จบจากกระทู้เชียงดาว
https://pantip.com/topic/38318306 ตามสัญญาว่าจะมาต่อที่แม่แมะ ทิ้งช่วงนานไปนิด ถึงจะมาช้าแต่มาแล้วนะคะ
จากท้ายตอนเชียงดาว ปิดกระทู้ที่ 'ป้าผ่อง สายห้าว' ซิ่งพาเราลงจากดอยหลวงเชียงดาว แล้วมาหย่อนเราไว้แถวที่เดิม โลตัสเชียงดาว จากนั้นคนบนรถก็แยกย้าย ส่วนเราและเพื่อนใหม่อีก 2 ชีวิต จุดหมายเดียวกันคือ 'บ้านต้นไม้ แม่แมะ' ก็รอรถมารับต่อ ซึ่งคันที่มารับช่วงต่อก็เฟี๊ยสไม่แพ้กัน ชายผู้นั้นมีชื่อว่า 'ลุงจัน' จ้า
‘ลุงจัน’ ชายแก่ ตลกอารมณ์ขัน รับเราจากโลตัสเชียงดาว พาเราแวะเซเว่น เพราะมีคนปวดฉี่ และเผื่อให้เราได้ซื้อข้าวซื้อของกัน ก่อนซิ่งกระบะเก๋าๆ ขึ้นแม่แมะ
ทีนี่ไม่มีบีบแตรทางโค้งเหมือนเชียงดาว แต่ลุงจันดูเหมือนจะตกใจแรงทุกครั้งที่มีรถสวน เบรกแรงตล๊อด... ซึ่งในทางแคบๆนั้น ฝั่งนึงเป็นเขา ฝั่งนึงเป็นเหว เสียวดีฮะลุง

เห็นสภาพแบบนี้ แรงใช่เล่นนะ

ทางแยกเข้าไปบ้านแม่แมะ และถนนที่ว่าแคบสุดใจ

ทางขึ้นแม่แมะอุดมสมบูรณ์กว่าเชียงดาว ต้นไม้เยอะกว่า อากาศดีกว่า ขึ้นรถนี่หนาวสั่นฟันกระทบกันกึ๊กๆ
แม่แมะอยู่อีกฝั่งของเขาดอยหลวง ระหว่างทางก็เลยเห็นเขาดอยหลวงอีกมุม

ถนนบางช่วงแคบแบบที่เห็น กระบะลุงว่าเล็กแล้ว ทางบางช่วงเล็กยิ่งกว่า

จากเซเว่นแม่แมะมาถึงที่พักบ้านต้นไม้กี่นาทีจำไม่ได้ แต่แป๊บเดียวแหละ ไม่นานเท่าขึ้นเชียงดาว

ตลอดทางก็เริ่มมีที่พักให้เห็น เกือบทุกที่สร้างสูงๆ ยื่นไปในป่า ให้นอนเสียวตกเขาเล่น

‘ขึ้นมากี่โค้ง รู้ไหม?’ ลุงจันถามตอนถึงหน้าที่พัก
100... 30... 80... 40... ทุกคนเดาค่ะ
ถามว่ากรูอยากทายมั้ย? ไม่ค่ะ!! แต่ลุงจันบังคับ
ก่อนนางจะเฉลยหน้าตายว่า... ‘2 โค้ง... โค้งซ้ายกับโค้งขวา’
จ้าลุงจ้าาา 2 โค้งจ้า
ระหว่างทุกคนฮือฮาคำตอบ ลุงจันยิงมุก 2 ต่อทันที
‘แล้วเชียงดาวอ่ะ ที่ไปกันมา กี่โค้ง ตอบ!’ รอบนี้กูจะไม่ตกเป็นเบี้ยล่างลุง พูดเลย
‘3 ค่ะ... โค้งซ้าย โค้งขวา โค้งหักศอก’
หึหึ
ลุงบอกตอบถูกแต่รายละเอียดผิด....
‘โค้งซ้าย โค้งขวา และ... โค้งอันตราย’
จ้าลุงจ้า!!!!! โค้งอันตรายยยยยยยยยยเน้าะ

‘บ้านต้นไม้’ ที่พักคืนนี้ อยู่กลางป่า มีเสียงลำธารดังตลอด แต่สิ่งอำนวยความสะดวกครบ ไฟฟ้า ของกิน กาแฟ.... และมีรับซักแห้งราคาถูก
งงจัง ทำไมมีรับซักผ้าวะ...

