หลังจากไตรภาค The Dream Chapter ค่าย บฮ. จะเอาไงต่อกับทีเร้ก ??

กระทู้สนทนา


หลังจากสองเดือนที่ผ่านมาลองไปเล่นทวิตเตอร์ก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่สไตล์เรา ถึงจะไม่มีดราม่าก็เหอะ ก็ยังคิดว่าการจำกัดปริมาณตัวหนังสือในทวิตเป็นอะไรที่น่าหงุดหงิดพอๆกับการพิมพ์อะไรสั้นๆแล้วเกิดการตีความเข้าใจผิดทั้งๆที่เป็นเรื่องไม่ใช่เรื่อง  ดังนั้นเลยตัดสินใจกลับมาพิมพ์อะไรยาวๆในพันทิปนี่แหล่ะ น่าจะเหมาะกับสไตล์ตัวเองที่สุดแล้ว

เข้าเรื่อง: 
หลังจากอัลบั้มล่าสุด TDC : ETERNITY ถูกปล่อยเมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และปิดท้ายด้วยมหากาพย์เอ็มวี 19 นาที Eternally เป็นการตัดจบด้วยอารมณ์ที่สับสนและว้าวุ่นไบโพล่าห์ตามแนวเพลง Alternative R&B  เป็นการส่งท้ายไตรภาค

TDC: STAR  อัลบั้มสีฟ้าที่เน้นสไตล์ดนตรีซินธ์ป๊อบย้อนยุค 1980-90s พาเราย้อนอดีต รำลึกถึงวัยเด็กกับเพลง Crown , Blue/Or , Cat & Dog , Our Summer หรืองีบหลับกับแทร็คสุดท้าย Nap of a Star
ช่วงเดบิ้วต์ผ่านไปราวกับความฝันในวัยเด็กที่ไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไขได้อีกแล้ว  อัลบั้มนี้จึงเหมือนสมุดไดอารี่บันทึกความทรงจำเก่าเก็บของเหล่าสมาชิกทั้ง 5 คนไว้ตลอดกาล

TDC: MAGIC  เป็นการกระโดดข้ามช่วงเวลาจากวัยเด็กกลายเป็นวัยรุ่นในธีมมิตรภาพและการลองของในโลกเวทย์มนต์ โดยยังคงอารมณ์การย้อนยุคผ่านแนวเพลงซินธ์ป๊อบยืนพื้นอยู่ เราได้เห็นความหลากหลายในแนวดนตรีมากขึ้นโดยเฉพาะดนตรีแนว R&B เช่นเพลง 20cm ที่ดูจะเข้ากับสไตล์ของวงนี้เหลือเกิน  ซึ่งการโปรโมตอัลบั้มนี้ ก็ได้ขึ้นแสดงทั้งสเตจปลายปีและปล่อยเดบิ้วต์อัลบั้มญี่ปุ่นที่สามารถสร้างความน่าสนใจให้กับผู้ชมหน้าใหม่ได้พอสมควร  รวมทั้งยังพวกเขาก็สามารถสลัดความเกร็งจากตอนเดบิ้วต์ที่ถูกเพ่งเล็งอย่างหนัก  ให้เริ่มรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นด้วย

TDC: ETERNITY  ถูกปล่อยในช่วงที่โควิดกำลังระบาด และนั่นทำให้ต้องยกเลิกทัวร์คอนเสิร์ตครั้งแรก (ไม่นับโชว์เคสที่อเมริกา) แน่นอนนี่เป็นเรื่องน่าเสียดายสำหรับแฟนๆรวมทั้งการประเมินฟีดแบ็คคอนเสิร์ตแต็มครั้งแรกของค่ายด้วย เพราะการทัวร์คอนนั้นจะทำให้ค่ายได้เช็คเรตติ้งเพลงแต่ละเพลง โชว์แต่ละโชว์ ว่าคนดูมีฟีดแบ็คอย่างไรตอนแสดงจริงๆเพื่อนำมาปรับแก้ไขในอัลบั้มถัดๆไป

แต่จากเท่าที่ดูสเตจพรีเซ้นล่าสุดทั้ง CYSM, PUMA และ Fairy of Shampoo (Music Bank Half year)  ที่สังเกตเห็นได้ชัดคือพวกเขารู้สึกรีแล็คมากขึ้น สบายๆมากขึ้น กับการใช้สีหน้าที่ยิ้มเป็นยิ้ม  ซึ่งความเป็นธรรมชาตินี่แหล่ะจะเป็นเสน่ห์ที่ติดตัวพวกเขาตลอดไป  ถ้าตัดเรื่องยกเลิกทัวร์คอนออกก็มีเรื่องนี้ที่เป็นสัญญาณด้านบวกที่น่าสนใจ

.....................................

