----------------------------------------------------
ขอบคุณที่แวะมาอ่านกันนะคะ
แวะมาทักทายพูดคุยกันได้ค้า
www.facebook.com/glassmablez
หรือ
www.facebook.com/the.samanthachiew
------------------------------------------------------
7
เสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัด มันดังสนั่น จนปลุกให้เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมา
หญิงสาวเบิกตาโพลง จ้องมองฝ่าความมืดสลัวไปยังเพดานไม้เหนือศีรษะ นิ่งมองอย่างนั้นอยู่นาน ก่อนจะรับรู้ได้ในนาทีถัดมาว่านี่คือห้องนอนของเธอเอง
หญิงสาวเงี่ยหูฟัง -- ทว่าเสียงลึกลับที่ดังก้องกังวานคล้ายเสียงโลหะเสียดสีกันก่อนหน้าพลันเงียบหายไป ไม่มีเสียงอื่นใดอีก นอกจากเสียงสายลมที่พัดดังหวีดหวิว และเสียงสายฝนที่ตกหนัก โหมพัดกระหน่ำอย่างรุนแรง จนบานหน้าต่างสั่นไหว เสียงเอียดอาดดังลั่นไปทั่วบ้านที่สร้างจากไม้ ท่ามกลางความเงียบภายในห้อง --
มันเป็นเพียงเสียงจากความฝันเท่านั้น -- เสียงที่เธอละเมอ แว่วได้ยินไปเอง -- หญิงสาวปลอบตนเอง แต่กระนั้นแล้ว เธอก็ยังคงหอบหายใจอย่างรุนแรง ราวกับเพิ่งเผชิญเหตุการณ์ระทึกขวัญมา --
เหตุการณ์ระทึกขวัญหรือ -- ความคิดนั้นทำให้หญิงสาวตัวสั่นเล็กน้อย
เธอค่อยๆละสายตาจากบานหน้าต่างที่สั่นไหวมายังที่นอนข้างตนเอง แวบหนึ่งเธอคาดว่าจะเห็นร่างสูงนอนอยู่ตรงนั้น หากแต่มันกลับว่างเปล่า มีเพียงรอยยับของผ้าปูที่นอนผืนเก่า และหมอนหนุนใบเล็กเท่านั้น
“โจนาห์” หญิงสาวกระซิบเรียกชื่อนั้นออกมา หากแต่ไม่มีเสียงใดขานตอบกลับมา
หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงนอน “โจนาห์” เธอเรียกอีกครั้ง กวาดตามองไปรอบๆห้องนอนอันมืดสลัว และเงียบงัน -- ไม่มีร่างสูงปรากฏอยู่ในห้อง ทั้งที่ข้างเตียง มุมห้อง หรือขอบหน้าต่าง -- เขาไม่อยู่ในห้องแห่งนี้
หญิงสาวค่อยๆขยับตัวลงมาจากเตียง พลันความรู้สึกเจ็บปวดแล่นปราดไปทั่วบริเวณท้องน้อยอย่างรวดเร็ว -- หญิงสาวนิ่วหน้ากับความเจ็บปวดที่ได้รับ เธอยกมือวางบนหน้าท้องตนเองอย่างแผ่วเบา แต่แล้วความรู้สึกปวดอันหนักหน่วงนั้นกลับหายไปอย่างน่าประหลาด
หญิงสาวขมวดคิ้ว หากแต่ไม่ได้ร้องอะไรออกมา
เธอลุกขึ้นยืน ความรู้สึกปวดรวดร้าวลามไปทั่วบริเวณข้อเท้าของเธอ จนทำให้เธอเกือบทรุดลงบนขอบเตียง หากแต่เธอพยุงกายได้ในวินาทีถัดมาอย่างทุลักทุเล เอวาไอออกมาเล็กน้อยจากความเย็นชื้นภายในห้อง จากนั้นจึงคว้าผ้าคลุมมาห่มกาย แล้วค่อยๆก้าวเดินไปยังโต๊ะทำงานที่อยู่ข้างหน้าต่าง
หญิงสาวลอบมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง สายฝนยังคงตกลงมาอย่างหนักราวกับฟ้ารั่ว สายลมพัดดังหวีดหวิวราวกับมีพายุพัดเข้ามาจากทางชายฝั่ง และแสงจันทร์สีเงินก็ถูกแทนที่ด้วยเมฆฝนอันหนาทึบ จนทำให้ค่ำคืนนี้แทบจะมองอะไรไม่เห็น แม้แต่ต้นไม้ที่ตั้งตระหง่านอยู่ทางหน้าบ้าน
เธอกำลังจะมองหาตะเกียงอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะมีแสงสว่างจากฟ้าแลบส่องลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา ทำให้เธอทันสังเกตเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะไม้ตรงหน้า เธอหยิบมันขึ้นมา เพ่งมองไปตามหมึกข้อความที่ถูกเขียนด้วยลายมือตัวบรรจงอันคุ้นตาของโจนาห์
ผมเข้าเมืองไปหาหมอบอริส และสมุนไพร แล้วผมจะกลับมา --
ในตอนที่เธอกำลังค่อยๆอ่านจดหมายอยู่นั่นเอง เสียงฟ้าผ่าก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นมาจากโถงทางเดินด้านนอก!
