เทคนิคการทำการตลาดแบบ hi brand
การทำการตลาดนั้นน้อยคนนักที่จะเข้าใจจริงๆว่าคืออะไร
เพราะว่าการทำการตลาดนั้นการที่คุณนั้นจะสามารถที่จะเขาใจได้นั้น
1 คือคุณต้องซื้อหนังสือการตลาดมาอ่าน
แล้วคุณต้องฉลาดในระดับที่สามารถดูธุรกิจที่เค้าทำการตลาดและสามารถที่จะเกิดความเข้าใจขึ้นมาได้ทันที
2 คุณนั้นมีเงินหรือเป็นลูกเศรษฐี
แล้วเปิดบริษัทหรือสร้างกิจการขึ้นมาและทำการตลาดลองถูกลองผิดเพื่อให้เกิดควาเข้าใจขึ้นมา
3 คุณนั้นต้องเข้าไปทำงาานด้านการตลาดในบริษัทในรูปแบบพนักงานบริษัทในแผนกการตลาด
ซึ่งไม่ว่าทางไหนก็ยากทั้งสิ้น
เพราะถ้าคุณนั้นไม่ได้เป็นอัจฉริยะคุณนั้นก็ต้องมีเงินหรือถ้าไม่อย่างนั้นคุณต้องมีความพยายามและอดทนเป็นเลิศ
หรือต้องพึ่งดวงในการที่คุณนั้นจะไปทำงานบริษัทในแผนกการตลาดเช่นไปเจอหัวหน้าที่เก่งและพร้อมที่จะถ่ายทอดให้กับคุณ
เพราะการตลาดนั้นคืองานที่บอกว่า
เรานั้นจะขายใครและยังไง
ซึ่งก็คือการวัดผลลัพธ์ปลายทางที่การขาย
ซึ่งไม่ใช่การขายโดยตรงที่มีเพียหน้าเดียว
เพราะฉะนั้นเมื่อแผนที่คุณหรือทีมร่วมกันสรรสร้างขึ้นมา
และในการดำเนินแผนนั้นอาจจะไม่ใช่แค่วันเดียวรู้เรื่องอาจต้องใช้เวลาเนิ่นนานยาวนานนับเดือน
และสุดท้ายแล้วเมื่อผลลัพธ์อออกมาคือขายไม่ได้
ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็จะเกิดอาการมึนว่าเกิดอะไรขึ้น
เพราะผู้วางแผนก็ไม่ได้เข้าใจในเรื่องการตลาดอย่างแท้จริง
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือการมุ่งไปที่การ pubish สินค้านั่นเอง
ซึ่งสุดท้ายผลลัพธ์ก็มีเพียงขายได้หรือขายไม่ได้
โดยที่ไม่มีนัยยะอะไรแอบแฝงให้สามารถต่อยอดได้เลยนั้น
หรือมากกว่านั้นหน่อย
ที่ในปัจจุบันมี clip ให้สามารถศึกษาโดยง่ายผ่านใน youtube
ซึ่งสามารถทำให้เห็นภาพได้ง่ายกว่าการซื้อหนังสือมาอ่าน
อันมีอยู่เล็กน้อยในกระบวนที่เรียกว่า marketing funnel
ที่สอดแทรกมาจาก clip สอนยิง ads ยามเมื่อคุณนั้น search คำว่า สอนการตลาดออนไลน์
เพราะว่าอะไรถึงได้มีแต่สอนยิง ads เพราะการสอนยิง ads นั้นไม่ต้องอาศัยความเข้าใจ
แค่อาศัยการจดจำ
จากเครื่องมือที่มีอยู่อย่างมากมายก็สามารถนำมาทำ clip ได้อย่างมากมาย
ลากยาวไปถึงการเปิดคอร์ส มานั่งกดๆ ก็สามารถที่จะทำโฆษณาได้
แต่สุดท้ายก็เลือนหายไปจากกิจกรรมเหล่านี้ เพราะคนที่ไปเรียนแล้วมาทำก็ขายไม่ได้ หรือมาเปิดคอร์สแล้วเมื่อมีคนมาเรียนก็ก่นดาว่าที่สอนมีคนมาทำให้ดูฟรีอยู่อย่างมากมายใน youtube
ไม่เหมือนกับการสอนในเรื่องการตลาด
ที่ถ้าผู้รู้ไม่มีความเข้าใจดั่งในเรื่อง marketing funnel ก็อย่างที่ได้เห็นก็คือ
มาบอกว่าแต่ละ funnel คืออะไร
เหมือนกับการที่มาบอกแต่ละวัตถุประสงค์ใน Facebook ads ว่าแต่ละตัวคืออะไร
และเมื่อผู้ที่รู้และเข้าใจก็จะถามต่อว่าแล้วยังไงต่อ
