เคยโดนขอ ปรับสถานะไหมครับ จากแฟนเป็นพี่น้องไหมครับ ด้วยเหตุผล

ผมกับแฟน(เก่า)เคยรักกันมากครับ ถึงแม้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ไม่เกิน 2 ปี แต่มันเป็นช่วงเวลาที่ดีมากครับ เป็นช่วงความทรงจำที่มีความหมาย                         เราอยู่ด้วยกันทุกวัน ที่พักของผม กับ บ้านของเค้าอยู่ใกล้กันมาก มากถึงขนาดที่ ผมเปิด หน้าต่างออกไปก็เจอบ้านเขาเลย  
ตลอดช่วงเวลาที่คบกันเค้าดีกับผมมากๆ เอาใจใส่ทุกอย่าง เราไปเที่ยวและก็มชีวิตด้วยกันตามกติของคู่รักคู่นึง  มันปกติและก็มีความสุขมาก              
 จนผมไม่สามารถจินตนาการ วันที่เราจะเลิกกัน หรือ ต้องแยกกัน 

อยู่มาวันนึง เขาดูเปลี่ยนไป เหมือนพยายาม ทิ้งตัวออกห่าง แต่ตอนนั้น ผมเองก็พยายามคิดนะครับว่า เขาคงยุ่งกับงาน เพราะเขาพูดว่าอยากใช้เวลาคิดบางอย่างคนเดียว แต่ ณ เวลานั้นผมก็ปักใจเชื่อ ว่าคงยุ่งกับงานจริงๆ สถานการณ์มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆจนพบได้ว่า มันมีอะไรผิดปกติ เลยถามเขาตรงๆว่า ระหว่างเรามันเหิด อะไรขึ้ย ผมมีข้อผิดพลาดิอะไร หรือเปล่า ? 
หลังจากคำถาม ของผม จบลง สุดท้ายเขาก็บอกว่า เขาขอลดปรับสถานะเป็นพี่น้องแทนได้ไหม ?  เขาจะอยู่เคียงข้างผมแล้วก็ไม่ไปไหน จะทำหน้าที่พี่ชายให้สมกับที่ผมรักเขามาก  แต่เห้ย!!  นี่ยังปรับจูนไม่ได้ไง  อยู่ดีๆมาขอเป็นพี่น้อง ใครจะรับได้  และแล้วสุดท้ายเราก็ขอโอกาส อ้ออนวอนทุกอย่าง (ซึ่งไม่รู้ตัวเองผิดอะไรด้วยซ้ำ) ขอเวลาอีกเดือนเพื่อจะปรับปรุงตัว 
ผมสัญญากับเค้าจะไม่วอแว หรือตอแย จะเว้นช่องว่าง ให้เราได้ปรับตัว เพื่อมาทบทวนกันอีกทีว่า ต้องลดสถานะจริงๆไหม ซึ่งเขาก็ยินดี 

ระหว่างนั้นผมพยายามหักห้ามใจครับ เผื่อไว้แล้วแหล่ะ ว่าคงไม่เป็นแบบเดิมแน่ๆ สุดท้ายก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ความหวังมันสลายไปพร้อมๆกับ  ความบังเอิญของ suggestion friend ในIG ทำให้ผมได้มาพบความจริง ความจริงที่ว่า ระหว่างที่เราคบกัน เค้ามีอีกคน รถที่เด็กคนนั้นนั่ง เสื้อผ้าที่เด็กคนนั้นใส่ แว่นกันแดดของแฟนผมค่อนข้างที่ไม่เหมือนใคร มันชัดเจนมากครับ ครั้งแรกที่เห็นคือเราเสียใจมาก ในใจมันคิดได้แค่คำเดียว ว่า“ทำไม” 

ตลอดเวลาที่คบกันมา ผมทำทุกอย่างได้เพื่อเค้า ไม่ว่าจะเป็น     บีบยาสีฟัน ซักผ้า เก็บห้อง ล้างจาน ไปหาเขาตรงเวลา เสมอ ผมยอมเสียความเป็นตัวตนของตัวเอง เพื่อปรับเข้าหาเค้า แต่สุดท้ายสิ่งที่ได้รับคือ .....  ?  คำถามผุดขึ้นมาในหัวว่า ผมไม่ดีหรอ (ถามเค้าไปแล้ว เค้ายอมรับทุกผิดทุกอย่าง)
ผมเสียศูนย์มากครับ เวลานั้นบางครั้งก็มีความรู้สึกว่า ถ้านอนไปแล้วไม่ต้องตื่นขึ้นมาคงดี ทำไมเราต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย มีวันนึงผมมองลงไปสะพานแล้วถามใจตัวเองว่า ผมยังมีค่าอยู่ไหมนะ ถ้าตายไป เค้าคนนั้นจะเสียใจหรือเปล่า 
แต่สุดท้ายผมก็เลือกที่จะเดินไปขึ้นวินมอไซด์ ไป   รพ.จิตเวชย่านวงเวียนใหญ่แทน  ยังโชคดีที่มีสติพอที่จะพยุงตัวและหัวใจบางๆไปหาหมอ 

ในขณะที่รอหมอ สายโทรศัพท์มือถือก็ดังเข้ามาไม่หยุดหย่อน สุดท้ายผมก็รับโทรศัพท์ของเพื่อนที่สนิท ผมร้องไห้ จนทำให้คนไข้แถวนั้นมองเลยแหล่ะครับ หมอก็ให้ยาปรับเคมีในสมองมาและยานอนหลับ ช่วงเวลาที่รักษาตัวมันทรมานมากครับ มันท้อและเหนื่อยจนไม่อยากหายใจ  อย่าถามนะครับว่าผมไม่คิดถึงพ่อแม่ หรือ บุพการี หรือคนรอบตัวหรอ ผมตอบเลยครับว่า  คิดและก็ไตร่ตรองมาตลอด  เลยต้องคิดว่าตัวเองควรพบหมอ 