แบกเป๋าลงจากรถ เดินลงมาตามทางนิดนึง ก็จะเจอทางเข้าบ้านต้นไม้ เจอเคาน์เตอร์สารพัดสิ่งก่อนเลย เป็นที่เช็คอินเช็คเอ้าท์ เป็นร้านกาแฟ ชงกาแฟ
เป็นที่เอาน้ำแข็ง

นี่คือวิวที่มองจากเคาน์เตอร์ มุมยอดนิยม แต่พี่ถ่ายไม่สวย อยากได้เลนส์ไวด์จังเว้ยยยยยยยยยยยยยย
สำหรับกิจกรรมของแม่แมะ Search ทำการบ้านมา มีนวดและเดินป่า
เดินป่าต้องมีไกด์ 300 บาทต่อ 1 กรุ๊ป เค้ารับพาเดินตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึงบ่ายสอง

ราคาที่พักคืนละ 650 ต่อคน รวมอาหารเย็น 1 มื้อ เช้า 1 มื้อ
ถอดรองเท้าก่อนเข้าไปด้านในด้วยนะจ้ะ ไม่ต้องห่วงพื้นเค้าสะอาดกว่าเท้าเราอีก
และที่สำคัญมีน้ำอุ่น ซึ่งบ้านที่กรูพัก น้ำอุ่นเสีย!!!!
ทำใจ....ยะเยือกวันที่ 2...

นี่ง่ะ ที่นี่ก็มีกาแฟ แล้วเราก็ต้องกิน รสชาติเหมือนเดิม แยกไม่ออก อันไหนละมุน อันไหนหอมหวาน

เดินลงบันไดไปก็จะเจอลานนั่งเล่น
ด้านบนเป็นห้องพักมีฝั่งนึง 3 ห้อง พักได้ห้องละ 2 คน อีกฝั่งห้องใหญ่นอนได้น่าจะสิบกว่าคน
กลางคืนมีรอบกองไฟด้วยนะ... จะนอนนวดนอนอะไรก็ตรงนี้แหละ
อากาศดีมาก เย็นเบาๆ

มีเปลอยู่ 3-4 อัน นอนได้ยาวๆ แต่ขอโทษค่ะ เรามีกิจกรรม จะมานอนชิล มันไม่ใช่

ถ้าใครมาถึงเร็ว จะสั่งอาหารกินก็ได้เลย ครัวเค้าเปิดตลอด ราคาอาหารอยู่ในเมนู
ปล.น้ำมะพร้าวอร่อยมากนะเออ หอมหวาน ห้ามพลาดเลยนะเธอ

ห้องนอนรวมห้องใหญ่สำหรับหมู่คณะใหญ่เบิ้ม หน้าห้องใหญ่เป็นทางเดินแคบๆ สุดทางเป็นประตูอีกประตูนึง

ห้องน้ำรวม สะอาดมาก มี 4 ห้อง ห้องอาบน้ำกับห้องส้วมอยู่ในห้องเดียวกัน ที่ผ่านมาทั้งเชียงดาวและแม่แมะ ห้องน้ำสะอาดทุกที่เลยอ่ะ ขนาดของร้านข้าวขาหมูยังสะอาด บนเชียงดาวที่ว่าเป็นโฮมสเตย์ยังสะอาด

ส่วนบ้านต้นไม้ แยกออกไป คือเดินออกจากตรงเคาน์เตอร์ ไปทางขวามือ

ห้องพักที่นี่มีหลายโซนนะ จะจองต้องถามเค้าดูดีๆว่าห้องที่เราจะได้ คือห้องไหน อยู่ตรงไหน เค้าไลฟ์ให้ดูได้นะ เพราะบางโซนของเค้า มันไม่ได้ดีแบบนี้อ่ะ มันเป็นวิวคนละวิว
และและและบางห้องมันแยกออกไปไกลจนวังเวง... ซึ่งดิฉันได้ห้องแบบนั้นแหละค่ะ

