JJNY : 4in1 สุดารัตน์บี้ทวนกม.E-Sports/ชัชชาติตะลึงโรงแรมไร้นักท่องเที่ยว/โฆษกปชป.ซัดอดีตโฆษกพปชร./ผู้ประกอบการขก.โอดศก.

สุดารัตน์ บี้ รบ.ทบทวน กฎหมาย E-Sports
https://voicetv.co.th/read/n8Nn_HdTL

 

ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ประกาศผลักดันรัฐทบทวน กฎหมาย E-Sports ห่วงรัฐตัดโอกาสสร้างรายได้เยาวชน
 
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ประกาศผลักดันรัฐทบทวน กฎหมาย E-Sports พร้อมเปิดเวทีระดมความคิด ให้มีการรับฟังความเห็นรอบด้านทั้งในมุมของผู้ปกครองที่ห่วงใยลูกหลาน และผู้เกี่ยวข้องในแวดวง E-Sports โดยผลักดันให้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาให้รอบด้านก่อนออกกฏหมาย โดยระบุผ่านเฟซบุ๊กว่า
 
เนื่องด้วยในขณะนี้อุตสาหกรรม Digital Entertainment กำลังเป็นดาวรุ่งในยุค Disruption ยิ่งสภาวะหลัง Covid ประเทศไทยจำเป็นต้องมองหาฐานรายได้ใหม่ๆ มาทดแทนธุรกิจที่ถูก Disrupt
 
ธุรกิจ E-Sports และ Gaming กำลังเติบโตเร็วมาก ทั่วโลกมีจำนวนคนเล่นเกมอยู่ถึง 2700 ล้านคน มียอดรายได้มากกว่าธุรกิจเพลงและหนังรวมกันถึงราว 2.5 เท่า Platform content ยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง YouTube และ Netflix ยังมีรายได้รวมกันเท่ากับ 1 ใน 5 ของธุรกิจเกมเท่านั้น และธุรกิจเกมยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องแบบ double digit ทุกปี ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาไม่มีแม้แต่ปีเดียวที่ธุรกิจเกมมีการเติบโตอย่างติดลบแม้แต่ในปีที่มีวิกฤตเศรษฐกิจโลก เช่นในช่วง วิกฤต Dot Com, วิกฤตต้มยำกุ้ง, วิกฤต Subprime (Hamburger Crisis) หรือแม้กระทั่งวิกฤต Covid-19 ตัวล่าสุด
 
ในอเมริกา ในปี 2020 มีการคาดคะเนว่าธุรกิจเกมสร้างรายได้ให้กับประเทศมากถึง 36,921 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยหากเทียบเป็นเงินบาทไทยก็สูงเกินกว่า 1 ล้านล้านบาท ประเทศจีนเองก็มีการเติบโตด้าน gaming อย่างมหาศาล ถึงขั้นก้าวแซงอเมริกาไปแล้วในส่วนของรายได้ โดยในปี 2020 จีนจะทำเงินจากธุรกิจเกมสูงถึง 40,854 ล้านเหรียญสหรัฐ
 
โดยทั้งสองประเทศมหาอำนาจนี้ มีสัดส่วนของรายได้ที่มาจากเกมเทียบเป็นสัดส่วนได้ประมาณ 0.2-0.25 เปอร์เซ็นต์ ของ GDP ของประเทศ บริษัทเกมเพียงบริษัทเดียวในประเทศจีน เช่น Tencent มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงเทียบเท่ากับ 75 เปอร์เซ็นต์ ของมูลค่าของทุกบริษัททั้งหมดที่อยู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยรวมกัน และมีมูลค่าพอๆกับ Annual GDP ของประเทศไทยทั้งประเทศ
 
ในความเป็นจริงประเทศไทยเองก็มีเงินสะพัดอยู่ในธุรกิจเกมถึงปีละราวๆ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งติดอันดับ 19 ของโลก แต่เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ส่วนใหญ่รายได้กว่า 90 % จะถูกส่งกลับไปต่างประเทศหมด เนื่องจากเกมที่ให้บริการอยู่ในประเทศไทยเป็นเกมที่ถูกผลิตมาจากต่างประเทศแทบทั้งสิ้น ทั้งๆที่เด็กไทยมีศักยภาพมากมาย ทั้งกลุ่ม Programmer , Game Developer , Digital Artist, Animator, Streamer , Publisher , Caster , Cosplay หรือแม้แต่ Light & Sound ฯลฯ ทั้งยังมีความได้เปรียบในส่วนของ production cost ที่ถูกกว่าประเทศอย่างอเมริกาหรือญี่ปุ่นอย่างมหาศาล (ประมาณ 1 ใน 8)
 
เราจึงควรสนับสนุนทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมนี้ เพื่อให้เป็นฐานรายได้ใหม่ให้ประเทศ ในขณะที่ฐานการผลิตอื่น ทั้งไฟฟ้า อิเล็กทรอนิค รถยนต์ ทยอยย้ายฐานออกจากไทยและในทางกลับกันความห่วงใยของพ่อแม่ผู้ปกครอง เรื่องเด็กติดเกมส์ก็เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องรับฟังและแก้ไข
 
ในฐานะของคนเป็นแม่ ดิฉันเข้าใจดี และมีความห่วงใยมากเช่นกัน แต่การแก้ปัญหาเรื่องนี้มิใช่การออกกฎหมายแล้วปัญหาเด็กติดเกมส์จะจบไป
 
โอกาสสร้างรายได้ ให้เด็กรุ่นใหม่
 
ตรงกันข้ามถ้าออกกฎหมายอย่างไม่เข้าใจ นอกจากจะแก้ปัญหาเด็กติดเกมส์ไม่ได้ ยังจะเป็นอุปสรรค์ขัดขวาง การเจริญเติบโตของอุตสาหกรรม E-Sports และ Games ที่จะเป็นโอกาสสร้างรายได้ ให้เด็กรุ่นใหม่และประเทศไทย อีกจำนวนมากมาย บริบทของโลกยุค Digital เปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว เราต้องสนับสนุนให้เด็กไทยไปคว้าโอกาส สร้างรายได้ จาก Asset ใหม่ของโลกยุคใหม่ให้ได้ ไม่ใช่เป็นตัวถ่วงโอกาสและความเจริญของเด็กๆยุคใหม่ ผู้ใหญ่ต้องเข้าใจ ชี้แนะ ในทางที่ถูก และสนับสนุนให้เขาเติบโตในทางที่ถูกที่ควรค่ะ
 
ดิฉันยกตัวอย่างแค่เรื่อง ความคิดที่จะห้ามการไม่ให้ Streaming เกิน 2 ชม. สมมติกฎหมายออกมา ก็ห้ามได้เฉพาะ Streamer ไทย เด็ก ๆ ไทยก็จะหันไปดู Streamer จากอเมริกา และอีกหลายประเทศได้อยู่ดี เพราะทุกอย่าง On-Line ดูกันได้ทั้งโลก ซ้ำร้ายเราก็จะคุมเนื้อหาความรุนแรงไม่ได้อีกด้วย
 
ดิฉันจึงเสนอให้รัฐบาลต้องฟังความเห็นจากทุกฝ่ายให้รอบด้านก่อนการออกกฎหมายโดย เพื่อไทย จะจัดเวที “ตีป้อม เปิดแมพ ปล่อยของ” ใน EP.2 เร็วๆนี้ เชิญมาร่วมระดมความคิดกันอีกครั้งนะคะ

https://www.facebook.com/sudaratofficial/posts/3092849974127108
 


'ชัชชาติ' ตะลึงโรงแรมย่านพระนครไร้นักท่องเที่ยว ชวนคนไทยเที่ยวในประเทศ
https://voicetv.co.th/read/uG658PiCS

อดีต รมว.คมนาคม ตะลึงวิกฤตท่องเที่ยงย่านพระนคร โรงที่พักไร้นักท่องเที่ยว ก่อนเดินเที่ยวชมวัดใจกลางกรุง ชวนคนไทยเที่ยวในประเทศให้เม็ดเงินหมุนเวียนในไทย

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีต รมว.คมนาคม โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า 

ขณะที่เราเริ่มเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น ปัญหาสำคัญที่ยังอยู่ในสภาวะวิกฤตคือ การท่องเที่ยว ซึ่งแต่เดิมรายได้จากการท่องเที่ยวคิดเป็น 15 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ประเทศไทย กับมาถึงวันที่นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเป็นศูนย์ แล้วธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากจะอยู่รอดได้อย่างไร สัปดาห์ก่อน ตนแวะไปเยี่ยมรุ่นน้องที่ทำกิจการโรงแรมเฟื่องนครบัลโคนี่ https://www.feungnakorn.com/ กับโฮสเทลอีกสองแห่ง ตั้งอยู่บนถนนเฟื่องนคร เยื้องๆวัดราชบพิธ โรงแรมเฟื่องนครบัลโค เป็นโรงเรียนเก่าที่ดัดแปลงมาเป็นโรงแรมขนาด 38 ห้อง อยู่ในตรอกเล็กๆ ข้างหน้าเป็นร้าน Alice Cafe ช่วงเวลาปกติจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาพักตลอด เฉลี่ยทั้งปีประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ ช่วงไฮซีซั่นปลายปี จะเต็มตลอด วันที่ไปเยี่ยมไม่มีแขกพักเลย