หรือก็คือกระบวนการที่ว่า
แล้วจะเอาไปยิงจริงต้องใช้ตัวไหน
อะไรอย่างไร
ซึ่งเหล่าผู้สอนที่ไม่เคยทำจริงก็จะโบ้ยด้วยความขุ่นเคืองโกรธบดบังความไม่รู้ของตัวเอง
พร้อมกับสะบัดอารมณ์ด้วยความฉุนเฉียวว่า
นั่นคุณต้องไปลองถูกลองผิดหรือลองทำดูเอง
สร้างความงุนงง และหวาดผวาเมื่อเรานั้นได้รู้ว่าแท้จริงแล้วผู้สอนที่มาเปิดคอร์สนั้น
ที่ตอบไม่ได้ก็เพราะว่าไม่เคยทำ
แต่ทำไมไม่เคยทำแล้วมาเปิดคอร์สล่ะ
เราขอละเอาไว้ฐานที่เป็นเรื่องเล่าที่น่าสยดสยองเป็นยิ่งนักเกินไป
เรามาพูดถึงเรื่องการที่นักการตลาดตามบริษัทที่ไม่รู้เรื่องการตลาด
แล้วพยายามดิ้นในการทำการตลาดให้กับองค์กร
โดยเดิมพันกับการได้ไปต่อ
แม้ว่าเค้าเหล่านั้นจะรู้ตัวรึไม่
เพราะการทำงานบริษัทในแผนกการตลาดนั้น
จากที่เรานั้นโลดแล่นมาอย่างยาวนานเราก็ได้พบว่าถ้าทำไม่ได้ก็เหมือนกับคณะรัฐบาลทีมเศรษกิจ
ที่ถูกเปลี่ยนตัวยกทีมนั่นเองอย่างที่พึ่งผ่านพ้นไปนั่นเอง เพราะว่าขายสินค้าไม่ได้
ทุกอย่างก็จบ
ซึ่งเมื่อได้มีความรู้จาก marketing funnel ก็ร่ายเรียงมนต์คาถาว่า เราต้องสร้าง reach สร้าง engage สร้าง conversion
คือต้องทำให้เข้าถึง และสร้างการมีส่วนร่วม และปิดจบด้วยการขาย ล้อตามแถบวัตถุประสงค์ของ Facebook และยิง ads ไปตามนั้น
ผลคือเมื่อผ่านไป 3 เดือนไม่สามารถที่จะขายได้
ยิงโฆษณาไปร่วม 100000 คิดว่าบริษัทจะให้ไปต่อมั้ย
สุดท้ายก็ต้องเก็บกระเป๋าโยกย้ายออกไปไม่เร็วก็ช้าจากสถาการณ์มาคุโดนบีบกดดันยอดขายนั่นเอง
เพราะว่าไม่รู้ว่าการตลาดคืออะไรนั่นเอง
จึงไม่สามารถที่ะอธิบายได้ยามเมื่อไปทำงานบริษัทที่เค้านั้นไม่ได้ใจไม้ใส้ระกำขนาดที่ไม่สนอะไรเลยนอกจากยอดขาย
ถึงแม้เรานั้นจะพยายามอธิบายถึงเพียงใดว่าการตลาดกับการขายเป็นคนละส่วนกันก็ตามแต่
ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่สุดแสนจะ basic เสียด้วยซ้ำสำหรับการทำการตลาด
โดยในที่นี้เราจะขอข้ามมายังการทำการตลาดแบบ hibrand ที่เปลี่ยนตัวผู้เล่นกันราวกับสบัดทิชชู่ที่ใช้แล้วทิ้ง
การทำการตลาดของผลิตถัณฑ์ระดับสูงนั้น
คุณต้องใช้ความรู้ในระดับสูง
เพราะว่าเป็นสินค้าระดับสูง
มีเหรอจะสามารถใช้วิธีธรรมดาได้
และในเมื่อวิธีธรรมดายังยากที่หลายต่อหลายคนจะสามารถที่จะเข้าใจได้
เพราดั่งเส้นทางที่จะเดินไปยังความเข้าใจได้นั้น
แค่ได้ลงสนามยังยากเลย
อย่างว่าแต่จะก้าวไปถึงจุดที่สามารถที่จะทำความเข้าใจได้
ที่ไม่มีสิ่งใดมารองรับทั้งสิ้น
ไม่มีอะไรมารองรับทั้งสิ้นว่าคุณทำไปแล้วคุณนั้นจะเข้าใจใน 3-5 ปี
คุณอาจใช้เวลาเพียงแค่ 1 ปี หรืออาจจะไม่เข้าใจไปตลอดชีวิตก็ได้
เหมือนกับคอร์สเรียนภาษาที่การันตีพูดได้ภายใน 1 เดือนที่เอาเข้าจริงแล้วก็เป็นแค่การหลอกเพียงเท่านั้น