เจ้าของบ้านต้นไม้ ลุงสุขกับป้าผง ดูแลกันเอง
ป้าผงนี่น่ารักมาก เฝ้าเคาน์เตอร์ตลอด วิ่งมาวิ่งไปวิ่งไปวิ่งมาตลอด

ไฮไลท์ของวันนี้...
หลังจากเมื่อวานนอนเล่น เดินเล่นเบาๆที่เชียงดาวกันไปแล้ว สโลว์ไลฟ์กันจนเต็มอิ่ม
เพื่อนใหม่อีก 2 คนที่นั่งรถขึ้นมาพร้อมกัน นางว่าเมื่อวานกินๆนอนๆทั้งวัน วันนี้ทำไรดีนะ เราผู้ซึ่งค้นคว้ามาอย่างดี ก็เลยชวนไปเดินป่ากันมะ? .. สรุปรวม 4 คน ป่ะ เดินป่ากัน

ได้เรื่อง ได้เพื่อนแล้ว ก็บอกคนที่บ้านต้นไม้ หนูจะไปเดินป่า!!! เค้าก็จะตามคนนำทางมาให้
วิถีการเดินป่าที่นี่ เค้ารับพาเดินตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึงประมาณบ่าย 2 บ่าย 3 เท่านั้น เพราะถ้าสตาร์ทเริ่มเดินหลังจากนั้น พอรวมเวลาเดินไป-กลับแล้วมันจะค่ำพอดี อันตราย และกลุ่มของเราได้ลุงวัน อายุ 70 ปี.... มานำทาง
ค่านำทางรอบละ 300 บาท กลุ่มหนึ่งเค้าจะจำกัดไม่เกิน 6-7 คน ก็หารๆกันไป เวลาเดินต่อ 1 รอบคือ 3 ชั่วโมงอย่างเร็ว จุดหมายคือ ‘น้ำตกไทรลอดบ่วง’
ไกด์ของเรา อายุ 70 ยังสบายยย ลุงเดินได้ เราก็เดินได้ ค่าไกด์แค่ 300 มันจะยากเย็นอะไรหนักหนาอะไร ป่ะเริ่ม!!
พอได้เวลานัด ‘ลุงวัน’ มารอพวกเราอยู่ที่ด้านหน้าที่พัก แกบอกใส่แตะไม่ได้นะ อ๋อ! ก็เดินป่าเน้าะ มันคงจะลื่น เลยไม่ควรใส่แตะ โอเคค่ะ ไม่แตะ! ก่อนออก แกให้หยิบไม้ไปด้วยคนละอัน... แกบอก เอาไว้ช่วยค้ำยัน

เริ่มต้นด้วยการดูแผนที่การเดินกันซักหน่อย เราจะเดินกัน ไป-กลับ 6 กม. สบายๆนะ

แรกเริ่มเดินมันก็ผ่านหมู่บ้าน ถนนคอนกรีต ขึ้นลงเนินบ้าง แต่ก็ไม่ได้สูงชันอะไร ไม่มีปัญหา หอบเล็กน้อย เบาๆ

เห็นทางเดินชันๆข้างๆนั่นมั้ย นั่นทางขึ้นน่าจะที่พักอีกที่ ลำบากตั้งแต่ขึ้นเลยจ้า ใครชอบ เชิญ
ลุงวันกำลังสาธิตการเก็บใบชา เก็บทำเมี่ยงกับเก็บไปทำชาไม่เหมือนกันนะจ้ะ เก็บไปทำชาเค้าเก็บกันที่ยอด 3 ใบ
ระหว่างทาง ความเป็นไกด์ที่ยอดเยี่ยมของลุง แกพาชี้ชมต้นไม้ใบหญ้าตลอดทาง อันที่เห็นนี่ใบชา เวลาลุงไม่มีนำทาง ลุงก็เก็บใบชานี่แหละ ออกไปเก็บแต่เช้าถึงสี่ห้าโมงเย็น
เดินช่วงแรกก็งี้ ขยันถาม เจออะไรก็ตื่นเต้นไปหมด ลุงนั่นอะไร ลุงนี่กินได้มั้ย หุ้ยยย รักธรรมชาติสุดๆ ไปเลยจ้า