หญิงสาวหยุดชะงัก หมุนตัวไปทางประตูห้องนอนด้านหลังตนเอง -- หากแต่ประตูไม้นั่นก็ยังคงปิดสนิทดีดั่งเดิม
เธอวางจดหมายลงบนโต๊ะ ค่อยๆก้าวเดินไปยังบานประตู แล้วเปิดมันออก -- เพ่งมองไปตามความมืดของทางเดินอย่างระมัดระวัง -- เมื่อไม่เห็นว่ามีใครปรากฏตัวขึ้น เธอจึงค่อยๆเดินออกมาจากห้องนอน ก้าวเดินไปตามโถงทางเดินขนาดเล็ก จนมาถึงขอบบันไดที่ทอดตัวไปยังชั้นล่างของบ้าน
ตอนนั้นเองที่เธอเห็นเงาของร่างหนึ่งเดินผ่านปลายบันไดหายเข้าไปในห้องชั้นล่าง!
“โจนาห์” เธอเปล่งเสียงเรียกออกไปอย่างไม่แน่ใจ หากแต่ร่างนั้นก็ไม่ได้ขานอะไรกลับมา
หญิงสาวรู้สึกตัวสั่นขึ้นมาเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเย็นชื้นของอากาศที่แปรปรวนภายนอก หรือเป็นเพราะความเย็นชาของโจนาห์ จึงทำให้เธอรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีขึ้นมา และมันก็ทำให้เธอไอออกมาอีกครั้ง ในขณะที่กำลังก้าวลงบันไดมายังชั้นล่าง
เธอหมุนตัวเดินตามเข้าไปในห้องนั่งเล่น พยายามเพ่งมองผ่านความมืดสลัวภายในห้อง
เงาอันเลือนลางของร่างสูงกำลังเดินเคลื่อนไหวอยู่อีกทางด้านหนึ่งของตัวห้อง เธอเดินเข้าไปใกล้เขามากขึ้น ปลายเท้าอันเปลือยเปล่าเหยียบสัมผัสอะไรบางอย่างที่เย็นเชียบ หญิงสาวก้มชำเลืองมองปลายเท้าตนเอง ก่อนจะพบว่ามันคือแอ่งน้ำบนผืนไม้กระดานที่อีกฝ่ายเหยียบเดินไปเป็นทาง ความเย็นชื้นที่ได้รับนั่นทำให้เธอเผลอสะดุ้งเล็กน้อย หากแต่ร่างสูงตรงหน้าไม่ได้แม้แต่หยุดหันมองมาทางเธอ นอกจากเดินหายเข้าไปในห้องครัวอย่างเงียบเชียบ
เขาตากฝนตลอดทางที่กลับมานี่เลยหรือ --
“โจนาห์” เธอเรียกเขาอีกครั้ง ขณะเดินตามเขาไป หูแว่วได้ยินเสียงเข้าเปิดลิ้นชัก และควานหาอะไรบางอย่าง
“
เอวา” คราวนี้เขาขานรับกลับมา
และการขานตอบนั่นทำให้เธอหยุดชะงักไป -- เขาคือโจนาห์จริงๆ
เสียงทุ้มของโจนาห์ที่เรียกชื่อเธอนั้น ทำให้เธอรู้สึกราวกับกำลังเผชิญเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่สำคัญยิ่ง --
“เอวา” โจนาห์เรียกเธออีกครั้ง
เอวาหยุดยืนอยู่ที่บานประตูครัว ยืนมองเขาคว้าหม้อใบเก่ามาตั้งเตา และควานหาไม้ขีดในเสื้อคลุมออกมาจุดเตาต้มน้ำ -- จนเมื่อน้ำเดือด เขาก็เทสมุนไพรในถุงผ้าลงไปจนหมด -- กลิ่นของมันโชยไปทั่วทั้งห้อง มันทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยขึ้นมา ราวกับว่ามันเคยจรดอยู่ที่ริมฝีปาก และปลายจมูกของเธอมาก่อน -- โจนาห์เทยาสมุนไพรนั่นลงในแก้วใบหนึ่ง แล้ววางแก้วยานั้นลงบนโต๊ะ
โจนาห์นั่งลง เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ตัวเก่า ถอดหมวกวางลงบนโต๊ะ และบอกเธอว่า “ดื่มยานี่สิ” เขาพยักเพยิดไปทางแก้วยาบนโต๊ะ “นี่จะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น”
เอวานิ่งไปนาน ใบหน้าที่จ้องมองชายหนุ่มนั้นดูนิ่งสงบ และแปลกตาไป จนโจนาห์สังเกตเห็นได้
“คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง” เขาถาม น้ำเสียงฟังดูไม่แน่ใจในบางอย่าง
เอวาเดินเข้ามาในครัว นั่งลงตรงข้ามเขา สูดดมกลิ่นสมุนไพรตรงหน้า ก่อนจะดื่มมันจนหมดแก้ว ไม่แยแสว่าความร้อนจะทำให้ปากของเธอแสบร้อนมากเพียงใด