พอเข้าไปเรียนจริงก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นยามเมื่อครบกำหนดเวลาเรียน
ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสยดสยองที่มีแต่ผู้ที่เข้าใจเท่านั้นจึงสามารถที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ซึ่งในส่วนของกรรมมาวิธีในการทำ hibrand
ในส่วนของการตลาดนั้น
สิ่งที่สำคัญคือเม็ดเงินที่ทุ่มลงไปสำหรับ hibrand นั้นไม่มีการที่จะมาทำ pull marketing ทำบทความ หรือ clip ลงใน youtube เพื่อหวังคนมาสัญจรไปมาด้วย content แบบ educate อย่างแน่นอน
เพราะว่ามันช่างไม่เท่เอาเสียเลย
ด้วยการโฆษณาเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ที่เป็นเหมือนการเอาเงินไปโปรยเล่นยามเมื่อคุณนั้นเอาเงินมายิง ads ในวัตถุประสงค์ reach ที่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย
จะมีคนเห็นมั้ยเราจะเชื่อตัวเลขที่ระบบบอกได้จริงเหรอ
ไม่เหมือนกับการที่คุณยิง วัตถุประสงค์ การมีส่วนร่วม ข้อความ คอนเวอร์ชั่น(ที่ไม่ได้แปลว่าการขาย)
แล้วคุณนั้นจะได้ตัวเลขกลับไป
แต่ hibrand นั้นหามิได้แคร์แต่อย่างใด
คุณจะได้สิ่งที่ธรรมดายามเมื่อคุณทำแบบธรรมดา
เพราะฉะนั้นกลยุทธ์หลักของการทำ hibrand นั้นก็คือการลงทุน
ความกล้าที่จะเทเม็ดเงินอย่างมหาศาลในด้านการทำโฆษณา
แต่ก็หามิใช่การนำไปเทเพื่อสร้าง brand awareness เพื่อให้เกิดการจดจำและนั่งคอยคนมาเข้าร้าน
สิ่งที่สำคัญคือกระบวนการในขั้นตอนต่อไปยังไงล่ะ
ซึ่งนี่คือสาเหตุที่เรานั้นอารัมบทในด้านการมาทำการตลาดแต่ไม่รู้ว่าการตลาดคืออะไร
เพราะผลที่ได้รับคือ แล้วยังไงอ่ะ
หลังจากที่เทเงินไปกับการโปรโมท หรือการอัดแต่การขาย แล้วสุดท้ายไม่ได้ผลลัพธ์
เหมือนกับการที่คุณนั้นมานั่งโม่ยิง ads ที่คุณนั้นเชื่อมั่นเหลือเกินดั่งที่เรานั้นได้บอกไปคือการที่ดวงซวยไปเรียนกับผู้ที่ไม่รู้จริงเรื่องการตลาด
แต่ช่างเชี่ยวชาญใน programm ที่เรียกว่าการทำโฆษณา google หรือFacebook เป็นอย่างยิ่ง
ซึ่งเราบอกได้เลยว่านั่นเป็นเพียงแค่ตัวนำส่งที่มีวิธีการนำส่งอยู่อย่างมากมายซับซ้อน
แต่จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อ คุณไม่มีเรือองราวไปเล่า
หรือสินค้าคุณนั้นหามิได้น่าสนใจใดๆทั้งสิ้น
ไม่สามารถตอบคำถาม basic ที่คนที่ทำธุรกิจควรที่ต้องรู้
แต่ถ้าไม่รู้ก็ไม่มีใครสนใจคุณหรอกว่าคุณนั้นจะรู้หรือไม่
ยามเมื่อคุณนั้นจะเอาเงินไปเททิ้งเปิดร้านอาหารที่สุดท้ายก็ไม่มีคนมากิน
เพราะว่าคุณนั้นไม่เข้าใจประโยคทองที่เราสุดแสนงุนงงสำหรับผู้ที่มาทำธุรกิจที่เอาเงินมาลงทุนมากมายโดยที่ไม่เคยนึกถึงหรือไม่รู้ว่า
ทำไมลูกค้าต้องมาซื้อของเรา
ก็เพราะว่าไม่เข้าใจในสิ่งที่เรียกว่าธุรกิจนั่นเอง
อย่าว่าแต่เรื่องการตลาด
และเขยิบไปถึงการตลาดขั้นสูง
