ภารกิจของครูต้น วิชามาร พัฒนาสมาธิให้เด็ก 10 เท่า...

สวัสดีครับเพื่อนๆชาว Pantip ทุกท่าน
กระทู้นี้ค่อนข้างยาวนิดนึงนะครับ
กระทู้นี้เป็นภารกิจของผมที่ผมกำลังดำเนินการครับ
อยากจะแชร์ให้กับเพื่อนๆครับ (เผื่อจะมีแนวร่วมทำภารกิจด้วย 55)

ขออนุญาตแนะนำตัวเล็กน้อยนะครับ
ผมเป็นครูสอนดนตรีครับ ที่มีภรรยาเป็นคุณหมอ
หน้าที่หลักๆของผมคือการ "สอน"
แต่ผมไม่ได้สอนแค่ดนตรีอย่างเดียวนะครับ
ผมสอนเรื่อง สมาธิ และ พัฒนาสมอง ให้เด็กๆด้วย
เพราะว่าทั้ง 3 สิ่งนี้ คือเรื่องเดียวกัน

ผมมีความสนใจเรื่องการพัฒนาสมาธิ สมอง ของเด็กมากๆครับ
จึงเริ่มจัดทำภารกิจพัฒนาสมองเด็กจากธรรมดาๆ
ให้มีประสิทธิภาพ 10 เท่าขึ้นมา!
โดยเริ่มจากนักเรียนในกลุ่มของผมก่อน
พอทำไปได้ซัก 2 อาทิตย์ดูแล้ว
พบว่าประสิทธิภาพสมองของนักเรียนของผมนั้น...

*สูงขึ้นมากๆ อย่างผิดหูผิดตาเลยครับ*
ทั้งเรื่องการคิด วิเคราะห์ ช่างสังเกต และสมาธิ

ทั้งนี้จึงอยากจะแชร์บทความและวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพสมองวัยเด็ก
ให้กับเพื่อนๆใน Pantip ทุกๆท่านนะครับ
เผื่อเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยครับ หรืออีกอย่างคือ
อยากหาสมาชิกมาร่วมภารกิจนี้กับนักเรียนของผมด้วยครับ
เป็นกิจกรรมที่ทำง่ายมากๆๆ แต่ได้ผลดีเกินคาดครับ
กิจกรรมทั้งหมดถูกออกแบบมาเพื่อเด็ก ให้ไม่ยากจนเกินไป
ยังก็ขอแชร์บทความนะครับ เพื่อนๆลองไปทำดูนะครับ

จากล่าสุดที่ผมทำวิจัยค้นคว้าและหาข้อมูลมา
ทั้งอ่านหนังสือ วิจัยต่างประเทศ บทความต่างๆ รวมถึงถามอาจารย์หมอด้านนี้โดยตรง
ผมได้กรองบทความทั้งหมดออกมาดังนี้ครับ

(ขออนุญาต Coppy มาจากเพจโรงเรียนผมนะครับ)

บทความนี้เป็นบทความที่ 2 นะครับต่อจากบทความที่แล้ว

ครั้งนี้เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่มีลูกอายุ 4-9 ขวบ
ที่อยากพัฒนาสมาธิให้ลูกโดยเฉพาะเลยครับ (เน้น! เรื่องสมาธิ)

