สวัสดีจ้า ช่วงก่อนหน้านี้มีวันหยุดยาวติดๆกัน ไม่รู้จะไปไหนดี ขึ้นเหนือรถติด ออกอีสาน เขาใหญ่ ยิ่งติดเพราะว่าเป็นถนนมิตรภาพ ลงใต้ก็ติด เลยหลบๆออกไปทางตะวันตก(เราอยู่ กทม.) เริ่มจากนครปฐมก่อน โดยแวะไปพระปฐมเจดีย์ไป หลังจากนั้นจึงกาญจนบุรีแบบไม่มีแผนอะไรเลย เสื้อผ้าก็เตรียมมาไม่พอ แต่หยุดตั้ง 4 วัน ไหนๆก็ไหนๆเลยไปซะเลย

ระหว่างทางไปเจอคนเผาหญ้าข้างทาง วิวสวยๆ เลยแวะถ่ายรูปซะหน่อย แชะ แชะ แสงได้ ควันได้
.
.
.
.
.
.
.
.

ในที่สุดก็มาถึงกาญจนบุรี ร้อยกว่าโลจาก กทม. มุ่งหน้าไปที่สะพานข้ามแม่น้ำแควก่อนเลย เขาว่ากันว่ามากาญจนบุรีแล้วไม่ได้ไปสะพานข้ามแม่น้ำแคว ก็เหมือนมาไม่ถึงกาญจนะบุรี อันนี้แต่งเอง 555+
จอดรถตรงนี้ เห็นโล่งๆอยู่ไม่มีใครจอด วิวตรงนี้โล่งๆโปร่งๆดี ถ่ายรูปมาแชะนึงก่อน ดีต่อใจ คือเป็นสนามหญ้ากว้างมากๆๆๆๆ แต่เหลือต้นไม้อยู่ 3 ต้นตรงนี้ ไม่รู้มีนัยอะไรหรือเปล่า และไม่มีคนอื่นๆเข้ามาจอดเลย
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำแควมาเดินเรื่อยๆระหว่างทางจะมีโชว์ต่างๆจากเด็กนักเรียน นักศึกษาแถวนั้น เช่น เป้าแซกโซโฟน เล่นกีต้าร์ร้องเพลง หรือตีขิม ก็เป็นสีสันดี เดินมาหาพิพิธภัณฑ์สงครามโลก แต่ว่าเขาปิดซะแล้วอดเข้าไปดูเลย ทำไงได้ก็ไม่ได้วางแผนมานี่นา
เจอคาเฟ่อเมซอนอยู่ข้างๆพิพิธภัณฑ์ สวยดี เลยขอถ่ายเก็บมาอีก 1 อิอิ
.
.
.
.
.
.
.
.
.

และนี่คือสะพานข้ามแม่น้ำแคว ที่เป็นทางรถไฟเก่าตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 สร้างโดยแรงงานเชลยศึกญี่ปุ่น(หมายถึงคนที่ถูกทหายญี่ปุ่นจับเป็นเชลยนะ) ซึ่งการก่อสร้างทำให้คนล้มตายจำนวนมาก ก็แน่นอนเขาไม่สนใจชีวิตข้าศึกหรอก แต่ก็ถือว่าโหดร้ายทารุณมากๆ เอาล่ะนะทุกวันนี้ก็ยังใช้งานอยู่ นั่นไงรถไฟมาพอดีเห็นอยู่ไกลๆ เรานึกว่าด้านข้างๆของรางเขาทำระเบียงไว้ให้ดูวิว ที่ไหนได้เป็นที่หลบรถไฟจ้าา สำหรับเวลารถไฟมา มนุษย์ทั้งหลายต้องโดดหลบไปบนนี้นะ ไม่งั้นโดนรถไฟทับไม่รู้ด้วย
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

เวลาประมาณ 5 โมง แสงเหมาะกับการถ่ายรูป เหลือบไปเห็นวิวข้างๆเป็นแม่น้ำซึ่งมุมโค้งได้พอดี วิวแถวนี้ถือว่าสวยมากๆ เป็นแม่น้ำที่ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้เขียวๆ ยังไม่ถูกรุกรานมากนัก คือปกติเราจะเห็นริมฝั่งแม่น้ำเต็มไปด้วยตึกรางบ้านช่องเต็มไปหมด ซึ่งตึกส่วนใหญ่ก็ไม่ได้นัดกันมาว่าจะสร้างธีมไหน ทำให้ดูแล้วขัดๆตา ในต่างประเทศเขาอาจจะคุมโทน คุมธีม มันเลยดูสวยอะนะ แต่ที่นี่ก็สวยแบบธรรมชาติยังอยู่ครบ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

