สวัสดีค่ะ กระทู้นี้ เราอยากมาถามความเห็นของทุกคนว่าความคิดของเราแปลกไหม
และถ้าอยากมองในมุมที่ดีขึ้น (แต่ไม่เพี้ยนจากความจริง) เราจะปรับความคิดอย่างไรได้บ้าง
เราอายุ 25 ค่ะ คุณพ่อเป็นคนต่างชาติ (เอเชียตะวันออก แนวๆจีนเกาหลีญี่ปุ่น) คุณแม่เป็นคนไทย
พ่อกับแม่เราแยกกันอยู่ค่ะ โดยที่พ่อทำงานที่ประเทศบ้านเกิด ส่วนแม่ทำงานที่เมืองไทย เรากับพี่ๆอยู่กับแม่ค่ะ
เติบโตมาอย่างเด็กไทยทั่วไป เข้าโรงเรียนไทย มหาลัยไทยค่ะ ภาษาไทยเป็นภาษาแม่ ส่วนภาษาของคุณพ่อ
คุณแม่ใช้วิธีส่งเรียนเป็นภาษาที่ 3 ค่ะ
การเจอหน้ากันพร้อมหน้า คุณพ่อเราจะบินมาไทย ตอนที่เศรษฐกิจดีๆคือบินมาปีละ 4 ครั้ง
พอเศรษกิจแย่ลงก็บินมา 2 ครั้ง
ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย คุณพ่อจะส่งมาให้แม่ใช้กับพวกเรา แต่ก็ไม่ได้เพียงพอค่ะ
แต่เราก็รู้สึกอยู่ดีกินดี มารู้ตอนหลังว่าจริงๆแม่เองก็หมุนเงินค่ะ
ตอนอายุ 20 คุณแม่เสียด้วยโรคมะเร็งค่ะ ตอนนั้นเราอยู่มหาลัย ปี2 พี่ๆทำงานหมดแล้ว
พ่อเลยเปลี่ยนวิธีให้เงินมาทางเราแทนค่ะ โดยที่ตอนนั้นพ่อเราเกษียณแล้วค่ะ แต่ก็ยังทำนู่นนี่นั่นจุ้กจิ้ก
บวกกับบำนาญทำให้พ่ออยู่ที่นั่นต่อไป แต่สภาพครอบครัวเราเปลี่ยนไปมากค่ะ
1. พี่ๆตัดสินใจขายบ้าน เพราะผ่อนต่อไม่ไหว พ่อเราปฏิเสธการช่วยส่งค่ะ ทั้งๆที่แต่ก่อนก็ส่ง
นี่เป็นเพราะแม่เสียแล้วค่ะ
2. เราเองตอนนั้นยังเรียนไม่จบและไม่มีบ้านแล้ว เลยต้องมาอยู่กับบ้านพี่สะใภ้ค่ะ
โดยที่ตอนแรกพี่ชายเราเป็นคนชวน แต่เรามารู้ทีหลังว่าแม่พี่สะใภ้เป็นคนบอกให้เรามาอยู่ค่ะ
และที่ให้เรามาอยู่เพื่อที่เราจะไม่ไปอยู่กับผู้ชายที่ไหน (แรงมากค่ะ เราบังเอิญไปได้ยินจากปากเค้าเอง พูดถึงเราลับหลังค่ะ)
เราก็จำใจอยู่ค่ะ เพราะไม่อยากเถียง และเรารู้แล้วว่าเค้ามองเราไม่ค่อยดี ยิ่งออกไปอยู่เอง เรายิ่งโดนค่ะ
และว่ากันตามตรง เราก็ไม่มีที่ไปด้วยค่ะ เราอยากเก็บเงินเพื่อส่งตัวเองเรียนต่อโทในสาขาที่ต้องออกจากงานมาเรียนเต็มเวลาค่ะ
