เพิ่งได้ดูซีรี่ย์นี้เพราะการแนะนำแกมบังคับจากแฟนเก่าครับ บอกพ่อแง่

อนเหมือนเราสองคนตอนนั้นเลยแ ต่ตอนนี้สถานะเป็นพี่ชายน้องสาวที่ดีที่สุด ให้กันและกันมานานหลายปีแล้วครับไม่มีดราม่าไม่มีปัญหามั นเป็นความผูกพันธ์กันมานานก่อนเป็นแฟนกัน จนไม่อยากเสียมันไปเพราะแค่คำว่าเราเลิกกัน
พอได้ดูแล้วประทับใจครับ เป็นการเขียนบทที่สนุกและมีการใส่สัญลักษณ์ต่างๆได้อย่างแยบยลจนไม่รู้สึกยัดเยียด การแสดงของนักแสดงหลักแต่ละคนก็ดีมากๆ
จุดประเด็นที่ผมสนใจมากคือการเติบโตในความสัมพันธ์ของนางเอกกับพระเอกที่ทำให้ผมอินสุดๆได้ครับอย่างที่มีเพื่อนๆ หลายคนได้สรุปและวิเคราะห์ไปเยอะแล้ว ว่าทั้งนางเอกและพระเอกมีปมทางจิตใจกันทั้งคู่
อันนี้เห็นด้วยอย่างแรง เพราะฉะนั้นผมข้ามเรื่องการวิเคราะห์ทางจิตใจของทั้งคู่ไปนะครับ ขอโฟกัสที่การพัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดีกว่า
ขอยกคำพูดของ ผอ โรงพยาบาลที่ผมคิดว่ามันคือ keyword ที่สำคัญมากในความสัมพันธ์ของทั้งคู่
"มีเพียงผู้ที่เคยเจ็บปวดเท่านั้น ที่จะเข้าใจความเจ็บปวดอย่างแท้จริง"
ทั้งสองฝ่ายใช้ชีวิตอยู่กับความเจ็บปวดมาตลอดทั้งชีวิต และมีการโหยหาใครสักคนที่เข้าใจตัวเองและเมื่อยิ่งเจ็บปวดก็ยิ่งโหยหา และเมื่อโหยหาแล้วไม่ค้นพบก็ยิ่งเจ็บปวดวนซ้ำกันไปมาไม่รู้จบ เราจึงได้เห็นการแสดงออกที่ค่อนข้างสุดโต่งในแนวตัวเองของทั้งสองฝ่าย
ในขณะที่ฝ่ายนึงต่อต้านสังคมสุดขั้ว อีกฝ่ายก็เป็นคนที่แคร์สังคมแบบสุดขั้วเช่นกัน
ในขณะที่ฝ่ายนึงทำอะไรโดยไม่แคร์ว่าใครจะมองยังไง อีกฝ่ายก็เป็นคนที่กังวลว่าคนอื่นจะมองตัวเองยังไง
ในขณะที่ฝ่ายหนึ่งอยากได้อะไรก็จะวิ่งเข้าหาและทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา อีก
ฝ่ายก็มักเป็นฝ่ายปฏิเสธความต้องการตัวเอง
ในขณะที่ฝ่ายหนึ่งใช้ชีวิตในการแสดงออกถึงความกล้า อีกฝ่ายก็ใช้ชีวิตในการแสดงออกถึงความกลัว
แต่สิ่งที่ทั้งสองคนมีเหมือนๆกัน คือความเจ็บปวดในใจ ที่ต่างก็สร้างหน้ากากปิดบังเอาไว้ในรูปแบบของตัวเอง
"จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้าย ความต้องการสิ่งเติมเต็มในชีวิต"
ผมเคยอ่านแนวคิดเรื่องนี้หลายครั้ง คนเราจะเลือกคนที่เป็นขั้วตรงข้ามกับตัวเอง เพราะความรู้สึกที่ต้องการคนที่มาเติมเต็มในส่วนที่ตัวเองขาดอยู่