- ทำไมลูกสมาธิสั้น ไม่ค่อยมีสมาธิ อยู่นิ่งไม่ค่อยได้ เกิดจากอะไร?
แต่จะอธิบายให้สั้นๆเลยนะครับ คือ...
เวลาน้องจะทำกิจกรรมอะไรซักอย่าง
ไม่ว่าจะเป็น นั่งเรียนในห้อง ทำการบ้าน ฯลฯ
สมองของน้องต้องประมวลผล ใช้พลังงานอย่างหนักครับ
เนื่องจากสมองแต่ละส่วนของน้องยังไม่แข็งแรงมาก
การกระทำต่างๆของน้องจึงได้ผลออกมาไม่ดีครับ
ทุกการกระทำในวัยเด็กของน้องคือ "Multitrasking"
หรือเรียกว่า การทำอะไรหลายๆอย่างพร้อมกันในเวลาเดียวกันนั่นเองครับ
ให้นึกภาพตอนเราอ่านหนังสือไปด้วย ดูทีวีไปด้วย
หรือตอนเราคุยโทรสัพท์ 2 เครื่อง เครื่องละเรื่องในเวลาเดียวกันก็ได้ครับ
น่าจะพอเห็นภาพกันแล้วนะครับ สมองของน้องทำงานหนักแบบนั้นเลยครับ
ซึ่งตรงนี้หลายๆคนจะมองว่าทำไมผู้ใหญ่ทำได้ ตั้งใจได้ นิ่งได้หล่ะ?
แน่นอนครับ เพราะสมองของผู้ใหญ่มีความแข็งแรงครับ ผ่านการใช้งานมาหลายปี
แตกต่างจากสมองของเด็กๆที่เพิ่งใช้มา 4-9 มากแน่นอนครับ 
ฉะนั้นห้ามเปรียบเทียบสมองเรากับสมองเด็กๆนะครับ คนละเรื่องกันเลย
คำถามเรื่องนี้ ผมได้ทำคลิปตอบอย่างละเอียดไว้แล้วในตอนที่ 1 นะครับ
คลิปอยู่ในเพจของผมนะครับ อยู่แรกๆเลย เลื่อนลงไปจะเจอครับ
ชื่อคลิป "เข้าใจปัญหาสมาธิสั้นในเด็ก (2ขวบขึ้นไป) พร้อมวิธีแก้ไข" อยู่ล่างๆหน่อยครับ

- แล้วเราจะแก้ปัญหานี้อย่างไรหล่ะ? จะพัฒนาสมาธิลูกได้อย่างไร?
แน่นอนครับผมมีวิธีแก้ปัญหาและพัฒนาสมาธิมาฝากในหัวข้อนี้ครับ
นั่นคือ...เราต้อง "ฝึกสมอง" ให้ลูกของเราครับ
การฝึกสมองมีมากมายหลายวิธีมากๆครับ ถ้าติดตามในเพจของผม
จะพบว่าตอนนี้มีทั้งหมดเกือบ 50 วิธีแล้ว
วันนี้จะนำมาฝากให้บางส่วนนะครับ

"ฝึกสมองทั้ง 5 ส่วน"
ในบทความนี้ขอเสนอกิจกรรมหลักๆ ส่วนละ 3 กิจกรรมนะครับ

1)รหัสสมองด้านการมองเห็น (ตา)
1.มองหาสีแดง ระหว่างเดินทางไปโรงเรียน
เป็นการกระตุ้นประสาทตาให้ตื่นขึ้นครับ
ลองให้น้องฝึกดูนะครับ แล้วค่อยเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆในแต่ละวัน
2.วาดรูปใบหน้าของตัวเองจากความจำ
กิจกรรมนี้จะเสริมเรื่องความจำไปด้วยครับ
เป็นการฝึกที่ดีครับและจะทำให้น้องเป็นคนช่างสังเกตด้วยครับ
เพราะถ้าไม่สังเกตให้ดี น้องก็จะไม่สามารถวาดรูปใบหน้าตัวเองออกมาได้ครับ
3.เลียนแบบท่าทางตัวการ์ตูนที่ชอบ
ฝึกการช่างสังเกตครับ การที่น้องจะเลียบแบบตัวการ์ตูน
ออกมาเป็นท่าทางต่างๆนั้น ไม่ง่ายเลยครับ
เป็นกิจกรรมที่ฝึกประสาทตาได้ดีเยี่ยมครับ

2)รหัสสมองด้านการได้ยิน (หู)
1.ให้ผู้ปกครองพูดเบาๆ (เบามากๆ) แล้วให้ลูกพูดตามสิ่งที่ผู้ปกครองพูด
เป็นการกระตุ้นประสาทด้านการรับฟังของน้องให้ตื่นมากขึ้นครับ
เพราะน้องต้องเพ่งเล็ง รวมประสาทไปที่การได้ยินให้ได้มากที่สุด
เพื่อจะได้ยินข้อความนั้นๆ เป็นการออกกำลังกายหูด้วยครับ
2.ให้ลูกฟังเพลงที่ไม่เคยฟังมาก่อน แนวเพลงแปลกๆ ใหม่ๆ
เปิดโลกทัศน์ให้ประสาทหูครับ ให้น้องฟังเพลงแนวใหม่ๆ
เพลงต่างประเทศ เพลงรุ่นคุณปู่คุณย่า เพลงอะไรก็ได้ที่ใหม่สำหรับน้องครับ
3.ให้ลูกสรุปนิทานที่ผู้ปกครองเล่าให้ฟัง เป็นภาษาของเขาเอง
กิจกรรมนี้จะรวบรวมหรัสสมองเรื่องการถอดความด้วยครับ
การฝึกหูจะเกี่ยวเนื่องกับการถอดบทความครับ
เพราะน้องต้องฟังอย่างละเอียดจนจับใจความได้ จึงจะสามารถอธิบายออกมาได้ครับ
ไม่ต้องให้น้องอธิบายยากมากนะครับ แค่คร่าวๆพอให้เข้าใจเท่านี้ก็ใช้ได้แล้วครับ