3. พ่อส่งเงินให้เราใช้ กับส่งเงินช่วยปิดหนี้ผ่อนของแม่ค่ะ เพราะแม่เราซื้อของเป็นชื่อพี่ โดยส่งเข้าบัญชีเราโดยตรง ต่างจากแต่ก่อนที่ส่งเข้าบัญชีแม่ค่ะ
4. พอต้องจ่ายค่าเทอม (เทอมที่ไม่ได้ทุนเท่านั้น ปกติเราจะตั้งใจเรียนเอาเกรดดีๆแลกกับทุนค่ะ)
พ่อเราก็จะบ่นมากๆเลยค่ะ สมัยแม่ยังอยู่เราไม่เคยได้ยินแม่บ่นเลย เราเลยรู้ว่าแม่แข้มแข็ง และเก็บคำบ่นพ่อไว้เองค่ะ
5. พ่อเราจะตัดพ่อลูกตอนที่แม่เสียค่ะ โดยที่บอกว่าจะส่งมาแต่เงินจนเราเรียนจบเท่านั้น
แต่จะไม่ติดต่อมาอีกและจะไม่บินมาไทย ตอนนั้นเรางงมากว่าพวกเราทำอะไรผิดพ่อถึงจะทิ้งไป
และสุดท้ายเราขอร้องให้พ่ออยู่ค่ะ บอกว่ารักพ่อ แต่มันก็เกิดแผลใจที่ว่าพ่อรักแม่ แต่คงไม่ได้รักพวกเรามากขนาดนั้น
เพราะพ่อเคยพูดว่า พอแม่ไม่อยู่ก็ไม่รู้จะบินมาทำไม เราได้แต่คิดว่า แล้วพวกเราล่ะ พ่อไม่อยากเจอเลยหรือ?
ปัจจุบันพ่อไม่บินมาแล้วค่ะ จะบินมาแค่งานสำคัญๆของพี่ชาย
6. ตอนปี 4 อายุ 22 เราสอบได้ไปเรียนเมืองที่พ่ออยู่ค่ะ 1 ปีคล้ายๆแลกเปลี่ยน แต่เราไม่อยากรบกวนค่าใช้จ่ายจึงขออยู่ที่อพาร์ทเมนต์พ่อ
ห้องที่พ่อใช้เป็นสำนักงานเพราะพ่อไม่ได้ทำงานเหมือนก่อนแล้ว ส่วนพ่อเราอยู่อีกตึกค่ะ กลางวันจะเจอกัน กลางคืนก็แยกไปนอน
7. พอได้อยู่กับพ่อช่วง 1 ปีนั้น ความต่างในวัฒนธรรมก็ชัดเจนขึ้นค่ะ ในเมืองของพ่อวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ ผู้หญิงทำงานบ้าน ขณะที่เมืองไทย เราช่วยกันค่ะ
และเราไม่ตำหนิกัน ถ้าไม่ได้เรียบร้อยมาก แม่ไม่เคยเอาคำว่าเป็นผู้หญิงต้องอย่างงู้นอย่างงี้มาตำหนิเรา พออยู่กับพ่อ เราโดนหมดเลยค่ะ
- ผมเราร่วง เราก็โดนพ่อพูดว่าเกลียดผู้หญิง ผมยาวพอร่วงแล้วก็ดูสกปรก ผู้หญิงเป็นเพศที่สกปรก โดนแบบนี้ทุกวันค่ะ
เราเลยพยายามเก็บให้เกลี้ยงมากๆ แต่บางทีมันก็มีไปติดที่ใต้ตู้ ขาโซฟา เราก็โดนว่าค่ะ ว่าผู้หญิงสกปรก
- เราอาบน้ำเสร็จก็ผึ่งผ้าเช็ดตัวค่ะ พ่อก็ว่าเราว่าทำไมไม่เอาไปตากแดด พอแห้งแล้วก็เอามาพับ แม่ไม่สอนหรอ
แต่เราถูกแม่สอนมาให้ผึ่งเฉยๆค่ะ
- เราทำอาหารที่เราชอบ แต่พ่อไม่ชอบทานค่ะ เราเลยเอาไว้ทำมื้อเย็นทานคนเดียว พ่อก็แขวะว่าเก็บไว้กินคนเดียว