# ปิดไตรภาค TDC แล้ว คิดว่าค่ายจะมาแนวไหน กลยุทธ์ถัดไปจะเป็นยังไง ?

การเดาใจค่ายนี้เป็นอะไรที่ยากเย็นไม่ต่างกับถามว่า เมื่อไหร่จะหมดโควิด 55+
ส่วนตัวมองว่าที่ชัวร์ๆอันดับแรกคือ โล๊ะดนตรีซินธ์ป๊อบออก เพราะมันเป็นตัวแทนของบรรยากาศ ย้อนยุค 80-90s  คือเล่นมา 3 อัลบั้มแล้ว อิ่มตัวแล้ว 
ดนตรีต่อไปถ้าไม่เดินหน้ามายุค 2000 ก็อาจจะย้อนถอยไปอีกเป็นยุคต้น 70s มันก็มีแนวให้เล่นเยอะ เช่นพวก progressive pop, rock หรือแนวคาบเกี่ยว 70-80s Disco funk แต่ที่แน่ๆ ค่ายน่าจะคงแนวที่ถูกโฉลกกับทีเร้กอย่าง R&B ไว้ รวมทั้งอาจะเพิ่ม Hiphop ที่หนักขึ้น - Aggressive มากขึ้น ถ้าคอนเซ็บอัลบั้มหน้าเป็นอะไรที่เข้มขึ้น ?!

คือตอนเดบิ้วต์แรกๆ เราคิดภาพไม่ออกเหมือนกันนะว่าเด็กพวกนี้มันจะมี vibe หนักๆ หรือ Aggressive ยังไง  แต่พอเห็นสเตจ Boy in luv กับ Dope แล้ว เราค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะไปได้ดีพอสมควรเลย เพราะนอกจากยอนจุนแล้ว ตัวที่จะดึง vibe เพลงให้หนักขึ้น/ดุขึ้น คือ โทนเสียงร้องที่แหบห้าวของบอมกยูและความดุเดือด และ punch การร้องและแร็ปของหนิงไคจะเป็นอะไรที่น่าสนใจในอนาคต

การปล่อยอัลบั้มครึ่งหลังของปีนี้รวมทั้งอัลบั้มในปีหน้าซึ่งเป็นปีที่ 3 ของวงนั้น เป็นอะไรที่น่าลุ้นว่าจะสามารถกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงได้มั้ย 
รวมถึงการมีส่วนร่วมในการทำอัลบั้มที่มากขึ้น ก็จะช่วยสร้างลายเซ็นของวงได้เร็วยิ่งขึ้นด้วย

ถ้าเปรียบไอดอลเป็นเด็กมหาลัยเรียนสัก 5-6 ปี
ตอนนี้วงก็ผ่านปี 1 เฟรชชี่วัยใสไปแล้ว ปีที่ 2 ก็ต้องเน้นอะไรที่เข้มข้นขึ้น , ปี 3 ก็จะได้เรียนตัวคณะเยอะขึ้น สายวิชาเริ่มชัดเจน
วงไอดอลก็เหมือนกัน หมดโปรปี 1-2 มันก็ต้องเลือกสาย/แนวทางของวงตัวเองมากขึ้น
แต่ก็อย่างว่าแหล่ะ เรียนไปก็ค้นพบตัวเองไป สุดท้ายก็เรียนไม่ตรงสายหรือไม่อยากเรียนซะงั้น  นั่นสินะ  บางทีวงไอดอลหลายๆวงเป็นงี้ก็มีนะ  เก็ตเนอะว่าเราหมายถึงอะไร 55

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่