◾จะเริ่มต้นเล่าเรื่องก่อน รวบรัด มีคำถามตรงไหน ทุกท่านเชิญถามข้าพเจ้าได้ตามความสงสัย◾
(ปัจจุบันข้าพเจ้าใช้ยาจิตเวชอยู่เป็นหลัก สามตัว คือ sertraline 5 mg,diazepam 5 mg,clonazepam 5 mg)
อยากจะพรรณณา เล่าเป็นเชิงระบาย ถึงสภาพจิตใจ ความป่วยในจิตวิญญาณลึกๆ
อาจจะเรียบเรียงออกมาได้ไม่ดีนัก หากผู้ป่วยท่านใดอยากสนทนากัน เชิญคอมเม้นท์ได้ตามสะดวก
◾เรื่องมันเกิดจากการตั้งคำถามของเเม่ ว่าเมื่อไหร่จะได้เลิกกินยาเสียที◾
มีผู้ใดบ้างคิดว่าคนกินยาจิตเวช เขาเหล่านั้นอยากกินเล่นๆเป็นลูกอม ขนมนมอัดเม็ดเปล่า คิดว่ากินเพื่อมอมเมาตัวเอง กินเล่นกินหัวเเบบนี้ไหม
เอฟเฟ็คยาบางตัวมันก็เเรงไม่น้อย ใช่เล่น ตอนเทคใหม่ๆ ลมเเทบใส่ ปรับตัวอยู่สองเดือน ถึงเลิกเบื่ออาหาร เลิกพร้อมจะน็อคหลับได้ทุกที่
ข้าพเจ้าประสบเหตุการณ์โดนอาม่าที่เสียไปนานเเล้ว บอกให้กินยากล่อมประสาท เรียกภาษาสุภาพก็ยาคลายเครียด โดนตั้งเเต่ 9 ขวบ เเต่ก็กินไป เพราะอาม่าบอกว่ามันดี (เหมือนโดนวางยาเรื่อยๆเลย มาคิดอีกที) บางทีเเอบโยนทิ้ง เพราะเเม่บอก ไม่เป็นไรจะกินทำไม อาม่าจับได้ว่ายาในกระปุก (เเกเป็นคนถือ) ไม่พร่องลงไปเลย เเกด่ามาคำหนึ่ง ยังจำความได้จนจะยี่สิบสาม ตอนนี้
“สันดานหมา” (เเกเป็นผู้ป่วยโรคไต ได้รับการเปลี่ยนถ่ายไต อารมณ์เลยไม่คงที่นัก)
ชะตากรรมมันยังไม่หยุดเเค่นั้น ตอนอายุสิบสอง เเม่หนีข้าพเจ้าไปกับสามีใหม่อีก วันนั้นอาม่ากำลังจะเข้าผ่าตัด รู้สึกตัวตอนใกล้รุ่งสาง
เเม่กำลังจะไปหาเขาที่โรงเเรมพอดี ตื่นมาถาม เดินลงมาตามเเม่จะไปไหน เเม่บอกอย่ายุ่ง พอเช้ามา ต้องเดินทางข้ามจังหวัด ทุกคนในบ้านถึงรู้ว่าเเม่ไปเเล้ว
หนีไปกับไอ้ขี้คุก ที่พึ่งพ้นโทษ เเต่ตอนนั้นไม่ได้โหยหาพ่อโหยหาเเม่ ลุงป้ายังเลี้ยงดู เรียกเขาปาป๊ามาม๊ามาตั้งเเต่เกิด อาม่าจะตาย อาม่าก็ฝากข้าพเจ้าไว้กับมาม๊า ม๊าก็ดูจนเต็มกำลัง เเล้วเลิกส่งเสีย เพราะเรียนหนังสือ ไม่สมกับที่เขาลงทุนส่งเสีย (เรียนตามเพื่อน เเล้วเข้าตาจน) เเต่ก่อนได้เงินใช้อาทิตย์ละ 500 บาท พอออกมาต่อ กศน จะให้จบ เขาก็เลิกให้เงิน เขาบอกจะต้องส่งน้องสาวต่อ ข้าพเจ้าก็ไม่อะไร
เข้าเรื่องยาจิตเวชต่อเถอะ ออกนอกประเด็นไปมากหลาย
