม่พ้นไปคบหากับพวกเด็กแว้นชะตาขาดพวกนั้นแน่ เห็นจะต้องรั้งตัวไว้ก่อน

“ทำไมล่ะ ทำไมพูดเหมือนกับ หลวงพ่อเลย” พระใหม่ยังมีท่าทีลังเล เวทย์เห็นเวลามีน้อย ไม่สะดวกอธิบายจึงขอพูดแบบรวบรัด
 
“กระผมเจรจาความลับสวรรค์หาอันควรไม่ และคงเป็นการยากจะแจกแจงความ  เอาเป็นว่าไม่เกินเพลาค่ำนี้ จะได้รับรู้เองขอรับ เพราะเหตุใดไม่ควรสึกตามคำของหลวงพ่อ  หากไม่เป็นไปตามนี้ กระผมจะขอออกหน้าไปคุยกับหลวงพ่อให้เองขอรับ กระผมรู้วิชาดูดวงกับดูฤกษ์ยามนะขอรับ หลวงพ่อยังเรียกไปปรึกษาบ่อย” 

“แน่นะโยมเวทย์ จะคุยกับหลวงพ่อให้” หลวงพี่ทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกันอย่างมีความหวัง  เวทย์ยิ้มตาหยี เหมือนจะมีเรื่องซ่อนเร้น แล้วทำนิ้วเป็นรูปโอเค 

“ไม่ผิดวาจาขอรับ แต่ก่อนจะไปเรียนกระผมบอกใบ้ได้เพียงสุภาษิต  คบคนพาล พาลพาไปหาผิดเลน เอ๊ยไปหาผิด คบบัณฑิตพาไปหาผล”  พอพูดจบประโยค เด็กวัดรูปหล่อก็ฉีกยิ้มให้อย่างจริงใจ กระชับย่ามกับไหล่แล้วเร่งเดินจะไปขึ้นรถเมล์ที่ปากซอย  ทำเอาหลวงพี่ทั้งสองก้มหน้า จะเชื่อใจเด็กวัดได้หรือนี่ สงสัยจะโดนอำ     

............... พอเดินไปไม่ทันพ้นประตูวัด  ได้เจอเอากับคุณยายคนหนึ่งมาดักรอ แกมีสีหน้าทุกข์ใจมาก  นักศึกษาหนุ่มจำใจต้องหยุดรับฟัง เช้านี้มีปัญหาให้ต้องแก้ไขถึงสองรายซ้อน

ยายแกเล่าเรื่องที่หลานชายโดนของ อยากให้ไปช่วยแก้ให้ เคยขอให้สัปเหร่อบุญคำแก้ของให้มาครั้งหนึ่งแล้ว พอเจอตัวเช้านี้เห็นกำลังขับรถ บอกไม่ว่างจะไปรับศพที่โรงพยาบาล แต่แนะให้ลูกศิษย์ช่วยแก้ของให้ได้ 

คุณยายมองการแต่งเนื้อตัวของเวทย์ ยังเป็นคนหนุ่มอยู่เลย ดูเป็นคนมีการศึกษา ที่แปลกคือหนีบกระดานชนวนที่คนสมัยเก่าใช้เรียน กับสะพายย่ามแบบกะเหรี่ยงมีสีสันยุกยิก เข้าใจว่าคนสมัยใหม่กลับมานิยมของเก่า 

เวทย์ตกลงจะไปดูให้  ในเมื่อบ้านของคุณยายไม่ไกลจากวัดนี่เอง อาชีพของแกคือขายอาหารตามสั่ง ที่ทุกวันนี้คนเข้าร้านน้อยมาก เมื่อก่อนเคยขายดี แต่โดนคู่แข่งทำคุณไสยใส่จนขายไม่ออก   ซ้ำหลานชายยังมาโดนของอีก เจ็บป่วยจนไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว 

“อีช้อยร้านข้าวแกงข้างๆ มันต้องทำของใสอิฉันแน่ๆ เมื่อก่อนมันขายของสู้ไม่ได้ ตอนนี้มันแย่งลูกค้าไปหมด หลานชายยังไปติดหลานสาวของมันด้วย คงไม่พอใจเลยทำของใส่อีกคน พ่อหนุ่มต้องช่วยยายด้วยนะ ยายหมดที่พึ่งจริงๆ” ยายพูดไปผ้าซับน้ำตาไป เวทย์ได้ยินแล้วรู้สึกสงสาร วันนี้เห็นทีต้องยอมเสียเวลา อาจไปมหาวิทยาลัยสายกว่าทุกวัน

“ใจร่มๆ ขอรับ เรื่องมันอาจไม่ได้เลวร้ายเช่นนั้นก็ได้” พยายามพูดปลอบใจ  ต่อมาคุณยายก็เดินนำเขาไปถึงที่บ้าน เพื่อดูอาการหลานชายคนป่วย ที่ตอนนี้นอนแหมบอยู่บนเตียง  เวทย์ลากเก้าอี้มานั่ง สำรวจตรวจดูคนไข้เป็นคนหนุ่มอายุไล่ๆ กับตนเอง ใบหน้าซีดเซียว ปากแห้งเหมือนคนขาดน้ำ แล้วเริ่มสอบถามถึงอาการ  รู้มาว่าเมื่อคืนเขาคนนี้ได้ถ่ายท้องทั้งคืน 

(มีต่อ)

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่