งานละเอียดจริงๆ แม้แต่เหล็กที่ตอกหมุดปักลงไปยังเนียนกริบ สมแล้วที่เป็นวิศวกรรมของญี่ปุ่น คุมงานทาสมาทำได้ขนาดนี้
คือต้องบอกเลยว่าเราเป็นคนใส่ใจกับรายละเอียดอะไรเล็กๆน้อยๆแบบนี้ เวลาไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วจะสังเกตเห็นงานเรียงกระเบื้องหรืออะไรก็แล้วแต่ เราไม่ได้เห็นแค่วัตถุ แต่เราเห็นอดีตที่ช่างค่อยๆเรียงทีละชิ้นๆให้เท่ากันได้ระนาบ และใช้เวลานานกว่าจะเสร็จ ซึ่งต้องใช้ความพยายามและความอดทนอย่างมาก นั่นทำให้งานชิ้นนั้นๆดูมีค่าขึ้นมา
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

มีป้ายเขียนไว้ด้วยนะ โตเกียว อะไรสักอย่าง ก็มีมนขลังจริงๆ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

และนี่คือที่พัก ถูกและดี 600 บาท ย้ำ 600 บาท คุณไม่ได้หูฟาด ราคานี้ได้นอนแพริมแม่น้ำแคว ห้องแอร์ ตอนกลางคืนก็ออกมาชิวๆระเบียงแบบนี้ จิบเบียร์บางๆ ซื้ออาหารพื้นเมืองมากิน ฟินแท้ๆ เหมือนน้องปลาเค้าจะรู้ว่าตรงนี้มนุษย์มาบ่อย เค้าจะว่ายมารอเลยนะ พอเราโยนพวกเลย์ลงไปเค้ารีบมาตอดกินเลย ก็คลายเหงาไปนิดๆ คือบางทีก็อยากเหงาๆบ้าง
ชิวจิงๆ ขอบอก คุ้มเงิน 600 บาทมาก
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

เช้าวันรุ่งขึ้น ก็ไไปโรงงานกระดาษไทย ที่นี่ให้ 30 นาทีพอนะ เดินวนรอบๆ ถ่ายรูปสวยดี
ถ้าอยากเข้าใจประวัติความเป็นมา เปิด youtube คลอไปด้วย มีคลิปที่อธิบายประวัติ จริงๆนะมันจะอินขึ้น ถ้าเราแค่เดินดูเพื่อหามุมถ่ายรูป ที่นี่อาจจะพพอมีแต่ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรมาก แต่ถ้าฟังไปด้วย เดินดูไปด้วย คุณจะเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมที่นี่ถึงอนุรักษ์ไว้
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

building อลังการดี ถ่ายรูปสวย คือตึกมันแปลกๆตาอะนะ หาดูไม่ได้แล้วสมัยนี้
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

เหมือนเครื่องปั่นเยื่อกระดาษอะไรสักอย่างหนึ่ง คือยุคก่อนยังใช้กระดาษกันเยอะอยู่
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

ปล่องไฟ สูงมาก สูงขึ้นไปบนฟ้า ทำจากปูนด้วย ที่นี่มีผีมั้ยเนี่ย ถ้ามากลางคืนคงหลอนน่าดู เอาล่ะ จอดไม่นานรีบไปต่อดีกว่าเดี๋ยวไม่ถึงสังขละ
เพราะเปิด Google map ดู อีกตั้ง 5 ชั่วโมงกว่าจะถึง!!