"เบนซ์ น้องชายและน้องสาว ที่ช่วยกันบริหารโรงแรมเล่าให้ฟังว่า ธุรกิจโรงแรมแถวย่านพระนครก็มีการแข่งขันสูงตั้งแต่ก่อนโควิดแล้ว น้องชายเบนซ์เล่าว่ามีโฮสเทลเปิดใหม่เฉลี่ยอาทิตย์ละ 4 แห่ง ทำให้ราคาค่าห้องมีการแข่งขันสูงมาก ราคาต่ำ พอโควิดมา โรงแรมหรือโฮสเตลที่สายป่านสั้นก็ต้องปิดตัวไปหลายแห่ง ของที่นี่เอง มีพนักงาน 38 คน ไม่ให้พนักงานออก แต่มีการปรับตัวโดยการทำขนมและอาหารขายแทน โดยมีของอร่อยคือ ชิฟฟอนมะพร้าวอ่อน เค้กมะพร้าว และน้ำสมุนไพร โดยให้พนักงานปรับตัวมาหัดทำขนม Packaging และ ส่งอาหาร ตอนที่ผมไปเยี่ยมห้องครัว คนทำขนมก็เป็นคนที่อยู่แผนกต้อนรับแขกมาก่อน ทุกๆ คนก็ร่วมมือร่วมใจกัน ทำให้พอมีรายได้มาประทัง ขนมอร่อยดีและมีคนสั่งมากพอสมควร"

นายชัชชาติ ระบุว่า ตนไม่เคยมาเดินแถวนี้ เลยชวนกันออกเดินเที่ยว พบว่ามีสถานที่ที่น่าเที่ยวในระยะเดินอยู่มากมาย เริ่มจากเดินข้ามถนนเฟื่องนคร เข้าไปกราบพระในวัดราชบพิธที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามเป็นอย่างมาก จากนั้นออกมาเดินริมคลองหลอดแวะชิมก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ป้าเพียร ที่ผัดด้วยกระทะทองเหลือง เตาถ่าน ทีละจาน ใส่หมูแดงและกากหมูเจียว หอมอร่อยมากๆ เดินผ่านร้านข้าวแกงคุณแอ๋วที่กับข้าวน่าทานทั้งนั้น แวะไปทานกาแฟที่ร้าน ออนล๊อคหยุ่นที่เปิดมากว่า 80 ปี พี่ที่เสิร์ฟอาหารทำงานมา 30 ปี แค่น้ำชาเย็นๆ ที่ดื่มฟรีก็อร่อยแล้ว ทานขนมปังปิ้งทาเนย ขนมปังน้ำแข็งไส ขนมปังชุบไข่ทอด (เฟรนช์โทสต์) แวะร้านขนมไทยที่ดิโอลด์สยาม ซื้อข้าวเหนียวสังขยา ข้าวเหนียวทุเรียน เมี่ยงคำ กลับไปฝากคุณแม่ ขากลับแวะซื้อไก่ทอด หมูทอด ไส้อั่ว ข้าวซอยที่ร้านอาหารเหนือป้าอ้อไปฝากทีมงาน แค่นี้ก็หมดเวลาไปเกือบครึ่งวันแล้ว ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกเยอะเลยที่ยังไม่ได้ไป
 
"ปีที่แล้วมีคนไทยเราเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ 10.6 ล้านคน ขนเงินไปใช้จ่ายนอกประเทศประมาณ 3.4 แสนล้านบาท ตอนนี้เดินทางไปต่างประเทศไม่ได้ หันมาเที่ยวในไทยนี่แหละครับ ราคาไม่แพง เงินหมุนเวียนอยู่ในประเทศ สนับสนุนธุรกิจของคนไทย ได้เห็นสภาพเมือง ความเป็นอยู่ วิถีชีวิต แล้วเมือง ชุมชน เศรษฐกิจท้องถิ่นจะเข้มแข็งขึ้นครับ"
 
https://www.facebook.com/chadchartofficial/posts/3275479989179497
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่