- หลายๆครั้งที่เราเป็นประจำเดือนแล้วเราโดนพ่อว่าจี้ใจมากๆเราก็มีร้องไห้ค่ะ พอพ่อพูดว่าแค่นี้ร้องไห้ไม่อดทน
เราเลยบอกว่าเราเป็นเมนส์เลยเซนซิทีฟ พ่อเราตกใจค่ะ ตกใจที่เราพูดเรื่องประจำเดือนกับผู้ชายอย่างเปิดอก (ซึ่งก็คือพ่อ)
หลังจากนั้นพ่อมาคุยกับเราว่า เค้างงว่าแม่ไม่สอนหรอว่าไม่เคยเอาเรื่องประจำเดือนมาพูดอย่างเปิดเผย
และจนถึงทุกวันนี้ พ่อเรายังพูดไม่หยุดเลยค่ะเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าแม่ไม่สอนให้เรารู้ว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควร พ่อเกลียดเลือด แค่คิดก็ขยะแขยงแล้ว
ในขณะที่เราคิดว่า คนในบ้านควรพูดถึงเรื่องสุขภาพได้อย่างเปิดอก เราอยู่ไทย เรายังพูดกับเพื่อนผู้ชายที่สนิดเรื่องเมนส์ได้เลยค่ะ ว่าเรากำลังเซนซิทีฟ
- เราแต่งหน้าก่อนออกจากบ้าน พ่อก็ว่าๆแต่งมาโกหกสายตาคนอื่น ผู้หญิงน่ะชอบฟังคำหวานหู ผู้ชายน่ะชอบมองอะไรสวยๆ รู้สินะเลยแต่งหน้า
ซึ่งเราเป็นคนแต่งหน้าไม่จัดนะคะ แค่เสริมความมั่นใจ ปิดรอยสิวรอยคล้ำเฉยๆ
- เราเรียนสาขาที่ผู้หญิงไม่นิยมเรียนค่ะ แต่เราชอบและทำได้ดี โดยที่เราต้องคอยฟังพ่อว่าเสมอว่าถ้ารู้จะไม่ให้เรียนเลย
ทำไมถึงเลือกเรียนในสาขาที่ผู้ชายเค้าเรียนกัน ทำงานในสังคมผู้ชายคิดอะไรอยู่
- และอีกหลายๆอย่างค่ะ ที่เราทำอะไรก็รู้สึกผิดไปหมด แต่ที่เราไม่ชอบๆมากๆคือการรู้สึกโดนเหยียดเพศค่ะ
พ่อชอบเอาเรื่องที่คนแถวบ้านสมัยก่อนน่าจะโดยข่มขืน เลยไม่กล้าแต่งงานทั้งๆที่สวย ชอบเล่าเรื่องที่ตัวเองเคยนอกใจแม่และติดโรคมาให้เราฟังค่ะ
8. ล่าสุดคือพี่ชายเรากำลังจะมีลูกสาวค่ะ เราต้องคอยฟังพ่อพูดว่าไม่อยากได้หลานสาว อยากได้หลานชาย ทำไมต้องเป็นผู้หญิงด้วย
โดยที่เราเป็นผู้หญิงนะคะ เราฟังอะไรแบบนี้แล้วรู้สึกไม่ค่อยดี และพ่อก็พูดให้เราฟังอย่างเดียวค่ะ บังคับไม่ให้เราพูดให้พี่ฟัง กลัวพี่เสียใจ
แต่พ่อจะรู้ไหมหนอ เราก็เสียใจค่ะ ตอนเด็กๆเราก็โดนพ่อพูดบ่อยว่าทำไมเราต้องเป็นผู้หญิงด้วย