ที่โหมกระหน่ำทำโฆษณากันอย่างโหดเหี้ยมพร้อมที่จะฉกเอาเทคนิคและวิธีการของคุณไปต่อยอดด้วยเม็ดเงินมหาศาลโดยไม่หันกลับมามองคุณอีกเลยใดๆทั้งสิ้น
หลายต่อหลายคนที่เจ๊งในการทำธุรกิจเพราะว่าไม่เข้าใจในเรื่องนี้เพราะว่าอย่างที่เรานั้นได้บอกไป
ก็คือไม่มีใครมาบอกคุณทั้งสิ้น
และคุณอาจถึงขั้นดวงซวยไปเจอคนที่เแอคว่ารู้ทั้งๆที่ตัวเองไม่รู้อะไรเลย
แบบที่โดนประนามในนามของ coach ทั้งหลายที่ตอนหลังเราก็ได้เข้าใจว่ามีมากมายที่ไม่ได้เรียนหรือทำมาจริง
แล้วมาแอคใส่สูทผูกไทค์โชว์ภาพสวยด้วยใบหน้าที่ผ่านการศัลมาอย่างแยบยล
เพื่อล่อให้คุณเข้าไปติดกับและกระหน่ำพ่นพูดจามั่วซั่วเพื่อโน้มน้าวให้คุณจ่ายเงินค่าที่ปรึกษาหรือค่าคอร์สกับเค้านั่นเอง
ซึ่งเราไม่ได้มาเจาะจงว่าคนเหล่านี้
เพราะเรายืนอยู่ในจุดที่ว่า
ใครจะทำอย่างไรก็เรื่องของเค้า
เพียงแต่นี่เป็นขึ้นต่อไปที่เรานั้นจะยกตัวอย่างในการตอบโจทย์ของธุรกิจให้ได้
ก่อนที่จะมุ่งไปที่การทำการตลาดแบบ hibrand
ที่ส่วนใหญ่ก็จะใช่สูตร storytelling ทั้งสิ้น
แต่ไม่ใช่การอารัมภบทเวิ้นเว้อไปเรื่อยด้วยถ้อยคำแบบการเขียนนิยาย
แต่เป็น storytelling ที่มีรายละเอียดเสริม
เฉกเช่น louis vuitton
ด้วยประวัติที่มีมาอย่างยาวนาน
มีดาราเซเลปมากมายเลือกใช้
มีการจำกัดจำนวนผู้เข้าร้าน
มีบริการซ่อมแซม
มีจำนวนจำกัด
มีการ sync กับเหล่า artist เพื่อสรรสร้าง collection ใหม่อันเหลือเชื่อ
ที่ทั้งหมดทั้งมวลนี้นำผ่านด้วยหลักสูตรการเล่าเรื่องชั้นสูงอีกรอบที่เรานั้นจะนำเสนอในลำดับถัดไป
เพื่อให้เรานั้นเคลิบเคลิ้มเป็นที่สุด
ยอมที่จะหยิบบัตรพลาสติก
ขึ้นมาที่ดูเหมือนไม่ใช่ของจริงแต่เมื่อถึงงวดที่คุณตกลงตอนที่ทำบัตรพลาสติกใบนี้ด้วยความรู้สึกหรูหรา
ในนามแห่ง platinum ตัดเงินในบัญชีของคุณที่คุณนั้นก็หามิได้ยี่หระ
เพราะเป็นเพียงแค่ตัวเลขทีปรากฏขึ้นมาในข้อความทางโทรศัพท์ จากจำนวนตัวแรกที่เหลืออยู่อีกยาวเหยียดเมื่อเทียบกับตัวเลขที่โดนหักไป
แลกกับสินค้าสุดหรูหรางดงาม
ที่ห่อหุ้มด้วยถุงกระดาษเคลือบเงาสุดหรู ที่ปะหน้าด้วยโลโก้ที่หลายๆคนต้องร้องว้าว และไปหาซื้อเส้อที่มีโลโก้นั้นสกรีนอยู่ด้านหน้าใส่เดินเพื่อที่จะเฉิดฉาย
ที่ทำคุณ ยามเมื่อคุณนั้นเดินออกจากร้านสดหรู
ที่คุณนั้นอยากจะกลับเข้าไปอีกเพื่อเสพรสชาติความหรูหราที่เกิดจากอารมณ์ที่ไม่สามารถที่จะรังสรรขึ้นมาเองยามอยู่ ณ ที่แห่งหนใดก็ตาม
เดินออกไปราวกับว่าพื้นนั้นเป็น catwalk ของงาน haute couture fashion week
เพราะมีแต่คุณมองที่ถุงและทุกคนต้องเลือกที่จะหันมามองหน้าคุณต่อ
เพราะมันช่างสวยงามเหลือเกิน
ว่าหลังจากที่ทำไมลูกค้าต้องซื้อของคุณ
ก็คือแล้วคุณนั้นแตกต่างจากของคนอื่นยังไง
สนใจอ่านบทความเพิ่มเติม
https://bit.ly/karntalard101