“คุณยังเจ็บท้องอยู่ไหม” เขาถาม
เอวาไม่ตอบ
“คุณเจ็บข้อเท้ามากไหม”
เอวายังคงไม่ตอบ
ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบไปชั่วอึดใจหนึ่ง จนในที่สุดโจนาห์ได้พูดทำลายความเงียบขึ้นมาว่า “ผมรู้ว่าคุณเจ็บ” เขาเอ่ยออกมา “ผมเสียใจกับเรื่องเมื่อตอนค่ำ -- ผมไม่ตั้งใจจะทำร้ายคุณ”
เอวาเหลือบมองไปยังข้อเท้าของตนเองที่บวมเป่งอย่างน่ากลัว สองหูได้ยินเสียงเขาบอกว่าเขาไม่ตั้งใจที่จะมีปากเสียงกับเธอ หรือทำร้ายเธอรุนแรงแบบนั้น
“ผมแค่ --” เขาพึมพัม “ตกใจที่คุณบอกว่าเจ็บท้อง ราวกับใกล้คลอด”
ใช่ -- เอวานึกย้อนถึงเรื่องเมื่อตอนค่ำ -- เธอจับหน้าท้องตนเองโดยสัญชาตญาณ -- เธอแน่ใจว่าคืนนี้จะเป็นคืนที่เธอคลอดลูก
“ผมเสียใจ” เสียงโจนาห์ดังขึ้นอีก “ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณเจ็บ -- หรือทุบข้อเท้าของคุณแบบนั้น -- ตอนนั้นผมไม่เป็นตัวของตัวเอง”
เอวาละสายตาจากข้อเท้าตนเองไปยังโจนาห์
เขาไม่ได้เสียใจ -- เธอนึก ขณะพิจารณาไปตามใบหน้าที่สะอาดสะอ้านของเขา -- เขากำลังกลัวต่างหาก
โจนาห์กำลังเคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะ ดวงตาเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างครัว “ฝนตกหนักกว่าเดิม” เขารำพึง
เอวากลั้นอาการไอจากอากาศเย็นชื้นภายในห้อง เธอเช็ดริมฝีปากตนเอง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองโจนาห์นิ่ง “ฉันรู้สึกไม่ดี” เธอกระซิบ “ฉันฝันถึงเรื่องที่ -- เจ็บปวดเหลือเกิน”
โจนาห์ยังคงมองออกไปนอกหน้าต่าง เรือนผมสีแดงเปียกชื้น เช่นเดียวกันกับเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ หากแต่คราวนี้เขาดูไม่สนใจที่จะดูแลตนให้ดูดีอย่างเช่นเคย -- ไม่แม้แต่เอ่ยปากสั่งให้เธอหาผ้าเช็ดหน้ามาสักผืน
“ฉันฝันถึงเรื่องที่น่าเศร้า” เอวาพูดต่อไป “ฉันฝันถึงคนที่ฉันจะไม่มีโอกาสได้พบเจออีกต่อไปแล้ว”
โจนาห์ไม่ตอบ
“ด้านข้างใบหน้าของเขามีรอยแผลเป็นอันน่ากลัว” เอวาพูดเสียงแผ่วเบา ขณะจ้องมองไปตามด้านข้างใบหน้าอันเย็นชานั้น “คุณจะไม่ถามฉันหน่อยหรือ ว่ามันเป็นความฝันเกี่ยวกับอะไร โจนาห์ --”
“คุณดื่มยาสมุนไพรนั่นหมดแล้วใช่ไหม” เขาย้อนถามมาโดยไม่เหลือบมามองเธอ
เอวาเหลือบมองแก้วยาบนโต๊ะ ก่อนจะพูดออกมาว่า “คุณจำความฝันที่ฉันเล่าให้คุณฟังเมื่อเช้าได้ไหม”
โจนาห์ยังคงนั่งนิ่งเช่นเดิม หากแต่แวบหนึ่งเอวาสังเกตเห็นถึงลมหายใจที่ถอนออกมาอย่างหนักหน่วงได้
เอวาเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่าง เฝ้ามองสายฝนที่ยังคงตกกระหน่ำ ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของโจนาห์พูดขึ้นมาว่า “ผมไม่อยากได้ยินเรื่องนั้น” เขาว่า
เอวาพยักหน้า หากแต่แทนที่จะนิ่งเงียบ ริมฝีปากของเธอกลับเปล่งเสียงออกมาว่า
