โรคซึมเศร้าหรือแค่ปัญหาชีวิต?

***ถ้าพิมผิดพิมไม่รู้เรื่องยังไงขอโทษด้วยคะ***
ต้องขอแนะนำตัวเองก่อนว่าก่อนหน้านี้หนูเคยเป็นคนที่คนรอบๆข้างต่างก็อยากจะมีขีวิตแบบหนู ทั้งรูปร่างหน้าตา ฐานะ ความสามารถ และแนวทางการใช้ชีวิต ก่อนหน้านี้หนูก็เป็นคนปกติ มีเป้าหมายหลายๆอย่างในชีวิต แล้วมีความฝันเหมือนๆกับทุก เป็นคนที่ค่อนข้างโลกสวยนิดๆ พยายามคิดในแง่บวกไม่ว่สจะเรื่องอะไร หนูจะเรียกได้ว่าเป็นผญสายstrongเลยก็ว่าได้ สาวมั่นแนวๆนั้น 

คือหนูบอกพ่อว่าหนูคิดว่าหนูเป็นโรคซึมเศร้า แล้วก็อธิบายให้เขาฟังว่าทำไมหนูถึงคิดแบบนั้นแต่เหมือนเขาจะไม่ค่อยเข้าใจ
คือเรื่องมีอยู่ว่าเมื่อประมาน4-5เดือนก่อน หนูต้องจำใจยกแมวที่ตัวเองรักมากๆๆ ให้คนอื่นไป คือลืมบอกไปว่าหนูเรียนมหาลัยที่ตปทพอปิดเทอมก็กลับไทยติดโควิดอีกเลยต้องอยู่ไทยยาวเลยต้องยกแมวให้คนอื่นไป เศร้ามากๆอยู่ประมาณอาทิต1 ไม่กินข้าว เศร้า วันๆไม่ทำอะไรคิดถึงแมว พอคนที่บ้านถามว่าเป็นอะไร หนูก็บอกว่าหนูยกแมวให้คนอื่นไปแล้ว ทุกคนต่างก็ยินดีกับหนูแล้วบอกว่า ยกให้คนอื่นไปนั้นแหล่ะดีแล้ว ได้ไม่ต้องมาเป็นภาระเรา หนูคิดใจว่ามันน่ายินดีตรงไหนว่ะ? แต่ก็ตั้งแต่วันแรกที่หนูบอกกับพ่อแม่และพี่ชายว่าหนูซื้อแมวมาเลี้ยงที่หอ เอามาอยู่เป็นเพื่อน ทุกคนพูดเหมือนกันหมดว่าเอาคืนคนขายเค้าไปบอกเค้าว่าไม่ต้องคืนเงินก็ได้ แต่หนูไม่ยอมเพราะหนูอยากเลี้ยงแมวมากๆ นี่คือแมวตัวแรกของหนูแล้วหนูเก็บเงินซื้อมันมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เค้าไม่เข้าใจว่าแมวตัวนี้มันคืนที่พึ่งทางใจของหนูอ่ะ หนูอธิบายไปว่าแมวนี้หนูอยู่ด้วยแล้วสบายใจ เวลาเรียนกลับมาเหนื่อยๆพอกลับมาที่ห้องแล้วเจอแมววิ่งมารับหน้าห้องแล้วก็รู้สึกหายเหนื่อย มันก็ฟิลคล้ายๆกับที่พ่อกับแม่ทำงานเหนื่อยแล้วกลับมาเจอหนูนี่แหล่ะ แค่คนที่บ้านกลับบอกว่า โอ้โฮ่นี่รักแมวยิ่งกว่าพ่อแม่อีก กล้าเอาแมวมาเทียบกับพ่อแม่ หนูก็ได้แต่เงียบ เพราะพูดไปเขาก็ไม่เข้าใจ
พอผ่านไปอาทิต1 ก็พยายามตัดใจแต่ก็ฝันถึงแมวอยู่บ่อย ฝันแต่ละครั้งคือเหมือนจริงมากๆ ฝันว่าได้เอาแมวกลับมาอยู่ไทยด้วยกัน แต่ฝันก็คือฝัน

