ฟื้นชีพสาปอาถรรพ์มัมมี่เมืองตะเกิง (สางดงในคืนเดือนดับ ภาค4)

ผมชื่อ ศาสตราจารย์จองภพ เป็นนักวิชาการด้านโบราณคดี และเป็นอาจารย์สอนนิสิตนักศึกษา ที่มหาลัยมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในพระนคร  ประจำภาควิชาโบราณคดี   พ่อผมเป็นทหารเกษียณ แม่เป็นคนจีนเจ้าของกิจการค้าส่งน้ำอัดลม  ผมมีพี่น้องทั้งหมด 3คน ผมเป็นคนโต น้องสาวคนกลางชื่ออาเหวิน น้องชายคนเล็กชื่ออาย้ง   บ้านผมถือได้ว่าเป็นครอบครัวที่มีฐานะพอสมควร  ด้วยกิจการนำเข้าและค้าส่งน้ำอัดลมยี่ห้อไบเล่ย์ของครอบครัวนั้น เร่งขยายกิจการออกไปทั่วทั้งเมืองไทย และประเทศเพื่อนบ้าน เรื่องเงินทองนั้นหาใช่ปัจจัยสำคัญในตระกูลนักธุรกิจอย่างครอบครัวผมไม่    หน้าที่ของผมคือควบคุมดูแลกิจการของครอบครับ ประกอบกับทำหน้าที่อาจารย์สอนนักศึกษาในมหาลัย  แน่นอนแล้วว่า อาจารย์หนุ่มหล่อแถมโสดอย่างผม ย่อมจะโดนใจทั้งสาวน้อยสาวใหญ่ สาวแก่แม่หม้ายทั้งหลาย กระทั่งแต่นักศึกษาสาว ที่แอบจิกตาทอดสะพานให้ผมอย่างล้นหลาม  แต่ผมก็ยังคงยินดีในการครองโสด แม้ว่าวัยของผมจะย่างเข้า 43ปีแล้วก็ตาม ผมรอเพื่อตามหาหัวใจของผม ที่เคยฝากไว้กับใครคนหนึ่ง เมื่อ 20ปีที่แล้ว  และผมได้สัญากับตัวเองไว้ ว่าจะรอเธอผู้นั้นนั่นเอง
            แต่ทุกๆครั้งที่ผมส่องมองกระจก ผมก็ต้องถึงกับได้แต่ถอนหายใจเบาๆ เฮ้อ เรานี่ก็ไปไกลเหมือนกันแล้วนะ   แน่นอนแล้วว่า บัดนี้อายุของผมก็มากโขแล้ว คงมิอาจจะหนุ่มแน่นเหมือนอายุ 20ต้นๆที่ไหนหล่ะ  หลังจากที่ผมก้าวขาออกมาจากวงการนักเลงในปี พ.ศ.2497 เพื่อไปศึกษาต่อปริญญาโททางโบราณคดี และไปต่อปริญญาเอกที่อินเดียอีก 2ปี  เรื่องทุกอย่างในแก็งค์ตรอกไบเล่ย์ ก็ปล่อยให้ลูกน้องมันกำหนดทิศทางของพวกมันเอง จนกระทั่งถึงปี พ.ศ.2499 ในยุคอันธพาลครองเมือง ทางการได้เข้ากวาดล้างกลุ่มนักเลงทั่วพระนคร  จุดนี้ถือได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนในวัฎจักรนักเลงเมืองพระนคร นักเลงชั้นนำทั่วเมืองกรุงต่างต้องพากันหนีตายระหกระเหิน  บางคนถูกจับตาย โชคดีที่ผมวางมือก่อน มิเช่นนั้นผมคงต้องได้หนีตายเยี่ยงคนอื่นๆเป็นแน่   
     ผมขยายกิจการน้ำอัดลมเข้าไปฝั่งประเทศพม่า   เนื่องเพราะผมมีน้องเขยเป็นนายทหารลูกหลานผู้มีอันจะกินฝั่งประเทศพม่า  ซึ่งก็คือสามีอาเหวินน้องสาวของผมนั่นเอง ผมมักเข้าไปดูแลธุรกิจที่ประเทศพม่าเสมอๆ ในช่วงที่นักศึกษาปิดเทอมใหญ่  เพราะที่ผมนั้นมีอะไรบางอย่างที่มันแอบซ่อนไว้ในใจผม จะมีคนรู้เรื่องราวดังกล่าวมานี้ ก็เพียงไม่กี่คน หนึ่งในนั้นก็คือน้องเขยของผมนั่นเอง  กิจการน้ำอัดลมที่เมืองพระนครทั้งหมด คนที่จัดการก็คืออาย้ง  น้องชายคนเล็กของผมดูแลอยู่  ส่วนมากผมจะทำหน้าที่เป็นอาจารย์สอนนักศึกษา และข้ามฝั่งอยู่ฝั่งประเทศพม่าเสียส่วนใหญ่ โดยอยู่ที่เมืองตะเกิง หรือก็คือเมืองย่างกุ้งนั่นเอง  โดยผู้ที่เปลี่ยนชื่อเมืองตะเกิงเป็นย่างกุ้งก็หาใช่ใครอื่น นั่นคือพระเจ้าอลองพญา ผู้สถาปนาราชวงศ์ก่องบอง ที่พระองค์สามารถพิชิตชาวมอญได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้ที่เมืองตะเกิง แล้วจึงทำการเปลี่ยนชื่อเมืองนี้เป็นภาษาพม่าว่าย่างกุ้ง อันหมายถึงที่แห่งชัยชนะนั่นเอง  ด้วยเหตุนี้คนพื้นที่เมืองย่างกุ้งจึงมักเรียกชื่อเมืองหลวงว่าเมืองตะเกิง อันเป็นชื่อภาษามอญที่ตกทอดมาแต่ช้านาน
          ชีวิตของผมที่เมืองตะเกิงก็ไม่มีอะไรมาก ก็คือการบริหารกิจการน้ำอัดลมไบเล่ย์นั่นเอง โดยมีการร่วมหุ้นกิจการกับเศรษฐีเมืองพม่า เพื่อเสริมธุกิจด้านน้ำดำหรือน้ำโคล่าอีกหน่วยธุระกิจ  นานๆครั้งผมจึงจะแวะเข้าไปหาน้องสาวที่บ้านในเมืองตะเกิง เพื่อเล่นกับหลานๆที่อยู่ในวัยกำลังเจริญเติบโตทั้ง 2คน  ส่วนน้องเขยผมที่เป็นทหารยศพันเอก นานๆครั้งถึงจะเจอหน้าซักครั้ง ด้วยเพราะมีงานราชการรัดตัว  ส่วนมากกิจการที่ห้างหุ้นส่วนจะมีเพียงผู้จัดการชาวพม่า ส่วนผมจะมีเพียงลูกน้องคนสนิทที่ชื่อนายเปี๊ยก เพียงคนเดียวเท่านั้น ที่คอยเป็นมือเป็นเท้าให้ผม และเดินทางเข้าออกประเทศพม่าอยู่สม่ำเสมอ หากทว่าผมติดธุระที่มหาลัย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่