จากเก้าขวบ มาสู่สิบสองขวบ เเค่เรื่องเด็กๆตีกีน พลั้งมือตบบ้องหูลูกพี่ลูกน้อง โกรธที่พวกป้าๆน้าๆพี่น้องเเม่ ด่าเเม่ เลยเผลอปากกับลูกพี่ลูกน้องว่าเกลียดที่มาด่าเเม่ อยากจะฆ่าให้ตาย ตอนเป็นเด็กข้าพเจ้ายอมรับว่ารมณ์รุนเเรง เก็บกดกับอาม่ามาเยอะพอสมควร เขารู้เท่านั้นเเหละ ข้าพเจ้าไปตบบ้องหูลูกชายพี่สาวคนโตเเม่
ญาติทุกคนประมาณเกือบสิบคน ลงมติเป็นเอกฉันท์ ว่าเอาข้าพเจ้าไปหาหมอ พบจิตเเพทย์เถอะ ขู่จะส่งข้าพเจ้า ณ ตอนนั้น ในวัยสิบสองขวบ ไปโรงพยาบาลศรีมหาโพธิ์ที่อุบลราชธานี โรงพยาบาลคนจิตไม่ปกติด้วย โดนลากตัวไปเลย ขึ้นรถ ไปคลีนิค คุยกับหมอ เสียค่ายาเกือบพันบาท ม๊าก็เป็นคนเสียให้
เอายามากินได้กินสามตัว ม๊าเป็นคนคอยบังคับทางอ้อม บอกให้กินยาทุกเวลาตามที่หมอสั่ง
เขาบอกเเก่ข้าพเจ้าตอนนั้นว่า
“กินไปนะ จะได้เป็นเด็กทั่ดีขึ้น ไม่เป็นเเบบนี้”
ตอนนั้นรู้ความเเล้ว เป็นวัยรุ่นเเล้ว ยิ่งขมขื่น พ่อเเม่ไม่ได้อยู่ปกป้อง เเล้วข้าพเจ้ากลับเลือกเทิดทูนบูชาเเม่เหลือเกิน ใครเเตะไม่ได้เลย ตอนนั้นเพราะอะไร?
เเปดขวบ อดีตพ่อ(เเผลใจในชีวิตอีกคนหนึ่ึ่งคือเขา เลยตัดพ่อตัดลูกกัน)หย่ากับเเม่ วันนั้นเซ็นใบหย่าเสร็จ เเม่พาสามีใหม่มาขอขมาอากงอาม่าที่บ้าน
มาลูบหัวข้าพเจ้าที่นอนอยู่เเล้วไปกับสามีใหม่ เเม่หนีตามผู้ชาย เปลี่ยนสามีอยู่ประมาณห้าคน
ระยะเวลาตั้งเเต่ข้าพเจ้าอายุเเปดขวบ จนสิบสี่ปี เเม่กลับมาหา จำใจด้วยเหตุท้อง ไม่มีที่ไป ผัวไม่ได้เรื่อง อุ้มท้องน้องสาวคนละพ่อกลับมาบ้าน ก็ได้เเต่คิดว่าถ้าเเม่ไม่ท้อง ข้าพเจ้าจะได้เห็นหน้าเเม่หรือไม่ทุกวันนี้ หรืออาจจะไม่ได้พบกันอีกหลายปี หรืออาจจะไม่มีวัน ชีวิตนี้ผ่านอะไรมาเยอะ เเค่เรื่องโดนยากล่อมประสาททางอ้อม ผู้ใหญ่บอกว่าดี ก็กิน เชื่อฟัง ทั้งที่ตอนนั้นข้าพเจ้าอาจจะไม่เป็นอะไรก็ได้
พอข้าพเจ้าเจ็บปวดในตอนอายุมากขึ้น เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ทำไมไม่คิดว่าข้าพเจ้าเป็นจริงๆเหมือนตอนเด็กบ้าง
ถามบ่อยครั้ง เมื่อไหร่จะได้เลิกกินยา ข้าพเจ้าไม่ได้ใส่เสื้อชั้นใน โนบรา (เเต่ใส่เสื้อสีทึบตลอด เสื้อโอเวอร์ไซส์) เเม่ก็มักต่อว่าข้าพเจ้าว่าเกินเยียวยา เรื่องนี้สิทธิส่วนบุคคล สิทธิการเเต่งตัวอย่างอิสระของผู้หญิง พอข้าพเจ้ากระทำเช่นนี้ โดนกล่าวโทษว่าเพราะข้าพเจ้าไม่ฝึกตัวเอง ถึงไม่ได้เลิกยาเสียที