มุ่งหน้าต่อไปสังขละ(แต่ไปไม่ถึงไหนซะที) เรามาแวะที่ "เส้นทางรถไฟสายมรณะ" ก็เรื่องเดียวกับเชลย(มีเม้นต์แอบแซะว่าเราพิมพ์ผิดเป็นเฉลย เลยต้องกลับมาแก้) เมื่อกี้แหละ
คือ 1 หมอนรอง หมายถึง 1 ชีวิตที่สูญเสียไป เขาเปรียบเทียบว่ามีคนตายมากมายเพื่อสร้างทางรถไฟนี้ให้เสร็จโดยไว จำตัวเลขแน่ชัดไม่ได้นะ แต่เขาประมาณการณ์ว่าทางรถไฟสายนี้สมมติจริงๆแล้วจะต้องใช้เวลา 2 ปี ในการสร้างให้เสร็จ แต่ญีปุ่่นใช้เวลาแค่ 2 เดือน !!! นั่นหมายถึงแรงงานทาส(เชลย) ซึ่งเป็นทั้งคนไทยและต่างประเทศ ทำงานหามรุ่งหามค่ำ ไม่ได้หลับ ไม่ได้นอน ไม่ได้กิน ถ้าใกล้ตายก็ให้ตายเลย อะไรประมาณนั้น ซึ่งอ่านไปก็รู้สึกว่ามันโหดร้ายมากๆ
ทุกวันนี้ทางรถไฟสายนี้ก็ยังใช้งานอยู่นะ แต่จะบอกว่า รอบแรกที่ทดลองใช้งาน ทางมันถล่ม รถไฟตกลงไปในน้ำ ทำให้คนเสียชีวิตไปจำนวนหนึ่ง
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

เหยียบมาเรื่อยๆ จริงๆก่อนจะมาถึงก็แวะอีกนะ เป็นลำธารเล็กๆข้างทาง กินไก่ย่าง ก็สวยดี แต่ไม่ได้ถ่ายอะไรมาเพราะใกล้เย็นแล้วเลยรีบกินรีบมา เห็นวัยรุ่นจอดลงไปเล่นน้ำกันเยอะอยู่ ทางที่มาก็มีขึ้นเขาบ้าง เล็กๆน้อยๆ จาก กาญจนบุรี หลายร้อยโล ก็มาถึงสังขละบุรี สะพานมอญ เป้าหมายของเรา
ต้องทำความเข้าใจว่าที่นี่แบ่งเป็น 3 ฝั่ง ได้แก่
1. ฝั่งไทย จะมีตึกรางบ้านช่องสมัยใหม่ โมเดิร์นๆ แต่คนยังอยู่น้อยอยู่
2. ฝั่งมอญ อันนี้เป็นหมู่บ้านมอญเลย ตั้งอยู่บนเนินเขา อารมณ์แบบญี่ปุ่น เกาหลี ก็จะมีทั้งคนไทย และคนมอญ เพราะคนไทยแต่งงานกับมอญก็มี โดยสะพานมอญจะเชื่อมฝั่งไทยกับฝั่งมอญเนี่ยแหละ
3. ฝั่งกระเหรี่ยง อันนี้จะเชื่อมด้วยสะพานปูน
ซึ่งทุกวันนี้ 3 ฝั่งก็ถือว่าอยู่ในดินแดนประเทศไทยหมดแล้วล่ะนะ เชื่อว่า 3 ชนเผ่าเขาก็อยากเป้นคนไทยเนี่ยแหละ ทุกๆคนใจดีมากๆ คือบางทีเราไปเที่ยวพวกสถานที่ท่องเที่ยวที่รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เขาอาจจะให้ราคาพวกเราคนไทยน้อยกว่าต่างชาติเพราะพวกเราเปย์น้อยกว่า แต่ที่นี่เราก็เหมือนเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเลย เพราะพวกฝรั่ง เกาหลี ญี่ปุ่น ไม่ค่อยเห็นมีมานะ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

เราเริ่มต้นที่นี่เลยตลาดถนนคนเดินสะพานมอญ ฝั่งมอญ อันนี้จะมีเสื้อผ้ามอญๆ ขายมากมาย เลือกซื้อใส่กันได้ ราคาไม่แพง 150-200
เราก็ได้เสื้อมาตัวนึง เป็นมอญน้อยหอยสังข์ มีหลักกิโลด้วย ตรงนี้ตีนสะพานมอญ มาช่วงที่น้ำน้อยพอดีวิวสวยๆ จะบอกว่าบ้านที่อยู่ข้างหลัง มันเป็นบ้านลอยน้ำนะ เขาเรียกว่า "ลูกบวบ" ใครรู้จักมั่ง คือตอนไม่มีน้ำมันก็เกยตื้น แต่พอน้ำมามันลอยได้เลยนะ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