เลยพยายามหาไรทำ ขายของออนไลน์ เรียนออนไลน์ ตอนเรียนตั้งใจเรียน ก็มีเครียดกับเรื่องเรียนบ้างแต่ก็พยายามคิดใจแง่บวกไว้ งานยากก็ดีได้พัฒนาตัวเอง จนถึงช่วง2-3เดือนที่ผ่านมันเป็นช่วงใกล้สอบปลายภายงานเยอะมากแล้วก็ยากมาก เพราะต้องเขียนรายงานส่งเป็นสิบเล่ม ทำงานหนักอดหลับอดนอน ข้าวก็ไม่ได้กิน เก็บตัวอยู่ไม่ออกไปไหนทำแต่งาน ช่วงนั้นคนที่ก็ว่าเยอะ เช่น วันๆดูแต่คอม ไม่เคยช่วยงานที่บ้านบางเลย ขายของก็ไม่ตั้งใจขาย นอนทั้งวัน ตื่นก็สาย ข้าวก็ไม่กิน กินก็ไม่กินพร้อมคนอื่นเค้า วันๆไม่เห็นจะทำอะไร
ตอนนั้นบอกเลยว่าทั้งจิตใจอ่อนแอมาก เพราะทั้งเรื่องเรียนก็หนักอยู่แล้ว ยังโดนคนที่บ้านทั้งพ่อ แม่ พี่ชายบ่นทุกวัน เพื่อนที่เรียนด้วยก็คอยจะบัฟเราอยู่ตลอดเวลา ก็เลยยิ่งรู้สึกกดดัน แล้วก็กดดันตัวเองมากๆที่จะต้องทำงานออกมาให้ดี ตอนั้นคิดถึงแมวเรามากๆเพราะเทอมก่อนก็เป็นแบบนี้ที่มอ แต่พอเครียดหรือร้องไห้ก็ยังมีแมวที่คอยให้กำลังใจอยู่ตลอดๆ พอตอนนี้ไม่มีแล้วก็เลยไม่รู้จะไปขอกำลังใจจากใคร ตั้งแต่ตอนนั้นก็เริ่มคิดโทษตัวเอง ทำไมทำอะไรก็ไม่ดีซักอย่าง เรื่องเรียนก็โง่ งานที่บ้านก็ช่วยเหลืออะไรไม่ได้สักอย่าง ขายของก็ขายไม่ได้ ไร้ค่าจริงๆ ไม่อยากทำอะไร หมดpassionกับทุกๆอย่าง แล้วก็เริ่มอยากทำร้ายตัวเองแล้วก็ตาย ช่วง1เดือนที่ผ่านก็ฝันว่าทำร้ายตัวเองอยู่บ่อยๆ แต่ยังไม่เคยลงมือทำ เป็นแบบนี้อยู่ประมาน2-3เดือนแล้ว เลยคิดว่าเราจะเป็นโรคซึมเศร้ามั้ย? พอเล่าแบบนี้ให้พ่อฟัง พาอบอกว่าเป็นเพราะหนูไม่กินข้าว เลยทำมห้คิดฟุ้งซ่าน กินข้าวทุกมื้อซัก1-2อาทิตเดี๋ยวก็หาย แล้วก็เคยปรึกษากับน้องสาว น้องก็ลอกว่าพี่ไม่เป็นหรอก พี่ยังคุยกับทุกคนปกติอยู่เลย อย่าคิดมาก อยากไปหาหมอแต่ก็ไม่มีเงินเลย จะบอกให้แม่พาไปเค้าก็จะบอกว่าหนูไม่ได้เป็นหรอก หนูแค่ขก วันเอาแต่นอนแล้วก็เล่นโทรศัพท์ข้าวก็ไม่กิน
หรือมันก็แค่ปัญหาชีวิตคะ ผ่านมาแล้วก็เดี๋ยวก็ผ่านไป ไม่รู้ว่าควรทำยังไง หนูไม่อยากมีความคิดแบบนี้เลย ไม่ชอบเลยที่ตัวเองเอาแต่คิดอ่อนแอๆแบบนี้ แต่เหมือนจู่ๆมันก็ผุดขึ้นมาเอง อยากให้มันหยุด อยากกลับไปเป็นตัวเองคนเก่า
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
เข้ามารับฟัง จขกท ค่ะ