อันนี้เมล็ดกาแฟ ผลิตภัณฑ์ยอดฮิตที่ตลอดทริปนี้ ไปที่ไหน ถ้าอยากได้วิวสวยๆ ก็ร้านกาแฟ และพอเข้าร้านเค้า ก็ต้องสั่งกาแฟ กินวันนึง 2-3 แก้ว ตาตั้งกันไป

ลูกจาก หรือลูกชิดที่ใส่ในน้ำแข็งใส

เอาหล่ะๆๆๆๆๆ เริ่มเข้าสู่ฟีลการเดินป่าละว้อย ตื่นเต้นๆ
ภาพนี้... อยากให้ทุกคนโฟกัสที่น้องคนหลังสุด มีความกางเกงขาบานรองเท้าแตะมาเดินป่า...555 จนตอนนี้มันยังด่ากรูอยู่เลยมั้ง ตอนถามบอกทริปสบายๆ พักผ่อน ไม่มีแอดเวนเจอร์ 555555555555555555555555555555555555

ต้นไม้เริ่มเยอะ ทางเดินก็เริ่มแคบลง

เดินขึ้นๆลงๆทางที่เหมือนไม่น่าจะใช่ทางเดินมาได้พักนึง ก็มาเจอลำธาร แทนที่พวกเราจะได้ชื่นใจ วรั๊ยยย ใกล้ถึงแล้วสินะ.. แต่เปล่าเลยค่ะ กรูต้องเดินข้ามลำธารแบบนี้ไปมา สลับกับการเดินขึ้นลงเขาประมาณ 4-5 รอบ

ไฮไลท์สุดคือ เดินมาซักพัก คือมันเหนื่อยและขาสั่นมาตลอดทาง เพราะทางที่ผ่านมานั้นมันไม่ได้เดินง่ายๆ คือมันไม่ใช่ทางเดินอ่ะ เวลาเราไปปีนเขาที่อื่นที่มันเป็นแหล่งท่องเที่ยว มันจะมีทางเดิน แม้จะเล็กจะแคบจะชัน แต่มันยังเป็นทางเดินไง บางช่วงมันยังพอมีที่ให้จับ แต่นี่ไม่มีเลย คือเดินเลาะหิน เข้าใจคำว่าเลาะหินมั้ย คือมันไม่มีทางเรียบๆอ่ะ แคบเท่าเท้าเราก้าว ฝั่งนึงเป็นเขา เขาที่มีแต่ต้นไม้เล็กๆ ไม่มีอะไรให้กรูเกาะได้เลย อีกฝั่งนึงคือถ้าก้าวพลาดคือตกลงไปตายห่..แน่
ลำธารที่เห็นมันไม่ได้เดินข้ามง่ายๆสวยๆนะคะ คือหินทั้งนั้นๆ และอย่าหวังว่าจะเหยียบหินแล้วผ่านง่ายๆ อันใหญ่

ก็ลื่น อันเล็ก

ก็บาดเท้า น้ำ

ก็แรง ฮ่อลลลลลลลลลล ชีวิตกู!!!!!
หลังข้ามลำธารสลับขึ้นลงเขามาพักนึง ลุง

จับเถาวัลย์แล้วเตรียมโหน ตัดภาพมาพวกกูยืนหอบ หมดเรี่ยวแรง พยายามถามลุงด้วยหัวใจที่สั่นไหว 'ลุง เราต้องโหนหรอ ลุง ลุง ลุง'
ตายห่... กรูคิดในใจ พร้อมหาทางหนีทีไล่ ว่ามันมีทางอื่นมั้ย หรือกูควรยอมเสี่ยงตายเดินกลับ และคือลุงแกไม่ตอบไรเลยไง จับเถาวัลย์ได้ก็โหนเฉย..... สรุป แกโหนเล่นเว้ยย โอ้ววว ใจหายมาก บอกตรงๆ อยากทรุดตัวลงนั่งร้องไห้