เทคนิคการทำการตลาดแบบ hi brand | โคตรเซียนการตลาด | episode 6
เทคนิคการทำการตลาดแบบ hi brand
การทำการตลาดนั้นน้อยคนนักที่จะเข้าใจจริงๆว่าคืออะไร
เพราะว่าการทำการตลาดนั้นการที่คุณนั้นจะสามารถที่จะเขาใจได้นั้น
1 คือคุณต้องซื้อหนังสือการตลาดมาอ่าน
แล้วคุณต้องฉลาดในระดับที่สามารถดูธุรกิจที่เค้าทำการตลาดและสามารถที่จะเกิดความเข้าใจขึ้นมาได้ทันที
2 คุณนั้นมีเงินหรือเป็นลูกเศรษฐี
แล้วเปิดบริษัทหรือสร้างกิจการขึ้นมาและทำการตลาดลองถูกลองผิดเพื่อให้เกิดควาเข้าใจขึ้นมา
3 คุณนั้นต้องเข้าไปทำงาานด้านการตลาดในบริษัทในรูปแบบพนักงานบริษัทในแผนกการตลาด
ซึ่งไม่ว่าทางไหนก็ยากทั้งสิ้น
เพราะถ้าคุณนั้นไม่ได้เป็นอัจฉริยะคุณนั้นก็ต้องมีเงินหรือถ้าไม่อย่างนั้นคุณต้องมีความพยายามและอดทนเป็นเลิศ
หรือต้องพึ่งดวงในการที่คุณนั้นจะไปทำงานบริษัทในแผนกการตลาดเช่นไปเจอหัวหน้าที่เก่งและพร้อมที่จะถ่ายทอดให้กับคุณ
เพราะการตลาดนั้นคืองานที่บอกว่า
เรานั้นจะขายใครและยังไง
ซึ่งก็คือการวัดผลลัพธ์ปลายทางที่การขาย
ซึ่งไม่ใช่การขายโดยตรงที่มีเพียหน้าเดียว
เพราะฉะนั้นเมื่อแผนที่คุณหรือทีมร่วมกันสรรสร้างขึ้นมา
และในการดำเนินแผนนั้นอาจจะไม่ใช่แค่วันเดียวรู้เรื่องอาจต้องใช้เวลาเนิ่นนานยาวนานนับเดือน
และสุดท้ายแล้วเมื่อผลลัพธ์อออกมาคือขายไม่ได้
ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็จะเกิดอาการมึนว่าเกิดอะไรขึ้น
เพราะผู้วางแผนก็ไม่ได้เข้าใจในเรื่องการตลาดอย่างแท้จริง
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือการมุ่งไปที่การ pubish สินค้านั่นเอง
ซึ่งสุดท้ายผลลัพธ์ก็มีเพียงขายได้หรือขายไม่ได้
โดยที่ไม่มีนัยยะอะไรแอบแฝงให้สามารถต่อยอดได้เลยนั้น
หรือมากกว่านั้นหน่อย
ที่ในปัจจุบันมี clip ให้สามารถศึกษาโดยง่ายผ่านใน youtube
ซึ่งสามารถทำให้เห็นภาพได้ง่ายกว่าการซื้อหนังสือมาอ่าน
อันมีอยู่เล็กน้อยในกระบวนที่เรียกว่า marketing funnel
ที่สอดแทรกมาจาก clip สอนยิง ads ยามเมื่อคุณนั้น search คำว่า สอนการตลาดออนไลน์
เพราะว่าอะไรถึงได้มีแต่สอนยิง ads เพราะการสอนยิง ads นั้นไม่ต้องอาศัยความเข้าใจ
แค่อาศัยการจดจำ
จากเครื่องมือที่มีอยู่อย่างมากมายก็สามารถนำมาทำ clip ได้อย่างมากมาย
ลากยาวไปถึงการเปิดคอร์ส มานั่งกดๆ ก็สามารถที่จะทำโฆษณาได้
แต่สุดท้ายก็เลือนหายไปจากกิจกรรมเหล่านี้ เพราะคนที่ไปเรียนแล้วมาทำก็ขายไม่ได้ หรือมาเปิดคอร์สแล้วเมื่อมีคนมาเรียนก็ก่นดาว่าที่สอนมีคนมาทำให้ดูฟรีอยู่อย่างมากมายใน youtube
ไม่เหมือนกับการสอนในเรื่องการตลาด
ที่ถ้าผู้รู้ไม่มีความเข้าใจดั่งในเรื่อง marketing funnel ก็อย่างที่ได้เห็นก็คือ
มาบอกว่าแต่ละ funnel คืออะไร
เหมือนกับการที่มาบอกแต่ละวัตถุประสงค์ใน Facebook ads ว่าแต่ละตัวคืออะไร
