A. สตรีนิยมสายเสรีนิยม (Liberalist Feminism)เรียกร้องให้มีความเสมอภาคเท่าเทียม และสิทธิเสรีภาพระหว่างเพศ เช่น สิทธิในการเลือกตั้ง สิทธิในการประกอบอาชีพ สิทธิด้านการศึกษา กฎหมายใช้คำนำหน้าชื่อ หรือการเลือกใช้นามสกุล เป็นต้น
B. สตรีนิยมสายมาร์กซิสต์ (Marxist Feminism) มองว่าความเสียเปรียบในบทบาทของผู้หญิงมาจากระบบทุนนิยมที่กดขี่ขูดรีด ผู้หญิงถูกผูกติดกับงานทีไม่มีคุณค่าในระบบทุนนิยม เช่น งานบ้าน ที่ไม่มีค่าตอบแทนเป็นเงิน จึงเสนอให้ผู้หญิงต้องมีส่วนร่วมในการปฏิวัติสังคม โค่นล้มระบบทุนนิยม การถูกกดขี่เอาเปรียบจึงจะหมดไป
C. สตรีนิยมแบบสุดขั้ว (Radical Feminism) ไม่ได้มีข้อเสนอเพื่อเรียกร้องความเท่าเทียมระหว่างหญิงชาย หากแต่ต่อต้านการกดขี่ทุกรูปแบบ ต้องการปรับเปลี่ยนระบบความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างการกำหนดบทบาททางเพศ ด้วยการเสนอบทบาทที่ไม่ยึดติดกับเพศสรีระ และยังเรียกร้องสิทธิในด้านเนื้อตัวร่างกาย และอนามัยเจริญพันธ์ของผู้หญิง เช่น ไม่ใส่ผ้าอนามัย ฟรีเซ็กส์
D. สตรีนิยมแนววัฒนธรรม (Cultural Feminism) มองว่าผู้หญิงกับผู้ชายมีความแตกต่างกันจากเงื่อนไขทางวัฒนธรรม ซึ่งไม่ได้มีความหมายในเชิงลบหรือบวกแต่เกิดจากการให้ความหมายโดยสังคม และไม่จำเป็นต้องทำให้ผู้หญิงมีบทบาทเทียบเท่ากับผู้ชาย เพราะเหมือนเป็นการกำหนดผู้ชายเป็นตัวตั้งแล้วพยามทำให้ผู้หญิงไปเทียบเท่า ซึ่งจะเป็นการสร้างความรุนแรงให้ผู้หญิงมากขึ้นไปอีก
E. สตรีนิยมสกุลหลังอาณานิคม (Postcolonial Feminism) เคลื่อนประเด็นการศึกษาจากผู้หญิงมาสู่การศึกษาวาทกรรมเกี่ยวกับผู้หญิง และการนำเสนอภาพผู้หญิงในฐานะที่เป็นเครื่องมือในการผลิตซ้ำความเชื่อต่อผู้หญิง โดยไม่ได้คำนึงถึงบริบทที่แตกต่างกันของผู้หญิง เช่น ชนชั้น เชื้อชาติ เพศถานะ และเพศวิถี
กระทู้ชวนคุย สาวๆสมัยนี้เป็นเฟมินิสต์มากแค่ไหน
B. สตรีนิยมสายมาร์กซิสต์ (Marxist Feminism) มองว่าความเสียเปรียบในบทบาทของผู้หญิงมาจากระบบทุนนิยมที่กดขี่ขูดรีด ผู้หญิงถูกผูกติดกับงานทีไม่มีคุณค่าในระบบทุนนิยม เช่น งานบ้าน ที่ไม่มีค่าตอบแทนเป็นเงิน จึงเสนอให้ผู้หญิงต้องมีส่วนร่วมในการปฏิวัติสังคม โค่นล้มระบบทุนนิยม การถูกกดขี่เอาเปรียบจึงจะหมดไป
C. สตรีนิยมแบบสุดขั้ว (Radical Feminism) ไม่ได้มีข้อเสนอเพื่อเรียกร้องความเท่าเทียมระหว่างหญิงชาย หากแต่ต่อต้านการกดขี่ทุกรูปแบบ ต้องการปรับเปลี่ยนระบบความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างการกำหนดบทบาททางเพศ ด้วยการเสนอบทบาทที่ไม่ยึดติดกับเพศสรีระ และยังเรียกร้องสิทธิในด้านเนื้อตัวร่างกาย และอนามัยเจริญพันธ์ของผู้หญิง เช่น ไม่ใส่ผ้าอนามัย ฟรีเซ็กส์
D. สตรีนิยมแนววัฒนธรรม (Cultural Feminism) มองว่าผู้หญิงกับผู้ชายมีความแตกต่างกันจากเงื่อนไขทางวัฒนธรรม ซึ่งไม่ได้มีความหมายในเชิงลบหรือบวกแต่เกิดจากการให้ความหมายโดยสังคม และไม่จำเป็นต้องทำให้ผู้หญิงมีบทบาทเทียบเท่ากับผู้ชาย เพราะเหมือนเป็นการกำหนดผู้ชายเป็นตัวตั้งแล้วพยามทำให้ผู้หญิงไปเทียบเท่า ซึ่งจะเป็นการสร้างความรุนแรงให้ผู้หญิงมากขึ้นไปอีก
E. สตรีนิยมสกุลหลังอาณานิคม (Postcolonial Feminism) เคลื่อนประเด็นการศึกษาจากผู้หญิงมาสู่การศึกษาวาทกรรมเกี่ยวกับผู้หญิง และการนำเสนอภาพผู้หญิงในฐานะที่เป็นเครื่องมือในการผลิตซ้ำความเชื่อต่อผู้หญิง โดยไม่ได้คำนึงถึงบริบทที่แตกต่างกันของผู้หญิง เช่น ชนชั้น เชื้อชาติ เพศถานะ และเพศวิถี