ม
[CR] 'แม่แมะ เชียงใหม่' บ้านต้นไม้ในฝันของฉันกับวันมหัศจรรย์ในการเดินป่าครั้งแรกของคนกลัวความสูง
จากท้ายตอนเชียงดาว ปิดกระทู้ที่ 'ป้าผ่อง สายห้าว' ซิ่งพาเราลงจากดอยหลวงเชียงดาว แล้วมาหย่อนเราไว้แถวที่เดิม โลตัสเชียงดาว จากนั้นคนบนรถก็แยกย้าย ส่วนเราและเพื่อนใหม่อีก 2 ชีวิต จุดหมายเดียวกันคือ 'บ้านต้นไม้ แม่แมะ' ก็รอรถมารับต่อ ซึ่งคันที่มารับช่วงต่อก็เฟี๊ยสไม่แพ้กัน ชายผู้นั้นมีชื่อว่า 'ลุงจัน' จ้า
‘ลุงจัน’ ชายแก่ ตลกอารมณ์ขัน รับเราจากโลตัสเชียงดาว พาเราแวะเซเว่น เพราะมีคนปวดฉี่ และเผื่อให้เราได้ซื้อข้าวซื้อของกัน ก่อนซิ่งกระบะเก๋าๆ ขึ้นแม่แมะ
ทีนี่ไม่มีบีบแตรทางโค้งเหมือนเชียงดาว แต่ลุงจันดูเหมือนจะตกใจแรงทุกครั้งที่มีรถสวน เบรกแรงตล๊อด... ซึ่งในทางแคบๆนั้น ฝั่งนึงเป็นเขา ฝั่งนึงเป็นเหว เสียวดีฮะลุง
เห็นสภาพแบบนี้ แรงใช่เล่นนะ
ทางแยกเข้าไปบ้านแม่แมะ และถนนที่ว่าแคบสุดใจ
ทางขึ้นแม่แมะอุดมสมบูรณ์กว่าเชียงดาว ต้นไม้เยอะกว่า อากาศดีกว่า ขึ้นรถนี่หนาวสั่นฟันกระทบกันกึ๊กๆ
แม่แมะอยู่อีกฝั่งของเขาดอยหลวง ระหว่างทางก็เลยเห็นเขาดอยหลวงอีกมุม
ถนนบางช่วงแคบแบบที่เห็น กระบะลุงว่าเล็กแล้ว ทางบางช่วงเล็กยิ่งกว่า
จากเซเว่นแม่แมะมาถึงที่พักบ้านต้นไม้กี่นาทีจำไม่ได้ แต่แป๊บเดียวแหละ ไม่นานเท่าขึ้นเชียงดาว
ตลอดทางก็เริ่มมีที่พักให้เห็น เกือบทุกที่สร้างสูงๆ ยื่นไปในป่า ให้นอนเสียวตกเขาเล่น
‘ขึ้นมากี่โค้ง รู้ไหม?’ ลุงจันถามตอนถึงหน้าที่พัก
100... 30... 80... 40... ทุกคนเดาค่ะ
ถามว่ากรูอยากทายมั้ย? ไม่ค่ะ!! แต่ลุงจันบังคับ
ก่อนนางจะเฉลยหน้าตายว่า... ‘2 โค้ง... โค้งซ้ายกับโค้งขวา’
จ้าลุงจ้าาา 2 โค้งจ้า
ระหว่างทุกคนฮือฮาคำตอบ ลุงจันยิงมุก 2 ต่อทันที
‘แล้วเชียงดาวอ่ะ ที่ไปกันมา กี่โค้ง ตอบ!’ รอบนี้กูจะไม่ตกเป็นเบี้ยล่างลุง พูดเลย
‘3 ค่ะ... โค้งซ้าย โค้งขวา โค้งหักศอก’
หึหึ
ลุงบอกตอบถูกแต่รายละเอียดผิด....
‘โค้งซ้าย โค้งขวา และ... โค้งอันตราย’
จ้าลุงจ้า!!!!! โค้งอันตรายยยยยยยยยยเน้าะ