และเมื่อผู้ที่รู้และเข้าใจก็จะถามต่อว่าแล้วยังไงต่อ
หรือก็คือกระบวนการที่ว่า
แล้วจะเอาไปยิงจริงต้องใช้ตัวไหน
อะไรอย่างไร
ซึ่งเหล่าผู้สอนที่ไม่เคยทำจริงก็จะโบ้ยด้วยความขุ่นเคืองโกรธบดบังความไม่รู้ของตัวเอง
พร้อมกับสะบัดอารมณ์ด้วยความฉุนเฉียวว่า
นั่นคุณต้องไปลองถูกลองผิดหรือลองทำดูเอง
สร้างความงุนงง และหวาดผวาเมื่อเรานั้นได้รู้ว่าแท้จริงแล้วผู้สอนที่มาเปิดคอร์สนั้น
ที่ตอบไม่ได้ก็เพราะว่าไม่เคยทำ
แต่ทำไมไม่เคยทำแล้วมาเปิดคอร์สล่ะ
เราขอละเอาไว้ฐานที่เป็นเรื่องเล่าที่น่าสยดสยองเป็นยิ่งนักเกินไป
เรามาพูดถึงเรื่องการที่นักการตลาดตามบริษัทที่ไม่รู้เรื่องการตลาด
แล้วพยายามดิ้นในการทำการตลาดให้กับองค์กร
โดยเดิมพันกับการได้ไปต่อ
แม้ว่าเค้าเหล่านั้นจะรู้ตัวรึไม่
เพราะการทำงานบริษัทในแผนกการตลาดนั้น
จากที่เรานั้นโลดแล่นมาอย่างยาวนานเราก็ได้พบว่าถ้าทำไม่ได้ก็เหมือนกับคณะรัฐบาลทีมเศรษกิจ
ที่ถูกเปลี่ยนตัวยกทีมนั่นเองอย่างที่พึ่งผ่านพ้นไปนั่นเอง เพราะว่าขายสินค้าไม่ได้
ทุกอย่างก็จบ
ซึ่งเมื่อได้มีความรู้จาก marketing funnel ก็ร่ายเรียงมนต์คาถาว่า เราต้องสร้าง reach สร้าง engage สร้าง conversion
คือต้องทำให้เข้าถึง และสร้างการมีส่วนร่วม และปิดจบด้วยการขาย ล้อตามแถบวัตถุประสงค์ของ Facebook และยิง ads ไปตามนั้น
ผลคือเมื่อผ่านไป 3 เดือนไม่สามารถที่จะขายได้
ยิงโฆษณาไปร่วม 100000 คิดว่าบริษัทจะให้ไปต่อมั้ย
สุดท้ายก็ต้องเก็บกระเป๋าโยกย้ายออกไปไม่เร็วก็ช้าจากสถาการณ์มาคุโดนบีบกดดันยอดขายนั่นเอง
เพราะว่าไม่รู้ว่าการตลาดคืออะไรนั่นเอง
จึงไม่สามารถที่ะอธิบายได้ยามเมื่อไปทำงานบริษัทที่เค้านั้นไม่ได้ใจไม้ใส้ระกำขนาดที่ไม่สนอะไรเลยนอกจากยอดขาย
ถึงแม้เรานั้นจะพยายามอธิบายถึงเพียงใดว่าการตลาดกับการขายเป็นคนละส่วนกันก็ตามแต่
ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่สุดแสนจะ basic เสียด้วยซ้ำสำหรับการทำการตลาด
โดยในที่นี้เราจะขอข้ามมายังการทำการตลาดแบบ hibrand ที่เปลี่ยนตัวผู้เล่นกันราวกับสบัดทิชชู่ที่ใช้แล้วทิ้ง
การทำการตลาดของผลิตถัณฑ์ระดับสูงนั้น
คุณต้องใช้ความรู้ในระดับสูง
เพราะว่าเป็นสินค้าระดับสูง
มีเหรอจะสามารถใช้วิธีธรรมดาได้
และในเมื่อวิธีธรรมดายังยากที่หลายต่อหลายคนจะสามารถที่จะเข้าใจได้
เพราดั่งเส้นทางที่จะเดินไปยังความเข้าใจได้นั้น
แค่ได้ลงสนามยังยากเลย
อย่างว่าแต่จะก้าวไปถึงจุดที่สามารถที่จะทำความเข้าใจได้
ที่ไม่มีสิ่งใดมารองรับทั้งสิ้น
ไม่มีอะไรมารองรับทั้งสิ้นว่าคุณทำไปแล้วคุณนั้นจะเข้าใจใน 3-5 ปี
คุณอาจใช้เวลาเพียงแค่ 1 ปี หรืออาจจะไม่เข้าใจไปตลอดชีวิตก็ได้
เหมือนกับคอร์สเรียนภาษาที่การันตีพูดได้ภายใน 1 เดือนที่เอาเข้าจริงแล้วก็เป็นแค่การหลอกเพียงเท่านั้น