แต่ก่อนเราคิดว่าครอบครัวเราถึงพ่อแม่จะไม่ได้อยู่พร้อมหน้า แต่พ่อก็ส่งเลีย และเป็นฮีโร่ของเรามาตลอด แต่ตอนนี้เราไม่รู้สึกแบบนั้นแล้วค่ะ
เราไม่ชอบพ่อตัวเอง รู้สึกว่าแม่ต้องเคยอดทนกับอะไรมาบ้าง และมันอาจจะเป็นเหตุผลที่เค้าแยกกันอยู่ แต่เราเป็นคนเดียวที่คุยกับพ่อได้ค่ะ
พี่ๆพูดภาษาที่สามไม่ค่อยได้ ทำให้หลังแม่เสียอะไรๆก็มาลงที่เราค่ะ ทั้งเรื่องที่อยากฟังและไม่อยากฟัง
ตอนนี้เรารู้สึกอีกอย่างว่าพ่อรักพี่มากกว่าเราค่ะ จากการที่มีอะไรพ่อจะให้แต่พี่และไม่เคยว่าพี่เลยค่ะ
ส่วนเราพอเราต่อโทเร็วกว่ากำหนด พ่อกลับบ่นว่าไม่วางแผนชีวิต ในขณะที่เวลาพี่พลาดพ่อส่งเงินช่วยเป็นหมื่นๆแสนๆโดยที่พี่ไม่ต้องขอ
ทั้งๆที่พ่อเองก็มีเงินไม่ได้เหลือใช้
จริงๆมันยังมีประเด็นที่พ่อดูถูกวัฒนธรรมไทย โดยที่ไม่เปิดใจมองว่าเป็นความต่างของวัฒนธรรม
แต่ไม่อยากลงลึกค่ะ เพราะว่ามันจะยาว
ฟังแล้วคิดเห็นอย่างไร จะแนะนำให้เราปรับความคิดยังไงเพื่อตัวเองจะได้มีความสุขขึ้น บอกได้นะคะ เราอยากฟังเสียงของคนอื่นมากๆ
เผื่อจะได้คิดในมุมมองอื่นค่ะ
สิ่งที่เรากังวลคือ พอพ่อเราแก่กว่านี้ (ตอนนี้พ่อ 73 แล้ว) เราต้องไปดูแลพ่อ เพราะพี่คงไม่ทำ เราไม่อยากอยู่กับพ่อเลยค่ะ เราเข็ดและก็กลัว
ทำยังไงดีคะ พ่อไม่ยอมบินมาอยู่ไทยด้วยค่ะ ไม่ทำก็อกตัญญู
ทำอย่างไรดี ไม่เคยได้ใช้ชีวิตกับพ่อ พอได้มาใช้ช่วงสั้นๆตอนโตหลังแม่เสียแล้วมุมมองที่มีต่อพ่อก็แย่ลง
และถ้าอยากมองในมุมที่ดีขึ้น (แต่ไม่เพี้ยนจากความจริง) เราจะปรับความคิดอย่างไรได้บ้าง
เราอายุ 25 ค่ะ คุณพ่อเป็นคนต่างชาติ (เอเชียตะวันออก แนวๆจีนเกาหลีญี่ปุ่น) คุณแม่เป็นคนไทย
พ่อกับแม่เราแยกกันอยู่ค่ะ โดยที่พ่อทำงานที่ประเทศบ้านเกิด ส่วนแม่ทำงานที่เมืองไทย เรากับพี่ๆอยู่กับแม่ค่ะ
เติบโตมาอย่างเด็กไทยทั่วไป เข้าโรงเรียนไทย มหาลัยไทยค่ะ ภาษาไทยเป็นภาษาแม่ ส่วนภาษาของคุณพ่อ
คุณแม่ใช้วิธีส่งเรียนเป็นภาษาที่ 3 ค่ะ
การเจอหน้ากันพร้อมหน้า คุณพ่อเราจะบินมาไทย ตอนที่เศรษฐกิจดีๆคือบินมาปีละ 4 ครั้ง
พอเศรษกิจแย่ลงก็บินมา 2 ครั้ง
ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย คุณพ่อจะส่งมาให้แม่ใช้กับพวกเรา แต่ก็ไม่ได้เพียงพอค่ะ