จากที่เล่า ไม่คิดว่าป่วยนะคะ แต่คิดว่าอาจมีภาวะซึมเศร้า และหรืออาการทางจิตเวชอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการความเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน รวมถึงแผนระยะกลาง ระยะยาวที่วางไว้ เชื่อว่าทุกคนเจอปัญหาเดียวกันนี้ทั้งหมด นั่นคือโควิด หากตั้งท่าทีของจิตใจไว้ไม่ดี ไม่ยืดหยุ่นพอ จะปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ยาก ไม่มากก็น้อย คิดว่า จขกท กำลังเจอปัญหาการปรับตัวนี้

อย่างแรกที่ควรทำ คือเอาใจใส่สุขภาพร่างกายของตนให้ดี คุณพ่อพูดถูก เรื่องการทานข้าวให้ครบ จะให้ดี ต้องมีผลไม้และดื่มน้ำให้มาก ไม่ว่างานจะเยอะจะมากแค่นั้น เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องพื้นฐาน ไม่ทำ และไม่ให้ความสำคัญไม่ได้ ไม่ว่าจะอายุน้อยหรือมากแค่ไหน เมื่อสุขภาพร่างกายดี ได้สารอาหารครบถ้วน ได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ คนเราถึงจะสามารถทำหน้าที่และความรับผิดชอบของตนเองได้ประสบความสำเร็จ

เรื่องแมว แมวน่ารักจริง ๆ ค่ะ เห็นแล้วรักเลย แต่ไม่รู้ว่า จขกท เคยอ่านนิทานหรือคำสอนของเซ็นบ้างไหม (หากจำไม่ผิด) ที่สอนว่าคนตรงหน้านี่แหละที่สำคัญที่สุด เมื่อเหตุปัจจัยหลายอย่างทำให้ต้องห่างและต้องยกแมวให้คนอื่น และกลับมาไทย ความสุขและกำลังใจต้องเป็นสิ่งที่หาได้ที่นี่ การสร้างเงื่อนไขว่าต้องมีแมวถึงจะมีกำลังใจ ไม่เรียลลิสติกเลยนะคะ ที่แน่ ๆ เชื่อว่าแมวก็ได้รับการดูแลที่ดี ไม่ต้องห่วงหรือคิดถึงมันมากค่ะ มันจะอยู่ได้ดี การวิ่งเอาใจไปคิดถึงแมว ไปมาตลอดวัน ผลคือจิตใจเหนื่อยล้า เมื่อตัวกายอยู่ตรงนี้ และยังต้องอยู่ตรงนี้ จิตใจต้องไม่ห่างไปจากกายค่ะ หากปล่อยให้กายกับใจไม่อยู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะไปอดีตหรืออนาคต ทั้งหมดนั้น เรียกว่าขาดสติ สติและความรู้ตัวสำคัญมาก เพราะจะคุ้มครองจิตไม่ให้ว้าวุ่น ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

ชีวิตที่แท้ของคนเรามีขณะเดียว คือปัจจุบันขณะ ทำปัจจุบันให้ดี ไม่มีอะไรให้ต้องเสียใจ เมื่อเวลาผ่านไป และไม่มีอะไรต้องกังวล ล่วงหน้า

หากยังไม่หาย อาจขอให้พ่อแม่พาไปพบจิตแพทย์ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่