ยิ่งคนที่มีความเจ็บปวดในใจ ยิ่งมีความต้องการคนที่มาเติมเต็มในใจมากกว่าคนทั่วไป จึงไม่แปลกที่บางครั้งเรามักมีคำถาม เวลาเห็นคนหลายคู่มาคบกันทั้งที่สายตาคนทั่วไปจะงงว่าคบกันได้ไง
แต่เพราะเราไม่ได้เข้าไปอยู่ในเรื่องราวเดียวกับเค้า เราเลยอาจจะไม่รู้ว่าเพราะคนๆนั้นอาจจะเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่สร้างภาพที่เติมเต็มให้กันและกันได้พอดีก็ได้
นางเอกอาจจะต้องการสลักนิรภัยอย่างที่เธอพูดบ่อยๆก็ได้
ส่วนพระเอกก็อาจจะต้องการผู้ช่วยปลดปล่อยเขาออกจากกรงที่เขาสร้างไว้เองแบบไม่รู้ตัวหรือรู้ตัวแต่ไม่กล้ายอมรับ
สำหรับนางเอกพระเอกอาจจะเป็นความสนใจและรู้สึกอยากเอาชนะในช่วงแรก
พัฒนาการมาสู่การยอมรับในตัวตนของพระเอกว่าเป็นที่พึ่งทางใจและหยุดเธอจากการระเบิดได้ มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่นางเอกไม่ฟังพระเอกคือตอนเล่นงานนักข่าว แต่หลังจากเหตุการณ์นั้นไม่มีคำพูดไหนของพระเอกที่นางเอกไม่รับฟัง ถึงจะแสดงออกแบบวีนๆใส่บ้างแต่สุดท้ายก็ยอมทำตามคำพูดพระเอกเสมอ และทุกครั้งที่พระเอกเข้ามาหยุดสถานการณ์ก่อนนางเอกระเบิด นางเอกก็หยุดให้จริงๆ ยิ่งตอน ep6 เราจะเห็นภาพนางเอกพยายามเดินเลี่ยงหนีและทำท่าพยายามสงบใจตามที่พระเอกสอน และชัดสุดกับท่ากอดผีเสื้อที่นางเอกก็ฟังและเอามาใช้กับตัวเองเสมอเวลามีฝันร้าย เราจะเริ่มรู้สึกว่านางเอกมีพัฒนาการในการเริ่มกลับมาเป็นคนปรกติในสังคมมากขึ้นทีละนิดๆ
พระเอกจากตอนแรกที่รู้สึกอยากเลี่ยงจากนางเอก พยายามหนีตลอดเวลาแต่หลังจากเหตุการณ์ลักพาตัวลูกนักการเมือง พระเอกก็เริ่มมีความรู้สึกยอมรับนางเอกมากขึ้น และเริ่มเปิดใจให้นางเอกมากขึ้นทีละนิดๆ และเช่นกันพระเอกเริ่มมีการแสดงอารมณ์ที่รู้สึกจริงๆ มากขึ้นทีละนิดเช่นกัน รวมถึงฉากนึกถึงคำพูดนางเอกว่าใส่หมวกทำไมอดเห็นหน้าหล่อๆ เลยระหว่างทางที่กลับบ้านพระเอกก็ถอดหมวกออกตามที่นึกถึงคำพูดนางเอก
จึงไม่แปลกที่พระเอกไม่รู้สึกอะไรกับคุณพยาบาลทั้งที่แสนดีขนาดนั้น เพราะคุณพยาบาลไม่ใช่จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่ยังขาด ต่อให้ทำดีให้ตายแค่ไหนก็เป็นได้แค่คนดี แต่ไม่ใช่คนรัก
"ความหิวหรือความอบอุ่น"
ความสัมพันธ์เริ่มจากความขัดแย้ง การอยากเอาชนะ ความอยากครอบครองซึ่งอาจจะเปรียบได้กับความหิว มาสู่การเริ่มค่อยๆยอมรับซึ่งกันและกันแล้วเริ่มปูทางมาสู่การพัฒนาไปถึงขั้นเริ่มเปิดหัวใจ เริ่มเข้าใจในกันและกันใน EP5-6