สะพานไม่มอญนี้ ยาวที่สุดในโลกเป็นอันดับสอง อันดับหนึ่งน่าจะอยู่ในประเทศพม่า ซึ่งสะพานนี้ยาวเกือบๆ 400 เมตรเลยทีเดียว ตอนสร้างได้ใช้แรงงานมอญ แต่คนที่เป็นผู้นำทางความเชื่อ คือ หลวงพ่อ อุตตะมะ ชาวบ้านแถวนั้นเคารพนับถือ ท่านเป็นผู้บันดาลให้เกิดสิ่งมหรรษจรรย์นี้ขึ้นมา คือมันอาจจะดูเป็นไม้ก๊อกแก๊กนะ แต่ของจริงมันอลังการมาก มันได้อารมณ์แบบ ดิบๆ อารมณ์ชนเผ่าด้วย ถ้าลองไปปดันๆๆๆดูจะรู้ว่ามันไม่ล้มง่ายๆ แต่หลายคนคงคิดว่ามันดูไม่ค่อยแข็งแรงใช่มั้ย?
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

ไปหน้าฝน เจอรุ้งกินน้ำอีก เออใช่ ตรงนี้ถ้าจอดจะมีคนมาเก็บค่าจอดนะ แต่วิวก็สวยดี
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

อยู่บนสะพานมอญแล้ว เย้ๆ ดูจากการวางไม้แล้ว แต่ก่อนรถยนต์น่าจะขับข้ามได้นะ ปัจจุบันก็ให้เดินเล่นอย่างเดียว มีนักท่องเที่ยวมากมาย มันเหมือนเราหลุดเข้าไปอยู่อีกโลกหนึ่งเลย เงียบ สงบ สบายๆ อากาศก็ดี ที่นี่ไม่ต้องแข่งขันกับใครนะ ชาวบ้านเขาก็อยู่กันอย่างสงบสุข แล้วเหมือนว่าจิตใจเขาดี ซึ่งเวลาอยู่ใน กทม ชีวิตมันเร่งรีบจนบางทีเรารู้สึกเหมือนกับว่าถูกบีบ หรือบางคนอาจจะแค่มีชีวิตรอดก็ยากแล้ว ทั้งๆที่จริงๆชีวิตอาจจะไม่ได้ต้องการอะไรมากมายไปกว่าการได้อยู่ในที่ๆวิวดีๆแบบนี้ สงบๆ 2 วันที่อยู่ที่นี่ได้ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์จริงๆ หยุดคิดอะไรไปบ้าง
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

วิวสวยๆดี ชอบความไม้ๆของมัน ไม้ทั้งนั้นเลย คือ อึ้งนิดนึงตรงเสาของสะพาน ทำด้วยต้นไม้ต้นใหญ่ๆ สูงมากๆ แล้วมันปักลงไปข้างล่างยังไง มีเครนยกหรอ จริงๆอยากเห็นตอนสร้างอะ เพราะถ้าเป็นเราคนกรุง ให้มาสร้างอะไรแบบนี้อาจจะทำไม่ได้ก็ได้นะ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

ชนเผ่ามอญเขาจุดไฟทำอะไรกันนะ? อาหารหรือเปล่า เริ่มหิวแล้วสิ น่าจะมีร้านอะไรตั้งริมน้ำซะหน่อยเนาะ ได้นั่งชิวๆดูพระอาทิตย์ตกดินตรงนี้ สงบดี พระอาทิตย์จะตกไปฝั่งพม่านะ ไม่ใช่ฝั่งไทย เพราะที่นี่ก็สุดขอบแล้ว แม่น้ำนี้มีชื่อว่า แม่น้ำซองกาเลีย มีต้นกำเนิดในประเทศพม่า คือไม่ใช่แม่น้ำใดๆในประเทศไทยที่พวกเรารู้จัก
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

ถ่ายคุ่กับเด็กมอญ มินิฮาร์ท เออใช่ จิงๆชุดมอญต้องแดง ชุดม่วงนี่ชุดกระเหรี่ยง น้องๆน่ารักนะ เขาจะเอาแป้งมาป้ายที่หน้าเรา(คล้ายๆสงกรานต์)
ค่าใช้จ่าย น้องบอกว่า"แล้วแต่จะให้" 10บาท 20 บาท หรือใก็จัดไปเลย แบงค์เทา ตามศรัทธา
แล้วหลังจากนั้นก็จะมี มังคุดเทศน้อยมาเดินตาม เล่าเรื่องสะพานนี้ให้ฟัง ใครเงินเหลือก็อุดหนุนเด็กๆไปได้เลยนะ น้องๆจะได้ค่าขนมก็แค่ช่วงวันหยุดยาวเนี่ยแหละที่นักท่องเที่ยวมา ปกติร้านรวงที่นี่จะปิดไว แต่ถ้าวันหยุดยาวเขาเปิดยาวเลย จะได้มีรายได้เพิ่มอีกนิด
.
.
.
.
.
.
.
.
.