“ฉันคิดว่ามันเป็นความฝันเหมือนที่ฉันเคยเห็นครั้งก่อนๆ” เอวาเอ่ยออกมา “ฉันเคยคิดว่ามันเป็นความตายของคนอื่นๆ -- เหมือนกับตอนที่ฉันเห็นนักบวชที่หัวใจวาย เด็กน้อยที่ตายจากโรคร้าย และหญิงสาวที่เกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน -- ฉันคิดว่าครั้งนี้ก็เป็นแบบนั้นเช่นเดียวกัน --” เอวาสูดลมหายใจเข้าลึก “เพียงแต่ครั้งนี้มันกลับทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวด และรู้สึกหวาดกลัวยิ่งกว่าครั้งไหนๆ -- ฉันสัมผัสทุกความรู้สึกในฝันนั้นได้ ราวกับมันเกิดขึ้นจริงก็ไม่ปาน”
เอวากระชับผ้าคลุมแน่น ขณะจ้องมองใบหน้าที่นิ่งเฉยของอีกฝ่าย
“ฉันรู้สึกได้ถึงความโกรธ ฉันรู้สึกเจ็บปวด และอ่อนแอเกินกว่าจะวิ่งหนีไปไหนได้ --” น้ำเสียงของเอวาดังขึ้นเล็กน้อย “ไร้เรี่ยวแรงต่อต้านและขัดขืน -- ไปไหนไม่ได้นอกจากถูกขังลืมอยู่ที่นี่ ในบ้านหลังนี้ -- กับคุณ โจนาห์”
ปลายนิ้วที่เคาะลงบนโต๊ะของโจนาห์ชะงักค้างกลางอากาศ ใบหน้าที่มองออกไปนอกหน้าต่างนั้น หันมาสบตามองเธอในที่สุด “ทำไมคุณพูดแบบนั้น” เขาถามเสียงต่ำ
เอวากลับย้อนถามไปว่า “ทำไมคุณถึงทุบข้อเท้าฉันเมื่อตอนค่ำ”
หากแต่โจนาห์ไม่ตอบอะไรกลับมา นอกจากเม้มริมฝีปากแน่น
เอวาลุกขึ้นยืนในจังหวะนั้น ค่อยๆก้าวออกมาจากเก้าอี้ ผ้าคลุมเลื่อนหลุดออก -- เผยให้เห็นเลือดสีแดงฉานที่ไหลอาบไปทั่วชายกระโปรง และท่อนขาของเธอ
โจนาห์ตื่นตะลึงกับภาพที่เห็น เขาสะดุ้งสุดตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเธอพูดต่อไป
“ฉันรู้ว่าสมุนไพรนั่นจะทำให้ฉันเสียลูกไป” เธอบอกเขา “ฉันรู้ว่าคุณพยายามจะฆ่าลูกในท้องของฉัน” เธอยกมือที่เปื้อนเลือดวางบนหน้าท้องของตนที่เคยนูนเด่น หากแต่บัดนี้กลับแบนราบ ราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาตลอดหลายเดือนนั้น ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน! “แต่คุณจะให้ฉันเสียเขาไปได้อย่างไรกัน โจนาห์ หากฉันไม่มีเด็กในท้องอีกต่อไปแล้ว”
“เอวา --” เขาพูดขึ้นเป็นคำแรก หลังจากเงียบไปนาน “เป็นไปไม่ได้”
“เขามาหาฉัน” เอวาบอกโจนาห์ “ฉันฝันเห็นเขา”
โจนาห์ไม่ได้ถามเธอว่าใครคือชายในฝันของเธอ หากแต่แววตาที่มองมานั้นกลับรับรู้ได้ถึงสิ่งที่เธอบอก
“ฉันฝันเห็นลูกของเรา ฉันฝันเห็นเมิฟ” เอวาพยายามควบคุมเสียงตนเองให้ไม่สั่น “และเขายอมเสียสละตนเองเพื่อฉัน -- เพื่อที่จะให้ตาชั่งนั้นเท่าเทียม -- เพื่อที่จะให้การแลกเปลี่ยนนั้นยุติธรรม”
ถึงตรงนี้เขาดูไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด “คุณพูดเรื่องอะไรกัน” เขาขมวดคิ้ว เสยเรือนผมสีแดงเพลิงไปให้พ้นหน้า “เสียสละอะไร ตาชั่งอะไร -- ความยุติธรรมอะไรกัน”
“คืนนี้จะเป็นคืนที่ฉันคลอดเขา -- และเขาจะรอดจากยาพิษของคุณอย่างปาฏิหาริย์ แต่ไม่ใช่กับฉัน --” เอวาว่า ดวงตาจับจ้องไปยังอีกฝ่าย “คืนนี้จะเป็นคืนที่เขาถือกำเนิดขึ้น แต่ฉันจะตายจากไป -- ชีวิตหนึ่งเกิด และอีกชีวิตหนึ่งดับ มันควรจะเป็นแบบนั้นในคืนนี้ -- แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว เพราะการแลกเปลี่ยนที่เขาทำเพื่อฉัน”
โจนาห์มองเธอราวกับเธอได้เสียสติไปแล้ว
EXONERATED คืนล้างบาป (7)
ขอบคุณที่แวะมาอ่านกันนะคะ
แวะมาทักทายพูดคุยกันได้ค้า
www.facebook.com/glassmablez
หรือ
www.facebook.com/the.samanthachiew