แต่เราก็รู้สึกอยู่ดีกินดี มารู้ตอนหลังว่าจริงๆแม่เองก็หมุนเงินค่ะ
ตอนอายุ 20 คุณแม่เสียด้วยโรคมะเร็งค่ะ ตอนนั้นเราอยู่มหาลัย ปี2 พี่ๆทำงานหมดแล้ว
พ่อเลยเปลี่ยนวิธีให้เงินมาทางเราแทนค่ะ โดยที่ตอนนั้นพ่อเราเกษียณแล้วค่ะ แต่ก็ยังทำนู่นนี่นั่นจุ้กจิ้ก
บวกกับบำนาญทำให้พ่ออยู่ที่นั่นต่อไป แต่สภาพครอบครัวเราเปลี่ยนไปมากค่ะ
1. พี่ๆตัดสินใจขายบ้าน เพราะผ่อนต่อไม่ไหว พ่อเราปฏิเสธการช่วยส่งค่ะ ทั้งๆที่แต่ก่อนก็ส่ง
นี่เป็นเพราะแม่เสียแล้วค่ะ
2. เราเองตอนนั้นยังเรียนไม่จบและไม่มีบ้านแล้ว เลยต้องมาอยู่กับบ้านพี่สะใภ้ค่ะ
โดยที่ตอนแรกพี่ชายเราเป็นคนชวน แต่เรามารู้ทีหลังว่าแม่พี่สะใภ้เป็นคนบอกให้เรามาอยู่ค่ะ
และที่ให้เรามาอยู่เพื่อที่เราจะไม่ไปอยู่กับผู้ชายที่ไหน (แรงมากค่ะ เราบังเอิญไปได้ยินจากปากเค้าเอง พูดถึงเราลับหลังค่ะ)
เราก็จำใจอยู่ค่ะ เพราะไม่อยากเถียง และเรารู้แล้วว่าเค้ามองเราไม่ค่อยดี ยิ่งออกไปอยู่เอง เรายิ่งโดนค่ะ
และว่ากันตามตรง เราก็ไม่มีที่ไปด้วยค่ะ เราอยากเก็บเงินเพื่อส่งตัวเองเรียนต่อโทในสาขาที่ต้องออกจากงานมาเรียนเต็มเวลาค่ะ
3. พ่อส่งเงินให้เราใช้ กับส่งเงินช่วยปิดหนี้ผ่อนของแม่ค่ะ เพราะแม่เราซื้อของเป็นชื่อพี่ โดยส่งเข้าบัญชีเราโดยตรง ต่างจากแต่ก่อนที่ส่งเข้าบัญชีแม่ค่ะ
4. พอต้องจ่ายค่าเทอม (เทอมที่ไม่ได้ทุนเท่านั้น ปกติเราจะตั้งใจเรียนเอาเกรดดีๆแลกกับทุนค่ะ)
พ่อเราก็จะบ่นมากๆเลยค่ะ สมัยแม่ยังอยู่เราไม่เคยได้ยินแม่บ่นเลย เราเลยรู้ว่าแม่แข้มแข็ง และเก็บคำบ่นพ่อไว้เองค่ะ
5. พ่อเราจะตัดพ่อลูกตอนที่แม่เสียค่ะ โดยที่บอกว่าจะส่งมาแต่เงินจนเราเรียนจบเท่านั้น
แต่จะไม่ติดต่อมาอีกและจะไม่บินมาไทย ตอนนั้นเรางงมากว่าพวกเราทำอะไรผิดพ่อถึงจะทิ้งไป
และสุดท้ายเราขอร้องให้พ่ออยู่ค่ะ บอกว่ารักพ่อ แต่มันก็เกิดแผลใจที่ว่าพ่อรักแม่ แต่คงไม่ได้รักพวกเรามากขนาดนั้น
เพราะพ่อเคยพูดว่า พอแม่ไม่อยู่ก็ไม่รู้จะบินมาทำไม เราได้แต่คิดว่า แล้วพวกเราล่ะ พ่อไม่อยากเจอเลยหรือ?