หมู่บ้านเล็กๆนี้น่ารักมากๆ ใครมาก็ต้องหลง
เที่ยวกาญจนบุรี เลยต่อไปสังขละ ไม่ได้วางแผนแต่เก็บได้ค่อนข้างเยอะ รีวิวทริปแบ่งปันความรู้
ระหว่างทางไปเจอคนเผาหญ้าข้างทาง วิวสวยๆ เลยแวะถ่ายรูปซะหน่อย แชะ แชะ แสงได้ ควันได้
.
.
.
.
.
.
.
.
ในที่สุดก็มาถึงกาญจนบุรี ร้อยกว่าโลจาก กทม. มุ่งหน้าไปที่สะพานข้ามแม่น้ำแควก่อนเลย เขาว่ากันว่ามากาญจนบุรีแล้วไม่ได้ไปสะพานข้ามแม่น้ำแคว ก็เหมือนมาไม่ถึงกาญจนะบุรี อันนี้แต่งเอง 555+
จอดรถตรงนี้ เห็นโล่งๆอยู่ไม่มีใครจอด วิวตรงนี้โล่งๆโปร่งๆดี ถ่ายรูปมาแชะนึงก่อน ดีต่อใจ คือเป็นสนามหญ้ากว้างมากๆๆๆๆ แต่เหลือต้นไม้อยู่ 3 ต้นตรงนี้ ไม่รู้มีนัยอะไรหรือเปล่า และไม่มีคนอื่นๆเข้ามาจอดเลย
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำแควมาเดินเรื่อยๆระหว่างทางจะมีโชว์ต่างๆจากเด็กนักเรียน นักศึกษาแถวนั้น เช่น เป้าแซกโซโฟน เล่นกีต้าร์ร้องเพลง หรือตีขิม ก็เป็นสีสันดี เดินมาหาพิพิธภัณฑ์สงครามโลก แต่ว่าเขาปิดซะแล้วอดเข้าไปดูเลย ทำไงได้ก็ไม่ได้วางแผนมานี่นา
เจอคาเฟ่อเมซอนอยู่ข้างๆพิพิธภัณฑ์ สวยดี เลยขอถ่ายเก็บมาอีก 1 อิอิ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
และนี่คือสะพานข้ามแม่น้ำแคว ที่เป็นทางรถไฟเก่าตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 สร้างโดยแรงงานเชลยศึกญี่ปุ่น(หมายถึงคนที่ถูกทหายญี่ปุ่นจับเป็นเชลยนะ) ซึ่งการก่อสร้างทำให้คนล้มตายจำนวนมาก ก็แน่นอนเขาไม่สนใจชีวิตข้าศึกหรอก แต่ก็ถือว่าโหดร้ายทารุณมากๆ เอาล่ะนะทุกวันนี้ก็ยังใช้งานอยู่ นั่นไงรถไฟมาพอดีเห็นอยู่ไกลๆ เรานึกว่าด้านข้างๆของรางเขาทำระเบียงไว้ให้ดูวิว ที่ไหนได้เป็นที่หลบรถไฟจ้าา สำหรับเวลารถไฟมา มนุษย์ทั้งหลายต้องโดดหลบไปบนนี้นะ ไม่งั้นโดนรถไฟทับไม่รู้ด้วย
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เวลาประมาณ 5 โมง แสงเหมาะกับการถ่ายรูป เหลือบไปเห็นวิวข้างๆเป็นแม่น้ำซึ่งมุมโค้งได้พอดี วิวแถวนี้ถือว่าสวยมากๆ เป็นแม่น้ำที่ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้เขียวๆ ยังไม่ถูกรุกรานมากนัก คือปกติเราจะเห็นริมฝั่งแม่น้ำเต็มไปด้วยตึกรางบ้านช่องเต็มไปหมด ซึ่งตึกส่วนใหญ่ก็ไม่ได้นัดกันมาว่าจะสร้างธีมไหน ทำให้ดูแล้วขัดๆตา ในต่างประเทศเขาอาจจะคุมโทน คุมธีม มันเลยดูสวยอะนะ แต่ที่นี่ก็สวยแบบธรรมชาติยังอยู่ครบ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
งานละเอียดจริงๆ แม้แต่เหล็กที่ตอกหมุดปักลงไปยังเนียนกริบ สมแล้วที่เป็นวิศวกรรมของญี่ปุ่น คุมงานทาสมาทำได้ขนาดนี้