------------------------------------------------------
หญิงสาวเบิกตาโพลง จ้องมองฝ่าความมืดสลัวไปยังเพดานไม้เหนือศีรษะ นิ่งมองอย่างนั้นอยู่นาน ก่อนจะรับรู้ได้ในนาทีถัดมาว่านี่คือห้องนอนของเธอเอง
หญิงสาวเงี่ยหูฟัง -- ทว่าเสียงลึกลับที่ดังก้องกังวานคล้ายเสียงโลหะเสียดสีกันก่อนหน้าพลันเงียบหายไป ไม่มีเสียงอื่นใดอีก นอกจากเสียงสายลมที่พัดดังหวีดหวิว และเสียงสายฝนที่ตกหนัก โหมพัดกระหน่ำอย่างรุนแรง จนบานหน้าต่างสั่นไหว เสียงเอียดอาดดังลั่นไปทั่วบ้านที่สร้างจากไม้ ท่ามกลางความเงียบภายในห้อง --
มันเป็นเพียงเสียงจากความฝันเท่านั้น -- เสียงที่เธอละเมอ แว่วได้ยินไปเอง -- หญิงสาวปลอบตนเอง แต่กระนั้นแล้ว เธอก็ยังคงหอบหายใจอย่างรุนแรง ราวกับเพิ่งเผชิญเหตุการณ์ระทึกขวัญมา --
เหตุการณ์ระทึกขวัญหรือ -- ความคิดนั้นทำให้หญิงสาวตัวสั่นเล็กน้อย
เธอค่อยๆละสายตาจากบานหน้าต่างที่สั่นไหวมายังที่นอนข้างตนเอง แวบหนึ่งเธอคาดว่าจะเห็นร่างสูงนอนอยู่ตรงนั้น หากแต่มันกลับว่างเปล่า มีเพียงรอยยับของผ้าปูที่นอนผืนเก่า และหมอนหนุนใบเล็กเท่านั้น
“โจนาห์” หญิงสาวกระซิบเรียกชื่อนั้นออกมา หากแต่ไม่มีเสียงใดขานตอบกลับมา
หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงนอน “โจนาห์” เธอเรียกอีกครั้ง กวาดตามองไปรอบๆห้องนอนอันมืดสลัว และเงียบงัน -- ไม่มีร่างสูงปรากฏอยู่ในห้อง ทั้งที่ข้างเตียง มุมห้อง หรือขอบหน้าต่าง -- เขาไม่อยู่ในห้องแห่งนี้
หญิงสาวค่อยๆขยับตัวลงมาจากเตียง พลันความรู้สึกเจ็บปวดแล่นปราดไปทั่วบริเวณท้องน้อยอย่างรวดเร็ว -- หญิงสาวนิ่วหน้ากับความเจ็บปวดที่ได้รับ เธอยกมือวางบนหน้าท้องตนเองอย่างแผ่วเบา แต่แล้วความรู้สึกปวดอันหนักหน่วงนั้นกลับหายไปอย่างน่าประหลาด
หญิงสาวขมวดคิ้ว หากแต่ไม่ได้ร้องอะไรออกมา
เธอลุกขึ้นยืน ความรู้สึกปวดรวดร้าวลามไปทั่วบริเวณข้อเท้าของเธอ จนทำให้เธอเกือบทรุดลงบนขอบเตียง หากแต่เธอพยุงกายได้ในวินาทีถัดมาอย่างทุลักทุเล เอวาไอออกมาเล็กน้อยจากความเย็นชื้นภายในห้อง จากนั้นจึงคว้าผ้าคลุมมาห่มกาย แล้วค่อยๆก้าวเดินไปยังโต๊ะทำงานที่อยู่ข้างหน้าต่าง
หญิงสาวลอบมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง สายฝนยังคงตกลงมาอย่างหนักราวกับฟ้ารั่ว สายลมพัดดังหวีดหวิวราวกับมีพายุพัดเข้ามาจากทางชายฝั่ง และแสงจันทร์สีเงินก็ถูกแทนที่ด้วยเมฆฝนอันหนาทึบ จนทำให้ค่ำคืนนี้แทบจะมองอะไรไม่เห็น แม้แต่ต้นไม้ที่ตั้งตระหง่านอยู่ทางหน้าบ้าน
เธอกำลังจะมองหาตะเกียงอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะมีแสงสว่างจากฟ้าแลบส่องลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา ทำให้เธอทันสังเกตเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะไม้ตรงหน้า เธอหยิบมันขึ้นมา เพ่งมองไปตามหมึกข้อความที่ถูกเขียนด้วยลายมือตัวบรรจงอันคุ้นตาของโจนาห์
ผมเข้าเมืองไปหาหมอบอริส และสมุนไพร แล้วผมจะกลับมา --
ในตอนที่เธอกำลังค่อยๆอ่านจดหมายอยู่นั่นเอง เสียงฟ้าผ่าก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นมาจากโถงทางเดินด้านนอก!