ปัจจุบันพ่อไม่บินมาแล้วค่ะ จะบินมาแค่งานสำคัญๆของพี่ชาย
6. ตอนปี 4 อายุ 22 เราสอบได้ไปเรียนเมืองที่พ่ออยู่ค่ะ 1 ปีคล้ายๆแลกเปลี่ยน แต่เราไม่อยากรบกวนค่าใช้จ่ายจึงขออยู่ที่อพาร์ทเมนต์พ่อ
ห้องที่พ่อใช้เป็นสำนักงานเพราะพ่อไม่ได้ทำงานเหมือนก่อนแล้ว ส่วนพ่อเราอยู่อีกตึกค่ะ กลางวันจะเจอกัน กลางคืนก็แยกไปนอน
7. พอได้อยู่กับพ่อช่วง 1 ปีนั้น ความต่างในวัฒนธรรมก็ชัดเจนขึ้นค่ะ ในเมืองของพ่อวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ ผู้หญิงทำงานบ้าน ขณะที่เมืองไทย เราช่วยกันค่ะ
และเราไม่ตำหนิกัน ถ้าไม่ได้เรียบร้อยมาก แม่ไม่เคยเอาคำว่าเป็นผู้หญิงต้องอย่างงู้นอย่างงี้มาตำหนิเรา พออยู่กับพ่อ เราโดนหมดเลยค่ะ
- ผมเราร่วง เราก็โดนพ่อพูดว่าเกลียดผู้หญิง ผมยาวพอร่วงแล้วก็ดูสกปรก ผู้หญิงเป็นเพศที่สกปรก โดนแบบนี้ทุกวันค่ะ
เราเลยพยายามเก็บให้เกลี้ยงมากๆ แต่บางทีมันก็มีไปติดที่ใต้ตู้ ขาโซฟา เราก็โดนว่าค่ะ ว่าผู้หญิงสกปรก
- เราอาบน้ำเสร็จก็ผึ่งผ้าเช็ดตัวค่ะ พ่อก็ว่าเราว่าทำไมไม่เอาไปตากแดด พอแห้งแล้วก็เอามาพับ แม่ไม่สอนหรอ
แต่เราถูกแม่สอนมาให้ผึ่งเฉยๆค่ะ
- เราทำอาหารที่เราชอบ แต่พ่อไม่ชอบทานค่ะ เราเลยเอาไว้ทำมื้อเย็นทานคนเดียว พ่อก็แขวะว่าเก็บไว้กินคนเดียว
- หลายๆครั้งที่เราเป็นประจำเดือนแล้วเราโดนพ่อว่าจี้ใจมากๆเราก็มีร้องไห้ค่ะ พอพ่อพูดว่าแค่นี้ร้องไห้ไม่อดทน
เราเลยบอกว่าเราเป็นเมนส์เลยเซนซิทีฟ พ่อเราตกใจค่ะ ตกใจที่เราพูดเรื่องประจำเดือนกับผู้ชายอย่างเปิดอก (ซึ่งก็คือพ่อ)
หลังจากนั้นพ่อมาคุยกับเราว่า เค้างงว่าแม่ไม่สอนหรอว่าไม่เคยเอาเรื่องประจำเดือนมาพูดอย่างเปิดเผย
และจนถึงทุกวันนี้ พ่อเรายังพูดไม่หยุดเลยค่ะเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าแม่ไม่สอนให้เรารู้ว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควร พ่อเกลียดเลือด แค่คิดก็ขยะแขยงแล้ว
ในขณะที่เราคิดว่า คนในบ้านควรพูดถึงเรื่องสุขภาพได้อย่างเปิดอก เราอยู่ไทย เรายังพูดกับเพื่อนผู้ชายที่สนิดเรื่องเมนส์ได้เลยค่ะ ว่าเรากำลังเซนซิทีฟ
- เราแต่งหน้าก่อนออกจากบ้าน พ่อก็ว่าๆแต่งมาโกหกสายตาคนอื่น ผู้หญิงน่ะชอบฟังคำหวานหู ผู้ชายน่ะชอบมองอะไรสวยๆ รู้สินะเลยแต่งหน้า
ซึ่งเราเป็นคนแต่งหน้าไม่จัดนะคะ แค่เสริมความมั่นใจ ปิดรอยสิวรอยคล้ำเฉยๆ