ซึ่งเปรียบได้กับความอบอุ่นที่คนดูคงรู้สึกได้เหมือนกันว่าตั้งแต่ EP5 เป็นต้นมาบรรยากาศความอบอุ่นนี้ เริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆระหว่างสองคนนี้ รอลุ้น EP7 อยู่ครับ จะมีอะไรพลิกโผรึเปล่า ส่วนในอนาคตสองคนนี้จะได้คบกันจริงๆแล้วไปรอดมั้ยเพราะชัดเจนว่าอยู่กันคนละสังคม ชนชั้นและรสนิยมที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงแบบนั้น ก็ว่ากันไปในอนาคตครับ
แต่จุดน่าสนใจนึงที่ผมเห็นจากเรื่องนี้คือความหมายที่แตกต่างกันในมุมมองของแต่ละคน เช่นตอนที่นางเอกทะเลาะกับคุณพยาบาล นางเอกเข้าใจว่าพระเอกเข้าข้างคุณพยาบาล แต่คุณพยาบาลกลับร้องห่มร้องให้ว่าพระเอกสนใจแต่นางเอกไม่มองตัวเองเลยหรือฉากลูกนักการเมืองโดนแม่ตบหน้า ในสายตาบุคคลที่สามก็คงคิดว่าแม่เสียใจและเกลียดลูกคนนี้ แต่คนโดนตบเองกลับคิดต่างกันว่าแม่ยังรักและห่วงใยเค้า ผมว่าสิ่งนี้น่าสนใจมากถ้าเราเอามาใช้กับชีวิตเราจริงๆ คือการตัดสินอะไรลองขยับตัวเองออกจากมุมมองเดิมแล้วมองสิ่งนั้นในหลายๆมุมมองเพิ่มอาจจะทำให้เราเข้าใจอะไรชัดเจนขึ้น
มาร่วมรอ EP7 ร่วมกันนะครับ
เพราะต่างก็เจ็บปวดจึงเติมเต็มให้กันและกัน
เพิ่งได้ดูซีรี่ย์นี้เพราะการแนะนำแกมบังคับจากแฟนเก่าครับ บอกพ่อแง่
พอได้ดูแล้วประทับใจครับ เป็นการเขียนบทที่สนุกและมีการใส่สัญลักษณ์ต่างๆได้อย่างแยบยลจนไม่รู้สึกยัดเยียด การแสดงของนักแสดงหลักแต่ละคนก็ดีมากๆ
จุดประเด็นที่ผมสนใจมากคือการเติบโตในความสัมพันธ์ของนางเอกกับพระเอกที่ทำให้ผมอินสุดๆได้ครับอย่างที่มีเพื่อนๆ หลายคนได้สรุปและวิเคราะห์ไปเยอะแล้ว ว่าทั้งนางเอกและพระเอกมีปมทางจิตใจกันทั้งคู่
อันนี้เห็นด้วยอย่างแรง เพราะฉะนั้นผมข้ามเรื่องการวิเคราะห์ทางจิตใจของทั้งคู่ไปนะครับ ขอโฟกัสที่การพัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดีกว่า
ขอยกคำพูดของ ผอ โรงพยาบาลที่ผมคิดว่ามันคือ keyword ที่สำคัญมากในความสัมพันธ์ของทั้งคู่
"มีเพียงผู้ที่เคยเจ็บปวดเท่านั้น ที่จะเข้าใจความเจ็บปวดอย่างแท้จริง"
ทั้งสองฝ่ายใช้ชีวิตอยู่กับความเจ็บปวดมาตลอดทั้งชีวิต และมีการโหยหาใครสักคนที่เข้าใจตัวเองและเมื่อยิ่งเจ็บปวดก็ยิ่งโหยหา และเมื่อโหยหาแล้วไม่ค้นพบก็ยิ่งเจ็บปวดวนซ้ำกันไปมาไม่รู้จบ เราจึงได้เห็นการแสดงออกที่ค่อนข้างสุดโต่งในแนวตัวเองของทั้งสองฝ่าย