คือต้องบอกเลยว่าเราเป็นคนใส่ใจกับรายละเอียดอะไรเล็กๆน้อยๆแบบนี้ เวลาไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วจะสังเกตเห็นงานเรียงกระเบื้องหรืออะไรก็แล้วแต่ เราไม่ได้เห็นแค่วัตถุ แต่เราเห็นอดีตที่ช่างค่อยๆเรียงทีละชิ้นๆให้เท่ากันได้ระนาบ และใช้เวลานานกว่าจะเสร็จ ซึ่งต้องใช้ความพยายามและความอดทนอย่างมาก นั่นทำให้งานชิ้นนั้นๆดูมีค่าขึ้นมา
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
มีป้ายเขียนไว้ด้วยนะ โตเกียว อะไรสักอย่าง ก็มีมนขลังจริงๆ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
และนี่คือที่พัก ถูกและดี 600 บาท ย้ำ 600 บาท คุณไม่ได้หูฟาด ราคานี้ได้นอนแพริมแม่น้ำแคว ห้องแอร์ ตอนกลางคืนก็ออกมาชิวๆระเบียงแบบนี้ จิบเบียร์บางๆ ซื้ออาหารพื้นเมืองมากิน ฟินแท้ๆ เหมือนน้องปลาเค้าจะรู้ว่าตรงนี้มนุษย์มาบ่อย เค้าจะว่ายมารอเลยนะ พอเราโยนพวกเลย์ลงไปเค้ารีบมาตอดกินเลย ก็คลายเหงาไปนิดๆ คือบางทีก็อยากเหงาๆบ้าง
ชิวจิงๆ ขอบอก คุ้มเงิน 600 บาทมาก
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เช้าวันรุ่งขึ้น ก็ไไปโรงงานกระดาษไทย ที่นี่ให้ 30 นาทีพอนะ เดินวนรอบๆ ถ่ายรูปสวยดี
ถ้าอยากเข้าใจประวัติความเป็นมา เปิด youtube คลอไปด้วย มีคลิปที่อธิบายประวัติ จริงๆนะมันจะอินขึ้น ถ้าเราแค่เดินดูเพื่อหามุมถ่ายรูป ที่นี่อาจจะพพอมีแต่ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรมาก แต่ถ้าฟังไปด้วย เดินดูไปด้วย คุณจะเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมที่นี่ถึงอนุรักษ์ไว้
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
building อลังการดี ถ่ายรูปสวย คือตึกมันแปลกๆตาอะนะ หาดูไม่ได้แล้วสมัยนี้
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เหมือนเครื่องปั่นเยื่อกระดาษอะไรสักอย่างหนึ่ง คือยุคก่อนยังใช้กระดาษกันเยอะอยู่
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ปล่องไฟ สูงมาก สูงขึ้นไปบนฟ้า ทำจากปูนด้วย ที่นี่มีผีมั้ยเนี่ย ถ้ามากลางคืนคงหลอนน่าดู เอาล่ะ จอดไม่นานรีบไปต่อดีกว่าเดี๋ยวไม่ถึงสังขละ
เพราะเปิด Google map ดู อีกตั้ง 5 ชั่วโมงกว่าจะถึง!!
มุ่งหน้าต่อไปสังขละ(แต่ไปไม่ถึงไหนซะที) เรามาแวะที่ "เส้นทางรถไฟสายมรณะ" ก็เรื่องเดียวกับเชลย(มีเม้นต์แอบแซะว่าเราพิมพ์ผิดเป็นเฉลย เลยต้องกลับมาแก้) เมื่อกี้แหละ