3)รหัสสมองด้านการควบคุมร่างกาย การเคลื่อนไหว
1.คิดท่าเต้นให้กับเพลงที่ตัวเองชอบ
ฝึกทักษะความคิดสร้างสรรค์ไปด้วยในตัวครับ
อยากให้เป็นท่าที่ไม่เหมือนใครนะครับ แตกต่าง
และเก็บไว้เป็นท่าประจำตัวได้ด้วยครับ
2.ร้องเพลงไปด้วย เต้นท่าที่ตัวเองคิดไปด้วย
เป็นการทำงานประสานกัน 2 อย่างครับ
ฝีกเรื่องการควบคุมร่างกาย ทั้งร้อง ทั้งเต้น
ไม่ง่ายเลยกิจกรรมนี้ แต่รับรองว่าสนุกมากๆครับ
3.ทำกิจกรรมแยกประสาท *
อันนี้ค่อนข้างยาวมากๆครับ อาจจะขอยกไปเป็นบทความอื่นนะครับ
หรือติดตามที่เพจของผมก็จะมีสอนเรื่องนี้เยอะมากครับ
ยกตัวอย่าง เช่น จีบ-แอล , โป้ง-ก้อย , ลูบท้อง-ตบหัว อะไรประมาณนี้ครับ
ในเพจ โรงเรียนของผมจะมีสอนกิจกรรมนี้ค่อนข้างเยอะมากๆเลยครับ ยังไงก็อย่าลืมติดตามนะครับ

4)รหัสสมองด้านอารมณ์
1.ให้ลูกเล่าเหตุการณ์ที่เจอที่โรงเรียนในแต่ละวัน (เล่าให้สมจริง ใส่อารมณ์)
เป็นการฝึกเรื่องการสื่อสารให้น้องๆด้วยครับ
พยายามให้น้องเล่าให้เห็นภาพนะครับ ใส่อารมณ์ ความรู้สึกให้เต็มที่
ถ่ายทอดออกมาให้ผู้ปกครองรู้สึกให้ได้ครับ
2.พูดคุยกับต้นไม้
จริงๆครับ ตอนแรกผมอ่านก็งงๆ ฮ่าๆ
กิจกรรมนี้ผมเอามาจากวิจัยของแพทยด้านสมองจากญี่ปุ่นครับ
กิจกรรมนี้จะช่วยปรับสมดุล อารมณ์ให้เด็กๆครับ
น้องจะอารมณ์ดีขึ้น ใจเย็นขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อเลยครับ (ผมลองมาแล้วได้ผลมากครับ)
3.ฟังเพลง แล้วร้องเพลงออกมาแบบใส่อารมณ์ (แต่อารมณ์ต้องเข้ากับด้วยเพลงนะครับ)
ตามนั้นเลยครับ เต็มที่ไปเลย
แต่ต้องแสดงอารมณ์ออกมาให้ตรงกับเนื้อหาเพลงด้วยนะครับ
กิจกรรมนี้สนุกมากครับ เด็กๆชอบมาก ที่โรงเรียนผมก็ใช้สอนครับ
เด็กๆมีความสุขมากๆครับ ลองเอาไปใช้ดูนะครับ