- เราเรียนสาขาที่ผู้หญิงไม่นิยมเรียนค่ะ แต่เราชอบและทำได้ดี โดยที่เราต้องคอยฟังพ่อว่าเสมอว่าถ้ารู้จะไม่ให้เรียนเลย
ทำไมถึงเลือกเรียนในสาขาที่ผู้ชายเค้าเรียนกัน ทำงานในสังคมผู้ชายคิดอะไรอยู่
- และอีกหลายๆอย่างค่ะ ที่เราทำอะไรก็รู้สึกผิดไปหมด แต่ที่เราไม่ชอบๆมากๆคือการรู้สึกโดนเหยียดเพศค่ะ
พ่อชอบเอาเรื่องที่คนแถวบ้านสมัยก่อนน่าจะโดยข่มขืน เลยไม่กล้าแต่งงานทั้งๆที่สวย ชอบเล่าเรื่องที่ตัวเองเคยนอกใจแม่และติดโรคมาให้เราฟังค่ะ
8. ล่าสุดคือพี่ชายเรากำลังจะมีลูกสาวค่ะ เราต้องคอยฟังพ่อพูดว่าไม่อยากได้หลานสาว อยากได้หลานชาย ทำไมต้องเป็นผู้หญิงด้วย
โดยที่เราเป็นผู้หญิงนะคะ เราฟังอะไรแบบนี้แล้วรู้สึกไม่ค่อยดี และพ่อก็พูดให้เราฟังอย่างเดียวค่ะ บังคับไม่ให้เราพูดให้พี่ฟัง กลัวพี่เสียใจ
แต่พ่อจะรู้ไหมหนอ เราก็เสียใจค่ะ ตอนเด็กๆเราก็โดนพ่อพูดบ่อยว่าทำไมเราต้องเป็นผู้หญิงด้วย
แต่ก่อนเราคิดว่าครอบครัวเราถึงพ่อแม่จะไม่ได้อยู่พร้อมหน้า แต่พ่อก็ส่งเลีย และเป็นฮีโร่ของเรามาตลอด แต่ตอนนี้เราไม่รู้สึกแบบนั้นแล้วค่ะ
เราไม่ชอบพ่อตัวเอง รู้สึกว่าแม่ต้องเคยอดทนกับอะไรมาบ้าง และมันอาจจะเป็นเหตุผลที่เค้าแยกกันอยู่ แต่เราเป็นคนเดียวที่คุยกับพ่อได้ค่ะ
พี่ๆพูดภาษาที่สามไม่ค่อยได้ ทำให้หลังแม่เสียอะไรๆก็มาลงที่เราค่ะ ทั้งเรื่องที่อยากฟังและไม่อยากฟัง
ตอนนี้เรารู้สึกอีกอย่างว่าพ่อรักพี่มากกว่าเราค่ะ จากการที่มีอะไรพ่อจะให้แต่พี่และไม่เคยว่าพี่เลยค่ะ
ส่วนเราพอเราต่อโทเร็วกว่ากำหนด พ่อกลับบ่นว่าไม่วางแผนชีวิต ในขณะที่เวลาพี่พลาดพ่อส่งเงินช่วยเป็นหมื่นๆแสนๆโดยที่พี่ไม่ต้องขอ
ทั้งๆที่พ่อเองก็มีเงินไม่ได้เหลือใช้
จริงๆมันยังมีประเด็นที่พ่อดูถูกวัฒนธรรมไทย โดยที่ไม่เปิดใจมองว่าเป็นความต่างของวัฒนธรรม
แต่ไม่อยากลงลึกค่ะ เพราะว่ามันจะยาว
ฟังแล้วคิดเห็นอย่างไร จะแนะนำให้เราปรับความคิดยังไงเพื่อตัวเองจะได้มีความสุขขึ้น บอกได้นะคะ เราอยากฟังเสียงของคนอื่นมากๆ
เผื่อจะได้คิดในมุมมองอื่นค่ะ
สิ่งที่เรากังวลคือ พอพ่อเราแก่กว่านี้ (ตอนนี้พ่อ 73 แล้ว) เราต้องไปดูแลพ่อ เพราะพี่คงไม่ทำ เราไม่อยากอยู่กับพ่อเลยค่ะ เราเข็ดและก็กลัว
ทำยังไงดีคะ พ่อไม่ยอมบินมาอยู่ไทยด้วยค่ะ ไม่ทำก็อกตัญญู