(โรคซึมเศร้า) ให้กำลังใจก็ดี หรืออะไรก็ได้
(ปัจจุบันข้าพเจ้าใช้ยาจิตเวชอยู่เป็นหลัก สามตัว คือ sertraline 5 mg,diazepam 5 mg,clonazepam 5 mg)
อยากจะพรรณณา เล่าเป็นเชิงระบาย ถึงสภาพจิตใจ ความป่วยในจิตวิญญาณลึกๆ
อาจจะเรียบเรียงออกมาได้ไม่ดีนัก หากผู้ป่วยท่านใดอยากสนทนากัน เชิญคอมเม้นท์ได้ตามสะดวก
◾เรื่องมันเกิดจากการตั้งคำถามของเเม่ ว่าเมื่อไหร่จะได้เลิกกินยาเสียที◾
มีผู้ใดบ้างคิดว่าคนกินยาจิตเวช เขาเหล่านั้นอยากกินเล่นๆเป็นลูกอม ขนมนมอัดเม็ดเปล่า คิดว่ากินเพื่อมอมเมาตัวเอง กินเล่นกินหัวเเบบนี้ไหม
เอฟเฟ็คยาบางตัวมันก็เเรงไม่น้อย ใช่เล่น ตอนเทคใหม่ๆ ลมเเทบใส่ ปรับตัวอยู่สองเดือน ถึงเลิกเบื่ออาหาร เลิกพร้อมจะน็อคหลับได้ทุกที่
ข้าพเจ้าประสบเหตุการณ์โดนอาม่าที่เสียไปนานเเล้ว บอกให้กินยากล่อมประสาท เรียกภาษาสุภาพก็ยาคลายเครียด โดนตั้งเเต่ 9 ขวบ เเต่ก็กินไป เพราะอาม่าบอกว่ามันดี (เหมือนโดนวางยาเรื่อยๆเลย มาคิดอีกที) บางทีเเอบโยนทิ้ง เพราะเเม่บอก ไม่เป็นไรจะกินทำไม อาม่าจับได้ว่ายาในกระปุก (เเกเป็นคนถือ) ไม่พร่องลงไปเลย เเกด่ามาคำหนึ่ง ยังจำความได้จนจะยี่สิบสาม ตอนนี้
“สันดานหมา” (เเกเป็นผู้ป่วยโรคไต ได้รับการเปลี่ยนถ่ายไต อารมณ์เลยไม่คงที่นัก)
ชะตากรรมมันยังไม่หยุดเเค่นั้น ตอนอายุสิบสอง เเม่หนีข้าพเจ้าไปกับสามีใหม่อีก วันนั้นอาม่ากำลังจะเข้าผ่าตัด รู้สึกตัวตอนใกล้รุ่งสาง
เเม่กำลังจะไปหาเขาที่โรงเเรมพอดี ตื่นมาถาม เดินลงมาตามเเม่จะไปไหน เเม่บอกอย่ายุ่ง พอเช้ามา ต้องเดินทางข้ามจังหวัด ทุกคนในบ้านถึงรู้ว่าเเม่ไปเเล้ว
หนีไปกับไอ้ขี้คุก ที่พึ่งพ้นโทษ เเต่ตอนนั้นไม่ได้โหยหาพ่อโหยหาเเม่ ลุงป้ายังเลี้ยงดู เรียกเขาปาป๊ามาม๊ามาตั้งเเต่เกิด อาม่าจะตาย อาม่าก็ฝากข้าพเจ้าไว้กับมาม๊า ม๊าก็ดูจนเต็มกำลัง เเล้วเลิกส่งเสีย เพราะเรียนหนังสือ ไม่สมกับที่เขาลงทุนส่งเสีย (เรียนตามเพื่อน เเล้วเข้าตาจน) เเต่ก่อนได้เงินใช้อาทิตย์ละ 500 บาท พอออกมาต่อ กศน จะให้จบ เขาก็เลิกให้เงิน เขาบอกจะต้องส่งน้องสาวต่อ ข้าพเจ้าก็ไม่อะไร
เข้าเรื่องยาจิตเวชต่อเถอะ ออกนอกประเด็นไปมากหลาย