คือ 1 หมอนรอง หมายถึง 1 ชีวิตที่สูญเสียไป เขาเปรียบเทียบว่ามีคนตายมากมายเพื่อสร้างทางรถไฟนี้ให้เสร็จโดยไว จำตัวเลขแน่ชัดไม่ได้นะ แต่เขาประมาณการณ์ว่าทางรถไฟสายนี้สมมติจริงๆแล้วจะต้องใช้เวลา 2 ปี ในการสร้างให้เสร็จ แต่ญีปุ่่นใช้เวลาแค่ 2 เดือน !!! นั่นหมายถึงแรงงานทาส(เชลย) ซึ่งเป็นทั้งคนไทยและต่างประเทศ ทำงานหามรุ่งหามค่ำ ไม่ได้หลับ ไม่ได้นอน ไม่ได้กิน ถ้าใกล้ตายก็ให้ตายเลย อะไรประมาณนั้น ซึ่งอ่านไปก็รู้สึกว่ามันโหดร้ายมากๆ
ทุกวันนี้ทางรถไฟสายนี้ก็ยังใช้งานอยู่นะ แต่จะบอกว่า รอบแรกที่ทดลองใช้งาน ทางมันถล่ม รถไฟตกลงไปในน้ำ ทำให้คนเสียชีวิตไปจำนวนหนึ่ง
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เหยียบมาเรื่อยๆ จริงๆก่อนจะมาถึงก็แวะอีกนะ เป็นลำธารเล็กๆข้างทาง กินไก่ย่าง ก็สวยดี แต่ไม่ได้ถ่ายอะไรมาเพราะใกล้เย็นแล้วเลยรีบกินรีบมา เห็นวัยรุ่นจอดลงไปเล่นน้ำกันเยอะอยู่ ทางที่มาก็มีขึ้นเขาบ้าง เล็กๆน้อยๆ จาก กาญจนบุรี หลายร้อยโล ก็มาถึงสังขละบุรี สะพานมอญ เป้าหมายของเรา
ต้องทำความเข้าใจว่าที่นี่แบ่งเป็น 3 ฝั่ง ได้แก่
1. ฝั่งไทย จะมีตึกรางบ้านช่องสมัยใหม่ โมเดิร์นๆ แต่คนยังอยู่น้อยอยู่
2. ฝั่งมอญ อันนี้เป็นหมู่บ้านมอญเลย ตั้งอยู่บนเนินเขา อารมณ์แบบญี่ปุ่น เกาหลี ก็จะมีทั้งคนไทย และคนมอญ เพราะคนไทยแต่งงานกับมอญก็มี โดยสะพานมอญจะเชื่อมฝั่งไทยกับฝั่งมอญเนี่ยแหละ
3. ฝั่งกระเหรี่ยง อันนี้จะเชื่อมด้วยสะพานปูน
ซึ่งทุกวันนี้ 3 ฝั่งก็ถือว่าอยู่ในดินแดนประเทศไทยหมดแล้วล่ะนะ เชื่อว่า 3 ชนเผ่าเขาก็อยากเป้นคนไทยเนี่ยแหละ ทุกๆคนใจดีมากๆ คือบางทีเราไปเที่ยวพวกสถานที่ท่องเที่ยวที่รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เขาอาจจะให้ราคาพวกเราคนไทยน้อยกว่าต่างชาติเพราะพวกเราเปย์น้อยกว่า แต่ที่นี่เราก็เหมือนเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเลย เพราะพวกฝรั่ง เกาหลี ญี่ปุ่น ไม่ค่อยเห็นมีมานะ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เราเริ่มต้นที่นี่เลยตลาดถนนคนเดินสะพานมอญ ฝั่งมอญ อันนี้จะมีเสื้อผ้ามอญๆ ขายมากมาย เลือกซื้อใส่กันได้ ราคาไม่แพง 150-200
เราก็ได้เสื้อมาตัวนึง เป็นมอญน้อยหอยสังข์ มีหลักกิโลด้วย ตรงนี้ตีนสะพานมอญ มาช่วงที่น้ำน้อยพอดีวิวสวยๆ จะบอกว่าบ้านที่อยู่ข้างหลัง มันเป็นบ้านลอยน้ำนะ เขาเรียกว่า "ลูกบวบ" ใครรู้จักมั่ง คือตอนไม่มีน้ำมันก็เกยตื้น แต่พอน้ำมามันลอยได้เลยนะ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
สะพานไม่มอญนี้ ยาวที่สุดในโลกเป็นอันดับสอง อันดับหนึ่งน่าจะอยู่ในประเทศพม่า ซึ่งสะพานนี้ยาวเกือบๆ 400 เมตรเลยทีเดียว ตอนสร้างได้ใช้แรงงานมอญ แต่คนที่เป็นผู้นำทางความเชื่อ คือ หลวงพ่อ อุตตะมะ ชาวบ้านแถวนั้นเคารพนับถือ ท่านเป็นผู้บันดาลให้เกิดสิ่งมหรรษจรรย์นี้ขึ้นมา คือมันอาจจะดูเป็นไม้ก๊อกแก๊กนะ แต่ของจริงมันอลังการมาก มันได้อารมณ์แบบ ดิบๆ อารมณ์ชนเผ่าด้วย ถ้าลองไปปดันๆๆๆดูจะรู้ว่ามันไม่ล้มง่ายๆ แต่หลายคนคงคิดว่ามันดูไม่ค่อยแข็งแรงใช่มั้ย?