พอเข้าไปเรียนจริงก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นยามเมื่อครบกำหนดเวลาเรียน
ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสยดสยองที่มีแต่ผู้ที่เข้าใจเท่านั้นจึงสามารถที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ซึ่งในส่วนของกรรมมาวิธีในการทำ hibrand
ในส่วนของการตลาดนั้น
สิ่งที่สำคัญคือเม็ดเงินที่ทุ่มลงไปสำหรับ hibrand นั้นไม่มีการที่จะมาทำ pull marketing ทำบทความ หรือ clip ลงใน youtube เพื่อหวังคนมาสัญจรไปมาด้วย content แบบ educate อย่างแน่นอน
เพราะว่ามันช่างไม่เท่เอาเสียเลย
ด้วยการโฆษณาเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ที่เป็นเหมือนการเอาเงินไปโปรยเล่นยามเมื่อคุณนั้นเอาเงินมายิง ads ในวัตถุประสงค์ reach ที่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย
จะมีคนเห็นมั้ยเราจะเชื่อตัวเลขที่ระบบบอกได้จริงเหรอ
ไม่เหมือนกับการที่คุณยิง วัตถุประสงค์ การมีส่วนร่วม ข้อความ คอนเวอร์ชั่น(ที่ไม่ได้แปลว่าการขาย)
แล้วคุณนั้นจะได้ตัวเลขกลับไป
แต่ hibrand นั้นหามิได้แคร์แต่อย่างใด
คุณจะได้สิ่งที่ธรรมดายามเมื่อคุณทำแบบธรรมดา
เพราะฉะนั้นกลยุทธ์หลักของการทำ hibrand นั้นก็คือการลงทุน
ความกล้าที่จะเทเม็ดเงินอย่างมหาศาลในด้านการทำโฆษณา
แต่ก็หามิใช่การนำไปเทเพื่อสร้าง brand awareness เพื่อให้เกิดการจดจำและนั่งคอยคนมาเข้าร้าน
สิ่งที่สำคัญคือกระบวนการในขั้นตอนต่อไปยังไงล่ะ
ซึ่งนี่คือสาเหตุที่เรานั้นอารัมบทในด้านการมาทำการตลาดแต่ไม่รู้ว่าการตลาดคืออะไร
เพราะผลที่ได้รับคือ แล้วยังไงอ่ะ
หลังจากที่เทเงินไปกับการโปรโมท หรือการอัดแต่การขาย แล้วสุดท้ายไม่ได้ผลลัพธ์
เหมือนกับการที่คุณนั้นมานั่งโม่ยิง ads ที่คุณนั้นเชื่อมั่นเหลือเกินดั่งที่เรานั้นได้บอกไปคือการที่ดวงซวยไปเรียนกับผู้ที่ไม่รู้จริงเรื่องการตลาด
แต่ช่างเชี่ยวชาญใน programm ที่เรียกว่าการทำโฆษณา google หรือFacebook เป็นอย่างยิ่ง
ซึ่งเราบอกได้เลยว่านั่นเป็นเพียงแค่ตัวนำส่งที่มีวิธีการนำส่งอยู่อย่างมากมายซับซ้อน
แต่จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อ คุณไม่มีเรือองราวไปเล่า
หรือสินค้าคุณนั้นหามิได้น่าสนใจใดๆทั้งสิ้น
ไม่สามารถตอบคำถาม basic ที่คนที่ทำธุรกิจควรที่ต้องรู้
แต่ถ้าไม่รู้ก็ไม่มีใครสนใจคุณหรอกว่าคุณนั้นจะรู้หรือไม่
ยามเมื่อคุณนั้นจะเอาเงินไปเททิ้งเปิดร้านอาหารที่สุดท้ายก็ไม่มีคนมากิน
เพราะว่าคุณนั้นไม่เข้าใจประโยคทองที่เราสุดแสนงุนงงสำหรับผู้ที่มาทำธุรกิจที่เอาเงินมาลงทุนมากมายโดยที่ไม่เคยนึกถึงหรือไม่รู้ว่า
ทำไมลูกค้าต้องมาซื้อของเรา
ก็เพราะว่าไม่เข้าใจในสิ่งที่เรียกว่าธุรกิจนั่นเอง
อย่าว่าแต่เรื่องการตลาด
และเขยิบไปถึงการตลาดขั้นสูง