ช่วงเวลาที่รักษาตัว สถานการณ์ของเราสองคนยิ่งตึงเครียด นับวันเค้ายิ่งตีตัวออกห่าง  แต่ก็มีบางเวลานะครับ ที่เค้าถามว่าอยู่ได้ไหม อยากให้ไปนอนด้วยหรือเปล่า เค้ารักษาระยะได้ดี แต่สุดท้ายผมก็ร้องไห้ทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าเค้า มันเจ็บปวดมากครับ เหมือนคนเอามีดมาแทงซ้ำๆเป็นร้อยๆที 
ผมพยายามเข้าใจเหตุผล ผมพยายามกับมันมากครับ จนมาถึงจุดที่คิดว่าตัวเองไม่น่ารับเรื่องแบบนี้ไหวจริงๆ เลยตัดสินใจ บอกที่ทำงานขอ work from home ทุกคนในที่ทำงานก็เข้าใจและ พร้อมช่วยเหลือทุกอย่าง  
สุดท้ายผมเลยไลน์ไปหาเค้าอีกครั้ง ว่าขอคุยเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะไม่ได้คุยกันอีก วันที่โทรไป ผมบอกว่าอาจจะไม่ได้กลับมาแล้วนะ อาจะอยู่ที่ต่างจังหวัดนานเลย ขอถามสองคำถาม 
1. ผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่าเรื่องราว ถึงเป็นแบบนี้ เค้าถึงมีคนอื่น 
2. ผมถามว่า ยังรักกันอยู่หรือเปล่า ถ้าให้เลือกจะเลือกใหม่ไหม 

ให้ทายครับว่าผมได้คำตอบว่าอะไร ?  
คำตอบที่ได้คือ ผมไม่ได้ทำอะไรตกหล่นและทำหน้าที่ในฐานะแฟนได้สมบูรณ์แบบ และเค้าก็ยังรักผม แต่กลับไปเป็น แบบเดิมไม่ได้แล้ว 
ส่วนคำถามที่มีคนอื่นหรือเปล่า เค้าตอบว่า  ใช่ เค้ามีคนอื่นแล้ว 
วินาทีนั้นผมใจสลายมากครับ ผมร้องไห้ที่สถานีหัวลำโพง ร้องจนคนวิกลจริต หรือคนไร้บ้านแถวนั้น ต้องเดินหนี มันเหมือนทุกอย่างมันปลดล็อค แล้วทำให้ผมรู้ว่า 
“เขาหมดใจ” ไปแล้วจริงๆ

 เสียงรถไฟที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไป พร้อมกับหยดน้ำตาของผมในคืนนั้น มันเข้ากันได้ดีเลยครับ คนรอบตัวก็มาพร้อมกำลังใจที่เต็มเปี่ยมแต่ ณ วันนั้นผมหูดับไปแล้วครับ ในใจมันดำดิ่ง 
 
ผมกลับมารักษาแผลใจที่บ้าน พร้อมกับบอกคุณพ่อ คุณแม่ว่า ผมรักษาอาการ ซึมเศ้าอยู่นะ ถ้าเห็นอยู่ดีๆร้องไห้ ได้โปรดอย่าถามไถ่ อะไร แค่กอดผมไว้ก็พอ นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ก็ร่วม7 เดือนแล้วครับ  แต่ทำไมนะ หัวใจผมยังคิดถึงแต่เค้าคนนั้น ทั้งๆที่เค้า move on ไปแล้ว  ทำไมนะที่ๆเราเคยไปด้วยกัน ของที่เค้าเคยบรรจงให้กับมือ คำสัญญาที่อยู่ในหัวมันไม่ออกไปสักที มันจะอยู่แบบนี้อีกนานไหมครับ  ผมต้องฝันถึงเขาในทุกๆคืน ติดกัน 7 เดือนเต็มๆ มันทรมานมาก  ผมต้องหลีกเลี่ยงเพลงเศร้าๆใช่ไหมครับ  ทุกคนมีวืธีลบเรื่องราว หรือ ทำให้ความรู้ข้างในมันจางลงได้ไหมครับ 
บางคนอาจจะมองว่าผมโง่ ทำไมถึงยังคิดถึงคนเค้าไม่รักเรา ครับ.. ผมเองก็ตอบไม่ได้ว่า ทำไม เหมือนกัน 
ถ้าใครพอมีวิธีที่จะจัดการ กับระบบภายในสมองและหัวใจ หรือมีข้อแนะนำอะไร บอกผมหน่อยนะครับ เพราะผมลองมาเกือบจะทุกวิธีแล้วครับ (สวดมนต์ ,ฟัง podcast , ออกกำลังม นั่งสมาธิ หา หมอดู )
แต่เหมือนยิ่งทำ ก็เหมือนผมเดินไป2 ก้าว แล้วสุดท้ายก็ถอยหลังกลับมาเก้าครึ่ง ผมไม่ชอบตัวเองที่เป็น แบบนี้เลย ... 
ผมจะกลับมายิ้มแบบเดิมได้อีกไหมครับ ?  

#ลบไม่ได้ทำให้ลืม จริงๆแบบที่เพลงว่า #ร้อยเหตุผลที่ขอให้เค้าอยู่ แต่เค้ามีเหตุผลเดียวที่จะไป #ดีใจด้วยนะ ผมก็ได้แต่พูดจากข้างใน เพราะจริงๆแล้วผมเองก็ไม่ได้ดีขนาดนั้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่