จากเก้าขวบ มาสู่สิบสองขวบ เเค่เรื่องเด็กๆตีกีน พลั้งมือตบบ้องหูลูกพี่ลูกน้อง โกรธที่พวกป้าๆน้าๆพี่น้องเเม่ ด่าเเม่ เลยเผลอปากกับลูกพี่ลูกน้องว่าเกลียดที่มาด่าเเม่ อยากจะฆ่าให้ตาย ตอนเป็นเด็กข้าพเจ้ายอมรับว่ารมณ์รุนเเรง เก็บกดกับอาม่ามาเยอะพอสมควร เขารู้เท่านั้นเเหละ ข้าพเจ้าไปตบบ้องหูลูกชายพี่สาวคนโตเเม่
ญาติทุกคนประมาณเกือบสิบคน ลงมติเป็นเอกฉันท์ ว่าเอาข้าพเจ้าไปหาหมอ พบจิตเเพทย์เถอะ ขู่จะส่งข้าพเจ้า ณ ตอนนั้น ในวัยสิบสองขวบ ไปโรงพยาบาลศรีมหาโพธิ์ที่อุบลราชธานี โรงพยาบาลคนจิตไม่ปกติด้วย โดนลากตัวไปเลย ขึ้นรถ ไปคลีนิค คุยกับหมอ เสียค่ายาเกือบพันบาท ม๊าก็เป็นคนเสียให้
เอายามากินได้กินสามตัว ม๊าเป็นคนคอยบังคับทางอ้อม บอกให้กินยาทุกเวลาตามที่หมอสั่ง
เขาบอกเเก่ข้าพเจ้าตอนนั้นว่า
“กินไปนะ จะได้เป็นเด็กทั่ดีขึ้น ไม่เป็นเเบบนี้”
ตอนนั้นรู้ความเเล้ว เป็นวัยรุ่นเเล้ว ยิ่งขมขื่น พ่อเเม่ไม่ได้อยู่ปกป้อง เเล้วข้าพเจ้ากลับเลือกเทิดทูนบูชาเเม่เหลือเกิน ใครเเตะไม่ได้เลย ตอนนั้นเพราะอะไร?
เเปดขวบ อดีตพ่อ(เเผลใจในชีวิตอีกคนหนึ่ึ่งคือเขา เลยตัดพ่อตัดลูกกัน)หย่ากับเเม่ วันนั้นเซ็นใบหย่าเสร็จ เเม่พาสามีใหม่มาขอขมาอากงอาม่าที่บ้าน
มาลูบหัวข้าพเจ้าที่นอนอยู่เเล้วไปกับสามีใหม่ เเม่หนีตามผู้ชาย เปลี่ยนสามีอยู่ประมาณห้าคน
ระยะเวลาตั้งเเต่ข้าพเจ้าอายุเเปดขวบ จนสิบสี่ปี เเม่กลับมาหา จำใจด้วยเหตุท้อง ไม่มีที่ไป ผัวไม่ได้เรื่อง อุ้มท้องน้องสาวคนละพ่อกลับมาบ้าน ก็ได้เเต่คิดว่าถ้าเเม่ไม่ท้อง ข้าพเจ้าจะได้เห็นหน้าเเม่หรือไม่ทุกวันนี้ หรืออาจจะไม่ได้พบกันอีกหลายปี หรืออาจจะไม่มีวัน ชีวิตนี้ผ่านอะไรมาเยอะ เเค่เรื่องโดนยากล่อมประสาททางอ้อม ผู้ใหญ่บอกว่าดี ก็กิน เชื่อฟัง ทั้งที่ตอนนั้นข้าพเจ้าอาจจะไม่เป็นอะไรก็ได้
พอข้าพเจ้าเจ็บปวดในตอนอายุมากขึ้น เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ทำไมไม่คิดว่าข้าพเจ้าเป็นจริงๆเหมือนตอนเด็กบ้าง
ถามบ่อยครั้ง เมื่อไหร่จะได้เลิกกินยา ข้าพเจ้าไม่ได้ใส่เสื้อชั้นใน โนบรา (เเต่ใส่เสื้อสีทึบตลอด เสื้อโอเวอร์ไซส์) เเม่ก็มักต่อว่าข้าพเจ้าว่าเกินเยียวยา เรื่องนี้สิทธิส่วนบุคคล สิทธิการเเต่งตัวอย่างอิสระของผู้หญิง พอข้าพเจ้ากระทำเช่นนี้ โดนกล่าวโทษว่าเพราะข้าพเจ้าไม่ฝึกตัวเอง ถึงไม่ได้เลิกยาเสียที