‘บ้านต้นไม้’ ที่พักคืนนี้ อยู่กลางป่า มีเสียงลำธารดังตลอด แต่สิ่งอำนวยความสะดวกครบ ไฟฟ้า ของกิน กาแฟ.... และมีรับซักแห้งราคาถูก
งงจัง ทำไมมีรับซักผ้าวะ...
แบกเป๋าลงจากรถ เดินลงมาตามทางนิดนึง ก็จะเจอทางเข้าบ้านต้นไม้ เจอเคาน์เตอร์สารพัดสิ่งก่อนเลย เป็นที่เช็คอินเช็คเอ้าท์ เป็นร้านกาแฟ ชงกาแฟ
เป็นที่เอาน้ำแข็ง
นี่คือวิวที่มองจากเคาน์เตอร์ มุมยอดนิยม แต่พี่ถ่ายไม่สวย อยากได้เลนส์ไวด์จังเว้ยยยยยยยยยยยยยย
สำหรับกิจกรรมของแม่แมะ Search ทำการบ้านมา มีนวดและเดินป่า
เดินป่าต้องมีไกด์ 300 บาทต่อ 1 กรุ๊ป เค้ารับพาเดินตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึงบ่ายสอง
ราคาที่พักคืนละ 650 ต่อคน รวมอาหารเย็น 1 มื้อ เช้า 1 มื้อ
ถอดรองเท้าก่อนเข้าไปด้านในด้วยนะจ้ะ ไม่ต้องห่วงพื้นเค้าสะอาดกว่าเท้าเราอีก
และที่สำคัญมีน้ำอุ่น ซึ่งบ้านที่กรูพัก น้ำอุ่นเสีย!!!!
ทำใจ....ยะเยือกวันที่ 2...
นี่ง่ะ ที่นี่ก็มีกาแฟ แล้วเราก็ต้องกิน รสชาติเหมือนเดิม แยกไม่ออก อันไหนละมุน อันไหนหอมหวาน
เดินลงบันไดไปก็จะเจอลานนั่งเล่น
ด้านบนเป็นห้องพักมีฝั่งนึง 3 ห้อง พักได้ห้องละ 2 คน อีกฝั่งห้องใหญ่นอนได้น่าจะสิบกว่าคน
กลางคืนมีรอบกองไฟด้วยนะ... จะนอนนวดนอนอะไรก็ตรงนี้แหละ
อากาศดีมาก เย็นเบาๆ
มีเปลอยู่ 3-4 อัน นอนได้ยาวๆ แต่ขอโทษค่ะ เรามีกิจกรรม จะมานอนชิล มันไม่ใช่
ถ้าใครมาถึงเร็ว จะสั่งอาหารกินก็ได้เลย ครัวเค้าเปิดตลอด ราคาอาหารอยู่ในเมนู
ปล.น้ำมะพร้าวอร่อยมากนะเออ หอมหวาน ห้ามพลาดเลยนะเธอ
ห้องนอนรวมห้องใหญ่สำหรับหมู่คณะใหญ่เบิ้ม หน้าห้องใหญ่เป็นทางเดินแคบๆ สุดทางเป็นประตูอีกประตูนึง
ห้องน้ำรวม สะอาดมาก มี 4 ห้อง ห้องอาบน้ำกับห้องส้วมอยู่ในห้องเดียวกัน ที่ผ่านมาทั้งเชียงดาวและแม่แมะ ห้องน้ำสะอาดทุกที่เลยอ่ะ ขนาดของร้านข้าวขาหมูยังสะอาด บนเชียงดาวที่ว่าเป็นโฮมสเตย์ยังสะอาด
ส่วนบ้านต้นไม้ แยกออกไป คือเดินออกจากตรงเคาน์เตอร์ ไปทางขวามือ
ห้องพักที่นี่มีหลายโซนนะ จะจองต้องถามเค้าดูดีๆว่าห้องที่เราจะได้ คือห้องไหน อยู่ตรงไหน เค้าไลฟ์ให้ดูได้นะ เพราะบางโซนของเค้า มันไม่ได้ดีแบบนี้อ่ะ มันเป็นวิวคนละวิว