ที่โหมกระหน่ำทำโฆษณากันอย่างโหดเหี้ยมพร้อมที่จะฉกเอาเทคนิคและวิธีการของคุณไปต่อยอดด้วยเม็ดเงินมหาศาลโดยไม่หันกลับมามองคุณอีกเลยใดๆทั้งสิ้น
หลายต่อหลายคนที่เจ๊งในการทำธุรกิจเพราะว่าไม่เข้าใจในเรื่องนี้เพราะว่าอย่างที่เรานั้นได้บอกไป
ก็คือไม่มีใครมาบอกคุณทั้งสิ้น
และคุณอาจถึงขั้นดวงซวยไปเจอคนที่เแอคว่ารู้ทั้งๆที่ตัวเองไม่รู้อะไรเลย
แบบที่โดนประนามในนามของ coach ทั้งหลายที่ตอนหลังเราก็ได้เข้าใจว่ามีมากมายที่ไม่ได้เรียนหรือทำมาจริง
แล้วมาแอคใส่สูทผูกไทค์โชว์ภาพสวยด้วยใบหน้าที่ผ่านการศัลมาอย่างแยบยล
เพื่อล่อให้คุณเข้าไปติดกับและกระหน่ำพ่นพูดจามั่วซั่วเพื่อโน้มน้าวให้คุณจ่ายเงินค่าที่ปรึกษาหรือค่าคอร์สกับเค้านั่นเอง
ซึ่งเราไม่ได้มาเจาะจงว่าคนเหล่านี้
เพราะเรายืนอยู่ในจุดที่ว่า
ใครจะทำอย่างไรก็เรื่องของเค้า
เพียงแต่นี่เป็นขึ้นต่อไปที่เรานั้นจะยกตัวอย่างในการตอบโจทย์ของธุรกิจให้ได้
ก่อนที่จะมุ่งไปที่การทำการตลาดแบบ hibrand
ที่ส่วนใหญ่ก็จะใช่สูตร storytelling ทั้งสิ้น
แต่ไม่ใช่การอารัมภบทเวิ้นเว้อไปเรื่อยด้วยถ้อยคำแบบการเขียนนิยาย
แต่เป็น storytelling ที่มีรายละเอียดเสริม
เฉกเช่น louis vuitton
ด้วยประวัติที่มีมาอย่างยาวนาน
มีดาราเซเลปมากมายเลือกใช้
มีการจำกัดจำนวนผู้เข้าร้าน
มีบริการซ่อมแซม
มีจำนวนจำกัด
มีการ sync กับเหล่า artist เพื่อสรรสร้าง collection ใหม่อันเหลือเชื่อ
ที่ทั้งหมดทั้งมวลนี้นำผ่านด้วยหลักสูตรการเล่าเรื่องชั้นสูงอีกรอบที่เรานั้นจะนำเสนอในลำดับถัดไป
เพื่อให้เรานั้นเคลิบเคลิ้มเป็นที่สุด
ยอมที่จะหยิบบัตรพลาสติก
ขึ้นมาที่ดูเหมือนไม่ใช่ของจริงแต่เมื่อถึงงวดที่คุณตกลงตอนที่ทำบัตรพลาสติกใบนี้ด้วยความรู้สึกหรูหรา
ในนามแห่ง platinum ตัดเงินในบัญชีของคุณที่คุณนั้นก็หามิได้ยี่หระ
เพราะเป็นเพียงแค่ตัวเลขทีปรากฏขึ้นมาในข้อความทางโทรศัพท์ จากจำนวนตัวแรกที่เหลืออยู่อีกยาวเหยียดเมื่อเทียบกับตัวเลขที่โดนหักไป
แลกกับสินค้าสุดหรูหรางดงาม
ที่ห่อหุ้มด้วยถุงกระดาษเคลือบเงาสุดหรู ที่ปะหน้าด้วยโลโก้ที่หลายๆคนต้องร้องว้าว และไปหาซื้อเส้อที่มีโลโก้นั้นสกรีนอยู่ด้านหน้าใส่เดินเพื่อที่จะเฉิดฉาย
ที่ทำคุณ ยามเมื่อคุณนั้นเดินออกจากร้านสดหรู
ที่คุณนั้นอยากจะกลับเข้าไปอีกเพื่อเสพรสชาติความหรูหราที่เกิดจากอารมณ์ที่ไม่สามารถที่จะรังสรรขึ้นมาเองยามอยู่ ณ ที่แห่งหนใดก็ตาม
เดินออกไปราวกับว่าพื้นนั้นเป็น catwalk ของงาน haute couture fashion week
เพราะมีแต่คุณมองที่ถุงและทุกคนต้องเลือกที่จะหันมามองหน้าคุณต่อ
เพราะมันช่างสวยงามเหลือเกิน
ว่าหลังจากที่ทำไมลูกค้าต้องซื้อของคุณ
ก็คือแล้วคุณนั้นแตกต่างจากของคนอื่นยังไง
สนใจอ่านบทความเพิ่มเติม
https://bit.ly/karntalard101