อย่าเพิ่งใช้หูฟัง!…ถ้ายังไม่ได้อ่านเรื่องนี้


องค์การอนามัยโลกเตือนว่าประชากรวัยรุ่นและวัยหนุ่มสาวประมาณ 1 พันล้านคนทั่วโลกมีความเสี่ยงต่อการสูญเสียการได้ยินจากเสียงดัง



ทำไมการฟังเสียงดังจึงทำให้หูเสื่อมได้

คนทั่วไปมีเซลล์ขนประมาณ 16,000 เซลล์อยู่ในหูชั้นในส่วนที่เรียกว่า cochlea เสียงดังทำให้เซลล์และเยื่อหุ้มเซลล์ภายใน cochlea ถูกทำลาย การฟังเสียงดังเป็นระยะเวลานานทำให้เซลล์ขนเหล่านี้ทำงานหนักมากเกินไปและตายไปในที่สุด

ระดับเสียงเท่าไรจึงไม่เป็นอันตรายต่อหู

การฟังอย่างปลอดภัยขึ้นอยู่กับปัจจัย 3 อย่างคือ ความดังของเสียง ระยะเวลาในการฟังและความถี่ในการฟัง ดังนั้นการฟังเสียงไม่ดังมากแต่ฟังเป็นระยะเวลานานมีอันตรายพอๆกับการฟังเสียงดังในระยะเวลาสั้นๆ องค์การอนามัยโลกแนะนำว่า สำหรับผู้ใหญ่ สามารถฟังระดับเสียงไม่เกิน 80 เดซิเบลเอได้ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ (เดซิเบลเอ คือ หน่วยความดังของเสียง) สำหรับเด็กสามารถระดับเสียงไม่เกิน 75 เดซิเบลได้ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หากเสียงดังกว่านั้น เวลาที่แนะนำจะลดน้อยลง เช่น ไม่ควรฟังระดับเสียง 100 เดซิเบลเอเกิน 15 นาที



ผลกระทบต่อการสูญเสียการได้ยินมีอะไรบ้าง

การสูญเสียการได้ยินในเด็กมีผลต่อพัฒนาการทางด้านภาษาและการสื่อสาร ในคนวัยหนุ่มสาวและวัยผู้ใหญ่ ทำให้เกิดปัญหาด้านการสื่อสารซึ่งส่งผลกระทบต่ออารมณ์และสติปัญญา มีหลักฐานพบว่า การสูญเสียการได้ยินอาจทำให้เกิดอาการซึมเศร้า วิตกกังวล ปลีกตัวจากผู้อื่น สติปัญญาด้อยลงและมีผลต่อความปลอดภัยทางร่างกาย

รู้ได้อย่างไรว่ามีความเสี่ยงในการสูญเสียการได้ยินจากเสียงดัง

คุณมีความเสี่ยงในการสูญเสียการได้ยินจากเสียงดังมากขึ้น หากคุณ
- อาศัยอยู่ในบ้านหรือชุมชนที่มีเสียงดัง
- ทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง
- มีอายุมากกว่า 40 ปี
- มีกรรมพันธุ์หรือประวัติคนในครอบครัวสูญเสียการได้ยิน
- ได้รับบาดเจ็บที่หู
- มีโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวานและโรคความดันโลหิดสูง
- ใช้ยาบางประเภทที่มีพิษต่อประสาทหู (ototoxic)
- สัมผัสหรือสูดดมสารเคมีที่มีชื่อว่าโทลูอีน (toluene) ซึ่งเป็นส่วนผสมสำคัญของทินเนอร์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย



สามารถรักษาได้หรือไม่

ภาวะสูญเสียการได้ยินจากเสียงดังมักเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในตอนแรกผู้ป่วยจะไม่รู้สึกผิดปกติใดๆ จนกว่าเซลล์ขนจะถูกทำลายไป 30 ถึง 50 เปอร์เซ็นต์จึงจะพบได้ด้วยการตรวจการสูญเสียการได้ยิน ดังนั้นเมื่อคุณสังเกตว่าการได้ยินผิดปกติไป เซลล์ขนเหล่านี้ได้ถูกทำลายอย่างถาวรไปแล้ว ไม่สามารถรักษาให้กลับมาเหมือนเดิมได้

เมื่อไรจึงควรเข้ารับการทดสอบการได้ยิน

การทดสอบการได้ยินถือเป็นวิธีการป้องกันอีกอย่างหนึ่ง คุณสามารถให้แพทย์ตรวจสุขภาพหูของคุณได้เมื่อตรวจสุขภาพประจำปี โดยไม่จำเป็นต้องรอให้มีอาการก่อน แพทย์อาจแนะนำให้คุณพบแพทย์ผู้ชำนาญการด้านโสต ศอ นาสิกวิทยาหากคุณ

- มีประวัติเคยสัมผัสหรือยู่ในสถานที่เสียงดัง
- รู้สึกตัวว่ามีปัญหาทางการได้ยิน เช่น ฟังไม่ชัดเมื่ออยู่ในที่เสียงอึกทึก
- คนในครอบครัวหรือเพื่อนบอกว่าคุณมีปัญหาทางการได้ยินและการสื่อสารกับพวกเขา
- มีอาการเสียงผิดปกติในหู
- ตรวจการได้ยินแล้วพบความผิดปกติ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่