และและและบางห้องมันแยกออกไปไกลจนวังเวง... ซึ่งดิฉันได้ห้องแบบนั้นแหละค่ะ
เจ้าของบ้านต้นไม้ ลุงสุขกับป้าผง ดูแลกันเอง
ป้าผงนี่น่ารักมาก เฝ้าเคาน์เตอร์ตลอด วิ่งมาวิ่งไปวิ่งไปวิ่งมาตลอด
ไฮไลท์ของวันนี้...
หลังจากเมื่อวานนอนเล่น เดินเล่นเบาๆที่เชียงดาวกันไปแล้ว สโลว์ไลฟ์กันจนเต็มอิ่ม
เพื่อนใหม่อีก 2 คนที่นั่งรถขึ้นมาพร้อมกัน นางว่าเมื่อวานกินๆนอนๆทั้งวัน วันนี้ทำไรดีนะ เราผู้ซึ่งค้นคว้ามาอย่างดี ก็เลยชวนไปเดินป่ากันมะ? .. สรุปรวม 4 คน ป่ะ เดินป่ากัน
ได้เรื่อง ได้เพื่อนแล้ว ก็บอกคนที่บ้านต้นไม้ หนูจะไปเดินป่า!!! เค้าก็จะตามคนนำทางมาให้
วิถีการเดินป่าที่นี่ เค้ารับพาเดินตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึงประมาณบ่าย 2 บ่าย 3 เท่านั้น เพราะถ้าสตาร์ทเริ่มเดินหลังจากนั้น พอรวมเวลาเดินไป-กลับแล้วมันจะค่ำพอดี อันตราย และกลุ่มของเราได้ลุงวัน อายุ 70 ปี.... มานำทาง
ค่านำทางรอบละ 300 บาท กลุ่มหนึ่งเค้าจะจำกัดไม่เกิน 6-7 คน ก็หารๆกันไป เวลาเดินต่อ 1 รอบคือ 3 ชั่วโมงอย่างเร็ว จุดหมายคือ ‘น้ำตกไทรลอดบ่วง’
ไกด์ของเรา อายุ 70 ยังสบายยย ลุงเดินได้ เราก็เดินได้ ค่าไกด์แค่ 300 มันจะยากเย็นอะไรหนักหนาอะไร ป่ะเริ่ม!!
พอได้เวลานัด ‘ลุงวัน’ มารอพวกเราอยู่ที่ด้านหน้าที่พัก แกบอกใส่แตะไม่ได้นะ อ๋อ! ก็เดินป่าเน้าะ มันคงจะลื่น เลยไม่ควรใส่แตะ โอเคค่ะ ไม่แตะ! ก่อนออก แกให้หยิบไม้ไปด้วยคนละอัน... แกบอก เอาไว้ช่วยค้ำยัน
เริ่มต้นด้วยการดูแผนที่การเดินกันซักหน่อย เราจะเดินกัน ไป-กลับ 6 กม. สบายๆนะ
แรกเริ่มเดินมันก็ผ่านหมู่บ้าน ถนนคอนกรีต ขึ้นลงเนินบ้าง แต่ก็ไม่ได้สูงชันอะไร ไม่มีปัญหา หอบเล็กน้อย เบาๆ
เห็นทางเดินชันๆข้างๆนั่นมั้ย นั่นทางขึ้นน่าจะที่พักอีกที่ ลำบากตั้งแต่ขึ้นเลยจ้า ใครชอบ เชิญ
ลุงวันกำลังสาธิตการเก็บใบชา เก็บทำเมี่ยงกับเก็บไปทำชาไม่เหมือนกันนะจ้ะ เก็บไปทำชาเค้าเก็บกันที่ยอด 3 ใบ
ระหว่างทาง ความเป็นไกด์ที่ยอดเยี่ยมของลุง แกพาชี้ชมต้นไม้ใบหญ้าตลอดทาง อันที่เห็นนี่ใบชา เวลาลุงไม่มีนำทาง ลุงก็เก็บใบชานี่แหละ ออกไปเก็บแต่เช้าถึงสี่ห้าโมงเย็น