ในขณะที่ฝ่ายนึงต่อต้านสังคมสุดขั้ว อีกฝ่ายก็เป็นคนที่แคร์สังคมแบบสุดขั้วเช่นกัน
ในขณะที่ฝ่ายนึงทำอะไรโดยไม่แคร์ว่าใครจะมองยังไง อีกฝ่ายก็เป็นคนที่กังวลว่าคนอื่นจะมองตัวเองยังไง
ในขณะที่ฝ่ายหนึ่งอยากได้อะไรก็จะวิ่งเข้าหาและทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา อีก
ฝ่ายก็มักเป็นฝ่ายปฏิเสธความต้องการตัวเอง
ในขณะที่ฝ่ายหนึ่งใช้ชีวิตในการแสดงออกถึงความกล้า อีกฝ่ายก็ใช้ชีวิตในการแสดงออกถึงความกลัว
แต่สิ่งที่ทั้งสองคนมีเหมือนๆกัน คือความเจ็บปวดในใจ ที่ต่างก็สร้างหน้ากากปิดบังเอาไว้ในรูปแบบของตัวเอง
"จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้าย ความต้องการสิ่งเติมเต็มในชีวิต"
ผมเคยอ่านแนวคิดเรื่องนี้หลายครั้ง คนเราจะเลือกคนที่เป็นขั้วตรงข้ามกับตัวเอง เพราะความรู้สึกที่ต้องการคนที่มาเติมเต็มในส่วนที่ตัวเองขาดอยู่
ยิ่งคนที่มีความเจ็บปวดในใจ ยิ่งมีความต้องการคนที่มาเติมเต็มในใจมากกว่าคนทั่วไป จึงไม่แปลกที่บางครั้งเรามักมีคำถาม เวลาเห็นคนหลายคู่มาคบกันทั้งที่สายตาคนทั่วไปจะงงว่าคบกันได้ไง
แต่เพราะเราไม่ได้เข้าไปอยู่ในเรื่องราวเดียวกับเค้า เราเลยอาจจะไม่รู้ว่าเพราะคนๆนั้นอาจจะเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่สร้างภาพที่เติมเต็มให้กันและกันได้พอดีก็ได้
นางเอกอาจจะต้องการสลักนิรภัยอย่างที่เธอพูดบ่อยๆก็ได้
ส่วนพระเอกก็อาจจะต้องการผู้ช่วยปลดปล่อยเขาออกจากกรงที่เขาสร้างไว้เองแบบไม่รู้ตัวหรือรู้ตัวแต่ไม่กล้ายอมรับ
สำหรับนางเอกพระเอกอาจจะเป็นความสนใจและรู้สึกอยากเอาชนะในช่วงแรก
พัฒนาการมาสู่การยอมรับในตัวตนของพระเอกว่าเป็นที่พึ่งทางใจและหยุดเธอจากการระเบิดได้ มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่นางเอกไม่ฟังพระเอกคือตอนเล่นงานนักข่าว แต่หลังจากเหตุการณ์นั้นไม่มีคำพูดไหนของพระเอกที่นางเอกไม่รับฟัง ถึงจะแสดงออกแบบวีนๆใส่บ้างแต่สุดท้ายก็ยอมทำตามคำพูดพระเอกเสมอ และทุกครั้งที่พระเอกเข้ามาหยุดสถานการณ์ก่อนนางเอกระเบิด นางเอกก็หยุดให้จริงๆ ยิ่งตอน ep6 เราจะเห็นภาพนางเอกพยายามเดินเลี่ยงหนีและทำท่าพยายามสงบใจตามที่พระเอกสอน และชัดสุดกับท่ากอดผีเสื้อที่นางเอกก็ฟังและเอามาใช้กับตัวเองเสมอเวลามีฝันร้าย เราจะเริ่มรู้สึกว่านางเอกมีพัฒนาการในการเริ่มกลับมาเป็นคนปรกติในสังคมมากขึ้นทีละนิดๆ