หญิงสาวหยุดชะงัก หมุนตัวไปทางประตูห้องนอนด้านหลังตนเอง -- หากแต่ประตูไม้นั่นก็ยังคงปิดสนิทดีดั่งเดิม
เธอวางจดหมายลงบนโต๊ะ ค่อยๆก้าวเดินไปยังบานประตู แล้วเปิดมันออก -- เพ่งมองไปตามความมืดของทางเดินอย่างระมัดระวัง -- เมื่อไม่เห็นว่ามีใครปรากฏตัวขึ้น เธอจึงค่อยๆเดินออกมาจากห้องนอน ก้าวเดินไปตามโถงทางเดินขนาดเล็ก จนมาถึงขอบบันไดที่ทอดตัวไปยังชั้นล่างของบ้าน
ตอนนั้นเองที่เธอเห็นเงาของร่างหนึ่งเดินผ่านปลายบันไดหายเข้าไปในห้องชั้นล่าง!
“โจนาห์” เธอเปล่งเสียงเรียกออกไปอย่างไม่แน่ใจ หากแต่ร่างนั้นก็ไม่ได้ขานอะไรกลับมา
หญิงสาวรู้สึกตัวสั่นขึ้นมาเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเย็นชื้นของอากาศที่แปรปรวนภายนอก หรือเป็นเพราะความเย็นชาของโจนาห์ จึงทำให้เธอรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีขึ้นมา และมันก็ทำให้เธอไอออกมาอีกครั้ง ในขณะที่กำลังก้าวลงบันไดมายังชั้นล่าง
เธอหมุนตัวเดินตามเข้าไปในห้องนั่งเล่น พยายามเพ่งมองผ่านความมืดสลัวภายในห้อง
เงาอันเลือนลางของร่างสูงกำลังเดินเคลื่อนไหวอยู่อีกทางด้านหนึ่งของตัวห้อง เธอเดินเข้าไปใกล้เขามากขึ้น ปลายเท้าอันเปลือยเปล่าเหยียบสัมผัสอะไรบางอย่างที่เย็นเชียบ หญิงสาวก้มชำเลืองมองปลายเท้าตนเอง ก่อนจะพบว่ามันคือแอ่งน้ำบนผืนไม้กระดานที่อีกฝ่ายเหยียบเดินไปเป็นทาง ความเย็นชื้นที่ได้รับนั่นทำให้เธอเผลอสะดุ้งเล็กน้อย หากแต่ร่างสูงตรงหน้าไม่ได้แม้แต่หยุดหันมองมาทางเธอ นอกจากเดินหายเข้าไปในห้องครัวอย่างเงียบเชียบ
เขาตากฝนตลอดทางที่กลับมานี่เลยหรือ --
“โจนาห์” เธอเรียกเขาอีกครั้ง ขณะเดินตามเขาไป หูแว่วได้ยินเสียงเข้าเปิดลิ้นชัก และควานหาอะไรบางอย่าง
“เอวา” คราวนี้เขาขานรับกลับมา
และการขานตอบนั่นทำให้เธอหยุดชะงักไป -- เขาคือโจนาห์จริงๆ
เสียงทุ้มของโจนาห์ที่เรียกชื่อเธอนั้น ทำให้เธอรู้สึกราวกับกำลังเผชิญเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่สำคัญยิ่ง --
“เอวา” โจนาห์เรียกเธออีกครั้ง
เอวาหยุดยืนอยู่ที่บานประตูครัว ยืนมองเขาคว้าหม้อใบเก่ามาตั้งเตา และควานหาไม้ขีดในเสื้อคลุมออกมาจุดเตาต้มน้ำ -- จนเมื่อน้ำเดือด เขาก็เทสมุนไพรในถุงผ้าลงไปจนหมด -- กลิ่นของมันโชยไปทั่วทั้งห้อง มันทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยขึ้นมา ราวกับว่ามันเคยจรดอยู่ที่ริมฝีปาก และปลายจมูกของเธอมาก่อน -- โจนาห์เทยาสมุนไพรนั่นลงในแก้วใบหนึ่ง แล้ววางแก้วยานั้นลงบนโต๊ะ
โจนาห์นั่งลง เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ตัวเก่า ถอดหมวกวางลงบนโต๊ะ และบอกเธอว่า “ดื่มยานี่สิ” เขาพยักเพยิดไปทางแก้วยาบนโต๊ะ “นี่จะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น”
เอวานิ่งไปนาน ใบหน้าที่จ้องมองชายหนุ่มนั้นดูนิ่งสงบ และแปลกตาไป จนโจนาห์สังเกตเห็นได้
“คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง” เขาถาม น้ำเสียงฟังดูไม่แน่ใจในบางอย่าง