เดินช่วงแรกก็งี้ ขยันถาม เจออะไรก็ตื่นเต้นไปหมด ลุงนั่นอะไร ลุงนี่กินได้มั้ย หุ้ยยย รักธรรมชาติสุดๆ ไปเลยจ้า
อันนี้เมล็ดกาแฟ ผลิตภัณฑ์ยอดฮิตที่ตลอดทริปนี้ ไปที่ไหน ถ้าอยากได้วิวสวยๆ ก็ร้านกาแฟ และพอเข้าร้านเค้า ก็ต้องสั่งกาแฟ กินวันนึง 2-3 แก้ว ตาตั้งกันไป
ลูกจาก หรือลูกชิดที่ใส่ในน้ำแข็งใส
เอาหล่ะๆๆๆๆๆ เริ่มเข้าสู่ฟีลการเดินป่าละว้อย ตื่นเต้นๆ
ภาพนี้... อยากให้ทุกคนโฟกัสที่น้องคนหลังสุด มีความกางเกงขาบานรองเท้าแตะมาเดินป่า...555 จนตอนนี้มันยังด่ากรูอยู่เลยมั้ง ตอนถามบอกทริปสบายๆ พักผ่อน ไม่มีแอดเวนเจอร์ 555555555555555555555555555555555555
ต้นไม้เริ่มเยอะ ทางเดินก็เริ่มแคบลง
เดินขึ้นๆลงๆทางที่เหมือนไม่น่าจะใช่ทางเดินมาได้พักนึง ก็มาเจอลำธาร แทนที่พวกเราจะได้ชื่นใจ วรั๊ยยย ใกล้ถึงแล้วสินะ.. แต่เปล่าเลยค่ะ กรูต้องเดินข้ามลำธารแบบนี้ไปมา สลับกับการเดินขึ้นลงเขาประมาณ 4-5 รอบ
ไฮไลท์สุดคือ เดินมาซักพัก คือมันเหนื่อยและขาสั่นมาตลอดทาง เพราะทางที่ผ่านมานั้นมันไม่ได้เดินง่ายๆ คือมันไม่ใช่ทางเดินอ่ะ เวลาเราไปปีนเขาที่อื่นที่มันเป็นแหล่งท่องเที่ยว มันจะมีทางเดิน แม้จะเล็กจะแคบจะชัน แต่มันยังเป็นทางเดินไง บางช่วงมันยังพอมีที่ให้จับ แต่นี่ไม่มีเลย คือเดินเลาะหิน เข้าใจคำว่าเลาะหินมั้ย คือมันไม่มีทางเรียบๆอ่ะ แคบเท่าเท้าเราก้าว ฝั่งนึงเป็นเขา เขาที่มีแต่ต้นไม้เล็กๆ ไม่มีอะไรให้กรูเกาะได้เลย อีกฝั่งนึงคือถ้าก้าวพลาดคือตกลงไปตายห่..แน่
ลำธารที่เห็นมันไม่ได้เดินข้ามง่ายๆสวยๆนะคะ คือหินทั้งนั้นๆ และอย่าหวังว่าจะเหยียบหินแล้วผ่านง่ายๆ อันใหญ่
หลังข้ามลำธารสลับขึ้นลงเขามาพักนึง ลุง
ตายห่... กรูคิดในใจ พร้อมหาทางหนีทีไล่ ว่ามันมีทางอื่นมั้ย หรือกูควรยอมเสี่ยงตายเดินกลับ และคือลุงแกไม่ตอบไรเลยไง จับเถาวัลย์ได้ก็โหนเฉย..... สรุป แกโหนเล่นเว้ยย โอ้ววว ใจหายมาก บอกตรงๆ อยากทรุดตัวลงนั่งร้องไห้
ม
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้