พระเอกจากตอนแรกที่รู้สึกอยากเลี่ยงจากนางเอก พยายามหนีตลอดเวลาแต่หลังจากเหตุการณ์ลักพาตัวลูกนักการเมือง พระเอกก็เริ่มมีความรู้สึกยอมรับนางเอกมากขึ้น และเริ่มเปิดใจให้นางเอกมากขึ้นทีละนิดๆ และเช่นกันพระเอกเริ่มมีการแสดงอารมณ์ที่รู้สึกจริงๆ มากขึ้นทีละนิดเช่นกัน รวมถึงฉากนึกถึงคำพูดนางเอกว่าใส่หมวกทำไมอดเห็นหน้าหล่อๆ เลยระหว่างทางที่กลับบ้านพระเอกก็ถอดหมวกออกตามที่นึกถึงคำพูดนางเอก
จึงไม่แปลกที่พระเอกไม่รู้สึกอะไรกับคุณพยาบาลทั้งที่แสนดีขนาดนั้น เพราะคุณพยาบาลไม่ใช่จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่ยังขาด ต่อให้ทำดีให้ตายแค่ไหนก็เป็นได้แค่คนดี แต่ไม่ใช่คนรัก
"ความหิวหรือความอบอุ่น"
ความสัมพันธ์เริ่มจากความขัดแย้ง การอยากเอาชนะ ความอยากครอบครองซึ่งอาจจะเปรียบได้กับความหิว มาสู่การเริ่มค่อยๆยอมรับซึ่งกันและกันแล้วเริ่มปูทางมาสู่การพัฒนาไปถึงขั้นเริ่มเปิดหัวใจ เริ่มเข้าใจในกันและกันใน EP5-6
ซึ่งเปรียบได้กับความอบอุ่นที่คนดูคงรู้สึกได้เหมือนกันว่าตั้งแต่ EP5 เป็นต้นมาบรรยากาศความอบอุ่นนี้ เริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆระหว่างสองคนนี้ รอลุ้น EP7 อยู่ครับ จะมีอะไรพลิกโผรึเปล่า ส่วนในอนาคตสองคนนี้จะได้คบกันจริงๆแล้วไปรอดมั้ยเพราะชัดเจนว่าอยู่กันคนละสังคม ชนชั้นและรสนิยมที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงแบบนั้น ก็ว่ากันไปในอนาคตครับ
แต่จุดน่าสนใจนึงที่ผมเห็นจากเรื่องนี้คือความหมายที่แตกต่างกันในมุมมองของแต่ละคน เช่นตอนที่นางเอกทะเลาะกับคุณพยาบาล นางเอกเข้าใจว่าพระเอกเข้าข้างคุณพยาบาล แต่คุณพยาบาลกลับร้องห่มร้องให้ว่าพระเอกสนใจแต่นางเอกไม่มองตัวเองเลยหรือฉากลูกนักการเมืองโดนแม่ตบหน้า ในสายตาบุคคลที่สามก็คงคิดว่าแม่เสียใจและเกลียดลูกคนนี้ แต่คนโดนตบเองกลับคิดต่างกันว่าแม่ยังรักและห่วงใยเค้า ผมว่าสิ่งนี้น่าสนใจมากถ้าเราเอามาใช้กับชีวิตเราจริงๆ คือการตัดสินอะไรลองขยับตัวเองออกจากมุมมองเดิมแล้วมองสิ่งนั้นในหลายๆมุมมองเพิ่มอาจจะทำให้เราเข้าใจอะไรชัดเจนขึ้น
มาร่วมรอ EP7 ร่วมกันนะครับ