เอวาเดินเข้ามาในครัว นั่งลงตรงข้ามเขา สูดดมกลิ่นสมุนไพรตรงหน้า ก่อนจะดื่มมันจนหมดแก้ว ไม่แยแสว่าความร้อนจะทำให้ปากของเธอแสบร้อนมากเพียงใด
“คุณยังเจ็บท้องอยู่ไหม” เขาถาม
เอวาไม่ตอบ
“คุณเจ็บข้อเท้ามากไหม”
เอวายังคงไม่ตอบ
ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบไปชั่วอึดใจหนึ่ง จนในที่สุดโจนาห์ได้พูดทำลายความเงียบขึ้นมาว่า “ผมรู้ว่าคุณเจ็บ” เขาเอ่ยออกมา “ผมเสียใจกับเรื่องเมื่อตอนค่ำ -- ผมไม่ตั้งใจจะทำร้ายคุณ”
เอวาเหลือบมองไปยังข้อเท้าของตนเองที่บวมเป่งอย่างน่ากลัว สองหูได้ยินเสียงเขาบอกว่าเขาไม่ตั้งใจที่จะมีปากเสียงกับเธอ หรือทำร้ายเธอรุนแรงแบบนั้น
“ผมแค่ --” เขาพึมพัม “ตกใจที่คุณบอกว่าเจ็บท้อง ราวกับใกล้คลอด”
ใช่ -- เอวานึกย้อนถึงเรื่องเมื่อตอนค่ำ -- เธอจับหน้าท้องตนเองโดยสัญชาตญาณ -- เธอแน่ใจว่าคืนนี้จะเป็นคืนที่เธอคลอดลูก
“ผมเสียใจ” เสียงโจนาห์ดังขึ้นอีก “ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณเจ็บ -- หรือทุบข้อเท้าของคุณแบบนั้น -- ตอนนั้นผมไม่เป็นตัวของตัวเอง”
เอวาละสายตาจากข้อเท้าตนเองไปยังโจนาห์
เขาไม่ได้เสียใจ -- เธอนึก ขณะพิจารณาไปตามใบหน้าที่สะอาดสะอ้านของเขา -- เขากำลังกลัวต่างหาก
โจนาห์กำลังเคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะ ดวงตาเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างครัว “ฝนตกหนักกว่าเดิม” เขารำพึง
เอวากลั้นอาการไอจากอากาศเย็นชื้นภายในห้อง เธอเช็ดริมฝีปากตนเอง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองโจนาห์นิ่ง “ฉันรู้สึกไม่ดี” เธอกระซิบ “ฉันฝันถึงเรื่องที่ -- เจ็บปวดเหลือเกิน”
โจนาห์ยังคงมองออกไปนอกหน้าต่าง เรือนผมสีแดงเปียกชื้น เช่นเดียวกันกับเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ หากแต่คราวนี้เขาดูไม่สนใจที่จะดูแลตนให้ดูดีอย่างเช่นเคย -- ไม่แม้แต่เอ่ยปากสั่งให้เธอหาผ้าเช็ดหน้ามาสักผืน
“ฉันฝันถึงเรื่องที่น่าเศร้า” เอวาพูดต่อไป “ฉันฝันถึงคนที่ฉันจะไม่มีโอกาสได้พบเจออีกต่อไปแล้ว”
โจนาห์ไม่ตอบ
“ด้านข้างใบหน้าของเขามีรอยแผลเป็นอันน่ากลัว” เอวาพูดเสียงแผ่วเบา ขณะจ้องมองไปตามด้านข้างใบหน้าอันเย็นชานั้น “คุณจะไม่ถามฉันหน่อยหรือ ว่ามันเป็นความฝันเกี่ยวกับอะไร โจนาห์ --”
“คุณดื่มยาสมุนไพรนั่นหมดแล้วใช่ไหม” เขาย้อนถามมาโดยไม่เหลือบมามองเธอ
เอวาเหลือบมองแก้วยาบนโต๊ะ ก่อนจะพูดออกมาว่า “คุณจำความฝันที่ฉันเล่าให้คุณฟังเมื่อเช้าได้ไหม”
โจนาห์ยังคงนั่งนิ่งเช่นเดิม หากแต่แวบหนึ่งเอวาสังเกตเห็นถึงลมหายใจที่ถอนออกมาอย่างหนักหน่วงได้
เอวาเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่าง เฝ้ามองสายฝนที่ยังคงตกกระหน่ำ ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของโจนาห์พูดขึ้นมาว่า “ผมไม่อยากได้ยินเรื่องนั้น” เขาว่า
เอวาพยักหน้า หากแต่แทนที่จะนิ่งเงียบ ริมฝีปากของเธอกลับเปล่งเสียงออกมาว่า