5)ฝึกสมาธิ (สำหรับเด็ก) ***
1.ใช้ดนตรีเข้ามาช่วย
เปิดเพลงเบาๆ บรรเลง นิ่มๆ ช้าๆ ที่รู้สึกฟังสบาย
ตามวิจัยแล้ว ดนตรีประเภทนี้จะช่วยพัฒนาสมาธิให้น้องได้มากๆเลยครับ
เครื่องดนตรีก็มีผลนะครับ ควรเลือกพวก Piano , Kalimba , Music box
ตรงนี้มีวิจัยเชิงลึกให้ด้วยนะครับ มีดนตรีสำหรับเสริมสมาธิเด็กอยู่ เดี๋ยวผมเอามาแชร์ให้ครับ
2.ก่อนนอนให้ลูกหลับตา หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ
เป็นวิธีฝึกปกติทั่วไปครับ แต่เอามาเน้นยำอีกครั้ง เพราะว่าดีมากครับ
3.ให้ลูกดื่มน้ำ - ทานอาหารช้าๆ ค่อยๆเคี้ยว ค่อยๆกลืน
เป็นการฝึกสมาธิให้น้องแบบอ้อมๆและได้ผลครับ
น้องจะใจเย็นขึ้น มีสมาธิขึ้น และทานข้าวไม่ติดคอด้วยครับ ฮ่าๆ

แต่ที่กล่าวมาทั้งหมด มีเรื่องน่าเหลือเชื่ออยู่เรื่องนึงครับ
ทุกกิจกรรม ทุกรหัสสมอง สามารถฝึกได้ด้วยกิจกรรมเดียว...
ใช่ครับ กิจกรรมนั้นคือการ "เล่นดนตรี" นั่นเองครับ (แต่ต้องเป็นการเรียน-เล่นอย่างถูกวิธีนะครับ)
คร่าวๆคือ ดูตามนี้นะครับ
1.รหัสสมองด้านการมองเห็น = ฝึกอ่านโน้ตตาม Sight readig
2.รหัสสมองด้านการได้ยิน = แน่นอนอยู่แล้วครับ เล่นดนตรีใช้หูมากกว่าสิ่งอื่นใด
3.รหัสสมองด้านการเคลื่อนไหว = การเลล่นดนตรี เราใช้ท่าทางที่ถูกต้องในการเล่น
4.รหัสสมองด้านอารมณ์ = ดนตรีมีผลต่ออารมณ์อยู่แล้วครับ แน่นอน
5.ฝึกสมาธิ = อันนี้แน่นอนยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดครับ เพราะถ้าสมาธิไม่ดี เล่นไม่ได้ครับ
คร่าวๆนะครับ เดี๋ยวผมจะทำข้อมูลเจาะลึกวิธีการเล่นที่ถกต้องมาให้ชมอีกนะครับ
แต่อยากให้ผู้ปกครองทุกท่านจำไว้เลยนะครับว่า
"การเล่นดนตรี = การพัฒนาสมอง ที่ดีที่สุดในโลก" (*แต่ต้องเป็นการเรียน-เล่นอย่างถูกวิธีนะครับ)
เข้าไปดูในเพจนะครับ มีคลิปอธิบายอย่างละเอียดเรื่องนี้อยู่ครับ
ชื่อคลิป "เข้าใจปัญหาสมาธิสั้นในเด็ก (2ขวบขึ้นไป) พร้อมวิธีแก้ไข" อยู่ล่างๆหน่อยครับ

ในส่วนของสมาธิ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนมากๆครับ
การฝึกสมาธิของเด็กกับผู้ใหญ่ จะมีความต่างค่อนข้างมากครับ
การฝึกสมาธิที่เราๆผู้ใหญ่ฝึกกันนั้น อาจได้ผลลัพธ์ไม่เท่าที่ควร ถ้านำมาฝึกกับเด็กๆครับ
ในส่วนตรงนี้ผมมีข้อมูลอยู่ครับ ใช้ได้ผลจริงๆครับ (คัดกรองมาจากประสบการณ์สอนและบทความจากต่างประเทศ)
เดี๋ยวจะนำมาแชร์ให้ในบทความต่อไปนะครับ

บทความต่อไป เราจะมาเจาะลึกเรื่องการ "ฝึกสมาธิ" สำหรับเด็กโดยเฉพาะเลยนะครับ
ยังไงก็ฝากกดติดตามไว้ด้วยนะครับ ขอบพระคุณที่อ่านมาจนจบนะครับ

By ... ครูต้น Brain Music โรงเรียนสอนดนตรีและพัฒนาสมอง หนึ่งเดียวในโลก

อันนี้เป็นโรงเรียนเพจของผมนะครับ มาร่วมภารกิจกันได้นะครับ ^^
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่