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ไปหน้าฝน เจอรุ้งกินน้ำอีก เออใช่ ตรงนี้ถ้าจอดจะมีคนมาเก็บค่าจอดนะ แต่วิวก็สวยดี
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
อยู่บนสะพานมอญแล้ว เย้ๆ ดูจากการวางไม้แล้ว แต่ก่อนรถยนต์น่าจะขับข้ามได้นะ ปัจจุบันก็ให้เดินเล่นอย่างเดียว มีนักท่องเที่ยวมากมาย มันเหมือนเราหลุดเข้าไปอยู่อีกโลกหนึ่งเลย เงียบ สงบ สบายๆ อากาศก็ดี ที่นี่ไม่ต้องแข่งขันกับใครนะ ชาวบ้านเขาก็อยู่กันอย่างสงบสุข แล้วเหมือนว่าจิตใจเขาดี ซึ่งเวลาอยู่ใน กทม ชีวิตมันเร่งรีบจนบางทีเรารู้สึกเหมือนกับว่าถูกบีบ หรือบางคนอาจจะแค่มีชีวิตรอดก็ยากแล้ว ทั้งๆที่จริงๆชีวิตอาจจะไม่ได้ต้องการอะไรมากมายไปกว่าการได้อยู่ในที่ๆวิวดีๆแบบนี้ สงบๆ 2 วันที่อยู่ที่นี่ได้ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์จริงๆ หยุดคิดอะไรไปบ้าง
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
วิวสวยๆดี ชอบความไม้ๆของมัน ไม้ทั้งนั้นเลย คือ อึ้งนิดนึงตรงเสาของสะพาน ทำด้วยต้นไม้ต้นใหญ่ๆ สูงมากๆ แล้วมันปักลงไปข้างล่างยังไง มีเครนยกหรอ จริงๆอยากเห็นตอนสร้างอะ เพราะถ้าเป็นเราคนกรุง ให้มาสร้างอะไรแบบนี้อาจจะทำไม่ได้ก็ได้นะ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ชนเผ่ามอญเขาจุดไฟทำอะไรกันนะ? อาหารหรือเปล่า เริ่มหิวแล้วสิ น่าจะมีร้านอะไรตั้งริมน้ำซะหน่อยเนาะ ได้นั่งชิวๆดูพระอาทิตย์ตกดินตรงนี้ สงบดี พระอาทิตย์จะตกไปฝั่งพม่านะ ไม่ใช่ฝั่งไทย เพราะที่นี่ก็สุดขอบแล้ว แม่น้ำนี้มีชื่อว่า แม่น้ำซองกาเลีย มีต้นกำเนิดในประเทศพม่า คือไม่ใช่แม่น้ำใดๆในประเทศไทยที่พวกเรารู้จัก
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ถ่ายคุ่กับเด็กมอญ มินิฮาร์ท เออใช่ จิงๆชุดมอญต้องแดง ชุดม่วงนี่ชุดกระเหรี่ยง น้องๆน่ารักนะ เขาจะเอาแป้งมาป้ายที่หน้าเรา(คล้ายๆสงกรานต์)
ค่าใช้จ่าย น้องบอกว่า"แล้วแต่จะให้" 10บาท 20 บาท หรือใก็จัดไปเลย แบงค์เทา ตามศรัทธา
แล้วหลังจากนั้นก็จะมี มังคุดเทศน้อยมาเดินตาม เล่าเรื่องสะพานนี้ให้ฟัง ใครเงินเหลือก็อุดหนุนเด็กๆไปได้เลยนะ น้องๆจะได้ค่าขนมก็แค่ช่วงวันหยุดยาวเนี่ยแหละที่นักท่องเที่ยวมา ปกติร้านรวงที่นี่จะปิดไว แต่ถ้าวันหยุดยาวเขาเปิดยาวเลย จะได้มีรายได้เพิ่มอีกนิด
.
.
.
.
.
.
.
.
.
หมู่บ้านเล็กๆนี้น่ารักมากๆ ใครมาก็ต้องหลง