“ฉันคิดว่ามันเป็นความฝันเหมือนที่ฉันเคยเห็นครั้งก่อนๆ” เอวาเอ่ยออกมา “ฉันเคยคิดว่ามันเป็นความตายของคนอื่นๆ -- เหมือนกับตอนที่ฉันเห็นนักบวชที่หัวใจวาย เด็กน้อยที่ตายจากโรคร้าย และหญิงสาวที่เกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน -- ฉันคิดว่าครั้งนี้ก็เป็นแบบนั้นเช่นเดียวกัน --” เอวาสูดลมหายใจเข้าลึก “เพียงแต่ครั้งนี้มันกลับทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวด และรู้สึกหวาดกลัวยิ่งกว่าครั้งไหนๆ -- ฉันสัมผัสทุกความรู้สึกในฝันนั้นได้ ราวกับมันเกิดขึ้นจริงก็ไม่ปาน”
เอวากระชับผ้าคลุมแน่น ขณะจ้องมองใบหน้าที่นิ่งเฉยของอีกฝ่าย
“ฉันรู้สึกได้ถึงความโกรธ ฉันรู้สึกเจ็บปวด และอ่อนแอเกินกว่าจะวิ่งหนีไปไหนได้ --” น้ำเสียงของเอวาดังขึ้นเล็กน้อย “ไร้เรี่ยวแรงต่อต้านและขัดขืน -- ไปไหนไม่ได้นอกจากถูกขังลืมอยู่ที่นี่ ในบ้านหลังนี้ -- กับคุณ โจนาห์”
ปลายนิ้วที่เคาะลงบนโต๊ะของโจนาห์ชะงักค้างกลางอากาศ ใบหน้าที่มองออกไปนอกหน้าต่างนั้น หันมาสบตามองเธอในที่สุด “ทำไมคุณพูดแบบนั้น” เขาถามเสียงต่ำ
เอวากลับย้อนถามไปว่า “ทำไมคุณถึงทุบข้อเท้าฉันเมื่อตอนค่ำ”
หากแต่โจนาห์ไม่ตอบอะไรกลับมา นอกจากเม้มริมฝีปากแน่น
เอวาลุกขึ้นยืนในจังหวะนั้น ค่อยๆก้าวออกมาจากเก้าอี้ ผ้าคลุมเลื่อนหลุดออก -- เผยให้เห็นเลือดสีแดงฉานที่ไหลอาบไปทั่วชายกระโปรง และท่อนขาของเธอ
โจนาห์ตื่นตะลึงกับภาพที่เห็น เขาสะดุ้งสุดตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเธอพูดต่อไป
“ฉันรู้ว่าสมุนไพรนั่นจะทำให้ฉันเสียลูกไป” เธอบอกเขา “ฉันรู้ว่าคุณพยายามจะฆ่าลูกในท้องของฉัน” เธอยกมือที่เปื้อนเลือดวางบนหน้าท้องของตนที่เคยนูนเด่น หากแต่บัดนี้กลับแบนราบ ราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาตลอดหลายเดือนนั้น ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน! “แต่คุณจะให้ฉันเสียเขาไปได้อย่างไรกัน โจนาห์ หากฉันไม่มีเด็กในท้องอีกต่อไปแล้ว”
“เอวา --” เขาพูดขึ้นเป็นคำแรก หลังจากเงียบไปนาน “เป็นไปไม่ได้”
“เขามาหาฉัน” เอวาบอกโจนาห์ “ฉันฝันเห็นเขา”
โจนาห์ไม่ได้ถามเธอว่าใครคือชายในฝันของเธอ หากแต่แววตาที่มองมานั้นกลับรับรู้ได้ถึงสิ่งที่เธอบอก
“ฉันฝันเห็นลูกของเรา ฉันฝันเห็นเมิฟ” เอวาพยายามควบคุมเสียงตนเองให้ไม่สั่น “และเขายอมเสียสละตนเองเพื่อฉัน -- เพื่อที่จะให้ตาชั่งนั้นเท่าเทียม -- เพื่อที่จะให้การแลกเปลี่ยนนั้นยุติธรรม”
ถึงตรงนี้เขาดูไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด “คุณพูดเรื่องอะไรกัน” เขาขมวดคิ้ว เสยเรือนผมสีแดงเพลิงไปให้พ้นหน้า “เสียสละอะไร ตาชั่งอะไร -- ความยุติธรรมอะไรกัน”
“คืนนี้จะเป็นคืนที่ฉันคลอดเขา -- และเขาจะรอดจากยาพิษของคุณอย่างปาฏิหาริย์ แต่ไม่ใช่กับฉัน --” เอวาว่า ดวงตาจับจ้องไปยังอีกฝ่าย “คืนนี้จะเป็นคืนที่เขาถือกำเนิดขึ้น แต่ฉันจะตายจากไป -- ชีวิตหนึ่งเกิด และอีกชีวิตหนึ่งดับ มันควรจะเป็นแบบนั้นในคืนนี้ -- แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว เพราะการแลกเปลี่ยนที่เขาทำเพื่อฉัน”
โจนาห์มองเธอราวกับเธอได้เสียสติไปแล้ว